Godzilla Resurgence
กำหนดฉาย 8 กันยายน 2016
บริษัทจัดจำหน่าย มงคลภาพยนตร์
อำนวยการสร้าง มินามิ อิชิคาว่า (Confessions, Wolf Children), ไทจิ อุเอดะ (Our Little Sister)
กำกับ ฮิเดะอากิ อันโนะ (Evangelion 1.0,2.0), ชินจิ ฮิงุชิ (Attack on Titan)
เขียนบท ฮิเดะอากิ อันโนะ
แสดงนำ ซาโตมิ อิชิฮาระ (Attack on Titan, Sadako 3D, H2, The Bandage Club), ฮิโรกิ ฮาเซกาว่า (Attack of the Titans, I’m Mita ,YourHousekeeper), ยูทากะ ทาเคโนะอุจิ (WithLove, Beach Boys, Boss), โนโซมิ เดอ ลองเคอแซง (Equals, The Forest), ชินยะ สึคาโมโตะ (Tokyo Fist, A Snake of June)
GODZILLA RESURGENCE
DIRECTOR’s NOTE
“ แท้จริงแล้วสิ่งที่ชวนหวาดหวั่น สุดแสนน่าสะพรึงที่ตามหลอกหลอน
และกำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเราทั้งหมดทั้งมวลนั้น
ล้วนแล้วอาจคือสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวตนของเราต่างหาก
ที่ในท้ายที่สุดเราควรตระหนักและหวาดกลัว”
” PERHAPS WE ARE ALL WAITING FOR THAT HORRIBLE THING THAT’S WITHIN US THAT WE FEAR.” Hideaki Anno & Shinji Higuchi
เรื่องย่อ
เกิดอุบัติเหตุขึ้นในอุโมงค์ใต้น้ำเส้นทางผ่านอ่าวโตเกียวโดยไม่รู้สาเหตุ ส่งผลให้เกิดการรวมตัวกันของหลากหลายหน่วยงานของภาครัฐบาลญี่ปุ่นเกิดมติประชุมฉุกเฉิน เพื่อรับมือกับสถานการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้น เมื่อพบว่า มันคืออสูรกายที่มีขนาดยักษ์ที่มีความสูงถึง 118.5 เมตร ได้ปรากฏตัวสร้างความโกลาหลวุ่นวาย จนเกิดความเสียหายไปทั่วจากการบุกขึ้นฝั่ง แล้วเข้าทำลายบ้านเมืองอย่างย่อยยับจากนอกเมืองไล่เข้าสู่ใจกลางเมืองหลวง
กล่าวได้ว่า นี่คือ มหันตภัยครั้งร้ายแรงที่นำมาซึ่งความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแก่ผู้คนและประเทศญี่ปุ่นเกินกว่าที่ใครจะคาดเดา การลุกขึ้นต่อสู้ และรับมือกับอภิมหาสัตว์ประหลาดที่ไม่มีใครเคยเอาชนะได้จากรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อปกป้องประเทศให้รอดพ้นจากหายนะครั้งยิ่งใหญ่จากสิ่งมีชีวิตปริศนาขนาดมหึมาที่ถูกขนานนามว่า “ก็อดซิลล่า”
1954 ถือเป็นกำเนิดของ Godzilla
อภิมหาภาพยนตร์สัตว์ประหลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก
วัดเฉพาะจำนวนผู้ซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์แค่ในประเทศญี่ปุ่น
ว่ากันว่ามีผู้ชมจำนวนเกือบ 100 ล้านคน ที่ได้สัมผัส และมีส่วนร่วมในประสบการณ์กับ
เจ้าก็อดซิลล่าสัตว์ประหลาดสุดคลาสสิคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกมาแล้ว!!!!
นับตั้งแต่อสูรกายใหญ่ยักษ์จากแดนอาทิตย์อุทัย ถือกำเนิดขึ้นบนโลกในนาม “ก็อดซิลล่า” หรือ “กอจิร่า” ในปีคศ.1954 ไคจู หรือคำเรียกชื่อสัตว์ประหลาดในภาษาญี่ปุ่นที่มีขนาดมหึมาตนนี้ ที่มีเสน่ห์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวชื่อ ก็อดซิลล่า มาจากการผสมผสานระหว่าง คำว่า กอริลล่า และ ปลาวาฬ ในภาษาญี่ปุ่น ได้สร้างความบันเทิงที่ชวนหวาดสะพรึง ความน่าตื่นตา และกวาดความประทับใจแก่ผู้ชมภาพยนตร์มากว่า 6 ทศวรรษ ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้ไอเดีย และความคิดสร้างสรรค์ของโทโมยูกิ ทานากะ ในระหว่างที่เดินทางกลับญี่ปุ่น ขณะที่เครื่องบินบินอยู่เหนือน่านน้ำพลันเกิดความคิดที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากมีอสูรกายใหญ่ยักษ์ถูกปลุกขึ้นมาจากอานุภาพของรังสีนิวเคลียร์ แล้วบุกถล่มประเทศญี่ปุ่น ขึ้นฝั่งเหยียบย่างทำลายบ้านเรือนผู้คนรอบๆอ่าวโตเกียว โดยทั้งนี้ประกอบกับการได้รับแรงบันดาลใจจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเรือประมงที่ชื่อว่า Lucky Dragon No.5 