เปิดใจ “มิน-ธิติพัฒน์” นักแสดงที่น่าจับตามอง

คอลัมน์ คุยกับดาว
เรื่อง / ภาพ – อนันต์ ธัญญ์รัตน์

IMG_4131ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวของบ่ายวันหนึ่งในเดือนมีนาคม ผมพาร่างตัวเองพร้อมแท็บเล็ตคู่ใจเข้าสู่ม่านความเย็นจากเครื่องปรับอากาศของร้านกาแฟแห่งหนึ่งย่านเอกมัย ผมมีนัดกับนักแสดงหนุ่มหน้าใสวัยละอ่อน “มิน-ธิติพัฒน์ ผูกบุญเชิด” หนึ่งในนักแสดงจากละครซีรีส์ “Love Sick Season 2” ภาคต่อของซีรีส์น้ำดีที่ฝากความสำเร็จไว้ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา

ทันทีที่เขาปรากฎตัวอยู่ในฉากสายตา ความโดดเด่นของรูปลักษณ์ก็ดึงดูดให้ผมละสายตาจากทุกสิ่งไปจดจับอยู่ที่เขาแบบเต็มๆ เมื่อพิจารณาอย่างถ้วนถี่แล้ว เขาคือเด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าเกลี้ยงเกลาแต่งแต้มไปด้วยจุดสองจุดบนซีกแก้มข้างขวา และริมฝีปากที่บางเฉียบละม้ายคล้ายถูกตวัดด้วยปลายพู่กัน ผมคาดว่าคงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยหลงในรูปลักษณ์ของเขาเป็นแน่แท้ ทำให้ผมอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าชีวิตในวัยเด็กของเขาจะเป็นอย่างไร

“ตอนเด็กเป็นคนค่อนข้างซน แล้วก็ดื้อ ทำให้คุณแม่เหนื่อยเหมือนกัน ส่วนคุณพ่อต้องออกไปทำงาน ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน คุณพ่อเลยไม่ค่อยเหนื่อย เมื่อก่อนเป็นคนตั้งใจเรียน แต่โตมาเหมือนจะโง่ลงทุกวัน (หัวเราะ)”

มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มุ่งหวังจะเข้าสู่วงการบันเทิง แต่คงไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่นักที่จะคว้าโอกาสนั้นไว้ได้

IMG_4122“ตอนแรกไปลองออดิชั่นฮอร์โมนเน็กซ์เจน แต่ไม่ได้ (หัวเราะ) จากนั้นก็มีคนชวนให้มาแคสเลิฟซิก ก็คิดว่าเป็นโอกาสที่น่าลองเลยมา ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะติด พอติดก็ดีใจครับ เป็นโอกาสที่ดี ได้โชว์ความสามารถ เราก็ต้องทำให้ดี ให้สมกับที่มีคนรอดู”

คิดว่าอะไรที่ทำให้ทีมงานเลือกเรา ผมถามต่อ “ทุกวันนี้ทีมงานก็ไม่ได้บอกผมเหมือนกันว่าทำไม จริงๆ แล้วมินเป็นคนกวนๆ บางทีก็มุ้งมิ้งน่ารักๆ มันอาจจะไปตรงกับที่ทีมงานต้องการพอดี”

ได้มีโอกาสมาร่วมงานกับซีรีส์ชายรักชายแบบนี้ ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะมีเข้าฉากกุ๊กกิ๊กบ้างไหมนะ

“มีครับ ด้วยความที่เลิฟซิกเป็นซีรีส์วาย เราก็ทำใจแล้วว่ามันต้องมีฉากกุ๊กกิ๊กแน่ๆ รับรองว่าฟินแน่ๆ (หัวเราะ)” ประหม่าบ้างไหม ผมถามต่อ “บางฉากก็ประหม่า แต่เพราะเข้าฉากกับพี่ที่สนิทกันอยู่แล้วเลยไม่ค่อยประหม่า” ฉากไหนหนักใจสุด ผมรีบเสริม “ฉากที่เอาจมูกชนกันครับ ถึงจะเห็นหน้าเพื่อนๆ พี่ๆ กันทุกวัน แต่พอต้องเอาจมูกมาชนกัน มันก็เขินนะ”

จากที่นิ่งอึ้งกับเรื่องนี้มาหลายวินาที ผมยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนกายไปไหน ดวงตาของผมยังคงจับจ้องไปที่ร่างกายที่เล็กจ้อยและบอบบาง ก่อนจะถามถึงเรื่องมิตรภาพในกองถ่าย

