คอลัมน์ คุยกับดาว
เรื่อง / ภาพ – อนันต์ ธัญญ์รัตน์
“สวัสดีครับ” เสียงสดใสลอยมาเข้าหู ผมหันไปมองที่มาของเสียงก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งยืนอยู่ไม่ไกล เขาลดมือที่พนมลงด้วยความคล่องแคล่ว เสื้อยืดสีเทาสกรีนด้วยคำว่า KIMOPPA กางเกงขาสั้นเสมอเข่าสีดำ จะว่าไปชุดที่เขาสวมใส่อยู่ก็ไม่ใช่ชุดที่เด็กวัยรุ่นสมัยนี้นิยมสวมกันสักเท่าไหร่ แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกว่าเขาดูดีมากขนาดนี้
“KIMOPPA” คือชื่อเรียกของเขาซึ่งเกิดจากความคิดของกลุ่มแฟนคลับของ “คิม-วโรดม เข็มมณฑา” หรือที่คนรู้จักเรียกเขาอย่างติดปากว่า “คิม” หนุ่มช่างฝันที่ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก มองความฝันเป็นแรงผลักดันก้าวไปสู่ความสำเร็จ
คิมบอกกับผมว่าจุดเริ่มต้นบนเส้นทางบันเทิงของเขา เพิ่งจะเกิดขึ้นมาได้ไม่นาน แต่ก็กระตุ้นต่อมอยากรู้ของผมไม่น้อยเลยทีเดียว
“ผมเป็นคนสู้ชีวิต เล่าแล้วจะร้องไห้ครับ (หัวเราะ) สู้ชีวิตมาตลอด ที่บ้านไม่ได้ร่ำรวย ผมเป็นลูกชายคนโต บู๊ๆ บ้าๆ มุทะลุ ใจร้อน รออะไรไม่ค่อยเป็น คิดอะไรทำเลย หลายครั้งที่ปากไปไวกว่าสมองครับ แต่วันหนึ่งมีผู้จัดละครทักมาในเฟซบุ๊กครับ เค้าก็ให้ไปเรียนการแสดง เรียนนู่นนี่ จากที่ไม่ได้สนใจก็เลยเริ่มสนใจทางนี้ครับ ตอนนั้นยังไม่ได้เล่น เค้าก็เจ๊งไปก่อน แต่ผมเรียนมาตั้งเยอะแล้ว ไหนๆ ก็เรียนมาแล้ว เลยเริ่มไปแคสงานครับ หลังจากนั้นก็เจอโมเดลลิ่ง เค้าก็ช่วยพาไปแคสเรื่อยๆ จนเป็นผมทุกวันนี้”
แม้จะมีโอกาสเข้ามาหา แต่ส่วนหนึ่งนั้นก็เป็นผลมาจากความมุมานะอุตสาหะของเขานั่นเอง คิมบอกกับผมว่าเขาอยากจะเป็นดีเจด้วยเหมือนกัน
“ตอนเด็กๆ ฝันว่าเป็นดีเจครับ ก็เลยเลือกที่จะทำ ผมชอบอยู่แล้วครับ ถ้าให้เลือกระหว่างนักแสดงกับดีเจ ผมก็แอบเลือกดีเจนะ” คิมเผย
“มีความสุขมากๆ ครับ ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต ไม่คิดว่าเราจะมาถึงจุดนี้ได้ ทุกวันนี้ก็ยังงงๆ อยู่เลยครับ แต่ก็เชื่อมั่นแล้วก็จะทำให้เต็มที่ครับ รู้สึกดีใจมากที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเลิฟซิกเดอะซีรีส์” คิมบอกกับผมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มราวกับเด็กที่ได้ของเล่นชิ้นโปรดอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากพูดถึงความรู้สึกที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์แล้ว ผมไม่รอช้าที่จะให้เขาเม้าท์ถึงเพื่อนร่วมรุ่นกันบ้าง
“อยากให้เม้าท์ถึงสองคนนี้ ผมว่าฟีฟ่ากับมินอนาคตไกลมากครับ แต่ผมขอเม้าท์ทุกคนเลยนะครับ ทุกคนในกองน่ารักมากๆ ผมเคยทำงานนอกวงการกับผู้ใหญ่มาก่อนครับ มันจะมีความอิจฉาริษยา ใครได้ดีกว่ากันอะไรประมาณนี้ แต่พอมาทำงานกับเด็ก มีซนบ้าง เครียดบ้าง ฟังไม่ฟังบ้าง แต่ทุกคนจริงใจครับ ไม่มีความอิจฉาริษยา ซึ่งมันน่ารักมากๆ”
คิดว่าซีรีส์เรื่องนี้พลิกชีวิตของเราได้ไหม? ผมถามต่อ..
