เลียม นีสัน กลับมาในอดีตสายลับนักสืบ ไบรอัน มิลส์ ที่กลับไปคืนดีกับภรรยาเก่าแต่กลับต้องพบเรื่องเศร้าเมื่อหลังจากนั้นไม่นานเธอได้ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม เขาจึงเกิดความแค้นและยังถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ก่อเหตุอาชญากรรม เขาต้องหลบเลี่ยงการไล่ล่าอย่างสุดกำลังซีไอเอ เอฟบีไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่มิลส์ต้องใช้ “ความสามารถพิเศษเฉพาะตัว” ของเขาในการสะกดรอยฆาตกรตัวจริง รักษาความยุติธรรมประจำตัวเขา และปกป้องสิ่งเดียวที่สำคัญต่อเขาตอนนี้คือลูกสาว
ในภาพยนตร์เรื่อง Taken ที่สร้างปรากฏการณ์ให้บ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก นักแสดงชื่อดังเจ้าของรางวัลมากมายอย่างเลียม นีสันได้กลายเป็นแอ็คชั่นฮีโร่คนล่าสุดของภาพยนตร์และน่าจะเหนือความคาดหมายมากที่สุด ขณะเดียวกันเสน่ห์ที่เขาถ่ายทอดสู่บทไบรอัน มิลส์ยิ่งเพิ่มความลึกซึ้งให้ภาพยนตร์ซีรี่ส์ด้วย ซึ่งค่อนข้างเล่นกับภาพยนตร์ประเภทนี้ด้วยรูปแบบที่เป็นแบบฉบับของภาพยนตร์ทริลเลอร์ ไบรอันมีความชัดเจนเรื่องความรักที่มีต่อครอบครัวและมีความสามารถที่น่ากลัวถึงตายได้
คุณสมบัติพิเศษต่างๆ ของตัวละครทำให้ Taken สร้างความโด่งดังให้บ็อกซ์ออฟฟิศจนกลายเป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างน่าประหลาดใจเมื่อปี 2008 ไม่กี่ปีหลังจากนั้นนีสัน ผู้อำนวยการสร้างฯ-ผู้เขียนบทฯ ลุค เบซอง และผู้เขียนบทฯ โรเบิร์ต มาร์ค คาเมนกลับมาร่วมงานกันใน Taken 2 โดยมีโอลิเวียร์ เมกะตันมานั่งแท่นผู้กำกับฯ ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ผู้ชมเชียร์นีสันในฐานะของคุณพ่อที่มีความสามารถหลากหลายและแอบฝึกความสามารถมานานหลายปี เขายังคงต้องเจอกับบททดสอบหลังจากปลดเกษียณจากซีไอเอแล้วมานานหลายปี
เนื้อเรื่อง
ความสนุกสนานในการสวมบทบาทของไบรอัน มิลส์และโลกของตัวละครใน Taken และ Taken 2 นีสันพร้อมสำหรับการกลับมาสู่ภาพยนตร์ภาคที่ 3 แต่อยากแน่ใจว่ามีความแปลกใหม่รอผู้ชมอยู่ใน TAKEN 3 “ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับมาร่วมงานในภาค 3” เขาอธิบายว่า “แต่ผมมีเงื่อนไขบางอย่าง เพราะเราจะทำอะไรกันได้อีก? จะให้ลูกสาวไบรอัน มิลส์ถูกจับตัวอีกรอบไม่ได้แล้ว ไม่งั้นเขาคงเป็นพ่อที่แย่มาก แต่ผู้เขียนบทฯ ของเราอย่าลุค เบซอง และ โรเบิร์ต มาร์ค คาเมนได้สร้างเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นขึ้นมา”
ในเรื่อง TAKEN 3 ไบรอันจะต้องเจอกับความท้าทายครั้งใหญ่สุดของเขา เขาต้องพบกับเรื่องช็อคที่ตามมาหลังจากที่ภรรยาเก่าของเขาถูกฆาตกรรม ขณะเดียวกันต้องหลบหลีกหลายหน่วยงานที่ตามจับกุมเขาตามกฎหมาย และที่สำคัญสุดคือต้องปกป้อง คิม ลูกสาวของเขา