IMG_4116“ในกองเรียลลิตี้สนิทกันทุกคนครับ แต่สนิทกับโอ๊ตมากที่สุดเพราะวัยเดียวกันครับ โอ๊ตเป็นเด็กอ้วนกินจุคนนึง ส่วนผมจะเป็นคนที่ชอบสั่งนู่นสั่งนี่แล้วทานหมดบ้างไม่หมดบ้าง อีกเรื่องคือโอ๊ตชอบตดในรถ เวลาจะตดก็จะบอกว่า จะตดแล้วนะๆ ดีที่มีแต่เสียงไม่มีกลิ่น”

เป็นนักแสดงหนุ่มไฟแรงแบบนี้ ก็คงพูดไม่ได้ว่าจะไม่ถูกจับไปเปรียบเทียบกับนักแสดงรุ่นแรก แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกดดันแต่อย่างใด “มันก็ไม่เชิงเปรียบเทียบ เหมือนพวกเราจะไปแย่งซีนซีซั่นหนึ่งไหม ผมก็อยู่ของผมนิ่งๆ พยายามไม่เด่น”

หลังจากที่พูดถึงความรู้สึกที่ผ่านมา มินก็เสริมต่อถึงเรื่องที่อาจจะโดนบ่นว่าเล่นแข็ง “ก็ทำใจไว้แล้วครับ มีกลัวบ้าง แต่ก็ไม่หนักถึงขึ้นจะเลิกเป็นนักแสดง ประสบการณ์ยังน้อย ก็ต้องฝึกกันต่อไปครับ”

ผมยังมิอาจเรียกเขาว่า นักแสดงดาวรุ่ง แต่ก็ไม่อยากจะลดทอนความคิดที่เปี่ยมล้นให้เหลือเพียงแค่ นักแสดงหน้าใหม่ ฉะนั้นคำว่า นักแสดงที่น่าจับตามอง จึงดูเป็นคำที่สอดพ้องกับตัวเขาในขณะนี้เป็นที่สุด และด้วยความที่มินเป็นคนน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาผม ประกอบกับกิริยาท่าทางมุ้งมิ้ง ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลัวคนมองว่าไม่ใช่ผู้ชายหรือเปล่า

IMG_4115“ก่อนที่จะเข้ามาในเลิฟซิก คนรอบข้างก็มองว่าผมเป็นนะ (หัวเราะ) แต่เราชัดเจนว่าเราไม่ได้เป็น ก็มีคุยกับแม่ครับ บอกว่ามินไม่ได้เป็นนะ เป็นการแสดง งานก็คืองาน ชีวิตจริงไม่ได้เป็น ครอบครัวก็โอเคครับ เราแคร์คนทั้งโลกไม่ได้ เรารู้ว่าเราไม่เป็น คนรู้จักรู้ว่าเราไม่ได้เป็น ก็โอเคแล้วครับ ผมไม่กดดัน มันกลายเป็นเรื่องตลกมากกว่า ตอนม.1 ม.2 ก็มีเถียงครับ ‘อะไรว้า ก็บอกว่าไมได้เป็นก็คือไม่ได้เป็นป่าวว้า’ หลังๆ มาแค่เรารู้ คนรู้จักรู้ก็พอแล้วครับ แต่แฟนคลับผมก็เป็นสาววายนะ จับผมไปจิ้นกับคนนู้นคนนี้แล้วบอกว่าผมเป็นคนมีเคมีสาธารณะ อย่างกับพี่คิมก็มีกระแสคิมมินในระดับนึงเลย ผมก็ดีใจนะที่มีคนจำเราได้ ส่วนที่เอาผมไปจิ้น ผมเฉยๆ นะ ไม่ได้ชอบหรือไม่ชอบ ผมเฉยๆ ครับ จะจิ้นก็ได้”

ผมบิดเบือนความจริงไปเล็กน้อย ด้วยสำนึกที่เกิดขึ้นลึกๆ ในใจว่าหากตอบไปตรงๆ ว่า ‘ก็หน้าหวานซะ’ อาจจะได้ยินเสียงหัวเราะลั่นห้องก็เป็นได้ โดยเฉพาะกับเด็กหนุ่มวัย 14 ปี คนนี้