ซึ่งบังเอิญหลุดเข้าไปจับปลาในแถบเกาะปะการังบิกีนีที่ซึ่งเป็นเขตที่มีการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ จนเป็นที่มาของอภิมหาโปรเจกต์ภาพยนตร์สัตว์ประหลาดที่กลายเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโตโฮ โดยได้ อิชิโร ฮอนดะ มารับหน้าที่ผู้กำกับซึ่งต่อมาเขาคือ ผู้กำกับที่มีส่วนสำคัญในภาพยนตร์ในซี่รี่ส์ก็อดซิลล่าที่มีการสร้างต่อมาอีกหลายภาคทีเดียว นอกจากนี้ยังได้ เอจิ ซึบุรายะ ผู้ให้กำเนิดซีรี่ส์อุลตร้าแมน และ Tsuburaya Production และ ยาสุยุกิ อิโนะอุเอะ มารับหน้าที่ในการควบคุมดูแลงานทางด้านสเปเชี่ยลเอฟเฟกต์ ซึ่งซึบุรายะเองได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งการสร้างสรรค์เทคนิคแบบจำลอง ในบรรดาภาพยนตร์สัตว์ประหลาดหรือภาพยนตร์ไซไฟต่างๆ ความโดดเด่นในเทคนิคที่เราได้เห็นก็อดซิลล่าทำลายล้างถล่มอาคารบ้านเรือนต่างๆ เขานำเสนอเทคนิค Suitmation โดยให้นักแสดงสวมชุดสัตว์ประหลาดที่ถูกสร้างขึ้นมา แทนการใช้เทคนิคในการถ่ายแบบสต็อปโมชั่นที่เป็นความตั้งใจตอนเริ่มต้น ซึ่งหมายความว่า ภาพยนตร์เรื่องก็อดซิลล่าอาจต้องใช้เวลาถึง 7 ปีถึงจะสำเร็จลงได้ จึงเป็นที่มาของการนำเอาเทคนิคการให้นักแสดงสวมชุดเป็นก็อดซิลล่ามาใช้แทน และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แรกเริ่มเดิมทีชุดก็อดซิลล่าต้นแบบมีสีน้ำตาลและมีน้ำหนักมากถึง 200 ปอนด์ และใช้เวลาในการที่ ฮารุโอะ นากาจิมา ผู้ซึ่งสวมบทบาทก็อดซิลล่าต้องสวมชุดเข้าออกอยู่หลายนาที จึงแก้ปัญหาด้วยการออกแบบชุดก็อดซิลล่าที่เบากว่า พร้อมกันนี้ตัวภาพยนตร์ยังได้ อากิระ อิฟุกุเบะ คอมโพสเซอร์ฝีมือดีที่มารับหน้าที่ในส่วนของการประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์ รวมทั้งทำหน้าที่ในการสร้าง และออกแบบซาวน์เอฟเฟกต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงคำราม เสียงฝีเท้าการย่ำไปบนพื้นของก็อดซิลล่า ฯลฯ ซึ่งกลายมาเป็น 1 ในเอกลักษณ์ที่สร้างความน่าหวาดสะพรึงให้กับราชันแห่งสัตว์ประหลาดที่คลาสสิคที่สุดในโลกภาพยนตร์โดยที่ตัวภาพยนตร์ใช้เวลาในการถ่ายทำไปทั้งหมด 3 เดือน
ก็อดซิลล่าออกฉายครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ.1954 ก่อนที่ในอีก 2 ปีต่อมาได้ข้ามฝากมาสร้างความฮือฮาให้ผู้ชมในซีนโลกตะวันตก โดยเข้าฉายในประเทศสหรัฐอเมริกาให้ผู้ชมชาวอเมริกันได้สัมผัสความน่าหวาดสะพรึง และตื่นตาไปกับความยิ่งใหญ่ของอภิมหาสัตว์ประหลาดสัญชาติญี่ปุ่นในโรงภาพยนตร์ภายใต้ชื่อ Godzilla, King of the Monsters! โดยมีการตัดต่อใหม่ และถ่ายทำเพิ่มพร้อมเพิ่มฉากที่มีนักแสดงชาวอเมริกันเข้าไปในตัวภาพยนตร์ ส่งผลให้ราชันย์แห่งสัตว์ประหลาดประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และเป็นที่นิยมไม่น้อยไปกว่าภาพยนตร์เรื่องดังในแนวเดียวกันอย่าง คิงคอง และกลายเป็นขวัญใจของผู้ชมอีกหลายประเทศทั่วโลกที่ได้มีโอกาสชื่นชมเจ้าก็อดซิลล่าต้นฉบับจากสตูดิโอผู้สร้างอย่างโตโฮในโรงภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็น สวีเดน, สเปน, อังกฤษ, ออสเตรเลีย, เยอรมัน, โปรตุเกส, ฮังการี่, เม็กซิโก, อาร์เจนติน่า, คิวบา, ฝรั่งเศส, เบลเยี่ยม, โปแลนด์, บราซิล ฯลฯ โดยมีการตั้งชื่อแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศที่เข้าฉาย แต่โดยส่วนใหญ่จะมีคำว่า “ก็อดซิลล่า” อยู่ในชื่อ
Godzilla คือภาพยนตร์ทุนสร้างสูงที่สุดในประวัติศาสตร์
สู่ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมหาศาลถล่มรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์