“สิ่งที่ทำให้TAKEN 3 มีประเด็นสำคัญตามแบบฉบับของหนัง Taken คือไบรอัน มิลส์ยังคงทำทุกอย่างสุดกำลังเพื่อปกป้องครอบครัวของเขาไว้” นีสันกล่าว “นั่นคือเหตุผลที่ภาพยนตร์เข้าถึงผู้ชมทั่วโลก เพราะประเด็นสำคัญอยู่ที่พวกเขารักและเทิดทูนครอบครัว และช่วงเวลาที่พวกเขาจะทำเพื่อปกป้องครอบครัว”
การสร้างสมดุลให้อารมณ์ความรู้สึกกับรายละเอียดที่เกี่ยวกับด้านจิตใจ พร้อมด้วยฉากแอ็คชั่นที่ใส่เต็มไม่มีทั้งถือเป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะสำหรับภาพยนตร์แฟรนไชส์ “ยิ่งเรามีเรื่องราวมากขึ้นเท่าไหร่ เราก็ยิ่งต้องเตรียมการให้ผู้ชมมากขึ้นเท่านั้น” ผู้กำกับฯ เมกะตันกล่าว “ฉะนั้นเราต้องสร้างตัวละครไปอีกแนวหนึ่ง มันไม่ง่ายเลยเพราะอะไรหลายอย่างใหญ่โตขึ้น และความซับซ้อนถูกฝังเข้าไปในอารมณ์และการเป็นมนุษย์ของตัวละคร อย่างแรกเลยคือเราอยู่ท่ามกลางความสับสนทางอารมณ์ จากนั้นค่อยระเบิดฉากแอ็คชั่นให้เหมือนพายุไต้ฝุ่นลูกยักษ์ เชื่อมโยงทั้งสององค์ประกอบเข้าด้วยกัน มันเป็นขั้นตอนที่ค่อยเป็นค่อยไปเหมือนตำราทำอาหาร เราต้องแบ่งทุกช่วงเวลา เมื่อมีฉากแอ็คชั่นเกิดขึ้นเราจะไม่ทันเห็นมันเพราะเรากำลังหมกมุ่นอยู่กับอารมณ์ที่สับสน จากนั้นเราก็อยู่ในความโกลาหลที่เป็นแบบฉบับพื้นฐานของหนังเรื่องนี้”
นีสันพิถีพิถันเรื่องการผสมผสานระหว่างฉากแอ็คชั่นและเรื่องราวดราม่าในหนังมาก “แม้ว่าไบรอัน มิลส์จะเป็นคนที่มี ‘ความสามารถพิเศษหลายอย่าง’ แต่เขาก็เป็นคนธรรมดาด้วยเช่นกัน เขาเป็นคนที่รักครอบครัวอย่างเห็นได้ชัด เป็นพ่อที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อลูกๆ และพวกเขาจะเห็นได้ในตัวไบรอัน ส่วนข้อตำหนิในตัวเขาคือเขาเป็นพ่อที่มีความเอาใจใส่มาก เขายอมทำทุกอย่างเพื่อลูก แต่ผมว่าผู้ชมจะสนุกกับการที่เขาฝ่าฝืนหลักการและไม่ยอมเชื่อใจเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารคนไหนเลย และถ้าเขาจำเป็นต้องแหกกฎเขาก็ยอมทำ
“เรื่องราวสำคัญในเรื่อง Taken มีความต่อเนื่องกัน” นีสันเล่าว่า “เราพยายามไม่ยัดเยียดอะไรมากไปเพื่อทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้น เรื่องราวที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นั้นจะมีความชัดเจนเสมอ ซึ่งแน่นอนว่าต้องเกี่ยวกับการที่ไบรอัน มิลส์ปกป้องและคุ้มครองครอบครัวเหนือยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ความผูกพันอันเป็นรากฐานสำคัญที่ต้องถูกทดสอบตลอดเวลา ฉะนั้นเมื่อเราปูพื้นฐานทางนั้นมาแล้วผู้ชมจะเชื่อถือในความรักนั้น โดยเฉพาะระหว่างไบรอันและคิมลูกสาวของเขา เราจะให้เรื่องราวเกิดขึ้นที่ไหนตามต้องการก็ได้”
แอ็คชั่น!
