นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานในงานแถลงข่าวการจัดงาน Travel Blog Exchange 2015 (TBEX Asia 2015) ร่วมกับภาคเอกชน ซึ่งในครั้งนี้ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานประชุมใหญ่ระดับโลกประเทศแรกในเอเชีย รวบรวมนักเขียนและสื่อสังคมออนไลน์ใหญ่ที่สุดในโลกกว่า 600 คน โดยมีสัดส่วนบล็อกเกอร์จากตลาดอเมริกา 50 % ยุโรป 25 % ออสเตรเลีย เอเชีย อื่นๆ อีก 25% และผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวจากทั่วโลก ร่วมรับฟังข้อมูลที่มีประโยชน์ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการสร้างเนื้อหา เพิ่มยอดผู้ติดตาม สร้างตัวตนในโลกออนไลน์ เป็นการเพิ่มทักษะความรู้ให้แก่บล็อกเกอร์ชาวไทยและชาวต่างชาติ สามารถนำมาต่อยอดในการสร้างสรรค์ผลงานให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อนำไปเผยแพร่และประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยตามแนวคิดท่องเที่ยววิถีไทย 2015 Discover Thainess สู่สายตานักท่องเที่ยวทั่วโลก ผ่านการสื่อสารของเหล่าบล็อกเกอร์ที่มีผู้ติดตามกว่า 10,000 – 600,000 คนต่อราย กระตุ้นให้เกิดการเดินทางจากทั่วโลกมาท่องเที่ยวยังประเทศไทย ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยพัฒนาสินค้าและบริการให้มีมาตรฐานและสามารถแข่งขันได้ในเวทีระดับนานาชาติ และแสดงศักยภาพความพร้อมด้านการท่องเที่ยวและการจัดนิทรรศการของประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยในกลุ่มประเทศเอเชีย
นายศุกรีย์ สิทธิวนิชรองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้พัฒนากลยุทธ์ Digital Marketing และ Online Marketing การทำตลาด 3.0 เป็นช่องส่งมอบคุณค่าผ่านความสุขความประทับใจ จากการได้เรียนรู้และมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยวได้แบ่งปันและบอกต่อโดยมีสื่อสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ข่าวสาร สร้างความเชื่อถือ สร้างการสนับสนุนและบอกต่อ รวมทั้งสร้างการพัฒนาสินค้าให้กับการท่องเที่ยวของไทยมาอย่างต่อเนื่องรวมทั้งปัจจุบันทั่วโลกกำลังเคลื่อนเข้าสู่อีกยุคของนักเขียนออนไลน์ หรือ “บล็อกเกอร์” (Blogger) ผู้ที่นำข้อมูลการท่องเที่ยวเสนอผ่านเครื่องมือออนไลน์และมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก ช่วงปีที่ผ่านมา ททท.ทำประชาสัมพันธ์ผ่านบล็อกเกอร์อย่างจริงจังให้ความสำคัญทั้งในและต่างประเทศ
นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ ททท. กล่าวว่า ขณะนี้ ททท.ได้ลงทุนจัดทำโครงการปรับปรุงเว็บไซต์ออนไลน์ท่องเที่ยวใหม่ทั้งหมดทาง www.tourismthailand.org โดยนำข้อมูลเว็บไซต์ย่อยขององค์กรมารวมศูนย์ไว้ในเว็บไซต์หลัก รวมทั้งจะเพิ่มวิดีโอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ออกแบบโปรแกรมตัวอย่างการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับแคมเปญการตลาด เผยแพร่ประชาสัมพันธ์แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและนานาชาติ และเปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง ททท.กับบล็อกเกอร์ทุกกลุ่มนำข้อมูลใหม่ ๆ ในแต่ละสถานที่เข้ามาเสริมด้วย
ปัจจุบัน ททท. ให้ความสำคัญกับการทำตลาดออนไลน์ ผ่านสื่อ New Media มีสัดส่วนมากถึง 40% ของการใช้สื่อทั้งหมด ส่วนสื่อหลักดั้งเดิม (Traditional Media)อย่างทีวี วิทยุ สิ่งพิมพ์ ป้ายโฆษณา หรือการจัดกิจกรรมอีเว้นท์งานแฟร์ต่างๆ ยังคงเป็นสื่อที่มีความสำคัญ โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 60%