จากภาพยนตร์ที่ได้รับการกล่าวถึงในฐานะภาพยนตร์ที่ใช้ทุนสร้างสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่น ถึงขนาดที่ว่า หากรวมเฉพาะทุนสร้างของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง ก็อดซิลล่า และ 7 เซียนซามูไร (Seven Samurai) ภาพยนตร์สุดคลาสสิคจากผลงานของผู้กำกับอัจฉริยะอย่าง อากิระ คุโรซาว่า ซึ่งล้วนต่างเป็นผลงานการสร้างของสตูดิโอโตโฮที่เข้าฉายในปีเดียว ถึงขนาดที่ว่ากันว่า ส่งผลให้สตูดิโอโตโฮแทบตกอยู่ในสถานะล้มละลายทางด้านการเงินเลยทีเดียว แต่ทันทีที่ภาพยนตร์เข้าฉายกับกลายเป็นว่าภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องประสบความสำเร็จโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก็อดซิลล่า กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุด โดยภาพยนตร์เรื่อง ก็อดซิลล่า ใช้ทุนสร้างที่สูงถึง 64 ล้านเยน (9 แสนเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ) ตามด้วยต้นทุนทางด้านการตลาดอีก 37 ล้านเหรียญ (6 แสนเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ) รวมเบ็ดเสร็จภาพยนตร์ที่มาพร้อมกับทุนสร้างมหาศาลถึง 101 ล้านเยน (1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) กลับสามารถขายบัตรชมภาพยนตร์ไปถึง 9,610,000 ใบรวมรายได้ทั้งสิ้น 152 ล้านเยน (2,250,000 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ภายหลังจากความสำเร็จอย่างมหาศาลที่เกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดภาพยนตร์ก็อดซิลล่าจากผลงานการสร้างของสตูดิโอโตโฮต่อเนื่องยาวนานถึง 6 ทศวรรษ มีทั้งสิ้น 28 ภาค ต่อยอดเป็นเกม, การ์ตูน, แอนิเมชั่น ฯลฯ อีกมากมายจนกล่าวได้ว่า “ก็อดซิลล่า” กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่มีมูลค่าสูงสุดของสตูดิโอโตโฮที่โด่งดังไปทั่วทุกประเทศในแต่ละทวีปทั่วโลก จากความสำเร็จและความยิ่งใหญ่ในชื่อเสียง ก็อดซิลล่าที่มีเหล่าแฟนๆทั่วทุกมุมโลก ส่งผลให้เกิดภาพยนตร์ก็อดซิลล่าในเวอร์ชั่นฮอลลีวู้ดตามมาในปี1998 โดยสตูดิโอโซนี่ และ ไทรสตาร์ พิคเจอร์ส จากผลงานการกำกับของ โรแลนด์ เอ็มเมอริช จาก ID4 และ ก็อดซิลล่า (ปี2014) เวอร์ชั่นล่าสุด ที่สตูดิโอเลเจนเดรี่จากฮอลลีวู้ดซื้อสิทธิ์จากบริษัทโตโฮผู้สร้างก็อดซิลล่าต้นฉบับไปสร้างโดยร่วมทุนกับ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ก็สามารถทำรายได้จากการเข้าฉายทั่วโลกไปถึง 529 ล้านเหรียญสหรัฐ
ตลอดระยะเวลากว่า 6 ทศวรรษส่งผลให้ ก็อดซิลล่า คือ ราชันแห่งสัตว์ประหลาดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด มีการสร้างอย่างต่อเนื่องที่สุด ไม่มีใครไม่รู้จักอภิมหาสัตว์ประหลาดที่ยิ่งใหญ่ และคลาสสิคที่สุดของโลกภาพยนตร์ทั้งในระดับประเทศไปจนถึงในระดับนานาชาติ ถึงขนาดที่ว่ากระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมจากรัฐบาลญี่ปุ่นพรีเซนท์ และนำเสนอให้เจ้าก็อดซิลล่าคือ ตัวแทนของ
สัญลักษณ์ “คูลแจแปน” ซึ่งเป็นแคมเปญโปรโมทให้เห็นถึงวัฒนธรรมประจำชาติของญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์และความโดดเด่นไปในระดับโลก ในบรรดาภาพยนตร์ในซี่รี่ส์ก็อดซิลล่าภาคที่ได้รับการยอมรับและถูกยกย่องว่าคลาสสิคที่สุดคือฉบับดั้งเดิมปี 1954 โดยในหลายๆครั้งที่ในหลายๆภาคที่มีการสร้างขึ้นมามักมีการอ้างอิงหรือเชื่อมโยงถึงก็อดซิลล่าต้นฉบับในปี1954 อยู่บ่อยครั้ง
และในปี 2016 สตูดิโอโตโฮ ผู้ให้กำเนิดราชันแห่งอภิมหาสัตว์ประหลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกภาพยนตร์ พร้อมแล้วที่จะพาผู้ชมไปสัมผัสกับความน่าหวาดสะพรึงที่แสนคลาสสิคซึ่งเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวภายใต้เทคโนโลยีทางด้านภาพยนตร์ที่พัฒนาอย่างถึงขีดสุดในปัจจุบัน เพื่อให้การกลับมาของอภิมหาสัตว์ประหลาดก็อดซิลล่าต้นฉบับกลับมาครองใจผู้ชมอีกครั้ง การคืนจออย่างสมศักดิ์ศรีครั้งแรกในรอบ 12 ปี กับภาพยนตร์ก็อดซิลล่าของแท้ในลำดับที่ 29 กับ Godzilla Resurgence
Godzilla Resurgence ถือกำเนิดใหม่อย่างสมศักดิ์ศรี
อภิมหาสัตว์ประหลาดของโลก