“ไปดูดวงมาเค้าบอกว่า ดังแน่ๆ(หัวเราะ) พลิกมากครับ ผมมาจากคนธรรมดาจริงๆ นะครับ มาจากพื้น ไม่มีเส้นไม่มีสาย ไม่รู้จักผู้ใหญ่ในวงการ ไม่อะไรสักอย่าง เข้ามาแคสด้วยตัวคนเดียว ด้วยความไม่รู้อะไรเลยแล้วก็เข้ามาจนถึงจุดนี้ ตอนนี้ก็ได้อะไรหลายๆ อย่าง ทั้งคอนเน็คชั่น การเรียนรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างครับ สุดยอดมาก ตอนนี้กระแสตอบรับดีมากๆ ผมยังไม่เชื่อตัวเองเลยว่าจะมีคนมาชื่นชอบเยอะขนาดนี้ อาจเป็นเพราะว่าเราจัดรายการให้เค้าเห็นกันทุกวันด้วย ก็เลยทำให้เค้ารู้ในตัวตนของเรา มีคนมาชื่นชอบตั้งแต่ผลงานเรายังไม่ออก”
“รู้สึกดีครับ การที่จะเป็นไอดอลคือต้องเป็นแบบอย่างให้คนอื่นใช่ไหมครับ แต่ก็แอบเกร็งเพราะว่าผมแสบนิดหน่อยครับ ไม่ค่อยถูกระเบียบคลองธรรมสักเท่าไหร่ ถ้ามีคนให้เราเป็นไอดอลก็คงต้องทำตัวให้ดีขึ้น” คิมบอกอย่างนักเลงๆ
“อยากเปิดร้านอาหารครับ ผมมีความฝันเล็กๆ ว่าจะเปิดร้านที่มีแต่สวน มีต้นไม้ ขายอาหารที่เราชอบ ผมชอบทำอาหาร แต่น้องผมทำเก่งกว่า บ้านผมทำกับข้าวเก่งกันทั้งบ้าน” คิมบอกถึงความชอบของตนเองก่อนจะหยิบแก้วน้ำชูให้ดู
คิมว่าพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเป็นระยะ จนผมอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าชีวิตเขาจะแตกต่างไปจากเดิมไหม
“ตอนนี้ไม่นะครับ ยังเป็นคนเดินดินธรรมดาทั่วไปครับ ถึงจะมาทำงานตรงนี้ก็ยังเป็นคนธรรมดา ใส่บ๊อกเซอร์ เสื้อกล้ามไปเซเว่นเหมือนเดิม ยังขับมอเตอร์ไซด์เก่าๆ ไปตลาดเหมือนเดิม ใช้ชีวิตเหมือนเดิมครับ” คิมเฉลยเป็นการบอกว่าสิ่งที่ผมคิดนั้นถูกแล้ว
เขาไม่ได้เป็นเพียงชายหนุ่มที่มีทักษะด้านการพูดที่ดีแต่อย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ยังรวมไปถึงการวางตัวอีกต่างหาก
“ผมกลัวนะ กลัวตัวเอง ใครๆ เค้าก็บอกกันว่ามีชื่อเสียงแล้วชอบเปลี่ยนไป เราไม่ขอพูดว่าเราจะเปลี่ยนไปไหม แต่ว่าในจิตใจลึกๆ ก็คงไม่เปลี่ยนไปไหนครับ แต่ด้วยงาน ด้วยหลายๆ อย่าง มันอาจจะทำให้เข้าถึงยากขึ้น ตอนนี้ผมก็มีปัญหามีดราม่าอยู่นะ อย่างเรื่องเพื่อนที่เราเคยสนิทพอเรามาทำงานมากๆ ไม่ค่อยได้ตอบไลน์ใคร เค้าก็หาว่าเราเปลี่ยนไป เราหยิ่ง ก็มีบ้างครับ”
แล้วมีวิธีรับมืออย่างไร ผมรีบเสริม “ก็คุยกับ อธิบายให้เค้าเข้าใจ บางคนก็เข้าใจ บางคนก็ไม่เข้าใจ ผมก็ปรึกษากับผู้ใหญ่กับคนที่เค้าผ่านมาก่อน เค้าก็บอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องรับ เข้ามาในวงการก็คงต้องเจอปัญหาอีกเยอะ ก็คงต้องยอมรับครับถ้าใครจะไม่เข้าใจเราจริงๆ”
