CPL เผยผลประกอบการงวด 6 เดือน กวาดรายได้เฉียด 1.3 พันล้านบาท ขยายตัว 9.1% ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 5.35% ยอมรับไตรมาส 2 ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน แต่เกิดขึ้นแค่ช่วงสั้นๆ เตรียมฉวยจังหวะราคาวัตถุดิบในตลาดโลกลดลง พลิกสถานการณ์สร้างจุดแข็ง เร่งรับออเดอร์ลูกค้า หวังปั๊มยอดผลิตระบายสต็อก มั่นใจครึ่งปีหลัง กลับสู่ฤดูขาย ดันผลงานปี 58 โตตามเป้า เชื่อจับมือพันธมิตรฮ่องกงตั้งคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าหนัง หนุน CPL ขยับสู่วงจรการผลิตต้นน้ำ ช่วยควบคุมต้นทุนวัตถุดิบ สร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจในระยะยาว
นายสุวัชชัย วงษ์เจริญสิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.แอล.กรุ๊พ จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ผู้นำอุตสาหกรรมฟอกหนังสำเร็จรูปรายใหญ่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นกิจการในกลุ่มบริษัทเจริญสิน เปิดเผยผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคมถึงมิถุนายน) ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,293 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107 ล้านบาท คิดเป็น 9.1% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 54.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.75 ล้านบาท คิดเป็น 5.35% จากปีที่แล้ว ซึ่งมีกำไรสุทธิ 51 .39 ล้านบาท
ขณะที่ไตรมาสที่ 2/2558 (เมษายนถึงมิถุนายน) ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 669 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 17.44 ล้านบาท “ต้องยอมรับว่า ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เป็นช่วงที่บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน แต่ความผันผวนที่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงผลกระทบช่วงสั้นๆ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น เพราะหากพิจารณาจากคำสั่งซื้อของลูกค้าที่เป็นพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับ CPL และล้วนเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ก็จะพบว่า ยังมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมแฟชั่นโลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรองเท้า” นายสุวัชชัยกล่าว
รองกรรมการผู้จัดการ CPL ยังกล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังจะใช้จังหวะที่ราคาวัตถุดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลง เร่งรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า เพื่อระบายวัตถุดิบในสต็อกที่ราคาต้นทุนในขณะนี้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับราคาในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม แม้จะมีบางช่วงที่ราคาวัตถุดิบในตลาดโลกต่ำกว่าราคาวัตถุดิบในสต็อก แต่ CPL สามารถพลิกสถานการณ์ให้กลายเป็นจุดแข็ง โดยพร้อมที่จะรับคำสั่งซื้อและสามารถผลิตได้ทันทีจากวัตถุดิบที่มีในมือ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของออเดอร์ และเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในช่วงเวลาเร่งด่วนได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นจุดที่บริษัทฯ มีความได้เปรียบ
“แม้ว่าในไตรมาสที่ 2 ผลการดำเนินงานจะชะลอลงบ้าง แต่ในไตรมาสแรก ผลประกอบการของเราขยายตัวมาก ทำให้ผลงานครึ่งแรกของปีนี้ถือว่าน่าพอใจ อย่างไรก็ตาม เรามั่นใจว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งตลาดจะกลับเข้าฤดูกาลขายอีกครั้ง ก็น่าจะทำให้ผลประกอบการโดยรวมในปี 2558 สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมาย” นายสุวัชชัยกล่าว
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ CPL ได้จับมือกับบริษัทพาราเม้าท์ ไฮด์ เลเธอร์ (Paramount Hides Leather) ซึ่งจดทะเบียนในฮ่องกง เพื่อร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ บริษัท อินทิเกรเต็ด เลเธอร์ เน็ตเวอร์ค จำกัด โดย CPL จะเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 40% ของทุนจดทะเบียน โดยบริษัทดังกล่าวจะดำเนินธุรกิจศูนย์กระจายสินค้าสำหรับหนังทุกประเภท (Leather Platform Service) รวมถึงทำหน้าที่เป็นคลังสินค้าสำหรับจัดเก็บหนังกึ่งสำเร็จรูป เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมฟอกหนังในอนาคต
ขณะเดียวกัน การที่พันธมิตรของ CPL มีเครือข่ายซัพพลายเออร์ที่แข็งแกร่งและหลากหลาย จะช่วยทำให้ CPL สามารถลดภาระเงินทุนหมุนเวียนและสินค้าคงคลังจากระยะเวลาการจัดหา รวมถึงระยะเวลาการเก็บวัตถุดิบที่สั้นลง พร้อมทั้งสามารถเรียกเข้าวัตถุดิบหนังได้ตามต้องการ ซึ่งการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ครั้งนี้ ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของ CPL ในการขยับจากอุตสาหกรรมฟอกหนังในขั้นกลางและขั้นปลาย เข้าไปสู่อุตสาหกรรมขั้นต้น ตั้งแต่การจัดหาและควบคุมราคาต้นทุนวัตถุดิบได้มากขึ้น ซึ่งจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับ CPL ในระยะยาว