ลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครแน่นไปถนัดตาเมื่อ แฟนๆ เกิร์ลกรุ๊ป 5 สาว Crayon Pop รวมทั้งเด็กๆ ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไปจำนวนมากพร้อมใจกันเดินทางมาร่วมงานเปิดตัวโครงการ เด็กไทยซ้อนท้ายใส่หมวก The 7% Project Presents Crayon Pop Live in Bangkok จัดโดย มูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย Asia Injury Prevention (AIP) Foundation และองค์การช่วยเหลือเด็ก Save the Children
เกิร์ลกรุ๊ปสุดแนวจากแดนกิมจิเปิดตัวด้วยซิงเกิ้ลล่าสุด Uh-ee (อออี) เรียกเสียงกรี๊ดได้อย่างมากมายจากแฟนๆ หลังจากนั้นก็ได้กล่าวขอบคุณแฟนๆทุกคนโดยบอกว่ารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้มาแสดงสดๆต่อหน้าทุกคนในการเดินทางมาประเทศไทยเป็นครั้งแรกในวันนี้ พร้อมทั้งเชิญชวนให้ทุกคนรวมสนับสนุนโครงการ The 7% Project โดยทั้ง 5 สาวบอกว่าการสวมหมวกนิรภัยนอกจากจะเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะสามารถปกป้องชีวิตเด็กๆได้แล้ว ยังสามารถเป็นเรื่องสนุกได้อีกด้วยเพียงแค่หาหมวกที่เหมาะกับบุคลิกตัวเองและสวมใส่อย่างมั่นใจก็สามารถทำได้ทุกอย่าง ดังที่พวกเธอแสดงให้เห็นบนเวทีในวันนี้
ก่อนจะเข้าสู่เพลงช่วงต่อไปอย่าง Lonely Christmas โดยที่ Crayon Pop ก็ได้ร่วมถ่ายรูปกับแฟนๆที่ชนะการประกวดถ่ายภาพ Selfie กับหมวกกันน็อคอีกด้วย
แล้วก็ถึงช่วงเวลาสำคัญเมื่อเสียงดนตรีเพลง Bar Bar Bar เพลงที่ทำให้พวกเธอเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเริ่มขึ้น แฟนๆทุกคนก็ใส่หมวกกันน็อคของตัวเองแล้วก็กระโดดเตรียมตัว ‘Jumping’ ทันที บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักก่อนที่ทั้ง 5 สาวจะทิ้งท้ายมินิคอนเสิร์ตด้วยการพูดเป็นภาษาไทยว่า “เด็กไทยซ้อนท้ายใส่หมวก”
นอกจากการแสดงของ Crayon Pop แล้วก็ยังมี น้องเกล โสพิชา หนูน้อยอูคูเลเล่ เจ้าของรางวัลรองชนะเลิศจากรายการ Thailand’s Got Talent ซีซั่น 2 มาร่วมสร้างสีสัน โดยน้องเกลได้ร้องเพลง อาย.เลิฟ.ยู พร้อมกับอูคูเลเล่คู่ใจโดยผู้เข้าร่วมงานร่วมกันร้องตามอย่างสนุกสนาน
คุณครูนกเล็ก หรืออาจารย์จีรภัทร์ สุกางโฮง เจ้าของฉายา “ครูพันธุ์ใหม่ หัวใจโซเชียล” และเพื่อนครูจากโรงเรียนบางมด (ตันเปาว์วิทยาคาร) มาพร้อมกับการแสดง “ครูยอนป๊อป คัฟเวอร์แดนซ์” และปิดท้ายด้วย บีบอย กรุ๊ป SaCrew (สาคู) ที่เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมด้วยลีลาท่าเต้นประกอบหมวกกันน็อคที่โลดโผนโจนทะยานสมกับเจ้าของรางวัลชนะเลิศ ‘Battle’ มากมายจากทั่วประเทศ
ในส่วนของพิธีการสำคัญ มีตัวแทนครูและนักเรียนจาก 7โรงเรียนนำร่องขึ้นเวทีร่วมลงนามสนับสนุนโครงการโดยทั้ง 7โรงเรียนได้เป็นโรงเรียนที่ริเริ่มให้มีการเรียนการสอนเรื่องความปลอดภัยทางจราจร และการสวมหมวกกันน็อคอย่างถูกต้องอยู่ในหลักสูตรของโรงเรียน
“ดิฉันขอประกาศเปิดโครงการรณรงค์ The 7% Project เด็กไทยซ้อนท้ายใส่หมวก อย่างเป็นทางการ เราทุกคนในที่นี้สามารถร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงได้โดยการนำความรู้ที่ได้จากวันนี้ไปบอกต่อกับเพื่อนและทุกคนที่รู้จัก รวมทั้งร่วมสนับสนุนการรณรงค์โดยตรงได้โดยการร่วมลงนามที่ www.7-percent.org” นางอลิสัน เซลโควิทซ์ ผู้อำนวยการองค์การช่วยเหลือเด็กประจำประเทศไทยกล่าว