มหึมา 118.5 เมตร ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ก็อดซิลล่า
ทุ่มทุนสร้างสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ญี่ปุ่น
และในปีคศ.2016 โตโฮ สตูดิโอ ผู้สร้างภาพยนตร์, วงการโทรทัศน์ และธุรกิจโรงภาพยนตร์ที่ทรงอิทธิพลและยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น คือ ตำนานที่ทรงอิทธิพลมากว่า 8 ทศวรรษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ต้นตำรับของผู้สร้างภาพยนตร์ในแนวสัตว์ประหลาด ไซไฟและเทคนิคพิเศษ รวมไปถึงคือ สตูดิโอผู้สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์คลาสสิคของสุดยอดผู้กำกับอัจฉริยะของโลกอย่าง อากิระ คุโรซาว่า (7เซียนซามูไร, ราโชมอนฯลฯ), ภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่กลั่นจากมันสมองของ ฮายาโอะ มิยาซากิ บิดาแห่งแอนิเมชั่นผู้ก่อตั้งสตูดิโอจิบลิ (นิทานหิ่งห้อย,โตโตโร่, Spirited Away) รวมไปถึงภาพยนตร์ระดับบล็อคบัสเตอร์ที่ประสบความสำเร็จ และสร้างความประทับใจแก่ผู้ชมอย่างมากมายอาทิ Always1-3, Ring หรือ ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากมังก้าระดับเบสท์เซลเลอร์ อาทิ 20th Century Boys, Nana1-2, Gantz , Attack on Titan and Attack on Titan: End of the World และ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นอย่าง อากีระ, ทัชเดอะมูฟวี่, โปเกมอนเดอะมูฟวี่, โดราเอมอนเดอะมูฟวี่, โคนันเดอะมูฟวี่ ฯลฯ ตอบรับเสียงเรียกร้องและความต้องการจากผู้ชมภาพยนตร์ที่อยากเห็นการกลับมาของอภิมหาภาพยนตร์สัตว์ประหลาดสุดคลาสสิคระดับตำนาน “ก็อดซิลล่าต้นฉบับ” จากสตูดิโอผู้ให้กำเนิดที่เข้าใจถึงจิตวิญญาณในความเป็น “ก็อดซิลล่า” อย่างถ่องแท้ และสมบูรณ์แบบที่สุดทั้งเอกลักษณ์และตัวตน นำไปสู่ ชินกอจิร่า หรือ Godzilla Resurgence ภาพยนตร์ก็อดซิลล่าต้นฉบับจากผลงานการสร้างอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดของสตูดิโอโตโฮเป็นเรื่องที่ 29 และเป็นกลับมาครั้งแรกของก็อดซิลล่าในรอบ 12 ปี นับตั้งแต่ Godzilla :Final Wars ที่ถูกสร้างเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่ภาพยนตร์ชุดก็อดซิลล่าถือกำเนิดขึ้นมาครบรอบ 50 ปี และด้วยศักยภาพในงานทางด้านสเปเชี่ยลเอฟเฟกต์ที่พัฒนาก้าวไปอย่างถึงขีดสุดของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของญี่ปุ่น ด้วยคุณภาพ และประสิทธิภาพของบุคคลากรและเทคโนโลยีในปัจจุบันจึงเป็นความท้าทาย และพิสูจน์ให้เห็นว่าโตโฮพร้อมแล้วที่จะกลับมาชุบชีวิตสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมให้กับ Godzilla Resurgence สู่ภาพยนตร์ในเจเนอเรชั่นนี้
สำหรับผู้ที่รับหน้าที่กุมบังเหียนรับผิดชอบในการทำหน้าที่เขียนบท และกำกับภาพยนตร์เรื่อง Godzilla Resurgence ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เขาคือ ฮิเดะอากิ อันโนะผู้ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์และชุบชีวิตใให้ Neon Genesis Evangelion กลายเป็นเฟรนไชส์ภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดจนมีฐานผู้ชมที่เป็นแฟนและสาวกอย่างมากมายไปทั่วโลก หลังจากประเดิมเฟรนไชส์ของ Rebirth of Evangelion ด้วย Evangelion:1.0 You are(not)alone ที่ถล่มรายได้ในตารางอันดับภาพยนตร์ทำเงิน Box-officeไปพันล้านเยน (19ล้านเหรียญสหรัฐ) ตามด้วย Evagelion:2.22 You can (not)Advance 4 พันล้านเยน (38ล้านเหรียญสหรัฐ) และ Evangelion:3.0 You can(not) Redo 5.3พันล้านเยน (50ล้านเหรียญสหรัฐ) ภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ “อีวานเกเลี่ยน” ด้วยการทำรายได้ไปถึง 2 พันล้านเยน (19ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากความสำเร็จมหาศาลที่เกิดขึ้น ส่งผลให้อันโนะตัดสินใจที่เลื่อนกำหนดการสานต่อเฟรนไชน์ “อีวา” ในภาคที่ 4 และปิดฉากภาคท้ายสุดอย่าง “Rebuild” ด้วยการโดดเข้ามารับหน้าที่สำคัญให้กับ Godzilla Resurgence แทน