มีการเล่ากันว่านีสันสนุกกับฉากแอ็คชั่นแบบนันสต็อปและการต่อสู้ของไบรอัน มิลส์ ในส่วนของความระทึกใจในเรื่อง TAKEN 3 ยิ่งใหญ่อลังการสุดในหนังเรื่อง Taken ไฮไลท์ในเรื่องยังรวมถึงฉากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉากไล่ล่ากันบนท้องถนน และความทรหดที่เกิดขึ้นในหนังตลอดเวลา
“ในเรื่อง TAKEN 3 ไบรอันตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถ้าไม่ทำก็ตาย” นีสันกล่าว “เขาต้องอาศัยทุกความสามารถที่เขามี รวมถึงการต่อสู้ด้วยมือเปล่า การระเบิด และการยิงปืนแม่น การใช้ความคิดแห่งตัวตน และหายตัวไปในอากาศได้ เขามีส่วนเหมือนกับเครื่องจักร ทักษะทั้งหลายของเขาเกิดขึ้นจากการฝึกฝนมานานหลายปี และเมื่อไบรอันเริ่มแล้วก็ยากที่เขาจะหยุดมันได้”
เขาเรียนรู้ทักษะทั้งหลายตั้งแต่อายุ 18-19 ปีในช่วงที่ร่วมงานกับกองทัพสหรัฐฯ ครั้งแรก จากนั้นเขาได้รับเลือกให้เป็นกองกำลังพิเศษ ได้รับการฝึกฝนแบบหน่วยรบพิเศษและปฏิบัติการลับอีกหลายอย่าง
“มันเจ๋งมากที่ได้แสดงฉากแอ็คชั่นและการต่อสู้แบบที่ไบรอันถนัดอย่างไร้ที่ติจากการฝึกฝนและภารกิจต่างๆ” นีสันกล่าว “ซึ่งการแสดงให้ดูสมจริง เราต้องอาศัยทีมสตั๊นท์ที่เก่ง และผมมีมาร์ค แวนสโลว์ เป็นนักแสดงแทนที่เก่งมาก เขาเป็นเพื่อนของผมและร่วมงานกันมานานหลายปีแล้วครับ เขาต้องรับบทหนักทุกอย่าง! การกลับมารับบทไบรอัน มิลส์ถือเป็นโอกาสที่ได้ร่วมงานกับมาร์คอีกครั้งและต้องฝึกการต่อสู้ทุกอย่าง”
แม็กกี้ เกรซ ผู้รับบท คิม ลูกสาวของไบรอันก็ต้องร่วมแชร์ฉากแอ็คชั่นในเรื่อง Taken อย่างไม่แพ้กัน เธอยังคงรู้สึกประทับใจกับหลายแง่มุมของเรื่องเช่นเดิม “มันมีสไตล์การต่อสู้แบบดิบในหนัง” เธอกลาว “มันไม่ได้มีรูปแบบหรือหวือหวาอะไร มันให้ความรู้สึกแบบไม่ผ่านการฝึกฝนและมีความสมจริง เหมือนตัวละครต่างๆ ที่ทำให้ดีที่สุดได้แค่นั้น ทำได้แค่ตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาทีและลงมือเลย
“ประเด็นของเรื่องล้วนวนเวียนรอบตัวเลียม เขาเป็นคนที่มีแก่นสารอันเหลือเชื่อและมีแรงดึงดูดจึงทำให้รู้สึกถึงความสมจริง” เกรซเล่าต่อว่า “เขาต้องเล่นเป็นคนที่พร้อมยอมทำทุกอย่าง ตรงกันข้ามกับแอ็คชั่นฮีโร่มาดเท่ห์ เขาแค่ต้องเจอกับเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต เขาเป็นพ่อคนหนึ่ง บางครั้งเขาก็มีความกลัวในชีวิตบางอย่าง เขามีช่วงที่หวาดกลัว มีช่วงที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร พูดได้เลยว่าทุกอย่างมันส่งผลกระทบต่อเขาบางอย่าง”
เมกะตันเล่าว่ามีฉากแอ็คชั่นสำคัญ 2 ฉากในเรื่อง ฉากหนึ่งมีการขับรถไล่ล่ากัน ส่วนอีกฉากหนึ่งจะมีเครื่องบินชน สำหรับฉากไล่ล่าผู้กำกับฯ พึ่งพาท้องถนนของลอสแองเจลิสได้ เพราะเจ้าพนักงานอนุญาตให้ปิดการจราจร 3 สัปดาห์เพื่อถ่ายหนัง
หลังมีการสร้างสตอรี่บอร์ดฉากการแสดงผาดโผนที่มีความซับซ้อนแล้ว เมกะตันได้ออกแบบท่าทางการต่อสู้ที่มีความซับซ้อนขึ้นมา โดยมีตู้คอนเทนเนอร์ลอยอยู่ด้านหลังรถแทรกเตอร์ จากนั้นก็มีรถชนกันเป็นแถว “ในทางเทคนิคเราไม่สามารถปล่อยตู้คอนเทนเนอร์ที่มีน้ำหนักลงบนถนนและให้มันพังทุกสิ่งที่มองเห็นได้” เมกะตันอธิบายว่า “เราเลยใช้ตู้คอนเทนเนอร์จริงและใส่ห่วงแต่ละข้างเอาไว้ เราผูกมันติดกับเครนและสายเคเบิลจากนั้นจึงดึงไปด้านหน้า มันก็จะหมุนอยู่เหนือรถ พอถึงในช่วงโพสต์โพรดักชั่นเราก็ลบล้อแต่ละข้างออก ฉะนั้นผู้ชมจะเห็นตู้คอนเทนเนอร์กำลังกลิ้งอยู่บนรถ”
ฉากการชนกันระหว่างรถพอร์ชกับเครื่องบินที่มีการระเบิดในหนังช่วงองก์ 3 ยิ่งมีความท้าทายกว่า เมกะตันเล่าว่า “เรามีเวลาไม่พอที่จะสร้างฉากทั้งหมดด้วย CGI เราเลยคิดว่าจะสร้างโมเดลเครื่องบินของจริงขึ้นมา แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน เราเลยซื้อเครื่องบินเก่าที่มีหน้าตาเหมือนกันมา 2 ลำและเอามาแยกชิ้นส่วน มันเป็นเรื่องอันตรายมากที่ให้เครื่องบินมีการเคลื่อนที่จริง เราเลยใช้รถบรรทุกอยู่ด้านหลังเพื่อดันเครื่องบินไปข้างหน้า เรามีการแสดงผาดโผนจริงกันตรงนั้นต่อมาค่อยลบรถบรรทุกออกด้วย CGI เราต้องใช้เครื่องบิน 2ลำและรถพอร์ชอีก 5 คัน ใช้เวลาถ่ายทำฉากทั้งหมด 3 วันครึ่ง มันต้องอาศัยการลงแรงและอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง”
“การสร้างหนังก็เหมือนกับการต่อจิ๊กซอว์ เหมือนการเล่นเกมรูบิค” ผู้กำกับฯ กล่าว “ตอนแรกเราไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นกับพวกนี้อย่างไร เราต้องนึกภาพองค์ประกอบทุกอย่างเกือบทุกฉาก ถ้าเราพยายามทำตัวฉลาดเกินไป มันก็จะยิ่งซับซ้อนเกิน ฉะนั้นเราต้องหาวิธีแก้แบบง่ายๆ จนในที่สุดทุกอย่างก็ลงล็อค”
