“ ฉลุย” เรื่องราวของสองวัยรุ่นที่พยายามค้นหาตัวตน ความฝัน และความรัก
เป็นภาพยนตร์แนวคอมเมดี้มีฝัน ที่เคยสร้างความประทับใจและแจ้งเกิดให้กับ
“บิลลี่”และ“เอ็ม” มาแล้วเมื่อปี 1988
และปี 2015 นี้“ฉลุย” ถูกนำมารีไซเคิลใหม่อีกครั้ง ในมุมมองและโปรดักชั่นที่แตกต่างสนุกสนานผจญภัยไกลกว่าเดิมใน “ฉลุยแตะขอบฟ้า”ครั้งนี้โต้ง (นิกกี้) กับป๋อง (เจสซี่) จะไปไล่บี้เพื่อหนีความฝันกันถึงประเทศเกาหลี โดยมี “ซันชายน์”(ปอ AF)” เป็นคู่แข่งความรักของโต้ง,ป๋อง แถมด้วยเซอร์ไพรส์พิเศษสุดๆคือ “นิชคุณ” ศิลปินไทยที่ไปสร้างชื่อในเกาหลี ได้ให้เกียรติมารับเชิญเป็นแรงบันดาลใจให้กับโต้ง,ป๋อง อีกด้วย
“ฉลุย-แตะขอบฟ้า” สร้างโดย Transformation Films บริษัทของคนรุ่นใหม่เจ้าของผลงานสุดประทับใจเรื่อง “ตุ๊กแกรักแป้งมาก” และ “ซิงเกิ้ลเลดี้ เพราะเคยมีแฟน” ที่เพิ่งผ่านสายตากันไป “ฉลุย-แตะขอบฟ้า” เป็นผลงานลำดับที่ 3 ของ Transformation Films ที่มีบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่จากเกาหลี CJ entertainment ให้ความสนใจร่วมลงทุนด้วย ซึ่งจะทำให้ “ฉลุย-แตะขอบฟ้า” นอกจากจะฉายในทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศไทยแล้ว บริษัท CJ entertainment ยังมีแพลนที่จะนำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปฉายในโรงภาพยนตร์เครือ CJ entertainment ที่มีอยู่ในหลายๆประเทศในแถบเอเชียและรวมถึงอเมริกาอีกด้วย
เรื่องย่อ
ฉลุย-แตะขอบฟ้า
“โต้ง” กับ “ป๋อง” สองอันเดอร์ด็อก ที่เป็นคู่ซี้ที่มีดนตรีอยู่ในหัวใจ แต่ที่ทั้งคู่ยังไม่มีคือ เงิน และต้นทุนทางสังคมอื่นๆ นอกจากความฝันอันแสนไกลที่ยังไม่เคยไปถึง จึงเป็นชีวิตที่แม้แต่หมายังไม่อยากมอง ทั้งคู่อยากเป็นนักร้องนักดนตรี อาชีพที่พวกเขารักและหลงไหล ซึ่งทั้งคู่ก็พยายามอยู่หลายครั้งหลายวิธี แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามแค่ไหน ความพยายามก็ยังเป็นแค่ความพยายาม ความฝันก็ยังเป็นได้แค่ความฝัน
เมื่อโต้งป๋องต้องมาเจอกับอีเจ๊สลายฝันเจ้าของคอนโดฯที่มาตามทวงค่าเช่าห้องที่ติดค้างทุกวันๆ ทำให้ความฝันที่มีเหลืออยู่น้อยนิดของโต้งป๋องลดลงอย่างรวดเร็ว ด้วยความมั่นใจแต่ไปไม่เป็น พอท้งคู่ไปเสนองานที่ไหนก็จะถูกไล่ออกมาเหมือนหมูเหมือนหมาทุกครั้งจะทำอะไรก็ดูผิดพลาดไปซะหมด คนมันอันเดอร์ด็อกก็มักจะซวยซับ ซวยซ้อน ซวยซ่อนเงื่อนอย่างนี้แหละครับ
จนวันหนึ่งขณะที่ทั้งคู่ท้อแท้หมดกำลังใจที่จะไล่ล่าตามหาความฝันที่ไม่เคยเป็นจริงอีกต่อไป เกิดเป็นผักยังมีความฝันว่าจะได้เจอน้ำ เพื่อเติบโตและงดงาม เกิดเป็นคนทั้งทีก็อย่าให้อายผัก คนเราถ้าไม่มีความฝันแล้วจะอยู่ไปเพื่ออะไร นอกจากความฝันแล้ว พระเจ้าก็ยังมอบความรักให้มาเป็นพลังใจอีกด้วย โต้งป๋องบังเอิญไปปิ๊งปั๊งกับ “ตุ๊กตา” สาวน้อยหน้าใสคนหนึ่งที่เพิ่งย้ายมาอยู่ในซอยใกล้ๆกัน ทำให้ชีวิตของโต้งป๋องกลับมามีสีสันมีแรงบันดาลใจอีกครั้ง ทั้งคู่หันหลังให้ความฝัน แล้วเดินหน้าเข้าใส่ความรัก โต้งป๋องสลับกันทำความรู้จักและแย่งกันจีบตุ๊กตา จนเมื่อความรักของพวกเขาจะพอมีความเป็นไปได้ ทั้งคู่ก็ต้องเจอกับอุปสรรคชีวิตอีกครั้ง
“ซันชายน์” หนุ่มคู่แข่งที่หน้าตาก็ไม่ได้หล่อหรือดูดีกว่าโต้งหรือป๋องสักเท่าไหร่เลย แต่ปัญหาคือ ซันชายน์ดันเป็นนักร้องดาวรุ่งจากเวที AF ที่สาวๆกำลังกรี๊ดกันทั้งเมือง และสาวตุ๊กตาก็ดูเหมือนจะไม่ยอมตกกระแสนี้ด้วยเช่นกัน
เมื่อรู้ว่าสาวตุ๊กตาชอบศิลปินและเสียงเพลง โต้งป๋องตัดสินใจหวนกลับไปหาความฝันเดิมอีกครั้ง เพื่อตุ๊กตา พวกเขาจะต้องเหนือกว่าไอ้หนุ่มซันชายน์ให้ได้ โดยมี “พี่ตึ๋ง” หลานอีเจ๊สลายฝัน เพื่อนรุ่นพี่ที่มีความฝันอยากจะเป็นผู้จัดการศิลปินชื่อดังเหมือนกับเอศุภชัย ให้คำแนะนำว่า พ.ศ.นี้ถ้าจะให้โดนใจสาวๆก็ต้องเคป๊อบเท่านั้น และเคป๊อบของแท้ก็ต้องไปแจ้งเกิดที่เกาหลีด้วย
พี่ตึ๋งบอกว่าถ้าอยากได้ตุ๊กตา ก็ต้องไปเป็นศิลปินที่เกาหลี เหมือนกับ “นิชคุณ” ศิลปินเคป๊อบไทยที่ไปสร้างชื่อในเกาหลีจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งเอเชีย โต้งป๋องถึงกับอึ้ง ลำพังแค่จะหาเงินกินเกาเหลาสักชามยังลำบาก จะให้ไปเกาหลี เอาอะไรคิดครับพี่