“วันนี้มีคนออกมาร่วมชมคอนเสิร์ตและสนับสนุนโครงการเป็นจำนวนมากจริงๆ ดิฉันเชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะทำให้เรื่องความปลอดภัยทางถนนโดยเฉพาะสำหรับเด็กได้รับความสนใจในระดับชาติ” นางรัตนวดี เหมนิธิ วินเธอร์ ผู้อำนวยการประเทศไทย มูลนิธิห้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชียกล่าว
ทางด้าน ซอล บิลลิงสลีย์ ผู้อำนวยการมูลนิธิสมาพันธ์ยานยนต์สากล (FIA Foundation) กล่าวว่า โครงการ The 7% Project เป็นโครงการที่ท้าทาย แต่ผลของความสำเร็จมิสามารถประเมินค่าได้ การที่มีเด็กเสียชีวิตกว่า 7คนต่อวันเป็นสิ่งที่พวกเราต้องร่วมกันแก้ไข และผมอยากเชิญชวนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันสนับสนุนโครงการนี้
นายฌอน แพนตัน ผู้อำนวยการด้านความรับผิดชอบต่อสังคม แมริออท ประเทศไทย ได้กล่าวขอบคุณทุกๆ ที่มาร่วมงานในวันนี้ และกล่าวว่าโครงการเพื่อสังคมเป็นสิ่งที่เครือแมริออททั่วโลกให้ความสำคัญ โดยแมริออทรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนสร้างสรรค์วัฒนธรรมความปลอดภัยเพื่อเด็กไทย และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ช่วยทำให้หมวกกันน็อคเป็นสิ่งที่ “เท่” เพื่อให้เด็กๆมาร่วมการสนับสนุนโครงการ 7% project
สุดท้ายนาย เอ็ดมันด์ โล กรรมการผู้จัดการ ยูพีเอส ประเทศไทย กล่าวว่า ยูพีเอส และมูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชียได้ร่วมงานกันมาเป็นปีที่สามแล้ว และสิ่งที่เราเห็นโดยเฉพาะในปีนี้คืออัตราการสวมหมวกนิรภัยเพิ่มขึ้นเป็น 41% ในโรงเรียนต่างๆที่เข้าร่วมโครงการกับเรา เรื่องความปลอดภัยทางถนนเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับ ยูพีเอส เพราะธุรกิจของเราเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเดินทาง เรารู้สึกยินดีที่มีส่วน
ร่วมสนับสนุนโครงการ The 7% Project ในวันนี้ และหวังว่าทุกคนโดยเฉพาะเด็กๆจะให้ความสำคัญกับการสวมหมวกนิรภัยกันมากขึ้น เพื่อลดจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน
โครงการ The 7% Project สนับสนุนโดย บีอีซี-เทโร มิวสิค แมริออท โรงแรมคอร์ทยาร์ด โดย แมริออทกรุงเทพฯ ยูพีเอส เวสปิอาริโอ มูลนิธิสมาพันธ์ยานยนต์สากล (FIA Foundation) การบินไทย และนิตยสาร Seventeen
รายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ
ทุกๆ วันมีน้องๆ วัยเรียนราว 1.3 ล้านคนเดินทางโดยการซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ แต่มีเพียง 7% เท่านั้นที่สวมหมวกกันน็อค แม้ว่าจะมีกฎหมายบังคับใช้ก็ตาม
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ประเทศไทยมีอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยในแต่ละปี มีเด็กกว่า 2,600 คนเสียชีวิต หรือมากกว่า 7 คนต่อวัน และอีกเกือบ 200 คนต่อวันได้รับบาดเจ็บหรือพิการ หรือกว่า 72,000 คนต่อปี
ความสูญเสียเหล่านี้สามารถป้องกันได้ ด้วยการให้เด็กๆที่เดินทางด้วยการซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์สวมหมวกกันน็อคทุกครั้ง
เครือข่ายองค์กรผู้เชี่ยวชาญด้านคุ้มครองเด็กและป้องกันอุบัติภัยบนท้องถนน นำโดย มูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย Asia Injury Prevention (AIP) Foundation และ องค์การช่วยเหลือเด็ก Save the Children in Thailand จึงได้ร่วมมือกันริเริ่มโครงการ The 7% Project โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มอัตราการสวมหมวกนิรภัยของเด็กจาก 7% ให้เป็น 60% ทั่วประเทศภายในปี 2560
