สมกับเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งสุดท้ายของดูโอคู่แรกแห่งวงการเพลงไทยจริงๆ เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 4ชั่วโมง แฟนเพลงทั้ง 9,000 ชีวิตที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี อิ่มเอมไปกับบรรยากาศแบบเป็นกันเองสุดๆ ไม่ว่าจะงัดเพลงจาก พ.ศ. ไหนมาร้องแฟนเพลงก็ร่วมส่งเสียงร้องพร้อมเพรียงกันแบบกระหึ่มฮอล์ล เสียงไม่มีตก พร้อมมุกตลกที่แทรกมาเป็นระยะๆของสองหนุ่มอารมณ์ดีคู่นี้ เรียกได้ว่าทั้งหวานซึ้งเพลงเพราะ และ หัวเราะอารมณ์ดีไปกับศิลปินขวัญใจแบบไม่มีผิดหวังนั่นเอง
เริ่มต้นด้วย 2 เพลงฮิตติดปากตลอดกาลตั้งแต่ปี 2528 อย่าง ลืม ไม่ลืม แค่นี้ก็เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นฮอล์ลกันแล้ว ตามด้วยเพลง หัวใจเหิร ชื่นรัก ลำนำเพลงรัก ของดิ อิมพอสซิเบิ้ล ศิลปินที่เป็นแรงบันดาลใจของ เบิร์ดกะฮาร์ท มาถึงทุกวันนี้ ตามด้วยเพลงแอบรักอย่าง เพื่อนกัน อยากให้เธอได้รู้ ที่รัก ศศิธร Est ซึ่งเพลงหลังนี้เป็นเพลงที่ ฮาร์ท สุทธิพงศ์ ขอโดดซ้อมคอนเสิร์ตหนึ่งวันเพื่อแต่งเพลงนี้ขึ้นใหม่ จากนั้นคุณมารุต บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด ให้เกียรติขึ้นมอบดอกไม้แก่ เบิร์ดกะฮาร์ท และแล้วก็ถึงคิวเปิดตัวแขกรับเชิญคนสำคัญแบบรัวๆ เริ่มต้นด้วยหนุ่มเสียงดี แชมป์ ศุภวัฒน์ พีรานนท์ มากับเพลงที่เค้าเป็นคนแต่งขึ้นเอง รักสีส้มและถอนตัว ทิ้งท้ายด้วยเพลงใหม่ I Trust in You ที่ แชมป์ แต่งให้เบิร์ดกะฮาร์ทเพื่อแทนคำขอบคุณแฟนเพลงที่รักกันมายาวนาน ต่อด้วยแขกรับเชิญหญิงเดียวบนเวทีคอนเสิร์ตครั้งนี้ เอ๋ พัณนิดา เศวตาสัย กับเพลงฉากสุดท้าย ที่เชื่อว่าแฟนเพลงยังคงคิดถึงเสียงหวานๆของเธอเสมอ ตามด้วยแขกรับเชิญที่ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตเบิร์ดกะฮาร์ทบ่อยที่สุดอย่างเจ้าพ่อดิสโก้ บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ กับเพลงเข้าใจไปเอง และเพลงหยุด ตามมาด้วยกลุ่มศิลปินที่เคยเล่นเป็นวงแบ็คอัพให้เบิร์ดกะฮาร์ทมาก่อนอย่าง อีทีซี เปิดตัวด้วยเพลง รอรัก และซิงเกิ้ลใหม่ของ อีทีซี Cry like a baby(ร้องไห้หนักมาก) ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ต่อด้วยวงร็อคหัวดำ แบล็คเฮด ที่นำเพลงฝน มาถ่ายทอดในสไตล์ Slow Rock Ballad ที่มีกรูฟสียงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถสะกดคนทั้งฮอล์ลร้องและอินตามในเวอร์ชั่นนี้ได้ไม่ยากและทิ้งท้ายด้วยเพลงช้าๆ ซึ้งๆ ของวงแบล็คเฮดกับเพลงสัญญา เรียกได้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงจัดหนักแขกรับเชิญจริงๆ และที่สำคัญไม่ว่าจะเป็น แชมป์ ศุภวัฒน์ , บุรินทร์ บุญสุทธิ์ , อีทีซี และแบล็คเฮด ก็ล้วนแต่มี เบิร์ดกะฮาร์ท เป็นแรงบันดาลใจของพวกเขาบนเส้นทางสายดนตรีมาตลอดและตลอดไป