โดยทั้งนี้เพื่อให้การกลับมาของ “ก็อดซิลล่าต้นฉบับ” ยิ่งใหญ่และสมบูรณ์แบบที่สุด อีกหนึ่งอัจฉริยะผู้กำกับที่มารับหน้าที่แท็คทีมร่วมกำกับกับอันโนะคือ ชินจิ ฮิงุชิซึ่งเป็น 1 ในบุคลากรสำคัญของโตโฮที่ผ่านการร่วมงานกับมายาวนาน นับตั้งแต่หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมก็ได้เข้ามาร่วมเป็น 1ในทีมงานของ The Return of Godzilla ภาพยนตร์ชุดก็อดซิลล่าต้นฉบับเวอร์ชั่นที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1984 ผ่านการร่วมงานกับอันโนะในโปรเจกต์ Evngelion รวมทั้งมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้กำกับซึ่งรับผิดชอบในส่วนของงานเทคนิคพิเศษ (สเปเชี่ยล เอฟเฟกต์) ให้กับ Gamera Trilogy (1995-99) ซึ่งเป็น 1 ในภาพยนตร์ชุดสัตว์ประหลาดไตรภาคที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของโตโฮ นอกจากนี้เขายังเป็นผู้กำกับของ Sinking of Japan ภาพยนตร์ระดับบล็อคบัสเตอร์ที่กวาดรายได้ถึง 5.34 พันล้านเยน (50ล้านเหรียญสหรัฐ) และThe Floating Castle ซึ่งกวาดรายได้ไป 2.84 พันล้านเยน (27ล้านเหรียญสหรัฐ) และล่าสุดกับภาพยนตร์ไลฟ์-แอคชั่นที่สร้างจากการ์ตูนเรื่องดังอย่าง Attack on Titan ภาค1-2 ที่ทำรายได้มหาศาลไปถึง4.93พันล้านเยน(46ล้านเหรียญสหรัฐ)
นอกจากนี้หนึ่งในทีมงานที่เป็นหัวหอกสำคัญอีกคนของภาพยนตร์คือ มาฮิโระ มาเอดะ (Mahiro Maeda) ซึ่งเป็น Animator ผู้ดีไซน์ “ชินกอจิร่า” หรือ “Godzillaเวอร์ชั่นใหม่” เคยร่วมงานฮอลลีวู้ดฟอร์มยักษ์มาแล้วใน Mad Max: Fury Road และ Kill Bill Vol.1 รวมทั้งเคยร่วมงานกับสตูดิโอแอนิเมชั่นอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นอย่าง Studio Ghibli และที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือการได้ ชิโร่ ซางิสุ คอมโพสเซอร์มือฉมังผู้ฝากผลงานระดับเยี่ยมๆมานับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Evangelion, Bleach, Berserk Golden Age Arc (& 2016) , Magi : magic เเละล่าสุดกับ Attack On Titan ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น Hans Zimmer ของญี่ปุ่นและเป็นคอมโพสเซอร์ที่ทรงอิทธิพลในอันดับที่ 4 ของญี่ปุ่น (JASRAC) มาร่วมสร้างความอลังการให้กับภาพยนตร์โดยรับผิดชอบในการประพันธ์ และออกแบบเพลงในภาคดนตรีประกอบภาพยนตร์ที่หลายคนต้องยอมคาราวะเพียงได้ฟังแค่สกอร์จากในภาพยนตร์ตัวอย่างที่ช่างเร้าอารมณ์ และชวนขนลุกไปพร้อมๆกัน ไม่ว่าจะในภาคดนตรีประกอบที่บรรเลงโดยวงออเครสตร้า หรือซาวน์ในแบบคอรัสล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึก และสร้างความอลังการให้กับภาพยนตร์อภิมหาสัตว์ประหลาดเรื่องนี้ได้อย่างยิ่งใหญ่ และเต็มไปด้วยความฮึกเหิมสมศักดิ์ศรีในความเป็นราชันเจ้าแห่งสัตว์ประหลาดทั้งหมดอย่างแท้จริง
สำหรับ Godzilla Resurgence กล่าวได้ว่าเป็นการกลับมาทวงตำแหน่งอย่างสมศักดิ์ศรีของก็อดซิลล่าต้นฉบับให้สมกับเป็น “God” โดยทั้ง 2 ผู้กำกับ อันโนะและฮิงูชิเลือกที่จะนำเสนอก็อดซิลล่าฉบับปี2016 ด้วยความมหึมหาใหญ่โตอย่างถึงขีดสุดที่ความสูง 118.5 เมตร (389ฟุต) ลบสถิติก็อดซิลล่าทุกตัวที่เคยปรากฎตัวและย่ำบนจอภาพยนตร์ เรียกได้ว่าแซงหน้าความใหญ่ยักษ์ของฉบับฮอลลีวู้ดเวอร์ชั่นก่อนหน้าในปี 2014 ที่มีความสูง 108 เมตร (354ฟุต) และแน่นอนว่าเจ้า “ชินกอจิร่า” หรือ “ก็อดซิลล่าตัวใหม่” ยังเต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจ ภายใต้การดีไซน์ใหม่ซึ่งมาพร้อมกับความน่าเกรงขามและสร้างความหวาดหวั่นที่น่าหวาดสะพรึงอย่างถึงขีดสุด โดยมี ทาคายุกิ ทาเคยะ ผู้ซึ่งเคยผ่านประสบการณ์และคร่ำหวอดในงานสเปเชียลเอฟเฟกต์ให้กับภาพยนตร์เรื่อง Zeiram เมื่อปี 1991 ร่วมกับผู้กำกับ เคตะ อามามิยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีส่วนสำคัญในซีรีย์ฮีโร่ไอ้มดแดงอย่าง Kamen Rider Driveเมื่อปี 2014 รวมทั้งมีผลงานการออกแบบสัตว์ประหลาดอีกมากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ทำงานรับผิดชอบในการการดีไซน์อภิมหาสัตว์ประหลาดในสเกลสุดยิ่งใหญ่อย่างก็อดซิลล่า โดยมีภาพการออกแบบของ มาฮิโระ มาเอดะเป็นพื้นฐานผ่านการปรึกษาและร่วมงานกันอย่างใกล้ชิดกับผู้กำกับใหญ่อย่าง คุณ ฮิเดอากิ อันโนะและ ชินจิ ฮิงุชิ ซึ่งมีความตั้งใจตั้งแต่เริ่มต้นโปรเจกต์เลยที่ว่า สำหรับชินกอจิร่า หรือ เจ้าก็อดซิลล่าตัวใหม่ประจำปี 2016 ที่เราจะได้เห็นใน Godzilla Resurgence ภาคล่าสุดนี้ จากข้อมูลงานสร้างที่ได้รับการเปิดเผย นั่นคือ หัวของเจ้าชินกอจิร่าจะถูกออกแบบขึ้นมาใหม่โดยยึดเอาลักษณะของเจ้าตัวต้นแบบคือ
ก็อดซิลล่าภาคแรกเวอร์ชั่นปี 1954 เป็นหลัก โดยมีแนวความคิดที่ว่า ลักษณะของหัวก็อดซิลล่าจะอิงมาจากกลุ่มแก๊สร้อน ฝุ่นควัน หรือสสารอื่นๆที่ล่องลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าหลังการระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์ โดยเฉพาะในส่วนของครีบหลังยังคงเอกลักษณ์ในความเป็นอภิมหาสัตว์ประหลาดจอมทำลายล้างตามแบบฉบับดั้งเดิมที่มีลักษณะรูปทรงคล้ายใบเมเปิ้ล
“ความตั้งใจของคุณอันโนะก็คือ อยากทำความเคารพก็อดซิลล่าตัวแรกเมื่อปี 1954 นอกจากนั้นเรายังต้องคงคอนเซ็ปต์ที่ว่า ก็อดซิลล่าคือ สัตว์ยักษ์ที่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนไปทั่ว ดังนั้นเราจึงต้องมาไล่ออกแบบอวัยวะของเจ้าก็อดซิลล่าไปทีละส่วนๆเลยครับ” ทาคายุกิ ทาเคยะ อธิบายให้เห็นถึงแนวทางซึ่งเป็นความตั้งใจหลักในการสร้างสรรค์งานสร้างมหึมหาชิ้นสำคัญที่จะออกมาอวดสายตาคอหนังอภิมหาสัตว์ประหลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกตัวใหม่นี้ แต่ส่วนที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นก่อนๆอย่างเห็นได้ชัดคือ การเรียงตัวของซี่ฟันที่แหลมคมจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้ภาพลักษณ์ของก็อดซิล่าเวอร์ชั่น 2016 นี้ดูน่าหวาดสะพรึง น่ากลัว และดุร้าย มากกว่าทุกๆตัวที่ผ่านมา มีการพูดคุยถกเถียงกันแม้กระทั่งรายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆน้อยอย่างปากของเจ้า “ชินกอจิร่า” ว่าควรจะเปิดหรือไม่ ไปจนถึงลักษณะของใบหูของมัน แต่ลูกตาจะมีขนาดที่เล็กกว่าเดิม และดูมีความเป็นมนุษย์มากยิ่งขึ้น
“เราคุยกันว่าออกแบบให้ปิดปากได้ไหมครับ.. “ไม่ต้องปิดก็ได้” … แล้วหูล่ะครับ ต้องมีไหม “ในเมื่อตัวมันใหญ่และแข็งแกร่งขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องคอยระวังอะไรรอบตัว เพราะงั้นไม่ต้องมีหูให้ฟังเสียงชัดๆก็ได้” ผมมักจะคอยถามคำถามเหล่านี้ และได้รับคำตอบแบบนี้จากผู้กำกับอันโนะเสมอ เพราะเขาไม่ได้สนใจอยากจะให้ก๊อดซิลล่าสื่อสารกับมนุษย์เท่าไหร่ เขาอยากจะให้มันสื่อความน่ากลัวออกมาให้สุดๆ เท่านั้นเอง”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่มีการพูดถึงมากที่สุดคือ ลักษณะผิวหนังของก็อดซิลล่าตัวใหม่นี้ได้ถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายผลมะระที่เต็มไปด้วยความขรุขระ แต่มีนัยที่แฝงให้เห็นถึงร่องรอยของความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นความโดดเด่นที่เห็นได้ชัดของสีแดงที่เข้ามามีส่วนสำคัญที่แผ่ซ่านไปตามส่วนต่างๆของเนื้อตัวตามร่างกายซึ่งเปรียบดั่งกับลาวาที่ไหลไปบนตัว และที่สำคัญที่สุดคือความยาวของหาง
