ต้อ- มารุต สาโรวาท หวนคืนจอเงิน กลับมานั่งแท่นผู้กำกับภาพยนตร์อีกครั้งหลังห่างหายไปเกือบ 10 ปี ให้กับบริษัท บิณฑ์ บูม บิสซิเนส จำกัด อำนวยการสร้างโดยบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ซึ่งตอนนี้กำลังจะเปิดกล้องภาพยนตร์เรื่องใหม่แล้ว
ต้อ- มารุต สาโรวาท เผยว่า “จริงๆก็ยังคงอยู่ใกล้ชิดในวงการภาพยนตร์ เพียงแต่หลังจากได้กำกับภาพยนตร์ไปเมื่อปี 2550 พี่ต้อเองก็ได้มีโอกาสทำหนังสั้น เรื่องเกี่ยวกับเด็กติดเกม หนังแนวสาธารณะกุศล เพื่อประโยชน์ต่อสังคม และยังไปเป็นกรรมการพิจารณาหนังสั้นให้หน่วยงานราชการอีกเยอะแยะมากมาย เป็นอาจารย์พิเศษตามมหาลัย แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้กลับมาทำหนังใหญ่อย่างเป็นเรื่องเป็นราวสักที จนมาเจอ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ซึ่งเราก็รู้จักกันมาในวงการบันเทิงอยู่แล้ว แต่มาสนิทกันมากเมื่อเราสองคนเป็นคณะกรรมการตัดสินการประกวดสุดยอด กศน. โดยบิณฑ์บอกกับพี่ต้อว่าอยากให้มาสานฝันทำภาพยนตร์ให้เค้าที เพราะเห็นงานละครพี่ต้อทำแล้วชอบมากทำได้ประณีตดี ทันสมัยไม่ตกยุคและชอบมุมมองใหม่ๆที่พี่ต้อนำเสนอ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นพล็อตเรื่องเก่าที่บิณฑ์ซื้อมาชื่อ “สิ้นแสงเทียน” มีเนื้อเรื่องกินใจ สามารถมอบสิ่งดีให้เยาวชน แสะสังคมได้ แต่จะต้องเปลี่ยนชื่อให้ทันสมัยขึ้น ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนการปรับบท ให้ดูสนุกทันสมัย โดยได้นักเขียนบทภาพยนตร์มากฝีมืออย่าง น้องนุช ชวาลา มาปรับบทให้เนื้อเรื่องมีความตื่นเต้น ดราม่าเข้มข้น เดาทางลำบาก ผู้ชมจะต้องคาดไม่ถึงว่ามีซีนนี้ด้วยเหรอ เริ่มต้นเหมือนหนังวัยรุ่น เป็นเรียลลิตี้ มีซีนแบทเทิลเพลง การเต้น เพื่อยึงดูดวัยรุ่น ดึงดูดเกย์ ดึงดูดกระเทย โดยป้าๆ อาทิ ป้าโหน่ง -วสันต์ อุตมะโยธิน,ป้าอ้วนรีเทิร์น-อนันต์ เสมาทอง และป้าโจแอน-โจแอน บุญสูงเนิน มีการแสดงโชว์ทิฟฟานี่ อัลคาซ่าร์ และยังมีซีนฆาตกรรมสืบสวนสอบสวน มีความลึกลับบางอย่างที่ปิดไว้ ใครคือฆาตกรเรื่องจะสนุกตรงนี้ แฝงความน่ากลัว สนุกเฮฮาและลงท้ายด้วยความสะเทือนใจ ทำให้คนดูต้องเข้ามาดู เพราะจะเล่ายังเล่าลำบาก พี่ต้อว่ามันท้าทายดี ทำให้หนังดูหลากหลายมีมิติลึกขึ้น เนื้อเรื่องอาจจะดูเรียบง่าย แต่เราต้องทำให้คนดูตื่นเต้นไปด้วยตลอด ต้องทำให้คนดูติดตามจนลุกไปไหนไม่ได้ พอออกจากโรงจะเล่าก็ลำบากไม่ถูก ต้องชวนกันมาดู แต่ขอบอกว่าไม่ซับซ้อน เข้าใจง่ายตามแบบฉบับพี่ต้อ อีกอย่างคือโปรดักชั่นต้องสวยงาม ประณีต
พี่ต้อดีใจมากที่ได้ทำสิ่งที่รัก และตระหนักดีว่าเมื่อได้โอกาสดีๆได้เป็นผู้กำกับฯกับทุกสายงาน ไม่ว่าจะเป็น ละครเวที ละครโทรทัศน์ และภาพยนตร์ ทำให้พี่ต้อสามารถนำประสบการณ์ที่ผ่านมาในทุกๆด้านมาใช้ในวิชาชีพ นำมาใช้ในการเสนอผลงาน และนำความรู้เหล่านี้ไปถ่ายทอดให้นักศึกษา ดีใจที่คนในวงการบันเทิงเห็นคุ้นค่า คุ้มกับที่ได้อยู่ในวงการมานาน และคงจะอยู่ในวงการไปอีกนาน แต่พี่ต้อกดดันมากนะว่าตัวเอง ต้องไม่ย่ำอยู่กับที่ ต้องนำเสนอสิ่งใหม่ๆและท้าทายให้กับวงการบันเทิง เพราะวงการบันเทิงให้โอกาสพี่ต้ออย่างยิ่งยวด สัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่คนในวงการคนหนึ่งจะทำให้วงการบันเทิงได้”