พี่ตึ๋งแนะ“ ถ้าพวกมึงมัวนั่งคิดนอนคิด ความฝันก็คือความฝัน แต่ถ้าพวกมึงลงมือทำ ความจริงก็คือความจริงเว้ย ถ้ายอมรับความจริงไม่ได้ มึงก็อยู่กับความฝันไปจนตายแหละ “
ด้วยบุญบารมีและความสามารถของพี่ตึ๋งที่แจ๊คพ๊อตไปได้เงินมาก้อนหนึ่ง ทำให้โต้งกับป๋องมีโอกาสบุกไปถึง CJYP ค่ายดนตรีค่ายยักษ์ในเกาหลี แถมยังได้เจอกับนิชคุณที่นั่นอีกด้วย โต้งป๋องได้รับน้ำใจและกำลังใจจาก “นิชคุณ” ซึ่งเป็นไอดอลของพวกเขาไปเต็มๆ “สู้ๆครับ”
“ความฝันอยู่อีกไม่ไกล แต่ความบรรลัยมักจะมาถึงก่อน” โต้งป๋องทำเงินและพาสปอร์ตหาย อะไรที่ไม่คิดฝันว่าจะเจอก็ได้เจอ ทั้งฝันดีฝันร้าย ทั้งเจอโจร เจอตำรวจ เจอแท็กซี่ เจอนักดนตรี เจอลุงๆป้าๆ เจออาม่า และอีกสารพัดเจ๊ๆเฮฮาปาจิงโกะ
เพราะความจริงมันไม่ง่ายเหมือนความฝัน โต้งป๋องต้องเจอกับสารพัดปัญหาและเรื่องราวผิดที่ ผิดทาง ผิดวัฒนธรรม จนถึงขั้นผิดใจกันเองเมื่อทั้งคู่ดันไปเจอกับ “มีฮา” สาวเกาหลีน่ารักคนหนึ่งที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับ “ตุ๊กตา” สาวที่ทั้งคู่เคยขับเคี่ยวแย่งจีบกันอยู่ “มีฮา” โผล่มาสร้างความสดใสและความสับสนให้กับโต้งป๋อง ว่าจะตุ๊กตาหรือมีฮากันดี
เรื่องราวความรัก และความฝัน ของโต้งและป๋อง กับตุ๊กตาหรือมีฮา จะออกหัวหรือก้อย จะรอดไม่รอด จะจบลงยังไง และที่ตรงไหน โปรดติดตาม 4 มิถุนานี้ ทุกโรงภาพยนตร์
2ผู้กำกับ 2วัย2ความคิด
“อังเคิล อดิเรกวัฏลีลา”
ผู้กำกับรุ่นเก๋า เจ้าของเชื้อไฟคนเดิม
“ฉลุยเวอร์ชั่นนี้ไม่ได้มาจากการรีบูท หรือ รีเมค แต่คือการ รีไซเคิลจากโครงสร้างของ “ฉลุย” เดิมก็ว่าได้ครับ ซึ่งตอนที่คุยกันกับทาง ทรานส์ฟอร์เมชั่นฟิล์ม ทางค่ายเกริ่นถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าน่าสนใจ และน่าจะเอามาให้ผู้ชมรุ่นนี้ได้ชมกันอีกครั้ง เพราะมองว่าคอนเซ็ปของ “ฉลุย” เหมาะกับโลกปัจจุบัน มันตอบโจทย์กับวิถีชีวิตของวัยรุ่นสมัยนี้ เพราะโลกทุกวันนี้มีการแข่งขันกันสูง เด็กจบมาปีหนึ่งๆ เป็นหมื่นเป็นแสนคน แต่งานมีเท่าเดิมจึงมีคนมากมายที่ไม่สมหวัง ทำให้หลายๆ คนท้อแท้กับชีวิตที่ไม่ได้ไม่เป็นอย่างที่คิดที่ฝัน ไปบ่นไประบายกันในเฟสบุ๊คหรือในโลกโซเชียล ก็เยอะ
ผมเห็นตรงจุดนี้เลยรู้สึกว่าหนัง “ฉลุย” ที่เราเคยทำไว้ก่อนหน้านี้ ก็มีเนื้อหาเรื่องราวในเรื่องของการให้กำลังใจ นำเสนอให้เห็นว่าโลกในความจริงมันไม่ได้เหมือนกับความฝัน ในสถานการณ์ปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ตัวละคร “โต้ง กับ ป๋อง” จะมีชีวิตอยู่ในโลกของความเป็นจริงยังไง อยู่ให้ได้และอยู่อย่างมีความสุขด้วย ซึ่งชีวิตคนเรามันก็ต้องมีทั้งสมหวังและผิดหวัง บ้างประสบความสำเร็จบ้างก็ล้มเหลวบ้าง ก็เลยคิดว่าเวลานี้น่าจะมีภาพยนตร์ที่นำเสนอเรื่องราวแบบนี้บ้าง และ “ฉลุย” ก็คือคำตอบ เพียงแต่การนำกลับมาทำในปัจจุบันมันก็ต้องเข้ากับคนในยุคนี้ด้วย พยายามจะทำให้หนังมีเนื้อหาที่ทันสมัย โดนใจวัยรุ่นและถูกใจทุกกลุ่มคนดู”
ซึ่งในส่วนของบทเวอร์ชั่นนี้เป็นเรายังรักษาหัวใจและคงคุณค่าที่มีอยู่เดิมไว้ โดยปรับเปลี่ยนเส้นเรื่องและความสนุกสนานขึ้นมาใหม่ จึงต้องอาศัยไอเดียและความคิดของกลุ่มคนรุ่นใหม่ เลยนึกถึงหนังเรื่อง “เลิฟซินโดรม รักโง่ๆ” ที่ผมเคยดูและประทับใจในมุมมองและความสามารถ ซึ่งเป็นทีมเขียนบทของ “คุณปุ๊ก พันธุ์ธัมม์ ทองสังข์” เลยปรึกษาคุณปุ๊กว่า ผมสนใจทีมเขียนบททีมนี้ ซึ่งคุณปุ๊กและทีมเขาก็ยินดีที่จะมาร่วมงานกัน “ฉลุย-แตะขอบฟ้า” ก็เลยเริ่มต้นในการเดินทางกันอีกครั้งครับ”
“หนึ่ง สุชาติมัฆวิมาลย์”
- จุดเริ่มต้นของการได้มาทำ ฉลุย-แตะขอบฟ้า
สมัยเรียนผมมีโอกาสได้ประกวดหนังสั้นที่มหาวิทยาลัยโดยมีพี่อังเคิลเป็นกรรมการและหนังสั้นของผมได้รับรางวัลชนะเลิศ นั้นเป็นครั้งแรกที่เจอกับ พี่อังเคิล หลังจากนั้นไม่นานพี่อังเคิลก็ติดต่อมาแล้วถามว่าสนใจอยากลองมาฝึกงานและศึกษางานด้านหนังจริงๆไหม ตอนนั้นผมเรียนอยู่ปี3 ด้วยความสนใจก็รีบตอบตกลง เลยได้มาฝึกงานกับกองถ่ายหนังที่ พี่อังเคิล เป็นโปรดิวเซอร์ เริ่มจาก เรื่องท้าชน,แฟนเก่า และกองถ่ายทำหนังเรื่อง มือปืนดาวพระเสาร์ ของพี่ต้อม ยุทธเลิศ ทำให้ผมได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างของการทำงาน ของพี่ๆ แต่ละคนว่าเขามีวิธีคิดและทำงานกันอย่างไร