“ลองใส่สีแดงเข้าไปสักหน่อยไหม” เราเห็นตรงกันเพราะนอกจากมันจะสร้างความน่าเกรงขามให้ก็อดซิลล่าแล้ว มันยังเป็นทั้งสัญลักษณ์แห่งเลือด ความเศร้า ความเจ็บปวดอีกด้วยครับ คือ เราอยากจะให้มันไม่ดูแข็งแกร่งไปเสียทุกส่วน อยากให้มีบางจุดที่แสดงให้เห็นว่า ก็อดซิลล่าก็มีความเจ็บปวด และให้ความรู้สึกสยดสยองมากกว่าน่าเกรงขามน่ะครับ ในการทำหนังเรื่องนี้เราคุยกันไว้แต่แรกว่าจะใช้ CG มาช่วยมากพอสมควร ก็เลยอิสระกับการออกแบบตัวละครมากเลยทีเดียว เพื่อจะให้ได้มาซึ่งก็อดซิลล่าในอุดมคติที่เราต้องการที่สุดออกมา และเมื่อผมออกแบบให้ตัวหางมีลักษณะของความยาวมากๆ ปรากฏว่าทุกคนเห็นตรงกันว่ามันเป็นความยาวที่พอดี เราก็เลยตกลงใช้หางยาวขนาดนี้กันเลยครับ”
แต่สิ่งที่สร้างความน่าสนใจให้กับภาพของก็อดซิลล่าในภาคใหม่นี้ที่ออกมาจากปากของ “ฮิเดอากิอันโนะ” ผู้กำกับของ Godzilla Resurgence ที่มีความคิดในการออกแบบคอนเซ็ปท์ของตัวก็อดซิลล่าที่น่าสนใจว่า
“ก็อดซิลล่าภาคนี้จะถือกำเนิดขึ้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่สุด โดยเกิดจากการผสมผสานเอาแต่ละส่วนขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตต่างๆที่มีอยู่บนโลกใบนี้เข้าด้วยกัน และมีการเกี่ยวพันหรือเชื่อมโยงกับระบบนิเวศน์”
แรงปลุกเร้าที่เรียกได้ว่า สร้างความฮือฮาในกลุ่มเหล่าสาวก และแฟนๆของอภิมหาสัตว์ประหลาดสุดคลาสสิคจากแดนอาทิตย์อุทัยจนเกิดเป็นกระแสถกเถียง และมีการพูดต่ออย่างแพร่หลายไปในโซเชี่ยลเน็ทเวิร์คอย่างทวีคูณเมื่อสตูดิโอโตโฮได้ปล่อยภาพยนตร์ตัวอย่างฉบับล่าสุดออกมาในโรงภาพยนตร์ก่อนที่จะมีการแชร์ต่อไปทั่วโลกผ่านแฟนเพจ และเวบไซต์ต่างๆด้วยระยะเวลาเพียง 10 วัน มีการแชร์สนั่นโลกอินเตอร์เนทไม่ต่ำกว่า7.2 แสนแชร์ ด้วยหัวข้อที่ว่า “godzilla resurgence+trailer 2”
สู่มหาวิบัติภัยที่เกินกว่ามนุษยชาติจะรับมือ
GODZILLA RESURGENCE
ที่สุดแห่งภาพยนตร์ก็อดซิลล่าระดับมาสเตอร์พีซ ที่โลกรอคอย
ในขณะที่ภาพยนตร์ก็อดซิลล่าที่ผ่านมาล้วนมีรายละเอียดปลีกย่อยต่างย้อนกลับไปเชื่อมโยงกับ ก็อดซิลล่าต้นฉบับในปี 1954 ทีมผู้สร้างใน Godzilla Resurgence เวอร์ชั่นล่าสุดเลือกที่จะถ่ายทอดเรื่องราวซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน และเป็นการปรากฎตัวขึ้นฝั่งบนผืนดินประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก นั่นหมายความในภาคล่าสุดคือ การถือกำเนิดขึ้นของภาพยนตร์ซี่รี่ส์สัตว์ประหลาดในลักษณะของการ “รีบู้ท” มากกว่าที่จะเป็นการ “รีเมค” หรือ “ภาคต่อ” จากภาคก่อนหน้าเหมือนอย่างที่หลายคนเข้าใจ และเมื่อได้รับฟังมุมมองของผู้กำกับฮิงูชิถึงสิ่งที่ตัวภาพยนตร์ต้องการนำเสนอ
“ผมและผู้กำกับฮิเดะอากิ อันโนะ ตั้งใจที่จะถ่ายทอดภาพยนตร์ก็อดซิลล่าฉบับใหม่นี้ในมุมมองที่เน้นความจริงจัง ดูสมจริงซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากภาคก่อนๆที่ผ่านมาที่อาจดูสว่างกว่า ไปสู่การนำเสนอให้เห็นอีกแง่มุมของการเผชิญหน้าของโลก ของผู้คนต่อความสูญเสีย ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นการที่ผู้คนต้องเผชิญหน้ากับก็อดซิลล่า เปรียบได้กับการรับมือและต้องเอาตัวเองให้รอดในสถานการณ์เฉกเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในช่วง2-3ปีที่ผ่านมาจากมหันตภัยธรรมชาติอย่างสึนามิ หรือการก่อร้ายในเหตุการณ์911”
จึงไม่แปลกใจที่เมื่อได้สัมผัสกับภาพฟุตเตจบางส่วนจากภาพยนตร์ที่ถูกนำเสนอออกมาไม่ว่าจะเป็นภาพของอภิมหาสัตว์ประหลาดใหญ่ยักษ์ขึ้นฝั่ง เหยียบย่ำทำลายบ้านเรือน รุกราน ไปในหลายพื้นที่ ในเขตชุมชน ส่งเสียงคำรามอยู่ท่ามกลางตึกระฟ้า โดยมีภาพฝูงชนต่างอพยพ หนีตายและเอาตัวรอดจากความคลุ้มคลั่งของเจ้าก็อดซิลล่าที่บุกทำลายล้างโดยมีเหล่าทหาร หน่วยงานต่างๆของรัฐบาลโดยเฉพาะกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น(JSDF)เผชิญหน้ารับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เหล่าฝูงบินรบกองกำลังทั้งภาคอากาศและภาคพื้นดิน