อย่างไรก็ตาม แม้ชะตาชีวิตโดยรวมส่วนใหญ่จะไม่เอื้ออำนวย แต่ความพยายามของเขาคนนี้ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา แต่ผมไม่แน่ใจว่าเขาพอใจกับตัวเองในตอนนี้แล้วหรือยัง
“ยังครับ ยังอยากไปไกลกว่านี้ ตอนนี้ผมพึ่งเริ่มเติบโตนะ มันก็เป็นความฝันของทุกคนที่อยากเข้ามาในวงการนี้นะครับ ทุกคนก็คงอยากที่จะปีนขึ้นไปเรื่อยๆ สูงขึ้นๆ จากตัวตลกเป็นตัวรอง ตัวรองเป็นตัวเอก ตัวเอกเป็นพระเอก จากพระเอกเป็นพระเอกร้อยล้านพันล้าน ก็คงอยากเขยิบไปเหมือนทุกคนครับ”
จนถึงตอนนี้คิมไม่ใช่หนุ่มช่างฝันอีกต่อไปแล้ว เขาพิสูจน์ให้ได้เห็นแล้วว่าความฝันไม่ได้เป็นเพียงความฝันอีกต่อไป ด้วยศักยภาพที่เปี่ยมล้นประกอบกับการฝึกฝนตัวเองมาเป็นอย่างดี ทำให้เขาพร้อมที่จะก้าวเดินต่อไปบนถนนสายบันเทิงเส้นนี้ คิมบอกกับผมถึงความสุขในช่วงเวลานี้
“ความสุขของคิมคือ อยากให้คนรักเยอะๆ เข้าใจคิมเยอะๆ คิมเป็นคนเข้าใจยากพอสมควร ไม่ค่อยมีใครเข้าใจคิมจริงๆ สักที ชอบมีดราม่าใส่คิมตลอดเวลา ชอบมีคนรักครับ ไม่ชอบมีคนไม่ชอบ บางทีเจอคนไม่ชอบมาคนสองคน ก็คิดมากไปหลายวัน”
หลังจากที่พูดคุยกันมาได้สักระยะ ผมก็คงต้องขอย้อนกลับไปพูดถึงเรื่องการแต่งตัวของเขาที่ออกจะแตกต่างจากวัยรุ่นสมัยนี้สักหน่อย
“เป็นคนห่วยแตกเรื่องสไตล์การแต่งตัวอย่างแรงครับ ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีตังค์ซื้อเสื้อผ้าเท่าไหร่ ก็ตามมีตามเกิดครับ ไม่ได้ฟิกซ์เรื่องการแต่งตัวมากครับ ขอแค่ใส่สบายๆ ง่ายๆ ขาสั้นรองเท้าผ้าใบ เสื้อหลายๆ แบบหน่อยไม่ซ้ำ ผมจะใส่หมวกตลอดเวลาครับ จนมีแฟนคลับวาดภาพแฟนอาร์ทใส่หมวกตลอด เป็นเอกลักษณ์ไปแล้ว ถ้าขาดหมวกก็ขาดความมั่นใจนิดหน่อยครับ (หัวเราะ)”
ภาพการแต่งหญิงของเขายังติดตาของผมอยู่ จนเผลอคิดไปว่าผู้ชายที่นั่งยิ้มหวานอยู่เบื้องหน้ามีรสนิยมแบบนี้หรือเปล่า แต่คิมกลับบอกผมว่าแท้จริงแล้วเขา…
“โห! นั่นงานครับ งานดีเจที่ทำจะมีกิจกรรมปีนึงทำครั้งนึง วันเกิดทำครั้งนึง เป็นกิจกรรมของทางนั้น ทุกคนโฟกัสไปที่การแต่งหญิง แต่จริงๆ มีแต่งเป็นคนบ้า นางฟ้า ซาตาน แต่งผี มีเยอะแยะครับ เป็นแฟนตาซีสนุกๆ”
แต่งหญิงแบบนี้ผมไม่แน่ใจว่า เขาจะกลัวคนมองหรือเปล่า