ต่อจากนั้นพี่อังเคิลได้รับโปรเจกต์บันทึกกรรมมา พี่อังเคิลทำช่วงเปิดเรื่องและให้ผมทำต่อ นั่นเป็นการได้กำกับเต็มตัวงานแรกครับ แล้วก็มีงานกำกับมิวสิควีดีโอบ้าง เล็กๆน้อยๆ หลังจากนั้นไม่นาน พี่อังเคิล ก็เริ่มทำ โปรเจกต์ฉลุย-แตะขอบฟ้า และให้โอกาสผมได้กำกับหนังเป็นครั้งแรก สำหรับผม ฉลุยมันสุดยอดของมันอยู่แล้วมันมีความสมบูรณ์ของตัวมันเองในยุคนั้นต่อให้มาดูในยุคนี้มันก็ยังสมบูรณ์อยู่ดี เพียงแต่ว่าครั้งนี้เรามาเติมเรื่องราวให้มันสนุกขึ้น ทันสมัย เร้าใจวัยมันมากขึ้น ฉลุย-แตะขอบฟ้า เป็นอีกรสชาดหนึ่งที่เป็นส่วนผสมของความคลาสสิคกับความใหม่ ความสด คงมีไม่กี่เรื่องที่นำเอา ผู้กำกับใหม่และผู้กำกับรุ่นเก๋าในตำนานมาร่วมกำกับ จนกลายเป็นอีกรสชาดหนึ่งที่คนที่ได้ดูจะได้รสชาดที่แปลกใหม่ครบรส เป็นส่วนผสมที่ลงตัวเราของคนสองรุ่นที่ร่วมกันด้วยใจ - การเตรียมตัวการเป็นผู้กำกับครั้งแรก
ตอนเริ่มโปรเจกต์พี่อังเคิลถามผมว่าไหวไหมถ้าให้กำกับคนเดียวเดี๋ยวพี่เป็นโปรดิวเซอร์ให้ ผมคิดว่าถ้าเราทำหนังในประเทศอย่างเดียวมันจะไม่ยากมากที่จะดูแลคนเดียว แต่พอโจทย์เป็นหนังที่ต้องไปถ่ายทำที่ต่างประเทศแถมมีเรื่องราวของการผจญภัยไม่ใช่หนังที่อยู่กับที่มัน สโคปใหญ่มากสำหรับผม ยิ่งมีศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับเอเชีย อย่าง นิชคุณร่วมด้วยอีก ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกประสบการณ์ผมยังไม่ได้มีมากขนาดนั้นผมก็เลยบอกพี่อังเคิลว่า ผมขอกำกับร่วมกับพี่ดีกว่า เพราะผมยังต้องการคนคอยประคองและช่วยแนะนำ พอเริ่มงาน อันดับแรกผมทำในสิ่งที่พี่อังเคิลมอบหมายมาให้และเสนอกลับไปก่อน สมมุติว่ามอบหมายมาให้ 10อย่าง ผมเสนอผ่าน 2อย่าง ก็ดีใจมากแล้ว ถ้าผมทำได้ก็เหมือนผมได้ความรู้เพิ่มขึ้นมาอีก มันคือสิ่งที่เราหาซื้อไม่ได้คงไม่มีงานไหนหรือใครที่ให้ความรู้กับผมได้มากขนาดนี้ นอกจากพี่อังเคิลจะให้โอกาสในการทำงานแล้ว พี่อังเคิล ยังสอนผมในทุกๆเรื่องตั้งแต่การถ่ายทำไปจนถึงการตัดต่อ ทำให้ผมได้เพิ่มความรู้ขึ้นทุกวัน - การไปถ่ายทำที่เกาหลี
ราบรื่น กว่าที่ผมคิดไว้ครับ โชคดีที่เรามีทีมที่ดี ปัญหาที่เจอเลยน้อยมากและด้วยการทำงานของผมปกติก็ต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศบ่อยอยู่แล้วเราเลยรู้ว่าเราควรเตรียมงานอะไรก่อนหลัง ตอนแรกที่ไปก็ต้องไปศึกษาชีวิต วัฒนธรรม ของคนที่นั่นก่อนว่าเป็นอย่างไรเพราะประเทศเรากับประเทศเขามีเนเจอร์ที่ต่างกัน แล้วเราก็มาทำ story board กันหลังจากที่กลับมาจากกการไปดูโลเคชั่น เพื่อปรับ ลด เพิ่ม ทุกอย่างให้ออกมาดี และเตรียมความพร้อมในการถ่ายทำ - การร่วมงานกับนิชคุณ
เขาทำการบ้านมาดีมาก มีความตั้งใจ และให้เกียรติทุกคน รับฟังสิ่งที่ผู้กำกับบรีฟและทำออกมาได้ดี เล่นเต็มที่ ไม่ห่วงหล่อ ไม่กลัวเสียภาพพอเราเห็นเขาทำอะไรได้เยอะกว่าที่เราคิด เราก็ใส่ไปเต็มที่เหมือนกัน ถ้ามีคิวเยอะกว่านี้สงสัยใส่กันไม่ยั้งครับ ประทับใจมาก ระดับมืออาชีพจริงๆ แม้แต่นักแสดงสมทบเกาหลีทุกคนทำการบ้านมาดีหมด และเล่นดีมาก ทำให้งานเราออกมาสนุกมากขึ้นครับ - หลังจากปิดกล้อง
ผมภูมิใจกับสิ่งที่ได้ฝ่าฟันมา การเป็นผู้กำกับหนังมันยากเพราะมันไม่ใช่แค่คิดมาแล้วก็ออกไปทำ มันมีเรื่องของเหตุและผล มีรายละเอียดมีปัญหาเฉพาะหน้า มีคำถามที่เราต้องหาคำตอบ หาทางออกที่ดีที่สุด คนเราไม่ได้มีโอกาสที่จะได้ทำในสิ่งที่เราฝันกันง่าย เมื่อโอกาสมาถึงเราควรมุ่งมั่นตั้งใจ ลองสู้กับมันดูซักตั้ง เราอาจไม่ใช่คนที่ดีที่เก่งที่สุดแต่ถ้าเราพยายามทุ่มเทและตั้งใจซักวันก็จะเป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับเราครับ - สุดท้ายอยากบอกอะไร
ต้องขอบคุณพี่อังเคิลมากครับ ผมไม่เคยคิดว่าชีวิตจะมาถึงตรงนี้ได้ เราเป็นแค่นักศึกษา ณ ตอนนั้นเราทำหนังสั้นเพราะความสนุกและแค่อยากทำให้คนที่ได้ดูหนังเราชมว่าหนังเราสนุก หนังดีนะ เราตั้งใจทำเต็มที่ แต่วันนี้สิ่งที่เราตั้งใจทำในวันนั้นมันเกินฝัน และกลับกลายเป็นได้รับสิ่งยิ่งใหญ่มากกลับมา โอกาสที่ได้รับในวันนี้ไม่ใช่ใครจะเดินเอามาให้ง่ายๆ แต่นี่เป็นสิ่งที่พี่เขามอบให้ด้วยความมั่นใจในตัวเรา พี่อังเคิลเป็นมากกว่าผู้กำกับสำหรับผม เขาให้ประสบการณ์ ให้โอกาส ในการเรียนรู้ ในการแก้ปัญหา เป็นเหมือนครูและพ่อเลยก็ว่าได้ขอบคุณมากครับพี่