เนื่องจากการเดินทางจากบ้านไปกลับโรงเรียนคือเส้นทางหลักสำหรับครอบครัว และจักรยานยนต์คือยานพาหนะหลักที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ใช้ในการรับ-ส่ง บุตรหลานในแต่ละวัน ในปีแรก จึงเริ่มต้นการทำงานร่วมกับโรงเรียนประถมศึกษา เพื่อรณรงค์ให้หมวกกันน็อคเป็นส่วนหนึ่งของชุดนักเรียน โดยจะทำงานร่วมกับชุมชน เด็กๆ ผู้ปกครอง ครู และประชาชนทั่วไปที่สนใจ เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์วัฒนธรรมความปลอดภัย
ในปีต่อๆ ไป โครงการนี้จะขยายไปสู่จังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ พร้อมกับขยายขอบข่ายการร่วมงานกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อเพิ่มการณรงค์ให้ครอบคลุมทุกเส้นทางการเดินทางของเด็กๆ
รูปแบบโครงการ
เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง The 7% Project จะมุ่งเน้นการปรับทัศนคติและพฤติกรรมของเด็กรุ่นใหม่ เกี่ยวกับการใช้หมวกกันน็อค พร้อมกับสนับสนุนให้ครูและผู้ปกครองมีส่วนร่วมกับโครงการอย่างเต็มที่ โดยจะดำเนินงานควบคู่กันใน
4 ด้าน ได้แก่
การศึกษา – เสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้และประโยชน์ของหมวกกันน็อค ทั้งในวิชาพื้นฐานและกิจกรรมนอกหลักสูตร จัดอบรมสำหรับคุณครูและผู้ปกครอง เพื่อให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงผลกระทบของอุบัติเหตุ
การสื่อสารกับมวลชน – จุดประกายความคิด จัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ และรายงานทุกความเคลื่อนไหวของโครงการ ตลอดจนเปิดให้ทุกฝ่ายร่วมกันผลักดันการรณรงค์ให้ไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ยั่งยืน
การบังคับใช้ – ร่วมมือกับโรงเรียนในการออกกฎให้เด็กที่เดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ต้องสวมหมวกกันน็อค โดยมีคุณครูประจำชั้นคอยดูแลและแนะนำอย่างใกล้ชิด และขอการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในการผลักดันกฎหมายหมวกกันน็อค ให้มีผลบังคับใช้ครอบคลุมทุกเส้นทาง
การสร้างนวัตกรรม – จัดหาหมวกกันน็อคที่มีดีไซน์โดนใจเด็กและวัยรุ่น มีขนาดที่พอดีกับศีรษะ และราคาไม่แพง รวมทั้งเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้แสดงตัวตนของพวกเขาผ่านหมวกกันน็อค
Asia Injury Prevention (AIP) Foundation
กว่า 15 ปีที่มูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย ปฏิบัติภารกิจเพื่อลดอัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตบนท้องถนน ทั้งในทวีปเอเชียและแอฟริกา โดยมูลนิธิได้บุกเบิกการรณรงค์หมวกกันน็อคเด็กในหลายประเทศทั่วโลก พร้อมทั้งร่วมกับ FIA Foundation และ Centers for Disease Control and Prevention ในการริเริ่มโครงการวัคซีนหมวกนิรภัยสากล รวมทั้งก่อตั้งโรงงานหมวกกันน็อค ในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เพื่อผลิตหมวกนิรภัยสำหรับใช้ในประเทศเขตร้อนโดยไม่แสวงผลกำไรอีกด้วย
Save the Children
องค์การช่วยเหลือเด็ก (Save the Children) เป็นองค์การระหว่างประเทศที่ไม่แสวงผลกำไร มีบทบาทด้านการคุ้มครองเด็กและเยาวชนทั่วโลกมายาวนานเกือบหนึ่งศตวรรษ โดยมุ่งเน้นการทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กในกว่า 120 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ตั้งแต่การคุ้มครองสิทธิเด็ก สุขภาพ การศึกษา ภัยพิบัติ ไปจนถึงปัญหาที่เกิดจากความขัดแย้งในสังคมทั้งนี้ Save the Children มีพันธกิจในการสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเด็กๆ อย่างยั่งยืน