ตำรวจที่ไม่ยอมอ่อนข้อ
ตัวละครใหม่ที่สร้างความตื่นเต้นให้โลกของ Taken คือนักสืบแฟรงค์ ดอตซ์เลอร์ รับบทโดยนักแสดงชายชื่อดังและผู้กำกับฯ ฟอเรสต์ ไวเทคเกอร์ ดอตซ์เลอร์ได้นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสู่การฆาตกรรม ลีนอร์ อดีตภรรยาของไบรอัน และตามล่าผู้ต้องสงสัยคนสำคัญอย่างไบรอัน มิลส์
“ตัวละครดอตซ์เลอร์ได้มาสร้างมิติใหม่ให้กับภาพยนตร์ ยกระดับหลักการและเหตุผลของเรื่องราวที่ผ่านมา และสร้างพลังใหม่ให้การเล่าเรื่องราว” เมกะตันกล่าว ยิ่งไปกว่านั้นแล้วดอตซ์เลอร์คือตัวละครที่ยากจะจัดการด้วย นีสันเล่าว่า “แทบจะเรียกได้ว่าในที่สุดไบรอันก็เจอคู่ปรับที่เหมาะสมในตัวดอตซ์เลอร์” เขากล่าว
ไวเทคเกอร์รู้สึกสนใจในตัวละครและความหวาดระแวงที่ไม่เหมือนใครของเขา “ดอตซ์เลอร์เป็นตำรวจนักสืบในลอสแองเจลิสที่ได้รับมอบหมายคดียากๆ แต่เขาไม่เคยเจอคดีแบบนี้มาก่อน” ไวเทคเกอร์กล่าว “ยิ่งเขารู้เรื่องการฆาตกรรมและเรื่องเกี่ยวกับไบรอันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้จักอีกโลกหนึ่งที่ถูกซ่อนเอาไว้มากขึ้น ดอตซ์เลอร์ยอมรับในหลักการของไบรอัน ซึ่งนั่นเป็นตัวชี้ว่าไบรอันคือสายลับจากองค์กรลับบางแห่ง ตอนนี้เขาต้องศึกษาภูมิหลังของไบรอันอย่างละเอียดเพื่อคลี่คลายคดี
“จากนั้นเขาถามตัวเองว่า ‘หากไบรอันเป็นนักสืบลับ ทำไมเขาต้องทิ้งมีดกับรอยนิ้วมือไว้ในที่เกิดเหตุด้วย? ทำไมเขาถึงทำพลาดเหมือนมือสมัครเล่น?’ นั่นทำให้เขารู้สึกว่ามีคนจัดฉากให้ไบรอัน แต่การนึกภาพว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร เขาต้องหยุดไบรอันเอาไว้ก่อน เพราะเขาคือเบาะแสเดียวของดอตซ์เลอร์ที่ปรากฏอยู่ในที่เกิดเหตุฆาตกรรม”
แต่ไบรอันไม่ได้หลบหนีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เขายังสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นควบคู่ไปด้วย
“ดอตซ์เลอร์ยอมรับอย่างรวดเร็วว่ามีบางอย่างที่ผิดพลาด” ไวเทคเกอร์เล่าต่อว่า “เขาทำไปตามสัญชาตญาณของเขา ผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่ดีเวลาที่เรารวมระหว่างความรู้กับสัญชาตญาณได้ เรามีตัวละครที่น่าสนใจซึ่งอาจจะพาเราไปยังจุดที่เราไม่เคยไปมาก่อนก็ได้”