“มองไปเถอะครับ ผมไม่แคร์นะ เพราะถ้าคนมารู้จักตัวผมจริงๆ ผมไม่มีความเป็นสาวหรอกครับ แต่ถ้าไม่รู้จักมองผ่านๆ ก็อาจจะมีบ้าง แต่ผมไม่ซีเรียสเลยนะ ใครจะมองยังไง ผมคิดว่าเพศไหนก็เหมือนกันหมด ผมเป็นคนที่รับเรื่องนี้ได้มากๆ ถ้าผู้ใหญ่สั่งให้ผมเล่นเป็นตุ๊ด หรือแก๊งค์นางฟ้า ผมก็เล่นได้นะ ให้ผมใส่วิกเล่น ผมก็เล่นได้ ผมสบายอยู่แล้ว ถ้าให้ทำแต๋วแตก ผมก็ทำได้”
เห็นมีกระแสถูกจับให้จิ้นคู่ ชาย-ชาย รู้สึกอย่างไรบ้าง
“แรกๆก็รู้สึกดีครับ หลังๆ เริ่มสับสนตัวเอง (หัวเราะ) ว่าเป็นจริงรึเปล่า จริงๆ นะ พอมันมาคลุกคลีมากๆ ก็เริ่มแบบ บางทีมีเริ่มชอบจริงก็มีนะ อย่าไปบอกใครนะ .. อ่าวลืม สัมภาษณ์อยู่(ขำ) ล้อเล่นครับ .. มันก็มี ออกแนวเอ็นดูมากกว่า บางทีเด็กๆ น่ารัก อย่างกระแสที่แรงมากตอนนี้ก็มีคิมมิน น้องก็น่ารักดี เริ่มสับสนตัวเอง”
ถึงตอนนี้เครื่องผมก็เริ่มติด ความอยากรู้ชักพาให้ผมเดินทางมาถึงคำถามที่ว่า คอนเฟิร์มได้ไหมว่าชอบผู้ชายด้วยกัน “ไม่คอนเฟิร์มหรอกครับ (หัวเราะ) เมื่อกี้ยังถามสเป๊กสาวผมอยู่เลย!”
คิมยกแก้วน้ำสีสวยสดขึ้นมาจิบเรื่อยๆ ขณะที่คุยกับผมอย่างออกรส เขาทำให้ผมประหลาดใจได้เรื่อยๆ หลังจากที่บอกว่าตัวเองยังโสด ติดเกม ชอบเล่นฟิตเนส หลงทางที่สยาม ถึงตอนนี้ผมก็ชักจะอยากรู้ขึ้นมาแล้วว่าหนุ่มหล่ออย่างคิมจะมีรักแรกพบแบบไหน
“รักครั้งแรกก็ ม.3 ช้าครับ กว่าจะมีแฟนคนแรก เค้าเป็นนักดนตรีไทยของโรงเรียน หน้าตาไม่สวยมาก ธรรมดาแต่เค้ามีเสน่ห์ที่รอยยิ้มมากๆ อย่างที่บอกว่าผมชอบคนยิ้มสวย ฟันสวย ผมหลงรักเค้าครับ เราเพื่อนร่วมห้องกัน เค้านั่งอยู่ข้างหน้าผม ตอนที่ไม่ได้เป็นแฟนกัน ผมก็แอบดมผมเค้าอยู่ตลอดเวลา เวลาพัดลมพัดมาผมเค้าจะปลิว ก็จะดมกลิ่นผม โรคจิตนิดหน่อยครับ (หัวเราะ) ผมก็ชอบเค้ามาตลอดครับ ไม่กล้าบอกรักเพราะกลัวจะเสียเพื่อน จนวันเกิดเค้าก็ตัดสินใจเขียนกระดาษบอกความในใจไป เค้าก็ตกลงเป็นแฟนกัน คบกันนานมากๆ เค้าเป็นรักแรก ตอนรักไม่เท่าไหร่ครับ ตอนเลิกกว่าจะลืมได้แทบเป็นบ้า จากคนไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์ ก็ดื่มจนติดมาจนถึงทุกวันนี้ (หัวเราะ)”
ชีวิตของคิมเองน่าจะเข้าข่ายที่ว่าผ่านอะไรมาเยอะ แต่ถึงกระนั้นคิมก็ยังคงไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก จนถึงวันนี้อาจจะเรียกได้ว่าเขาประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว แต่ถ้าเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ เขาอยากจะเปลี่ยนอะไรมากที่สุด
