จักษุแพทย์ไทยพบทางเลือกใหม่ในการตรวจผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อม ชี้เครื่องถ่ายรูปจอประสาทตา OCT Angiography สามารถช่วยการวินิจฉัยและติดตามการรักษาผู้ป่วยโรคจอประสาทตา ที่ไม่สามารถรับการฉีดสีตรวจเส้นเลือดจอประตาได้ เช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ โรคไต หรือ มีภาวะแพ้อาหารทะเล เพิ่มความสะดวกต่อผู้ป่วยลดความเจ็บปวดและทรมานจากการฉีดสี ให้ความสะดวก รวดเร็ว สำหรับจักษุแพทย์ในการตรวจวินิจฉัยโรคจอประสาทตาของผู้ป่วย โดยเฉพาะโรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุที่คาดว่าจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นจากการที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอนาคตอันใกล้
นพ. มงคล ธาดารติ นายแพทย์ชำนาญการงานจอประสาทตา กลุ่มงานจักษุวิทยา โรงพยาบาลราชวิถี เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนสำเร็จการศึกษาด้านจักษุวิทยาจากโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์แล้ว เห็นว่าปัญหาโรคจอประสาทตา โดยเฉพาะโรคจอประสาทตาเสื่อม เป็นปัญหาสำคัญของระบบสาธารณสุขในประเทศไทย และน่าจะเป็นปัญหาใหญ่ขึ้น เนื่องจากปริมาณผู้สูงอายุที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้า ตนจึงเลือกศึกษาต่อเฉพาะทางเกี่ยวกับเรื่องจอประสาทตา
ทั้งนี้ ระหว่างที่ตนศึกษาต่อด้านจอประสาทตาที่มหาวิทยาลัย จอห์น ฮอพกินส รัฐแมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกาเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา พบว่า ขณะนั้นสหรัฐอเมริกาเริ่มทดลองใช้เครื่องสแกนคอมพิวเตอร์เส้นเลือดจอประสาทตา OCT Angiography แล้ว พบว่า มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับเครื่องถ่ายรูปจอประสาทตารุ่นเดิม แต่ทำงานได้รวดเร็วกว่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ โรคไต หรือมีภาวะแพ้อาหารทะเล ที่ไม่สามารถเข้ารับการฉีดสีตรวจเส้นเลือดจอประสาทตาด้วย เครื่องถ่ายภาพจอประสาทตารุ่นเดิมได้
เนื่องจากผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ โรคไต หรือแพ้อาหารทะเล หากรับการฉีดสีอาจจะมีผลข้างเคียงรุนแรงทำให้เกิดอาการตับอักเสบ ไตวาย หรือช็อคจากการแพ้สีที่ฉีดได้ ส่วนในผู้ป่วยที่ไม่ได้เป็นโรคเหล่านี้ ก็อาจจะมีอาการข้างเคียงจากการฉีดสีเช่นกัน กล่าวคือ จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเจ็บปวดจากการฉีดสี และหลังการฉีดสีจะต้องนั่งนิ่งๆ เพื่อถ่ายภาพเป็นเวลานานถึง 20 – 30 นาที ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่สะดวกสบายนักสำหรับผู้สูงอายุ ดังนั้นในอนาคต เครื่องสแกนคอมพิวเตอร์เส้นเลือดจอประสาทตา OCT Angiography น่าจะเข้ามาช่วยการวินิจฉัยและตรวจรักษาของจักษุแพทย์ โดยให้ผลการถ่ายภาพได้ในเวลาไม่กี่วินาที ก็จะทำให้ผู้ป่วยสะดวกสบายมากขึ้น ลดความเสี่ยง ลดอาการเจ็บปวด ทรมาน ของผู้ป่วย
สำหรับสถานการณ์จำนวนผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมในประเทศไทย จากงานวิจัยสถิติโรคตาบอดปัจจุบัน ประเทศไทยมีอัตราผู้ป่วยที่ตาบอดจากโรคจอประสาทตาเสื่อมอยู่ในลำดับที่ 4 ของจำนวนผู้ป่วยตาบอดทั้งหมด โดยอันดับ 1 โรคต้อกระจก อันดับ 2 โรคเบาหวานขึ้นจอประสาทตา อันดับ 3 โรคต้อหิน แต่ภายใน 10- 20 ปี ข้างหน้าหากเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว คาดว่า มีความเป็นไปได้ที่จำนวนผู้ป่วยโรคจอระสาทตาเสื่อมจะเพิ่มขึ้น และขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 – 3 ในที่สุด
นายธีระพงษ์ บุญรอดชู กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาร์ล ไซส์ส ประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท คาร์ล ไซส์ส ประเทศไทย บริษัท ร่วมทุนระหว่าง กลุ่มบริษัท บี.กริม และ บริษัท คาร์ล ไซส์ส เยอรมันนี ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่าย เครื่องถ่ายรูปจอประสาทตา OCT Angiography ได้เล็งเห็นประโยชน์และประสิทธิภาพของเครื่องถ่ายรูปจอประสาทตาที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาล่าสุด โดยบริษัท ได้ให้ความรู้แก่แผนกจักษุโรงพยาบาลรัฐบาลและเอกชน โดยจัดงานสัมมนาเพื่อแนะนำคุณสมบัติและประสิทธิภาพให้จักษุแพทย์ได้รู้จักและเข้าใจกระบวนการทำงานของเครื่องมือแพทย์ชนิดนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มิได้มุ่งหวังให้เกิดมูลค่าในการจำหน่ายเป็นหลัก หากแต่ต้องการให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ป่วยและจักษุแพทย์ในประเทศเราที่จะได้มีโอกาสได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างแม่นยำ รวดเร็ว และสะดวกกว่ากระบวนการตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องแบบเดิมที่มีข้อจำกัดกว่า ดังนั้น ทุกปีบริษัทจะใช้งบประมาณ 10% ของรายได้มาใช้ในการพัฒนา วิจัยอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่จะช่วยในการวินิจฉัยรักษาจนบริษัทเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางว่าเป็น ผู้นำแห่งการคิดค้นนวัตกรรม
บริษัท คาร์ล ไซส์ส จำกัด ( ประเทศไทย ) ก่อตั้งในปี 2534 โดยนำเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกด้าน opticsและ optoelectronics มาใช้กับเครื่องมือแพทย์ วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม ทั้งยังได้ติดตั้งเครื่องฉายดาวในท้องฟ้าจำลองซึ่งเป็นศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาแห่งแรกของเมืองไทย กลุ่มบริษัท คาร์ล ไซส์ส ประกอบด้วย 5 หน่วยธุรกิจ ได้แก่ เทคโนโลยีทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเลนส์สายตา เทคโนโลยีอุปกรณ์การผลิตไมโครชิพ เทคโนโลยีมาตรวัดในงานอุตสาหกรรม เทคโนโลโยกล้องจุลทรรศน์ และ ผลิตภัณฑ์เลนส์สำหรับการถ่ายภาพและภาพยนต์ โดยมีตัวแทนจำหน่ายมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก คารล์ ไซส์ส เป็นกลุ่มบริษัทภายใต้การบริหารของ มูลนิธิ คาร์ล ไซส์ส ประเทศเยอรมนี (Carl Zeiss Stiftung)คาร์ล ไซส์ส ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยล้ำหน้า ซึ่งมีส่วนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วโลกมายาวนานต่อเนื่องกว่า 170 ปี ปัจจุบันสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองโอเบอร์โคเคน ประเทศเยอรมนี