ครอบครัวมิลส์
ระหว่างที่ไวเทคเกอร์เป็นครอบครัวใหม่ของ Taken นักแสดงที่รับบทในครอบครัวมิลส์ก็ได้รับการต้อนรับในการกลับมา หัวหน้าครอบครัวแน่นอนว่าคือเลียม นีสัน ที่แม็กกี้ เกรซรู้สึกผูกพันเหมือนเป็นครอบครัว “เลียมเป็นคนที่น่าทึ่งมากค่ะ” นักแสดงหญิงกล่าว “เขามีบทบาทสำคัญต่อชีวิตของฉันและมีอิทธิพลมากค่ะ ไม่ใช่แค่ในฐานะของนักแสดง แต่รวมถึงโดยส่วนตัวด้วย เราแสดงหนังเรื่องนี้ร่วมกันมานานและเราต้องเดินทางไปด้วยกันทุกที่ สำหรับฉันแล้วรู้สึกว่าเขาเหมือนครอบครัวมากค่ะ เขาเป็นคนที่ฉันรักและเป็น ‘คุณพ่อในหนังที่น่ารัก’ เท่าที่จะนึกภาพได้เลยค่ะ”
แฟมเก้ แจนส์เซนที่กลับมารับบท ลีนอร์ ภรรยาเก่าของไบรอัน เล่าถึงความรู้สึกที่มีต่อเกรซในฐานะเพื่อนร่วมแสดงว่า “สิ่งที่ฉันให้ความสำคัญสุดในการทำงานในเรื่อง Taken คือการร่วมงานกับเลียมและได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่กลายเป็นครอบครัวไปแล้วตอนนี้” เธอกล่าว “ฉันรักไอเดียของการที่ทุกคนได้กลับมารวมตัวกัน และในภาคนี้คือลีนอร์ แม้ว่าเธอจะโชคร้ายที่ต้องมาตาย แต่ก็เป็นการขับเคลื่อนเรื่องราว”
สำหรับแจนส์เซนแล้ว ภาพยนตร์เรื่องใหม่ได้มอบโอกาสให้อดีตสามีภรรยาได้พัฒนาความสัมพันธ์กัน “ระหว่างไบรอันและลีนอร์ต่างรักกันมาก” เธออธิบายว่า “และมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ไปกันไม่ได้ ฉันคิดว่ามันเกิดขึ้นได้บ่อยในความสัมพันธ์ เวลาที่เราคบกันตอนยังเด็กจากนั้นเราได้แยกทางออกมา แต่เห็นได้ชัดว่าไบรอันและลีนอร์ไม่ได้ห่างเหินกันไป พวกเขามีลูกสาวคอยเชื่อมไว้ตลอด และรู้สึกดีที่ในภาคนี้ได้เห็นความโรแมนติกเกิดขึ้น ซึ่งฉันคิดว่าพวกเราประทับใจในช่วงท้ายของ Taken 2 แต่ก็มีหลายอย่างเกิดขึ้นจนมันต้องจบสิ้นลง”
เกรซรู้สึกดีใจที่ตัวละครของเธอโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว “ขอบคุณจริงๆ คิมโตขึ้นมาหน่อยแล้ว!” เธอถึงกับอุทาน “เราถ่ายทำภาคแรกเมื่อ 8 ปีที่แล้ว พวกเราทุกคนต่างโตขึ้น คิมมีพัฒนาการหลายอย่างในชีวิตที่คาดไม่ถึง และตอนนี้เธอได้ใช้ชีวิตอยู่แบบครอบครัว เธอต้องเผชิญกับอะไรหลายอย่างและมันทำให้เธอค่อนข้างอ่อนไหว คิมพยายามรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่มีเวลาหรือช่องว่างให้ทันรับมือ”
