แอร์บัสเปิดตัว เครื่องบินแอร์บัส เอ321 นีโอ พร้อมความสามารถในการบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติคอย่างแท้จริง

A321neo_ALC_

 

แอร์บัสเปิดตัวเครื่องบินแอร์บัส เอ321 นีโอ ซึ่งมีน้ำหนักขณะวิ่งขึ้นสูงสุด (Maximum Take Off Weight: MTOW) ถึง 97 ตัน อย่างเป็นทางการแล้ว โดยเครื่องบินรุ่นดังกล่าว ได้รับการยืนยันการสั่งซื้อแรกจากบริษัทแอร์ ลีส คอร์ปอเรชั่น (Air Lease Corporation: ALC) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้เช่าเครื่องบินที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองลอสแองเจลิสได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MoU) เพื่อสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส เอ321 นีโอ เพิ่มอีกจำนวน 30 ลำ จากยอดการสั่งซื้อในงานฟาร์นโบโร แอร์โชว์ จากเครื่องบินแอร์บัสจำนวน 60 ลำเป็น 90 ลำ และถือเป็นลูกค้ารายแรกของเครื่องบินแอร์บัสทางเลือกแบบใหม่ที่เพิ่มขึ้นนี้

 

เครื่องบินแอร์บัส เอ321 นีโอ มีน้ำหนักขณะวิ่งขึ้นสูงสุด 97 ตัน และมีระยะการบินไกลถึง 4,000 ไมล์ทะเล ซึ่งเป็นพิสัยบินระยะไกลที่สุดสำหรับเครื่องบินทางเดินเดี่ยวที่มีให้บริการอยู่ในทุกวันนี้ รวมถึงในอนาคต ทำให้เครื่องบินรุ่นดังกล่าวมีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการปฏิบัติการบินในเส้นทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติค และยังช่วยให้สายการบินต่างๆ สามารถดำเนินการในตลาดที่มีเส้นทางบินระยะไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่สามารถปฏิบัติการบินในเส้นทางดังกล่าวด้วยเครื่องบินทางเดินเดี่ยวที่ใช้ตัวเลือกเครื่องยนต์ปัจจุบันได้

 

“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นบริษัทแรกในการลงนามสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส เอ321 นีโอรูปแบบใหม่ที่มีพิสัยบินระยะไกลยิ่งขึ้น” มร.สตีเฟน เอฟ อุดวอร์-ฮาซี่ย์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทแอร์ ลีส คอร์ปอเรชั่น กล่าว “ALC มีความมุ่งมั่นที่จะให้บริการที่ครอบคลุมในทุกส่วนแบ่งตลาดที่มีศักยภาพ/ต้องการที่จะสร้างประวัติศาสตร์ในทุกตลาดที่เต็มไปด้วยโอกาส ซึ่งรวมถึงทุกส่วนตลาดที่ ALC จะสามารถเข้าร่วมให้บริการด้วยเครื่องบินแอร์บัส เอ321 นีโอนี้ เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่เราสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นล่าสุดที่เปี่ยมไปด้วยสุดยอดนวัตกรรมอันล้ำสมัยให้กับลูกค้าของเรา”

 

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ทำการเปิดตัวเครื่องบินแอร์บัส เอ321 นีโอที่มีตัวเลือกน้ำหนักฯ 97 ตันกับ ALC” มร.จอห์น ลีฮีห์ ประธานบริหารฝ่ายปฏิบัติการลูกค้าสัมพันธ์แอร์บัส กล่าว “ALC เป็นบริษัทที่มีอนาคตไกล ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมล่าสุดของแอร์บัสอีกครั้ง ภายในเวลาเพียง 6 เดือนหลังจากที่ ALC เป็นลูกค้ารายแรกของแอร์บัส ในการสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส เอ330 นีโอครั้งก่อนหน้านี้” มร.ลีฮีห์กล่าวเสริมว่า “ตลาดเครื่องบินทางเดินเดี่ยวพิสัยบินระยะไกลขึ้นนี้ถือเป็นตลาดที่สร้างผลตอบแทนเป็นอย่างมาก ซึ่งเครื่องบินแอร์บัส เอ321 นีโอจะเข้ามาครองตลาดนี้ ด้วยหลายปัจจัย อาทิเช่น พิสัยบินที่มีระยะไกลยิ่งขึ้น เศรษฐศาสตร์ทางด้านการบินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และความสะดวกสบายที่เหนือกว่า  โดยเครื่องบินแอร์บัส เอ321 นีโอ รูปแบบใหม่นี้ เป็นเครื่องบินที่สร้างผลกำไร/รายได้สูงที่จะเข้ามาช่วยเปิดโอกาสใหม่ๆ อีกมากมายในอนาคตให้กับลูกค้าของเรา”