กองทัพรถถัง ที่ต่างถาโทมสาดซัดกระสุนทิ้งบอมบ์ใส่เจ้าก็อดซิลล่าอย่างเต็มอัตราศึก คงไม่เกินเลยความจริงนักที่จะบอกว่าใน Godzilla Resurgence จะนำเสนอภาพความจริง และถ่ายทอดเรื่องราวที่ค่อนข้างสอดคล้องใกล้เคียงกับเหตุการณ์ในโลกยุคปัจจุบันที่สภาพสังคมตลอดจนผู้คนในญี่ปุ่นคุ้นเคยกับการเผชิญหน้าที่ต้องรับมือกับเหตุการณ์ที่เข้าขั้นมหันตภัยภัยมาตลอดในระยะ 3-5 ปี ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นวิกฤตนิวเคลียร์ที่ฟูกิชิมา จนถึงแผ่นดินไหวที่คุมาโมโต ภาพความสมจริงที่เกิดขึ้นก็ไม่ต่างจากซากปรักหักพักที่เกิดจากน้ำมือของก็อดซิลล่า หรือแม้แต่การเข้ามามีบทบาทของกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น(JSDF)ในการรับมือ ซึ่งในความเป็นจริงถ้ายังจำกันได้ว่านี่คือหน่วยงานที่เข้ามามีบทบาทสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2011 โดยทั้งนี้ทางทีมงานสร้างของภาพยนตร์ก็ล้วนต่างได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น(JSDF)
แต่ที่เรียกได้ว่าเป็นเซอร์ไพรส์ที่สุดที่เกิดขึ้นกับ Godzilla Resurgence ภาพยนตร์ “ก็อดซิลล่า”ภาคใหม่ล่าสุดที่ทุกคนรอคอยนั่นคือ การประกาศจากสตูดิโอโตโฮผู้ให้กำเนิดอภิมหาสัตว์ประหลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกว่า นี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ก็อดซิลล่าของแท้จากญี่ปุ่น ที่ถูกนำเสนอผ่านเทคนิคพิเศษอย่างคอมพิวเตอร์กราฟฟิค (Full CG) โดยนำมาใช้อย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก พร้อมกับเป็นการเปิดเผยให้เห็นถึงศักยภาพ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และเทคโนโลยีที่พัฒนาถึงขีดสุดผ่านการใช้เทคนิคการ “ผสมผสาน” ในหลายๆส่วนประกอบไปด้วยการใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิก, การสร้างแบบจำลองที่ทั้งโลกต่างยกย่องในความเชี่ยวชาญในการสร้างแบบจำลองของญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว, การใช้เทคนิคโมชั่นแคปเจอร์ ที่มีระบบเซ็นเซอร์พิเศษผสมผสานการขยับเคลื่อนไหวของตัวก็อดซิลล่าผ่านนักแสดงที่สวมชุด, รวมไปถึงการสร้างโมเดลหรือหุ่นม็อคอัพขนาดใหญ่ที่เพิ่มความสมจริง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลถูกนำมาผสมผสานผ่านกระบวนการ และขั้นตอนในการถ่ายทำเพื่อให้เกิดวิช่วลทางด้านภาพในการสร้างความสมจริงให้กับภาพยนตร์ แน่นอนว่ายังไม่รวมกับการสร้างตัวอภิมหาสัตว์ประหลาดโดยใช้โปรแกรม และเทคนิคในการสร้างรายละเอียดต่างๆไม่ว่าจะเป็น พื้นผิวหรือเนื้อตัวที่มีลักษณะเฉพาะของ “ชินกอจิร่า” หรือ “ก็อดซิลล่า” ที่มีความโดดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งแตกต่างจาก ก็อดซิลล่ารุ่นพี่ที่ผ่านมา
และด้วยทีมงานสร้างที่มีส่วนสำคัญในการร่วมสร้างปรากฎการณ์ครั้งยิ่งใหญ่บนจอภาพยนตร์กว่า 1000 ชีวิตมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยปรากฎขึ้นมาก่อนในภาพยนตร์เรื่องก็อดซิลล่าที่ผ่านมา อันโนะและฮิกุชิ 2 ผู้กำกับภาพยนตร์ Godzilla Resurgence ทุ่มสุดตัวเพื่อนำเอาประสบการณ์ความสมจริงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดพร้อมพละกำลังมหาศาลของ ก็อดซิลล่า เตรียมถล่มจอใหญ่ยักษ์ให้สมกับที่ทุกคนรอคอย โดยการกลับมาครั้งนี้มาพร้อมปรากฎการณ์ความยิ่งใหญ่สุดอลังการบนจอภาพยนตร์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในญี่ปุ่นสตูดิโอโตโฮนำเสนอ “GODZILLA RESURGENCE” ออกมาในทุกรูปแบบการฉายที่มีในโลกภาพยนตร์เพื่อให้ผู้ชมได้สัมผัสกับประสบการณ์ของอภิมหาความอลังการของ ก็อดซิลล่ากันถึงขีดสุดทั้งในระบบ IMAX, 4DX , MX4D , D-BOX ฯลฯ
3 ซูเปอร์สตาร์กับบทบาทสำคัญใน Godzilla Resurgence(Shin Gojira)