เรื่องราวในครอบครัวเกิดความยุ่งยากขึ้นจากลีนอร์ที่มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับ สจ๊วต เซนต์ จอห์น สามีคนปัจจุบันที่รับบทโดยดูเกรย์ สก็อตต์ เขาได้สร้างความสัมพันธ์ขึ้นมาและต้องพบกับไบรอัน “สจ๊วตกับลีนอร์มีเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน เขาเลยไปพบกับไบรอันและขอพื้นที่ว่างจากเขาบ้าง เขาจะได้จัดการเรื่องของเธอได้ จากนั้นมีการพบว่าลีนอร์ถูกฆ่าและมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สจ๊วตตกเป็นผู้ต้องสงสัยหรือเปล่า? เขามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร? เขารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง
“สจ๊วตเป็นตัววละครที่เราเล่นออกมาอย่างจริงจังได้” สก็อตต์เล่าต่อว่า “ความน่าสนใจที่ผมพบในตัวเขาคือเขาดูเหมือนผู้ชายทั่วไป แต่สจ๊วตเป็นคนที่ปรับตัวเก่งมาก บางครั้งเราจะเห็นด้านเย็นชาของเขา ผมคิดว่าเขาอยู่ระหว่างจุดยืนอันแข็งแกร่ง เขาเลยต้องตัดสินใจ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นการตัดสินใจในทางที่ถูก แต่เขาก็รักภรรยาของเขาและเสียใจที่ต้องเสียเธอไปจริงๆ”
ผู้กำกับฯ
โอลิเวียร์ เมกะตันกลับมานั่งแท่นผู้กำกับฯ TAKEN 3 ให้การต้อนรับนักแสดงหน้าใหม่เข้าสู่ทีมนักแสดง “โอลิเวียร์เป็นคนที่มีความสามารถและมีความถนัดเรื่องกล้องมาก เขาจะมีกล้องถ่ายทำพร้อมกันหลายตัวตลอด และนั่นเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นครับ” เลียม นีสันกล่าว “เขาไม่ได้รักษาและขยายจินตนาการของลุค เบซองเท่านั้น แต่เขายังถ่ายทอดความประทับใจแบบส่วนตัวของเขาสู่แฟรนไชส์ได้ด้วย เขาผสมผสานฉากแอ็คชั่นที่ไม่มียั้งเข้ากับตัวละครและความรู้สึกได้”
แม็กกี้ เกรซ เล่าเสริมว่า “โอลิเวียร์สามารถปล่อยความกระตือรือร้นออกมาอย่างเต็มเปี่ยมพร้อมความมุ่งมั่น ดูเหมือนเขาไม่กินไม่นอนระหว่างการถ่ายทำเลย การนึกภาพของเขาน่าทึ่งเหลือเชื่อมากค่ะ เขามีกล้องหลายตัวอยู่ด้านบนของตึกอาคารและมีกล้องอยู่ในตู้เย็นด้วย!”
