บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลกำไรต่อเนื่องในไตรมาส 2 ปี 2558 พร้อมรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากทั้งบริการที่ไม่ใช่เสียงของกลุ่มทรูโมบาย และบริการบรอดแบนด์ของทรูออนไลน์ รวมถึงรายได้ค่าโฆษณาที่ผลักดันให้รายได้ของทรูวิชั่นส์เติบโตสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า
ในไตรมาส 2 ปี 2558 กลุ่มทรู มีรายได้จากการให้บริการโดยรวม เติบโตสูงถึงร้อยละ 11.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า เป็น 18.2 พันล้านบาท จากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกกลุ่มธุรกิจหลัก โดยเฉพาะที่ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G และ 4G ทั้งนี้ EBITDA เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.9 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า เป็น 5.5 พันล้านบาท เป็นผลจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้ และกำไรจากการโอนเสาโทรคมนาคมใหม่ให้กับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ทรูโกรท (“TRUEIF”)
กลุ่มทรู รายงานผลกำไรสุทธิ จำนวน 1.3 พันล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2558 เมื่อเปรียบเทียบกับผลขาดทุนสุทธิจำนวน 1.7 พันล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า โดยผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนี้ เป็นผลจากกำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มสูงขึ้น ภาระดอกเบี้ยที่จ่ายลดลงอย่างมากภายหลังการปรับปรุงโครงสร้างทางการเงินในปีที่ผ่านมา และการสิ้นสุดการบันทึกค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์โครงข่าย 2G ของทรูมูฟ
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่า “ความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสินค้าและบริการที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุดให้แก่ลูกค้าของกลุ่มทรู ทั้งจากการขยายเครือข่ายโทรคมนาคมอย่างต่อเนื่อง ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ตลอดจนการผสานบริการหลากหลายภายในกลุ่มเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้าตามยุทธศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์ นับเป็นจุดแข็งทางธุรกิจที่ชัดเจน ที่ทำให้กลุ่มทรูสามารถเติบโตได้ดีกว่าอุตสาหกรรม โดยรายได้จากการให้บริการของกลุ่มทรูในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เพิ่มสูงขึ้นเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลุ่มทรูโมบาย ที่มีรายได้จากการให้บริการเติบโตสูงถึงร้อยละ 18.7 จากปีก่อนหน้า เมื่อเทียบกับภาพรวมอุตสาหกรรมที่เติบโตเพียงร้อยละ 2.9
ทั้งนี้ จากความพร้อมของกลุ่มทรู ทั้งด้านโครงข่ายและแพลตฟอร์มที่หลากหลายครบครัน รวมถึงการผสมผสานอย่างลงตัวของบริการ 4G 3G WiFi บริการบรอดแบนด์บนโครงข่ายไฟเบอร์ ตลอดจนคอนเทนต์ชั้นนำและเอ็กซ์คลูซีฟของกลุ่มทรู ที่สามารถตอบสนองความต้องการใช้งานดาต้าและแนวโน้มการบริโภคมีเดียคอนเทนท์ ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในยุคปัจจุบัน ทำให้บริษัท เชื่อมั่นว่า ผลการดำเนินงานหลัก (core earnings) ในช่วงครึ่งปีหลัง จะเติบโตเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง”
ทรูมูฟ เอช มุ่งมอบประสบการณ์การใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ผ่านเครือข่าย 4G และ 3G ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย พร้อมนำเสนอแพ็กเกจบริการร่วมกับสมาร์ทดีไวซ์ 4G และ 3G ด้วยราคาที่คุ้มค่ายิ่งขึ้น สามารถตอบสนองความต้องการใช้งานดาต้าที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้รายได้จากบริการที่ไม่ใช่เสียงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทำให้ส่วนแบ่งตลาดรายได้จากการให้บริการของกลุ่มทรูโมบายในไตรมาส 2 ปี 2558 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 18.8 จากร้อยละ 16.3 ในไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า และร้อยละ 18.4 ในไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่ ผลตอบรับที่ดีต่อแคมเปญสำหรับบริการระบบเติมเงินช่วยกระตุ้นการใช้งานบริการเสียงได้เป็นอย่างดี แม้พฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนมาใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2558 กลุ่มทรูโมบาย มีฐานผู้ใช้บริการจำนวนทั้งสิ้น 19.5 ล้านราย โดย 19.3 ล้านราย เป็นผู้ใช้บริการในระบบ 3G และ 4G
ทรูออนไลน์ ยกระดับการใช้งานอินเทอร์เน็ตของลูกค้า ด้วยบริการบรอดแบนด์ประสิทธิภาพสูงและแพ็กเกจสุดคุ้มที่น่าดึงดูดใจ โดยเดินหน้าขยายโครงข่ายไฟเบอร์ อินเทอร์เน็ต ซึ่งสามารถให้บริการด้วยความเร็วสูงสุดถึง 10 Gbps พร้อมปรับโฉมสู่เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยขึ้น เป็น “TRUE Super Speed FIBER” ด้วยแพ็กเกจคอนเวอร์เจนซ์ใหม่ ที่คุ้มค่ายิ่งขึ้นด้วยการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 30 Mbps พร้อมรับเพิ่มบริการเสริมจากทรูมูฟ เอช และช่องรายการคุณภาพจากทรูวิชั่นส์ รวมทั้งบริการโทรศัพท์พื้นฐาน ซึ่งนับเป็นพัฒนาการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วและแรงที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังช่วยขยายฐานลูกค้าในทุกธุรกิจหลักของกลุ่มทรูได้เป็นอย่างดี โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2558 ทรูออนไลน์ มีฐานลูกค้าบรอดแบนด์ เพิ่มขึ้นเป็น 2.2 ล้านราย
ทรูวิชั่นส์ ยังคงประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในกลุ่มตลาดแมส โดยเฉพาะแพ็กเกจคอนเวอร์เจนซ์ร่วมกับบริการหลากหลายภายในกลุ่มทรู ทำให้จำนวนสมาชิกที่สมัครใช้บริการรายเดือนของทรูวิชั่นส์เพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.1 ล้านราย และสามารถขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 2.7 ล้านราย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2558 ทั้งนี้ รายได้ค่าโฆษณายังเติบโตได้ดี ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันรายได้ของทรูวิชั่นส์ให้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า นอกจากนี้ การเปิดตัวกล่องรับสัญญาณรุ่นใหม่ ไฮบริด ทรูดิจิทัล เอชดี 2 ที่สามารถใช้งานได้ 2 ระบบ คือ สามารถรับชมได้ทั้งระบบทีวีดิจิตอล และระบบทีวีดาวเทียม ยังได้รับการตอบรับที่ดีเป็นอย่างยิ่ง
นายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการเงิน กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่รายได้ของกลุ่มทรูเติบโตอย่างโดดเด่น พร้อมด้วยฐานะทางการเงินของกลุ่มที่มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทจะยังคงให้ความสำคัญกับมาตรการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการเพิ่มผลกำไรให้กับกลุ่มทรูต่อไป
สำหรับ ความสำเร็จจากการออกหุ้นกู้ของกลุ่มทรูโมบาย ซึ่งมีผู้จองซื้อหุ้นกู้มากกว่าจำนวนที่เสนอขาย ได้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพการเติบโตของบริษัท อีกทั้งยังเป็นการเสริมความมั่นคงให้กับบริษัทเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต และตอกย้ำความเป็นผู้นำโมบาย อินเทอร์เน็ตของทรูมูฟ เอช”