“อยากปรับอายุให้น้อยลงครับ มาอยู่กับเด็กๆ แล้วผมแก๊แก่ โคตรเซ็งเลย .. อยากหุ่นดีกว่านี้ครับ อยากให้เฟิร์มกว่านี้ อยากมีเวลาเล่นฟิตเนส ตอนนี้ไม่มีเวลาเลย อยากเล่นมากๆ”
การเดินถึงจุดหมายปลายทางแห่งความต้องการที่ตั้งเอาไว้อาจจะหมายถึงเส้นชัยแห่งความสำเร็จของคนๆ หนึ่ง แต่ใช่หรือไม่ว่าสิ่งที่จะทำให้คนๆ นั้นดูมีคุณค่ากว่า ณ จุดเส้นชัยที่ว่าที่คนคนนั้นยืนอยู่ ก็คือเส้นทางที่เขาต้องเดินผ่านมานั่นเอง ก่อนที่จะไปไกลกว่านั้น เขาก็ไม่ลืมที่จะหันมามองเบื้องหลังความสำเร็จที่ทำให้เขามีวันนี้ได้ เขาพูดขอบคุณแฟนคลับอยู่พักใหญ่ หลังจากนั้นก็หันมาฝากผลงานเพื่อสิ้นสุดการสนทนาในครั้งนี้ว่า
“ตอนนี้มีเรียลลิตี้ครับ เลิฟซิกเดอะซีรีส์เฟรชชี่แคมป์ ก็จะเข้าไปในบ้านเพื่อเรียนรู้การเป็นนักแสดงที่ดีครับ ก็สนุกสนานครับ ออนแอร์ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.50 น. แล้วก็มีเลิฟซิกเดอะซีรีส์ 12 ตอน ต่อด้วยสิบตอนพิเศษ ยังไม่ชัวร์ครับ แต่สนุกแน่ๆ เป็นตัวละครอะไรก็ต้องลองติดตามดูรับรองว่าจิ้นแน่นอน แล้วก็มีคอนเสิร์ตใหญ่เดือนพฤษภาคมครับ เป็นแฟนมีตครั้งใหญ่ของเลิฟซิก เปิดให้จองบัตรกันแล้ว ราคา 1,990 บาท ก็ไปจับจองกันได้ ตอนนี้ก็ซ้อมร้อง ซ้อมเต้นกันหนักหน่วง ทุกคนจะได้เห็นพวกผมร้องเพลงกัน เต้นกันเต็มที่”
หมายเหตุ: ขอขอบคุณ ร้านกาแฟ Nikko Cafe สาขาเอกมัย ที่เอื้อเฟื้อสถานที่
ติดตามชมเรื่องราวอัพเดทของศิลปินได้ที่ คอลัมน์: คุยกับดาว น้องๆ คนไหนที่อยากอัพเดทเรื่องราวของศิลปินดาราสุดที่รักของคุณแบบนี้ ส่งมาได้ที่ startalk@prsociety.net หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.prsociety.net และ www.facebook.com/PRSocietyNews
5 เรื่องควรรู้ก่อนออกเดทกับคิม
ประวัติ คิม-วโรดม
ชื่อเล่น: คิม
ฉายา: คิมอปป้า
วันเดือนปีเกิด: 1 เมษายน 2534
อายุ: 24 ปี
ส่วนสูง: 184 เซนติเมตร
น้ำหนัก: 68 กิโลกรัม
การศึกษา: มหาวิทยาลัยราชภัฏชลบุรี คณะครุศาสตร์บัณฑิต
งานอดิเรก: เล่นกีต้าร์
บุคลิกส่วนตัว: เป็นคนง่ายๆ สบายๆ กวนๆ
กีฬาสุดโปรด: ว่ายน้ำ ฟุตบอล ชอบฟุตบอลมากที่สุด
สีที่ชอบ: ฟ้า น้ำเงิน เขียว
สัตว์เลี้ยงที่ชอบ: สุนัข
สิ่งที่ไม่ชอบ: งู ตุ๊กแก แมลงสาบบิน
แนวภาพยนตร์ที่ชอบ: แฟนตาซี
แนวเพลงที่ชอบ: ป็อป ร็อค
ศิลปินในดวงใจ: พาราด็อกซ์
นักแสดงในดวงใจ: ชาคริต แย้มนาม
เป้าหมายสูงสุดในชีวิต: อยากให้ครอบครัวมีความสุข