ฟอเรสต์ ไวเทคเกอร์ ผู้กำกับฯ ชื่อดังจากผลงานของเขา (Hope Floats) เล่าว่าการได้ดูการทำงานของเมกะตันถือเป็นการเปิดประสบการณ์ของเขา “ผมพยายามไม่ก้าวล้ำเส้นมาก แต่ในฐานะของผู้สร้างฯ ผมก็อดไม่ได้ที่จะดูสไตล์ของโอลิเวียร์ เพราะเขาไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะวิธีการใช้กล้องของเขา และเขามีความสนิทสนมกับทีมงานและนักแสดง เทคนิคที่เขาใช้ได้สร้างความตื่นเต้นมากเวลาที่ตัดต่อฟุตเทจเข้าด้วยกัน”
เมกะตันจะอยู่เคียงข้างด้วยเสมอ ซึ่งนักแสดงจำช่วงสุดท้ายของการถ่ายทำได้ โดยมอบเก้าอี้ผู้กำกับส่วนตัวของเขาให้เป็นของขวัญ ซึ่งเขาไม่เคยใช้มันระหว่างการถ่ายทำเลย “ผมไม่เคยเห็นเลยครับ และเก้าอี้ก็ยังอยู่ในถุงพลาสติกที่มาจากโรงงาน” เขาจำได้ดี
เมกะตันเลือกถ่ายทำ TAKEN 3 ด้วยฟิล์ม 35 มม.พร้อมด้วยเลนส์ anamorphic โดยเลี่ยงการใช้กล้องดิจิตอลอย่างที่ผู้สร้างฯ ปัจจุบันนิยมใช้กัน “ทุกวันนี้ทุกคนอยากถ่ายทำด้วยดิจิตอล แต่ผมเลือกที่จะย้อนกลับไปหาสิ่งที่จับต้องได้และถ่ายทำลงบนฟิล์ม” เขาอธิบาย “ภาพยนตร์ทุกวันนี้กำลังสูญเสียคุณสมบัติพิเศษที่มีเฉพาะในฟิล์ม”
TAKEN 3 ต่างจากหนังสองภาคแรก เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่ลอสแองเจลิส ซึ่งทำให้ในภาคใหม่มีหน้าตาต่างจากหนังภาคก่อน “ทุกคนรู้จักแอล.เอ. แต่ไม่เคยเห็นผ่านมุมมองของฝรั่งเศส และความรู้สึกของชาวฝรั่งเศสมีความแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เราเลือกโลเคชั่นต่างๆ และถ่ายทำฉากผาดโผนแตกต่างไป” เมกะตันกล่าว
TAKEN 3 มีการถ่ายทำที่ลอสแองเจลิส อลิกันเต้ สเปนและปารีส
แฟมเก้ แจนส์เซนเล่าถึงผลงานของผู้สร้างฯ ชาวฝรั่งเศสว่าเป็นเรื่องราวของชาวอเมริกันที่เกิดขึ้นในเมืองที่ใหญ่สุดของสหรัฐฯ “เรื่องตลกสำหรับฉันคือทุกคนคิดว่า Taken เป็นหนังที่ชาวอเมริกันสร้างขึ้นมา แต่จริงๆ แล้วเป็นหนังของชาวฝรั่งเศส เลียมเป็นชาวไอริช ฉันเป็นชาวดัตช์ และดูเกรย์เป็นชาวสก็อต เมื่อเราได้ดู TAKEN 3 จะรู้สึกเหมือนเป็นหนังของชาวอเมริกันจริงๆ ฉันรู้สึกว่ามันน่าสนุกดีที่ลุค เบซอง ซึ่งอาศัยอยู่ที่ปารีส มีไลฟ์สไตล์และความรู้สึกแบบชาวฝรั่งเศสต้องมาสร้างหนังเหล่านี้แบบที่ชาวอเมริกันและคุณจะนึกภาพได้”
ความตั้งใจครั้งสุดท้าย
สำหรับเลียม นีสัน TAKEN 3 คือที่สุดของภาพยนตร์ซีรี่ส์ ซึ่งมีทั้งความตื่นเต้นและพาผู้ชมไปทั่วโลก “ผมคิดว่าผู้ชมได้อยู่ในร้านที่มีความสนุกสนานจากภาพยนตร์ มีความระทึก ความตื่นเต้น และประทับใจหลายอย่าง” เขากล่าว “และผมเป็นคนที่เชื่อมั่นในอารมณ์ของหนังมากครับ”
“หนังเรื่องนี้เป็นการเดินทางแบบหลุดโลกตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง” เมกะตันเล่าต่อว่า “ทุกช่วงเวลาเราจะมอบความอยากรู้อยากเห็น ความเซอร์ไพรส์ และความตื่นเต้นขึ้นมาตลอด”