ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่สวยงามกับคอนเสิร์ตส่งท้ายปีของ เอ-ไทม์ โชว์บิส ผู้ผลิตคอนเสิร์ตคุณภาพแถวหน้าของเมืองไทย หลังจากเคยสร้างความประทับใจและประสบความสำเร็จจากการตอบรับของผู้ชมจนเป็นที่กล่าวถึงอย่างมากในปีที่แล้ว มาปีนี้ “กล่อมกรุง ๒” กลับมาพร้อม 8 นักร้องระดับตำนาน สุเทพ วงศ์กำแหง, สวลี ผกาพันธุ์, ชรินทร์ นันทนาคร, อรวี สัจจานนท์, ธานินทร์ อินทรเทพ, รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส, เศรษฐา ศิระฉายา และ ศรีไศล สุชาตวุฒิ ช่วยกันขับกล่อมบทเพลงอมตะให้มีชีวิตอีกครั้งหนึ่งกับโปรดักชั่นระดับ มืออาชีพ ที่เนรมิตให้เวทีงดงามได้อย่างสมศักดิ์ศรีศิลปินเพลงลูกกรุงชั้นครู
รูดม่านเปิดเวทีเริ่มวอร์มลูกคอเบาๆเพื่อต้อนรับผู้ชมในฮอลล์กับเพลงจังหวะสนุก เจอะคุณเข้าอีกแล้ว ของฝ่ายชายอย่าง สุเทพ,ธานินทร์,เศรษฐา , ชรินทร์ และเพลง รักไม่รู้ดับ ของฝ่ายหญิงอย่าง สวลี , รุ่งฤดี , ศรีไศล และอรวี ได้ไพเราะที่สุด โดยครั้งนี้มี อั๋น ภูวนาท คุณผลิน รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินเรื่องราวอันแสนอบอุ่นบนเวทีตลอดทั้งคอนเสิร์ตเช่นเคย เพื่อชวนให้ผู้ชมได้รับอรรถรสและเกร็ดความรู้ของเพลงลูกกรุงไปพร้อมๆกับการเสพดนตรีอันแสนไพเราะ ซึ่งครั้งนี้ศิลปินทุกคนต่างยอมรับว่ายากเหลือเกินกว่าจะเลือกเพลงมาร้องบนเวทีนี้ได้สำเร็จ เพราะเพลงฮิตนั้นมีมากมายเหลือเกิน แต่ทุกเพลงที่เลือกมาก็ทำเอาคนดูอิ่มเอมใจไม่น้อยที่ได้ฟังบทเพลงเหล่านั้นจากนักร้องต้นฉบับอย่างใกล้ชิด อาทิ ฆ่าฉันให้ตายดีกว่า(สวลี) , พรุ่งนี้ฉันจะรักเธอจนตาย (สุเทพ) , เอาความขมขื่นไปทิ้งแม่โขง (รุ่งฤดี) , ทำบุญด้วยอะไร (ธานินทร์) , ชั่วนิจนิรันดร (เศรษฐา) , รักข้ามขอบฟ้า (ศรีไศล) , มั่นใจไม่รัก (อรวี) , หยาดเพชร (ชรินทร์) เป็นต้น นอกจากนี้ยังเพิ่มความพิเศษของการรวมตัวศิลปินชั้นครูครั้งนี้ด้วยการจับคู่กันครวญเพลงรักหวานที่คงความอมตะในความทรงจำ ไม่ว่าจะเป็น คู่ขวัญแห่งยุคนั้นอย่าง สุเทพ-สวลี ในเพลง แต่ปางก่อน , พ่อแง่แม่งอน หยอกเอินกันจนรุ่นพ่อแม่ที่นั่งดูอยู่ อดนึกถึงวัยหวานของตัวเองไม่ได้ ส่วน ธานินทร์-รุ่งฤดี เกี่ยวก้อยกันมาในเพลง วอนรัก บอกเลยว่าน้ำเสียงยังคมกริบเหมือนเดิมเป๊ะๆ เพิ่มบรรยากาศให้ทุกคนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันเป็นแถว ส่วน 3 ทหารเสือ สุเทพ , ธานินทร์ และ ชรินทร์ พี่น้องที่ซี้ย่ำปึ้กกันมานาน ก็รับส่งเพลง ลุ่มเจ้าพระยา เข้าขาโชว์ความเก๋ากันได้อย่างลงตัว แถมงัดรูปสมัยหนุ่มๆมาอวดกันพาลให้ทุกคนย้อนวันวานกันไปอีกรอบ ส่วนเพลง เป็นไปไม่ได้ ของคู่ เศรษฐา-ศรีไศล ก็ใช่เล่นเรียกเสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดจากคนดูวัยเลขห้าได้เกรียวกราว ตามด้วยคู่ขวัญต่างวัยอย่าง ชรินทร์-อรวี ที่มาขึ้นเวทีกล่อมกรุงเป็นครั้งแรกก็ออกมาออดอ้อนเพลงหวานๆอย่าง สัญญารัก และ สักขีแม่ปิง เรียกว่าเป็นอีกคู่ที่ผู้ชมชื่นชมในความน่ารักและความไพเราะของน้ำเสียงที่ไม่มีตก
ก่อนได้เวลาส่งท้ายเวทีนี้ด้วยการรวมศิลปินทั้ง 8 ท่านบนเวทีอีกครั้งกับเพลง รักฉันนานนาน เป็นการส่งท้ายความสุขและคอนเสิร์ตครั้งนี้ยังได้อิ่มบุญด้วยการมอบรายได้ส่วนหนึ่งให้หน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรม สภากาชาดไทยในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรียกว่าตลอดคอนเสิร์ตทุกคนได้ดื่มด่ำและสัมผัสทั้งความไพเราะของบทเพลงลูกกรุงในความทรงจำที่อยู่เหนือกาลเวลาได้อย่างเต็มอิ่ม