มาถึงตอนนี้คอนเสิร์ต เอส ชูการ์ฟรี พรีเซต์ 30 ปี เบิร์ดกะฮาร์ท ซัมไทม์ส บัท ออลเวย์ส ก็เดินทางมาเกือบจะถึงช่วงสุดท้ายกันแล้ว แต่ความสนุกยังไม่หมดแค่นี้ เบิร์ดกะฮาร์ทยังคงเดินหน้ามอบความสุข สนุก ให้แฟนเพลงอย่างไม่หยุดยั้งเพราะ ฮาร์ท สุทธิพงศ์ โชว์เดี่ยวเปียโนเปิดด้วยเพลง Crying in The Chapel ของ เอลวิส เพรสลีย์ ทางด้าน เบิร์ด กุลพงศ์ ไม่น้อยหน้าหยิบเพลง ก็ใคร ที่เคยร้องร่วมกับเพื่อนๆในนามวงซิสเต็ม โฟร์ ขึ้นมาเรียกเสียงกรี๊ดสนั่นฮอล์ล และถึงคิวเพลงที่แฟนในฮอล์ลต่างเรียกร้องอย่างเพลง Susan Joan แม้ว่าจะขนแขกรับเชิญมาร่วมร้องกันแบบหนำใจแล้วก็ตาม เบิร์ดกะฮาร์ท ยังไม่หยุดมอบความพิเศษให้แฟนๆเพลงด้วยการขอเชิญแขกรับเชิญคนพิเศษของหัวใจขึ้นมาบนเวทีนั่นก็คือ น้องเนเน่ กุลนิตา บุนนาค ลูกสาวคนโตของ เบิร์ด กุลพงศ์ ขึ้นมาเดี่ยวเปียโนในเพลงแก้วตา และ น้องเยนนี่ ฐิตารีย์ ทัดพิทักษ์กุล ลูกสาวสุดที่รักของ ฮาร์ท สุทธิพงศ์ ขึ้นมาโชว์เล่นกีต้าร์เป็นครั้งแรกในเพลงเพื่อนกัน และเรียกเสียงปรบมือด้วยเสียงร้องที่สดใสร่วมกับคุณพ่อ ซึ่งฝีไม้ลายมือการเล่นกีต้าร์และร้องเพลงเก่งแบบนี้ได้ก็เพราะจริงๆแล้ว น้องเยนนี่ ได้ครูดีอย่าง หนึ่ง อีทีซี นั่นเอง
หลังจากนั้น คุณไพโรจน์ ชื่นครุฑ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และ คุณดมิศา พิศิษฐวานิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ขึ้นมอบดอกไม้แสดงความยินดีในคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งนี้ด้วย
และช่วงสุดท้ายของคอนเสิร์ตก็
เดินทางมาถึง เบิร์ดกะฮาร์ท จัดเพลงฮิตซึ้งๆอย่าง เพ้อ รอรัก ฝน Goodbye Song ไม่ลืม และลืม ร่วมเล่นกับวงเครื่องสายได้
ความสึกประทับใจอีกรูปแบบหนึ่ง เรียกว่าทั้งฮอล์ลร้องตามกันสุ
ดเสียงแบบไม่มีกั๊ก ทิ้งทวนกันแบบสุดๆ คอนเสิร์ตครั้งนี้ปิดฉากไปด้
วยความประทับใจของทั้งศิลปิ
นและแฟนเพลงซึ่งไม่มีวันลืมเลื
อนได้ลง 30 กว่าบทเพลงที่ถ่ายทอดออกมา ถูกคัดสรรให้แฟนเพลงแบบพิเศษเพื
่อให้แฟนเพลงทั้ง 9000 คนนั้นเก็บความประทับใจสุดยิ่
งใหญ่ครั้งสุดท้ายนี้ไปด้วยกั
นและนี่ถือว่าเป็นปรากฎการณ์แห่
งความคิดถึงที่ทำให้คนรัก เบิร์ดกะฮาร์ท กลับมารวมตัวกันได้มากที่สุด