“นิชคุณ หรเวชกุล”รับบท “นิชคุณ” ซุปตาร์เกาหลี สัญชาติไทยศิลปินชาวไทยที่ไปสร้างชื่อประสบความสำเร็จในประเทศเกาหลี จนเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งเอเชียนิชคุณให้เกียรติรับเชิญมาร่วมแสดงในบทที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับโต้งและป๋อง
- ความรู้สึกที่ได้เข้ามาร่วมงานกับภาพยนตร์เรื่อง”ฉลุยแตะขอบฟ้า”
รู้สึกดีใจมากครับที่ได้มาแสดงรับเชิญในภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือเป็นอีกโอกาสที่ดีและท้าทายมากครับ เพราะเป็นภาพยนตร์ที่เคยโด่งดังจนเป็นตำนานมาแล้ว การนำกลับมาสร้างใหม่ในมุมมองที่ให้กำลังใจและแรงบันดาลใจ กับทุกคน ทำให้ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และมอบกำลังใจให้กับทุกคนครับ
- พูดถึงบทบาทที่ได้รับ
ผมรับบทเป็นศิลปินชื่อ นิชคุณ ก็คือรับบทเป็นตัวเอง ก็ไม่ยากครับแต่สนุกที่ได้ร่วมแสดง โดยเฉพาะฉากที่ผมต้องเล่นเป็นเด็กส่งพิซซ่า ฉากนี้มันมาก ไม่คิดว่าจะได้ทำอะไรแบบนี้ ได้แสดงออกในแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ส่วนเรื่องที่ทำไมต้องมาส่งพิซซ่าต้องติดตามชมในภาพยนตร์ครับ สนุกแน่นอน - บรรยากาศในการทำงานครั้งนี้
ในส่วนของผมถ่ายทำที่เกาหลีทั้งหมดเลย ทีมงานมาถ่ายกันที่เกาหลี มาเจอช่วงเริ่มหนาวมากบางวันติดลบเลยครับ ถ้าช่วงหลังจากนี้ก็จะอุ่นๆหน่อย การถ่ายทำสนุกสนาน ราบรื่นดีครับ ผมว่าภาพออกมาสวยดีนะครับ แล้วการแสดงก็เข้ากันได้ดีมากเลย - ความรู้สึกกับการเป็นไอดอลของวัยรุ่นยุคใหม่
รู้สึกดีใจมากครับ เมื่อก่อนผมก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่เคยมองดารา ได้แต่คิดว่าถ้า มีคนมาให้ความสนใจกับเรา เราจะรู้สึกยังไง อยู่ดีๆเราก็ได้มายืนอยู่จุดนี้ การจะมาถึงจุดนี้ได้ ไม่สามารถวิ่ง หรือกระโดดได้ ต้องเดินช้าๆอย่างมั่นคง เราต้องเก็บเกี่ยวทุกก้าวทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตและต้องจำทุกบทเรียน ฝึกฝนตัวเองให้เต็มที่ เตรียมตัวเองให้พร้อมเพราะกว่าจะมาถึงจุดนี้มันไม่ใช่ง่าย ต้องมีทั้งความพยายามและโชคด้วย แต่ว่าความพยายามมันคือ 99% ของความสำเร็จเลยนะครับ หวังว่าทุกคนจะทำตามความฝันของตัวเองให้ได้เต็มที่และผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนประสบความสำเร็จให้ได้อย่างที่ใจฝันครับ - ถ้าหนังเรื่องนี้จะเป็นเสมือนตัวแทนของคนมีฝันคนดูจะได้อะไรจากเรื่องนี้
คนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้จะได้ข้อคิดเรื่อง ความไม่ท้อถอย ความพยายาม และความมุ่งมั่น ความตั้งใจที่จะไปถึงฝันของตัวเอง นั่นคือจุดสำคัญ ถ้าเราอยากจะเป็นอย่างไรเราต้องทำให้ดีที่สุด ไปให้ถึงที่สุดสำหรับในสิ่งที่หวังไว้ คนเรามี ไอดอล แตกต่างกัน เราควรเก็บเกี่ยวด้านดีๆ ของ ไอดอล ที่เราชื่นชมแต่ละคนนั้นมาใช้กับชีวิตตัวเอง ไม่ใช่ต้องทำตามทุกอย่างที่เขาทำเพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะชีวิตของคนเราต่างกันอยู่แล้ว ผมหวังว่าทุกคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้จะมีกำลังใจที่จะทำตามความฝันของตัวเองให้ถึงที่สุด ใครที่มี ไอดอล ที่ชื่นชอบ ก็อยากให้เก็บแต่ด้านดีๆของเขามาปรับใช้กับชีวิตของตัวเองอย่างเหมาะสมนะครับ และหวังว่าสักวันหนึ่งทุกๆคนที่มีความมุ่งมั่นจะมีโอกาสได้เป็น ไอดอล ของคนรุ่นต่อๆไปในอนาคตครับ - พูดถึงการร่วมงานกับผู้กำกับพี่อังเคิลและพี่หนึ่ง
พี่อังเคิล เป็นทั้งผู้กำกับแลโปรดิวเซอร์ รุ่นใหญ่ ที่น่ารักและใจดีกับผมมากเลยครับ เวลาถ่ายมุมหนึ่งเสร็จแล้วต้องเปลี่ยนมุมกล้อง พี่อังเคิล จะเดินมาบอกผมทุกครั้งว่าขออนุญาตเปลี่ยนมุมกล้องนิดหนึ่งนะครับ ซึ่งผมรู้สึกว่าพี่อังเคิลครับพี่ไม่ต้องขออนุญาตผมหรอก ผมเป็นนักแสดงของพี่ ผมต้องทำตามที่พี่กำกับอยู่แล้ว แต่นี่พี่อังเคิลแสดงความเกรงใจผมมากจนผมเกรงใจพี่อังเคิลมากๆเลยครับ ยิ่งพี่เขาเคยบอกว่า ยินดีและมีความสุขมากที่ได้ทำงานกับผม ผมก็มีความรู้สึกตื่นเต้นมากครับที่ได้มีโอกาสทำงานกับผู้กำกับระดับตำนานภาพยนตร์ของเมืองไทย ผมหวังว่าผมจะได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือและขอเกาะความดังไปด้วยอีกคนครับ ส่วนพี่หนึ่ง ก็น่ารักและแอคทีฟมากครับ เวลาเรียกเข้าฉากจะมีบางมุม บางซีนที่ผมไม่รู้ว่าควรจะเล่นประมาณไหน พี่เขาจะมีการอธิบายให้เข้าใจได้อย่างดี สำหรับการเป็นนักแสดงแล้วผมมีความสุขและรู้สึกสนุกกับการทำงานมากเลยครับ - พูดถึงการทำงานกับเจสซี่ นิกกี้ และใบเตย