 

หากการลงนามบันทึกความเข้าใจของ ALC ในการสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส เอ321 นีโอ จำนวน 30 ลำ และเครื่องบินตระกูลแอร์บัส เอ330 นีโอ จำนวน 25 ลำ ได้กลายมาเป็นการสั่งซื้อที่แน่นอน การสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัสของ ALC ทั้งหมดจะมีจำนวน 258 ลำ (เครื่องบินแอร์บัส เอ320 ซีโอ จำนวน 53 ลำ เครื่องบินแอร์บัส เอ320 นีโอ จำนวน 140 ลำ เครื่องบินแอร์บัส เอ330 จำนวน 15 ลำ เครื่องบินแอร์บัส เอ350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี จำนวน 25 ลำ และเครื่องบินแอร์บัส เอ330 นีโอ จำนวน 25 ลำ) ทั้งนี้ เครื่องบินแอร์บัส เอ321 ที่มีตัวแปรน้ำหนัก 97 ตันได้ถูกสร้างขึ้นจากนวัตกรรมต่อเนื่องที่ถูกนำมาใช้กับตระกูลเครื่องบินแอร์บัส เอ320 ด้วยแอร์บัส เคบิน-เฟล็กซ์ หรือ ACF (Airbus Cabin-Flex: ACF) ซึ่งช่วยมอบมาตรฐานสูงสุดของความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารในขณะเดียวกันก็ได้นำเสนอความยืดหยุ่นระดับสูงและความสามารถในการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมต่อความต้องการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างผลกำไรที่สูงสุดให้กับสายการบินต่างๆ รวมไปถึงการติดตั้งถังเชื้อเพลิงเพิ่มอีกหนึ่งจุดไว้บริเวณใต้ท้องด้านหน้าของเครื่องบิน และการพัฒนาปีกและลำตัวของเครื่องบินเพิ่มเติม ทำให้เครื่องบินแอร์บัส เอ321 นีโอ ที่มีน้ำหนักฯ 97 ตัน สามารถบรรทุกผู้โดยสารจำนวน 206 คนในห้องโดยสารที่ได้รับการออกแบบโดยแบ่งออกเป็น 2 ชั้นโดยสารในเส้นทางที่มีระยะไกลขึ้นถึง 4,000 ไมล์ทะเล ทั้งนี้กำหนดการส่งมอบเครื่องบินชุดแรกจะเริ่มต้นขึ้นในปี 2562

 

เครื่องบินแอร์บัส เอ320 นีโอ เป็นสมาชิกล่าสุดของตระกูลเครื่องบินแอร์บัสที่ขายดีที่สุดอย่าง เอ320 ได้มีการนำเครื่องยนต์รุ่นใหม่มาประยุกต์กับอุปกรณ์ปลายปีกเครื่องบิน (Sharklet) ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกันแล้ว จะช่วยลดการเผาผลาญพลังงานได้ถึงร้อยละ 20 ภายในปี 2563 และเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2557 ได้มียอดการสั่งซื้อเครื่องบินตัวเลือกเครื่องยนต์รุ่นใหม่ (New Engine Option: NEO) จำนวน 3 ,600 ลำ จากลูกค้า 70 ราย