เขาส่งยิ้มทางดวงตาก่อนที่จะก้มลงไปดูดกลืนโอริโอ้ปั่นที่อยู่ในแก้วด้วยหลอดสีน้ำตาลผ่านริมฝีปากที่บางเหมือนกระจับ ผมเหลือบมองเขาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมเพื่อดำเนินการสนทนาต่อ

IMG_4112“ยังครับ” มินบอกกับผมหลังจากที่ผมป้อนคำถามไปว่า พอใจกับตัวเองในตอนนี้แล้วหรือยัง “ยังมีหลายอย่างที่ต้องพัฒนาครับ ไม่ว่าจะเป็นการแสดง บุคลิก การวางตัว ยังมีอีกเยอะ มีทั้งครอบครัวเพื่อนพี่ๆ คอยผลักดันครับ ที่บ้านจะเป็นคุณแม่ที่สนับสนุน อยากให้ทำงานควบคู่ไปกับการเรียน ส่วนทางเพื่อนก็มีปรึกษาเพื่อนว่าไปแคสดีไหม เพื่อนก็ว่ามันเป็นโอกาสที่ดีต้องคว้าไว้”

หลายคนมีชื่อเสียงมากขึ้นแล้วจะเปลี่ยนไป คิดว่าเราจะเป็นแบบนั้นไหม “สำหรับมินก็ต้องมีบ้างครับ แต่ก็คงไม่หลงจนลืม เราก็จำเค้าได้ เราคงไม่หยิ่งใส่เค้า หรือทำเป็นไม่รู้จัก เราอาจจะมีระยะห่างมากขึ้น ถ้าเป็นเพื่อนกันก็คุยได้เหมือนเดิม”

เขาถูกห้อมล้อมไปด้วยหมู่มวลแฟนคลับจำนวนไม่น้อย จนผมอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าความเป็นส่วนตัวเขาจะน้อยลงด้วยไหม “ก็ต้องปรับตัวครับ แต่ผมก็เป็นตัวของตัวเอง แต่บางเรื่องก็ไม่ควรให้คนอื่นเห็น ก็ขึ้นอยู่กับการวางตัวครับ ถ้าตรงไหนเราไม่โอเคก็ต้องแจ้งให้เค้ารู้ ถ้าเค้าไม่หยุดจริงๆ ผมก็คงทำใจ”

รู้สึกอย่างไรบ้างกับชีวิตนักแสดง ผมถามต่อ “ต้องปรับตัวครับ ก่อนหน้านั้นเพื่อนชวนไปนั่นไปนี่ก็ไป พอมาทำงานตรงนี้ก็ต้องมีออกงานอีเว้นท์ มีซ้อมเต้น มีคิวถ่าย ก็ต้องลดลงบ้างแต่คงไม่ได้ทิ้ง ก็ยังอยากมีเวลาให้เพื่อนบ้าง เพื่อนก็มีทักบ้างว่าทำไมเดี๋ยวนี้ดังแล้วหาย เราก็บอกเค้าว่าเราไม่ได้หาย เราก็มีหน้าที่ต้องทำ” แล้วคิดว่าอาชีพนักแสดงให้อะไรกับเรา ผมรีบเสริม “ประสบการณ์ครับ ฝึกการเข้าสังคม เจอผู้ใหญ่ต้องทำตัวยังไง เจอคนเยอะๆ ต้องทำตัวยังไง การเดิน บุคลิกภาพ การแสดง มันพัฒนาตัวเราหมดครับ ได้ทั้งประสบการณ์ ความรู้ครับ”

ผมรุกไล่ด้วยคำถามที่ต้องการให้เขาตัดสินใจ ถึงเรื่องงานด้านบันเทิงที่อยากทำมากที่สุด “อยากเป็นนักแสดง แล้วก็นักร้อง ทุกอย่างมันต้องฝึกฝนครับ อย่างผมชอบร้องเพลง ผมก็จะฝึกร้องเพื่อพัฒนาตัวเอง” ถ้าเลิฟซิกจบแล้วแพลนจะทำอะไรต่อ? “ถ้ามีงานก็คงรับครับ แต่ถ้าไม่มีก็คงไม่ว้อนท์ ไม่ไปหา กลับไปเรียน”