เพิ่งมีโอกาสได้ทำงานด้วยกันครั้งแรก รู้สึกสนุกสนานมาก ทำให้สามารถเล่นบทฮาๆได้อย่างราบรื่น ทั้งที่โดยปกติผมไม่เคยได้เล่นอะไรแบบนี้เลยพอได้เล่นรู้สึกสนุกดีครับ ได้ลองบทบาทที่ไม่เคยลอง น้องทั้ง 3 คนน่ารักและแสดงเก่งกันทุกคนเลยครับ
“เจสซี่ เมฆ เมฆวัฒนา” รับบท “ป๋อง”เป็นคนมุ่งมั่น / เป็นคนรอบคอบ คิดเยอะ / เวลาป๋องอยู่ต่อหน้าคนอื่นจะมีมาด ไว้ฟอร์ม และมีกาละเทศะมากกว่าโต้ง / แต่เวลาอยู่กับโต้งแค่สองคนป๋องก็จะพูดกวนตีนได้แบบไม่ต้องคิดเช่นกัน / ทั้งโต้งป๋องมีเรื่องให้ต้องต่อปากต่อคำกันเสมอๆ / เพราะทั้งคู่มีเป้าหมายคือ ตุ๊กตา หรือมีฮา และดนตรีเหมือนๆกัน
- ฉลุย กับ ฉลุย แตะขอบฟ้า แตกต่างกันยังไง
ผมมีโอกาสได้ดู ฉลุยดูหลายรอบเลยครับ ชอบมาก รู้สึกพี่บิลลี่กับพี่เอ็มเขาเล่นกันสนุกมากครับ คลาสสิคสุดๆ แต่ ฉลุย แตะขอบฟ้า จะคงคุณค่าของโครงเรื่องเดิมไว้ แต่เรื่องราวใหม่ทั้งหมด โต้ง ป๋อง มี นิชคุณ เป็นไอดอล และมี ซันซายน์ เป็นคู่แข่งหัวใจ มีสีสันที่ทันสมัย ตามแนวทางชีวิตของวัยรุ่นยุคนี้
- บทบาทที่ได้รับ
ผมรับบทเป็น ป๋อง เป็นเพื่อนสนิทของ โต้ง ตั้งแต่มัธยม แล้วอยู่ด้วยกันยาวจนเข้ามหาลัย แต่ไปไม่ค่อยจะรอดครับ คนเดียวไม่รอดสองคนก็ไม่รอด (ฮา) คือเราอยากเป็นนักดนตรี อยากดัง อยากให้สาวหันมามอง มากรี๊ด แต่ยังกากกันอยู่ทั้งคู่ ทำยังไงก็ไม่สำเร็จซักที คือไม่ถึงฝั่งฝัน วันหนึ่งก็เลย เหมือนฮึดขึ้นมา เพราะไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งก็คือ ตุ๊กตา ที่สวยถูกตาบาดใจมาก แต่ดันเจอคู่แข่งของหัวใจเป็นศิลปินดัง นั่นคือ ซันซายน์ รับบทโดย ปอ AF ก็เลยคิดว่าเอาวะลองซักตั้งเอาจริงต้องทำให้สำเร็จ ต้องพิสูจน์ตัวเองให้สาวหันมาสนใจเราให้ได้ ก็ทำไปแบบ เงิบๆ เพี้ยนๆหน่อย เจอสถานการณ์คับขันตลอดเวลา
- การร่วมงานกับ พี่อังเคิล
ได้มีโอกาสร่วมงานกับ พี่อังเคิล ครั้งแรกตอนเล่นฮาชิมะ โปรเจกต์ พี่เขาเป็นโปรดิวเซอร์ ตอนนั้นก็ได้ประสบการณ์เยอะครับ มาถึงเรื่องนี้ยิ่งได้อะไรเพิ่มมากขึ้นไปอีก เพราะเรื่องนี้พี่อังเคิล เป็นผู้กำกับเองด้วย พี่เขาจะสอนเรื่องของจังหวะว่าจังหวะนี้ควรจะเป็นอย่างนี้ เล่นอย่างนี้มันจะชัดกว่า สอนให้เรียนรู้ มุมกล้อง ว่าหันด้านไหนมันจะพอดีจังหวะกว่า เป็นรายละเอียดที่นักแสดงควรรู้แล้วปรับใช้ในการแสดงได้ตลอดชีวิตเลยครับ
- การร่วมงานกับ นิชคุณ
ไม่ธรรมดานะครับ ได้เล่นประกบ นิชคุณ ผมว่าเขา Improvise ดีมากเลยครับ แล้วก็ทำการบ้านมาดี เช่นในฉากที่จะต้องมีลีลาการเต้นการขยับตัว ร่างกายเขาพร้อมมาก คือดูรู้เลยว่าฝึกฝนตัวเองมาอย่างมืออาชีพบางทีผมดูเขาเล่นจนลืมแสดงบทตัวเองเลยครับ เขาให้ความเป็นกันเองกับทีมงานและกับนักแสดงทุกคน จนทำให้เรารู้สึกไม่กดดันครับ
- การร่วมงานกับ นิกกี้
ช่วงแรกๆก็เหมือนมีกำแพงหน่อยๆ เรารู้สึกว่าเกร็งและเกรงใจเพราะเขาเป็นพี่ แต่ก็ต้องพยายามเป็นเพื่อนกันให้ได้ พอได้เริ่มมา Work Shop ด้วยกัน ผมก็รู้สึกว่าสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆพี่นิกกี้ อนุญาตให้เล่นหัวได้เหมือนเล่นกับเพื่อนเลยเต็มที่ แล้วให้เรียกชื่อเฉยๆไม่ต้องเรียกพี่ มันก็ค่อยๆทำให้เราซึมซับไปเรื่อยๆ จากตอนแรกที่ยาก พอเล่นไปเล่นมามันมีทั้งความท้าทายและสนุกด้วยเลยปรับตัวเข้ากันได้เร็วขึ้น ทีนี้เข้าขาสบายเลยครับ เฮฮารั่วกันแหลกลานเลย
- การถ่ายทำที่เกาหลี
อากาศหนาวมากครับ ถ่ายกลางคืนนี่หนาวสุดๆสั่นจนจำบทพูดไม่ได้บ่อยๆผมนี่หน้าชา ขากรรไกรค้างเลย แต่ก็ทำให้เราได้ฝึกฝนเพิ่มความอดทนต่อสภาพแวดล้อมระหว่างแสดงได้ดีเลยครับ
- ได้อะไรจากภาพยนตร์เรื่องนี้
ได้ประสบการณ์ใหม่ๆเยอะเลยครับ โดยเฉพาะด้าน Comedy จังหวะการแสดงออก บางจังหวะอาจจะต้องแสดงให้ใหญ่กว่าปกติหน่อย ภาพกว้างๆคนดูอาจจะไม่เห็น จังหวะที่มันเป็น Comedy โต้ตอบกัน ต้องมีทักษะและมีจังหวะที่ดี จะทำให้ดูสนุกและเป็นธรรมชาติครับ
