“โรเบิร์ต แพททินสัน” สลัดภาพเด็ก ขอพัฒนาฝีมือทางการแสดงขึ้นอีกขั้น!!! ใน Life เพื่อนผมชื่อเจมส์ ดีน

LIFE_D14-01176นับตั้งแต่ภาพยนตร์ชุด The Twilight Saga สิ้นสุดลง  โรเบิร์ต แพททินสัน (Robert Pattinson) ก็มุ่งมั่นท้าทายตนเองในการสลัดภาพไอดอลขวัญใจวัยรุ่นมาสู่นักแสดงที่ขายฝีมืออย่างเต็มตัว เห็นได้จากการที่เขาร่วมงานกับผู้กำกับระดับตำนานอย่าง เดวิด โครเนนเบิร์ก (Cosmopolis, Map to the Stars) และ แวร์เนอร์ แฮร์โซก(Queen of the Desert) ล่าสุดเขากำลังพิสูจน์ฝีมือตนเองในหนังเรื่อง Life เพื่อนผมชื่อเจมส์ ดีน ผลงานกำกับของ อังตง กอร์เบจ์น (Control, The American)  โดยเฉพาะการที่เขาปฏิเสธเสียงเรียกร้องของแฟน ๆ ที่อยากให้เขาสวมบทเป็น เจมส์ ดีน แล้วหันมากลายเป็นช่างภาพ เดนนิส สต็อค ผู้บันทึกภาพชีวิตของซูเปอร์สตาร์แห่งยุค50 ให้กลายเป็นตำนานที่ทั่วโลกจดจำ โดย โรเบิร์ต แพททินสัน ได้พูดถึงบทบาทที่ได้รับในครั้งนี้ว่า…

“…เป็นบทที่ผมใฝ่หา หลังจากอ่านบทแล้ว ผมลองจินตนาการก็รู้สึกถึงความว้าวุ่นภายในใจและเขาก็ไม่มั่นใจในตนเองเสียเลย ผมเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อตอนอายุ 20 ต้น ทั้งที่เขาไม่รู้เลยว่าเขาจะเป็นพ่อที่ดีได้อย่างไร และมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะแปลกใหม่นะ เดนนิส เป็นศิลปินที่ชอบกังวลว่าเขาทำงานได้ไม่ดีตามที่หวังไว้ เขาจึงมักหาข้อแก้ตัวอยู่เสมอ เพราะผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนจิตตก ซึ่งผมกังวลพอสมควรเวลาเล่น เขาเป็นคนที่กังวลตลอดเวลาว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันแย่ไปหมด เมื่อคุณเล่นบทนี้ คุณก็กังวลว่าผู้ชมจะไม่คล้อยตามไปกับคุณ อย่างไรก็ตามเขาถือเป็นตัวละครที่ไม่ตกยุค และหนังก็เล่าเรื่องราวของคน หนึ่ง ที่มุ่งมั่นจะเป็นศิลปินและหวาดกลัวว่าเขาจะเป็นศิลปินได้ไม่ดีเท่าที่เขาหวังไว้  จนกระทั่งเมื่อเขาเห็นเจมส์ ดีน ก็เกิดพลังบางอย่างที่ต้านทานไว้ไม่ได้ ตอนดูหนังของเขาเรื่อง East of Eden ก็คิดว่าเจมส์ ดีนเจ๋งจริงๆ เลยเกิดแรงฮึกเหิมให้กับเดนนิส มันเจ๋งไม่น้อยถ้าได้อยู่ร่วมกับใครสักคนที่สามารถเติมเต็มความมุ่งมั่นในการงาน อย่างความประทับใจในตัวเจมส์ ดีนทำให้เดนนิสเชื่อมั่นในตนเองได้มากขึ้น บางครั้งคุณต้องการแค่ส่วนเล็ก ของกำลังใจในชีวิตของคุณ แล้วเมื่อเขาโชว์ผลงานภาพถ่ายให้เจมส์ ก็ได้รับคำชม ผมคิดว่าการที่เจมส์เห็นงานภาพถ่ายนี่แหละที่จุดประกายให้แก่เดนนิส และเขาก็ถือว่าเจมส์คือศิลปินขนานแท้ผู้มีอิทธิพลสำคัญในชีวิตของเขา

และเพราะต้องมารับบทช่างภาพมืออาชีพในเรื่องนี้ จึงทำให้เขาต้องฝึกการใช้กล้องแบบมืออาซีพนานถึง 4 เดือนด้วยกันโดย โรเบิร์ต ได้เล่าให้ฟังว่า…

“… ผมฝึกถ่ายภาพด้วยกล้องไลก้า 1953 เป็นเวลาสี่เดือนก่อนถ่ายทำ แต่ภาพออกมาดูแย่ (หัวเราะ) ผมฝึกโดยได้รับคำแนะนำจาก อังตง (ผู้กำกับภาพยนตร์) ที่เคยเป็นช่างภาพมาก่อน เขาไม่ได้สอนให้ผมถ่ายภาพเก่งนะ แต่เขาเปิดโอกาสให้ผมฝึกทำความเคยชินกับกล้อง และปล่อยให้ผมได้แสดงออกตามความต้องการ สำหรับหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เรียนรู้วิธีการถ่ายภาพ แต่อยากให้การถ่ายภาพคือส่วนหนึ่งที่สำคัญของตัวละคร ผมใช้ไลก้า M1ที่แม้ไม่ใช่กล้องส่วนตัวของเดนนิส แต่รูปลักษณ์เหมือนกัน มันสวยมากทั้งตัวกล้องและเลนส์ แล้วผมก็เอาไปถ่ายภาพตอนเล่นหนังเรื่อง Queen of the Desert ด้วย สี่เดือนจากการฝึกถ่ายภาพทำให้ผมเข้าใจการทำงานของช่างภาพ การได้ถือกล้องไว้เหมือนกุมอำนาจไว้ในมือ และด้วยลักษณะของกล้อง คนที่เป็นมืออาชีพเท่านั้นที่สามารถถือเดินไปมาด้วยกันได้ อีกทั้งการถ่ายภาพเป็นศิลปะที่คุณสามารถปิดบังรูปโฉมของคุณได้ เดนนิสเองก็อยากจะโด่งดังแต่เขาไม่สามารถพังทลายหน้าต่างที่ปิดกั้นไว้ เพราะสิ่งที่ปิดกั้นมักยิ่งแข็งแกร่งกว่าเมื่อคุณถ่ายภาพคนดังซักคน… ผมพยายามหาบทบาทการแสดงที่ทำให้ผมเข้าใจตนเองมากขึ้นและได้พัฒนาตนเองไปด้วย ผมคิดว่าหนังเรื่อง Life มันก็คือเรื่องราวของความเชื่อมั่นในตนเองนั่นแหล่ะ” พระเอกหนุ่มกล่าวปิดท้าย

ภาพบางภาพ มาพร้อมกับมิตรภาพที่ไม่มีวันตาย รอรับชมฝีมือทางการแสดงที่พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นของโรเบิร์ต แพททินสัน ใน Life เพื่อนผมชื่อเจมส์ ดีน ผลงานการกำกับภาพยนตร์ของ อังตง กอร์เบจ์น นำแสดงโดย เดน เดอฮาน และ โรเบิร์ต แพททินสัน วันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

poster life THสามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวอัพเดทและกิจกรรมดีๆของเอ็มพิคเจอร์สได้ที่ช่องทางต่างๆดังนี้ Facebook : mpicturesmovies / Twitter : mpic_movie / Instagram : mpicturesmovies

ชมตัวอย่างซับไทย