ผมถามมินแล้วก็มองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา เขาทอดสายตาว่างเปล่าย้อนกลับ คล้ายจะบอกให้ผมเริ่มคำถามใหม่ได้แล้ว ผมสูดซับบรรยากาศโดยรอบ แม้ความรู้สึกจะไม่ได้ล่องลอยหลุดแล่นไปโดยสมบูรณ์นัก แต่ประสบการณ์ในการทำงานบอกให้ผมรู้ว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เด็กวัยรุ่นวัยเพียงสิบปีเศษจะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะแบ่งเวลาเรียนกับเวลาทำงานอย่างไรบ้าง

IMG_4125“ยากครับ แบ่งยากมากครับ ก่อนเข้าเลิฟซิกผมเรียนไม่ดีแต่พยายามตั้งใจเรียนครับ ช่วงสอบก็มีงานเยอะพอดี ก็เรียนดีขึ้น ผมก็พยายามทำให้เต็มที่ทั้งสองอย่างครับ เรื่องงานก็มีกระทบกับการเรียนบ้างครับ แต่ก็ไม่ถึงกับต้องทิ้งเรียนมาทุ่มเทให้ทางนี้ไปเลย ในอนาคตก็แพลนไว้ว่าจะเรียนด้านการออกแบบ ม.ธรรมศาสตร์ หรือ จุฬาฯ แล้วไปต่อปริญญาโทที่เมืองนอกครับ”

ผมนั่งฟังเขาพูดจ้อมาตลอด พลางพินิจพิเคราะห์ใบหน้าอันงดงามของเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขามีเคล็ดลับในการดูแลผิวหน้าอย่างไรให้ขาวใสได้ถึงเพียงนี้ “ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ (หัวเราะ) อย่างตอนที่มีซ้อมเต้นนอนดึกตื่นเช้าก็โทรม เราก็อาศัยพักผ่อนเยอะๆ กินอาหารที่มีประโยชน์”

คิดว่าเสน่ห์ของเราอยู่ตรงไหน? ผมกระตุ้นให้เขาเล่าต่อ

“ถ้าผมรู้ว่าเสน่ห์ของผมคืออะไรชัดเจนจริงๆ ผมคงมีแฟนคลับเต็มไปหมดแล้วครับ ถ้าให้เดาๆ ดูก็น่าจะเป็น รอยยิ้มมั้ง ไม่รู้เหมือนกัน หรืออาจจะเป็นเพราะไฝเสน่ห์ เคยขอแม่ไปจี้ออก แม่ก็ห้าม เราก็งงว่าจุดสองจุดสามารถทำให้คนรักเราได้จริงๆ หรอ ผมว่าเป็นที่คาแรคเตอร์แฟรนลี่มากกว่า เราเล่นกับแฟนคลับ ผมก็จะรู้ว่าเล่นอันไหนมันเกินพอดี ก็ต้องมีลิมิตครับ”

IMG_4130หลังจากที่อัพเดทเรื่องราวชีวิตมาพอหอมปากหอมคอกันแล้ว ผมไม่รอช้าที่จะขออัพเดทเรื่องราวความรักของเขาต่อบ้าง

“มีครับ” มินบอกกับผม หลังจากที่ผมป้อนคำถามไปว่า มีรักแรกในวัยเรียนบ้างไหม “ในวัยนี้คงไม่มีความรักแบบผู้ใหญ่อะไรแบบนั้น แต่ก็ต้องมีปลื้มบ้าง มีแอบชอบบ้าง”

ชายหรือหญิง? “ผู้หญิงดิพี่”
ชอบแบบไหน? “ชอบคนผมยาว แต่ไม่ชอบคนสวยเว่อร์ เพราะเราก็ไมได้หน้าตาดีมาก ชอบคนสวยกลางๆ พอดีๆ”
อายุมากกว่าหรือน้อยกว่า? “ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับว่าเราเจอใครแล้วเรารู้สึกยังไงมากกว่า”
จิตใจมีส่วนไหม? “มีครับ ถ้าเราชอบหน้า ชอบทุกอย่างแล้วเค้านิสัยไม่ดี ก็ต้องคิดครับ”
เคยจีบติดไหม? “จีบติดบ้าง แต่ไม่ทุกคนครับ”
มีเทคนิคแบบไหน? “ผมไม่มีเทคนิค ดูกันไปเรื่อยๆ ถ้าคิดว่าพร้อมก็พร้อมครับ ผมจะเป็นคนเข้าหาก่อนครับ อย่างคนที่เข้าหาผมก่อนผมก็คุยนะ แต่ก็จะคิดว่าเค้าเข้าหาผมได้ ก็ต้องเข้าหาคนอื่นได้”
เคยมีผู้ชายมาจีบไหม? “ก็ไม่รู้ว่าจีบไหม ถึงขั้นออกตัวแรงๆ แอดไลน์มาจีบคงไม่มีครับ”
พี่คิมเคยจีบบ้างไหม? “พี่คิมเป็นหรอครับ (หัวเราะ) ไม่ครับ ก็ผู้ชายทั้งคู่”

ผมนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา หลังที่เบียดติดกับพนักพิงชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เมื่อเหลือบมองดูนาฬิกาก็พบว่าเข็มบอกเวลาบนหน้าปัดก็หมุนล่วงเลยมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว เห็นทีว่าผมคงต้องพักการสนทนาลงแต่เพียงเท่านี้ แต่ก่อนจากกันหนุ่มมินก็ขอฝากผลงานสักเล็กน้อย “ฝากผลงานที่จะออนแอร์ครับ เลิฟซิกเดอะซีรีส์เฟรชชี่แคมป์ หรือเรียลลิตี้ค้นหานักแสดงเพื่อเข้าไปแสดงในซีซั่นสอง ในวันที่ 29 มีนาคม เวลา 20.50-21.30 น. ส่วนซีรีส์ ออนแอร์วันที่ 2 พฤษภาคม ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ทางโมเดิ้ลไนน์ทีวี แล้วก็จะมีตอนพิเศษออนแอร์คั่นตอนที่ 12 ด้วย อยากให้ติดตามและเป็นกำลังใจให้มินด้วยนะครับ”

หมายเหตุ: ขอขอบคุณ ร้านกาแฟ Nikko Cafe สาขาเอกมัย ที่เอื้อเฟื้อสถานที่

ติดตามชมเรื่องราวอัพเดทของศิลปินได้ที่ คอลัมน์: คุยกับดาว น้องๆ คนไหนที่อยากอัพเดทเรื่องราวของศิลปินดาราสุดที่รักของคุณแบบนี้ ส่งมาได้ที่ startalk@prsociety.net หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.prsociety.net และ www.facebook.com/PRSocietyNews

IMG_4118

4 ข้อควรรู้ก่อนออกเดทกับมิน

  • พูดถึงเดทแรกนึกถึงอะไร: กินข้าวดูหนังครับ แต่คงไม่ถึงขั้นที่ว่าขึ้นไปกินบนดาดฟ้าตอนกลางคืน
  • อาหารที่จะกินในเดทแรก: ก๋วยเตี๋ยวเรือ (หัวเราะ) หรืออะไรก็ได้ขอให้เราได้นั่งคุยกับเค้าก็พอ
  • สถานที่สำหรับเดทแรก: คงพาไปกินข้าวสยามครับ
  • หวังอะไรจากเดทครั้งแรก: หวังว่าเค้าจะคิดอะไรๆ เหมือนกับเรา หวังว่าเราจะโอเคกันทั้งสองฝ่าย

  • ประวัติ มิน-ธิติพัฒน์

    ชื่อ-สกุล: ธิติพัฒน์ ผูกบุญเชิด
    ชื่อเล่น: มิน
    วันเดือนปีเกิด: 19 มิถุนายน 2543
    อายุ: 14 ปี
    ส่วนสูง: 175 เซนติเมตร
    น้ำหนัก: 55 กิโลกรัม
    การศึกษา: มัธยมศึกษาปีที่ 3 กำลังจะขึ้น ปีที่ 4 โรงเรียนสาธิต ม.ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (อินเตอร์)
    งานอดิเรก: ฟังเพลง ร้องเพลง เล่นกีต้าร์
    บุคลิกส่วนตัว: กวนๆ เฟรนลี่เข้ากับคนอื่นได้ดี
    อาหารจานโปรด: ข้าวผัด
    สีที่ชอบ: ฟ้า
    สัตว์เลี้ยงที่ชอบ: สุนัข และแมว
    สิ่งที่ไม่ชอบ: ความมืด
    แนวภาพยนตร์ที่ชอบ: แอ็คชั่น
    แนวเพลงที่ชอบ: ป็อป
    เป้าหมายสูงสุดในชีวิต: เรียนจบ มีงานที่ดีทำ หรือมีธุรกิจส่วนตัว