- ทำไมต้องดู ฉลุย แตะขอบฟ้า
เพราะจะเป็นแรงบันดาลและกำลังใจให้กับหลายๆคนที่มีความฝันเหมือนกันหรือไม่ว่าจะฝันแบบไหน หนังเรื่องนี้จะเป็นตัวแทนของคนที่ต้องต่อสู้เพื่อตามความฝันของตัวเอง ทำความฝันให้สำเร็จ เป็นทางเลือกใหม่ แบบไม่ต้องคิดมาก ดูสนุก ครบรส แต่ได้กำลังใจกลับไปแบบเต็มๆ
“นิกกี้ ณฉัตรจันทพันธ์” รับบท“โต้ง” เป็นคนจริงจังกับความฝัน จริงใจ ชัดเจนตรงไปตรงมาไม่คิดเยอะ จึงทำให้โต้งเป็นคนกล้าคิดกล้าทำ คิดไวทำไว / บางทีความไวก็เป็นเหตุทำให้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์พาซวยอยู่บ่อยครั้ง พอมาเจอสาวอย่าง “มีฮา”โต้งกลายเป็นคนคิดช้าทำช้าไปไม่เป็น กลายเป็นคนอึกอักอ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าว่าจะเดินมุ่งไปที่ ”ตุ๊กตา” ที่เป็นเป้าหมายแรก หรือเปลี่ยนเป็นเป้าหมายที่สองอย่าง “มีฮา” ดี
- ฉลุย กับ ฉลุย แตะขอบฟ้า แตกต่างกันยังไง
จริงๆ เหมือนกันแค่ชื่อตัวละคร โต้ง ป๋อง ครับ แล้วก็มีนางเอกคือ ตุ๊กตา แต่ ฉลุย แตะขอบฟ้า จะมีนางเอกอีกคนชื่อ มีฮา เป็นลูกครึ่ง ไทยเกาหลี ที่ โต้ง ป๋อง ไปเจอที่เกาหลี และเกิดเรื่องราวสนุกๆอีกเพียบเลย รายละเอียดเรื่องราวต่างๆในเรื่องไม่เหมือนของเดิมเลย เหมือนกันเฉพาะหัวใจของเรื่องครับ เนื้อเรื่องใหม่หมด
- บทบาทที่ได้รับ
รับบทเป็น โต้ง ครับ เป็นคู่หู เพื่อนซี้ กับ ป๋อง ที่รับบทโดย เจสซี่ เรียกว่าเป็นคู่ซี้ขี้ส้วมเดียวกันเลยครับ เพราะเราอยู่ห้องเดียวกันหารค่าเช่าห้องกัน โต้ง เป็นคนเฮฮาแบบกากๆไปเรื่อย อยากทำอะไรก็ทำเลย ไม่ค่อยคิด คนจะมองว่าเพี้ยนแต่สำหรับโต้งมันคือความจริงใจ (พูดซะดูหล่อเลย) โต้ง กับ ป๋อง อยากเป็นนักร้อง อยากดัง อยากรวย อยากมีแฟนน่ารัก อยากเยอะครับก็หาทางแก้ความอยากกันไปแบบเฮฮาๆ ไฮเปอร์ๆ จนไปไกลถึงเกาหลี สุดขอบความมันส์กันไปเลยครับ
- การร่วมงานกับพี่ อังเคิล
ผมเห็นพี่ อังเคิล อยู่ในหนังประจำ ที่แกชอบได้เล่นเป็นตำรวจ เดิน ก๊อกแก๊ก ก๊อกแก๊ก มาปล่อยมุกทีแล้วก็จากไป (ฮา) ผมว่าหน้าตาแก ดูเหมือนคนดุนะ ดูเป็นคนโหด ตอนแรกก็มีกลัวเหมือนกันครับคิดว่าแกจะดุมั้ย พอได้เจอตัวจริง แกเป็นคนที่น่ารักมากครับคอยสอนผมทุกอย่าง ที่สุดๆก็ต้องเรื่องทุ่มเทของแกครับ มีอยู่ฉากหนึ่งที่ โต้ง ป๋อง อยู่บนดาดฟ้าแล้วต้องโหนเสาเหล็กรูดลงมา ในใจผมคิดว่าแล้วต้องโหนจริงเปล่าวะ พี่อังเคิล แกคงเห็นผมอึ้งๆแกคงกลัวผมไม่กล้าโหน แกโหนโชว์ก่อนเลยครับ ปืดเดียว เข่าแตกเลย เลือดออกซิครับ ยอมรับความกล้าของแกเลย ผมได้วิชาจากแกมาเลยว่าอย่าพลาดแบบแกครับ (ฮา) เรื่องการสอนแอคติ้งนี่สุดยอดครับ พี่อังเคิลเล่นเก่งมากแกสอนจนผมพลิ้วคือผมได้วิชาจากพี่อังเคิลเยอะมากครับ ถือเป็นสุดยอดผู้กำกับของผมเลย
- การร่วมงานกับนิชคุณ
ตื่นเต้นมาก นั่งติดกันแบบไหล่ชนไหล่ ใกล้ชิดยิ่งกว่าการได้กระทบไหล่ นิชคุณ น่ารัก เป็นกันเอง ที่สำคัญคือ หล่อมาก เดินมานี่ออร่าสว่างมาเลย ยิ่งได้นั่งติดกันนี่ ขนาดเป็นผู้ชาย เรายังเขินเลย เข้าใจสาวๆเลยครับว่าจะรู้สึกขนาดไหน นิชคุณ เขารู้ว่า บางทีเราก็มีเกร็งๆเขินๆ เขาก็พยายามชวนคุยเป็นกันเองกับเรา เวลาเข้าฉากจะได้ไม่ต้องตื่นเต้นมาก ซึ่งช่วยได้เยอะเลยครับ ทำให้ลดภาวะตื่นเต้นลงไปได้
- การร่วมงานกับ เจสซี่
เจอกันครั้งแรกตอนงานประกวดโครงการหานักแสดงรุ่นใหม่ของ ละคร น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ผมเป็นพิธีกรในงาน แล้วได้เป็นคนประกาศชื่อ เจสซี่ ตอนประกาศผลด้วยครับ มาเจอกันในเรื่องนี้ต้องแสดงเป็นเพื่อนซี้กัน เลยต้องสร้างความสนิทกับน้องด้วยการห้ามน้องเรียกผมว่าพี่ จนคิวสุดท้ายของการถ่ายทำ เจสซี่ ถึงเรียกผมว่าพี่ และต้องให้น้องลูบหัวตบหัวเล่นทุกวัน น้องจะได้รู้สึกว่าเราสนิทกัน เพื่อการแสดงที่สมจริงครับ ผมต้องทุ่มเท
- การถ่ายทำที่ประเทศเกาหลี
เรายกกองไปถ่ายทำกันช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วครับ กำลังจะเข้าหน้าหนาวเลย ตอนกลางวันประมาณ 10 องศา แล้วตอนกลางคืนบางวันติดลบ เราก็ต้องทำการแสดง Outdoor กันทั้งกลางวันกลางคืน บางคืนถ่ายกันถึงเช้าเลยครับ หน้าชาปากแข็งกันจนบางทีพูดบทไม่ได้ บางที่ที่เราไปถ่ายที่เป็นพวกถนนคนเดิน แหล่งวัยรุ่น เช่น เมียงดง ฮงแด ก็จะมีวัยรุ่นเกาหลี ที่เขาเห็นกองถ่ายทำ ก็มามุงดูกัน แวะดูว่าพวกเราทำอะไรกันประหลาดๆก็เป็นอีกความรู้สึกที่มีคนต่างชาติมามุงดูเรา นักแสดงประกอบของเกาหลีนี่แสดงดีมาก เนียนสุดๆผมนี่งงเลยครับเล่นกันดีมาก เขาคัดเลือกฝึกฝนกันมาดีเลยล่ะ เรียกว่าเล่นดีจนผมเครียด
- สิ่งที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้
อย่างแรกเลยคือความโชคดีครับที่มีโอกาสได้ทำงานกับระดับตำนานอย่าง พี่อังเคิล และยังได้วิชามากมายจาก พี่หนึ่ง ผู้กำกับรุ่นใหม่ไฟแรงสูง พี่เขาจะคอยสอนคอยบาลานซ์การแสดงให้ตลอดเวลา เพราะบางทีถึงเราจะเข้าใจว่าตัวละครตัวนี้มันจะมีความตลก ความบ้า ความเพี้ยน แล้วเราก็คิดว่า ตัวเราก็น่าจะเพี้ยน น่าจะบ้าแนวเดียวกับตัวละครนี้ แต่เรายังเล่นบ้าไม่ถึง ยังเพี้ยนไม่ถึง หรือ บางทีเราอาจจะบ้าและเพี้ยนเกินตัวละครไป พี่อังเคิลกับพี่หนึ่งก็จะคอยตบให้ทุกอย่างมันพอดี มันทำให้ผมเรียนรู้ว่า ศิลปะทางการแสดงมันหลากหลายและมีวิธีคิดได้หลายแบบอยู่ที่เราเรียนรู้จากผู้กำกับนี่แหละครับมันคุ้มมากที่ได้มีโอกาสแบบนี้
- ทำไมต้องมาดู ฉลุย แตะขอบฟ้า
อย่างแรกเลยคือ เป็นหนังที่ผมตั้งใจมากๆครับ เข้าวงการมา 6 ปี การได้เล่นหนังเรื่องนี้เป็น ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผมแล้ว ยากที่สุดสำหรับผมด้วย เราเตรียมตัวกันเป็นเดือนๆทั้ง Work shop ทั้งการฝึกเต้นเพิ่มเติม ตั้งใจและทุ่มเทกันมากครับ สำหรับทุกคนที่มาดูหนังเรื่องนี้นะครับ ทุกคนคงจะมีความฝันของตัวเองต่างกันไป เราฝันอยากเป็นนู่น ฝันอยากเป็นนี่ เราก็ฝันกันอย่างเดียว แต่เราไม่ทำตามความฝันเรา อาจจะด้วยองค์ประกอบหรืออุปสรรคหลายอย่าง ทำให้เราคิดว่าเราคงไม่มีความสามารถที่จะไปถึงฝันได้ หรือเพราะว่าเราไม่มีโอกาส เพราะคิดว่าพ่อแม่เราไม่ได้รวย เราก็ไม่กล้าแม้แต่จะฝัน แต่ว่าไอ้ตัวละครสองตัวในเรื่องนี้ มันก็มีความฝัน แล้วมันก็ไม่ได้พร้อมอะไรซักอย่างในชีวิต แต่มันก็มุ่งมั่นทำตามความฝันของมัน ด้วยใจกล้าบ้าบิ่นต่างๆนาๆอย่างน้อย ขอให้ได้ขึ้นชื่อว่าได้ทำก่อน ผมเชื่อว่า ถ้าเราอยากทำอะไร ถึงแม้ทุกอย่างไม่พร้อม แต่ถ้าใจเราพร้อม ใจเราสู้ มันก็จะผ่านไปได้ผมเชื่อว่าคนที่ได้ดูจะมีกำลังใจแน่นอนครับ
“ใบเตย สุวพิชญ์ ไตรพรวรกิจ” รับบทเป็น “มีฮา” และ “ตุ๊กตา
ตุ๊กตา : เป็นสาวต้นแบบ ที่โดนใจใช่เลยของโต้งกับป๋องมากๆ ทั้งคู่จึงปิ๊งปั๊งตุ๊กตาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แต่นอกจากโต้งกับป๋องแล้ว ก็ยังมีอีกหลายๆหนุ่มที่แวะเวียนกันมาขายขนมจีบซาละเปากับเธอ ตุ๊กตาคือสวยเลือกได้ตัวจริง เธอเป็นสาวหน้าใส ที่ในหัวใจมีแต่เสียงดนตรี จึงเป็นเหตุที่ทำให้ป๋องกับโต้งหันมามุ่งมั่นในเส้นทางดนตรีอย่างจริงจัง เพื่อหวังจะได้เธอมาครอง
มีฮา : เป็นสาวเกาหลีลูกครึ่งไทย สดใสน่ารัก รูปร่างหน้าตาคล้ายกับตุ๊กตา จนเหมือนกับจำลอง หรือถอดออกมาจากบล๊อกเดียวกันเลย ซึ่งก็ควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะทั้งคู่มีพ่อคนเดียวกันนั่นเอง ถึงมีฮา จะมาทีหลัง แต่เธอก็ดูอินเตอร์กว่าตุ๊กตา และที่สำคัญ เธอชอบคนไทยมั่กๆ เธอมีแผ่นแท้หนังและละครไทยสะสมไว้เต็มบ้าน มีฮา จึงคือทางเลือกที่สองของ ป๋องกับโต้ง“
- การร่วมงานกับนิคกี้และเจสซี่
การได้มาแสดงหนังเรื่องนี้สนุกมากค่ะ ทำงานกับ พี่นิกกี้ เจสซี่ ก็สนุกเพราะสองคนนี้ค่อนข้างไฮเปอร์ ทำให้หนูไฮเปอร์ไปด้วย เวลาเข้าฉากด้วยกันทำให้มีพลังในการแสดงเพิ่มมากขึ้น พี่นิกกี้จะเป็นคนที่อยู่เฉยไม่ได้จะหาอะไรทำตลอด ชอบแกล้งคน ส่วน เจสซี่ก็จะไฮเปอร์เหมือนกันแต่ว่าจะคนละแนวขานั้นจะชอบร้องเพลง เล่นกีตาร์ ถ้ามีกีต้าร์จะหยิบมาเล่นมาร้องตลอด ทำให้กองถ่ายสนุกสนานครื้นเครงมากค่ะ - ความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับนิชคุณ
ตื่นเต้นมากๆค่ะ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับพี่นิชคุณ ครั้งแรกที่รู้นี่ ยังไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะ คิดว่าจะ จริงหรือป่าว ชัวร์หรือป่าว พอมั่นใจว่าได้ร่วมงานจริงก็ตื่นเต้นเข้าไปอีก ตั้งใจอ่านบทและเตรียมตัวในการแสดงมากเลยค่ะ - บรรยากาศในการถ่ายทำ
เราถ่ายทำในประเทศไทยเสร็จแล้วค่อยย้ายมาถ่ายที่ประเทศเกาหลีทำให้เห็นความแตกต่างในการทำงานมาก การทำงานในประเทศไทยจะเป็นการทำงานที่เก็บรายละเอียดได้เยอะกว่าเพราะสามารถถ่ายทำได้หลายมุม ส่วนการถ่ายทำที่เกาหลี มีข้อจำกัดเยอะมาก เช่น เรื่องเวลา สถานที่ ภาษา และอีกเรื่องคือเรื่องของอากาศที่หนาวมาก ทำให้นักแสดงทุกคนตัวแข็ง มือแข็ง แสดงกันไม่ออกเลยทีเดียว หนาวจนใบเตยลืมบทโดยเฉพาะฉากที่ต้องพูดภาษาเกาหลี มันยากมากเลยค่ะ ยิ่งเจออากาศหนาวๆยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนสมองมันช็อคจนจำไม่ได้ไปเลย และด้วยความที่หนูไม่ได้ศึกษาไม่ได้สนใจภาษาเกาหลีมาก่อนเลย แต่อาศัยที่เราเคยดูซีรีย์ของเกาหลีมาบ้างเลยทำให้พอเข้าใจอารมณ์ทำให้ผ่านฉากนี้ไปได้แบบตัวแข็งมือชาหน้าชากันไปเลยค่ะ - การร่วมงานกับพี่อังเคิลและพี่หนึ่งผู้กำกับฯ
พี่อังเคิลกับพี่หนึ่งเป็นผู้กำกับที่น่ารักและใจดีมาก เวลาน้องๆมีปัญหาสามารถปรึกษาได้เลย หรือเวลาถ่ายทำเราสามารถแสดงความคิดเห็นได้ พี่ทั้งสองคนก็จะรับฟังแล้วช่วยแนะนำค่ะ - ฝากภาพยนตร์
อยากให้ทุกคนติดตามผลงานภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยนะคะ ใบเตยรับบทนำเต็มตัวครั้งแรก ดูแล้วอาจจะอินจนอยากออกไปแตะขอบฟ้าให้มันสำเร็จ รับรองว่าสนุกโดยใจวัยมันแน่นอนค่ะ
“ปอ อรรณพ ทองบริสุทธิ์”รับบท “ซันชายน์”: หนุ่มเสียงใสหัวใจเต้นเป็นเสียงดนตรี / เป็นนักร้องที่กำลังฮอตในหมู่สาวๆที่ถึงหน้าจะไม่ให้แต่หัวใจจัดเต็ม มีเสน่ห์ที่ทำให้สาวๆรอบข้างสามารถรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น แต่ถ้าเผลอมาอยู่ใกล้ๆอาจจะถึงกับละลาย ซัยชายน์เป็นคู่แข่งของป๋องกับโต้ง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซันชายน์คือคนที่มาดับทุกความฝันของป๋องกับโต้ง
“ เทพพงษ์เทพ อนุรัตน์” รับบท “พี่ตึ๋ง”: หลานของเจ๊เจ้าของห้องที่ป๋องกับโต้งเช่าอยู่ เจ๊ใช้ให้มาทวงเงินค่าเช่าที่ติดค้างจากป๋องโต้งบ่อยๆจนซี้กัน / พี่ตึ๋งเป็นกูรูผู้รอบรู้เรื่องเคป๊อบของเกาหลี จึงมักจะมาบิ้วท์ให้ป๋องกับโต้งหันมาสนใจเคป๊อบบ่อยๆ เพราะทุกลมหายใจเข้าออกของพี่ตึ๋ง มีแต่เกาหลี เกาหลีและเกาหลี
ผู้อำนวยการสร้าง Transformation Films in association with CJ Entertainment
ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม ร่วมกับ ซีเจ เอ็นเตอร์เทนเมนท์
ดำเนินการสร้าง / Production ฟ.ฟิล์ม / Forfilms
นักแสดง / Casting ณฉัตร จันทพันธ์ Nachat Juntapun
เมฆ เมฆวัฒนา Mek Mekwattana
สุวพิชญ์ ไตรพรวรกิจ Zuvapit Traipornworakit
อรรณพ ทองบริสุทธิ์ Unnop Thongborisut
พงศ์เทพ อนุรัตน์ Pongtap Anurat
Ji-hoon Park
แรงบันดาลใจรับเชิญพิเศษ นิชคุณ บัค หรเวชกุล Nichkhun Buck Horvejkul
กำกับศิลป์ / Art Director ธีระชาติ พงศ์วิไล Teerachard Pongvilai
ดนตรีประกอบภาพยนตร์ / Music by ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์ Chatchai Pongprapaphan
ลำดับภาพ / Edited by เฉลิมศักดิ์ คลังเจริญ Chalermsak Klangcharoen
สุชาติ มัฆวิมาลย์ Suchart Makhawimarn
อดิเรก วัฏลีลา Adirek Watleela
กำกับภาพ / Director of Photography บรรจง แสงวิสุทธิ์ใส Bunjong Saengwisutsai
เรื่อง โดย / Story by อดิเรก วัฏลีลา Adirek Watleela
บทภาพยนตร์ โดย / Screenplay by อดิเรก วัฏลีลา Adirek Watleela
ทีมไร้ท์เตอร์เเล็บ Writer Lab Team
คิมหันต์ กาญจนสมใจ Kimhant Kanjanasomjai
รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค Ratchapoom Boonbunchachoke
Executive Producer Tae-Sung Jeong
Co-Executive Producer Kini S. Kim
Myung-kyoon Im
อำนวยการสร้าง โดย /Executive Producer ธนกร ปุลิเวคินทร์ Thanakorn Puliwekin
พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา Birathon Kasemsri na Ayudhaya
สัณห์จุฑา วิชชาวุธ Sunjutha Witchawut
ภูมิชาย วัชรพงศ์ Poomchai Wacharapong
ควบคุมงานสร้าง / Produced by อดิเรก วัฏลีลา Adirek Watleela
สง่า ฉัตรชัยรุ่งเรือง Sangar Chatchairungruang
กำกับภาพยนตร์ / Directed by สุชาติ มัฆวิมาลย์ Suchart Makhawimarn
อดิเรก วัฏลีลา Adirek Watleela