League of Gods สงครามเทพเจ้าอภิมหาสงคราม ระเบิดฟ้าสะท้านปฐพี
League of Gods สงครามเทพเจ้า หนังที่ใช้เงินในการลงทุนที่สูงที่สุดเรื่องหนึ่งของจีน แผ่นดินใหญ่ แห่งปี 2016 ด้วยตัวเลขทุนสร้างถึง 300 ล้านเหรียญฮ่องกง และเต็มไปด้วยทีมเทคนิคพิเศษฝีมือระดับโลก จากต่างประเทศ เพื่อเนรมิตรการสร้างสรรค์งานที่สุดแสนอลังการ ด้านภาพในจินตนาการ เกี่ยวกับศึกของเหล่าทวยเทพ จาก “ตำนานสถาปนาเทพเจ้า” หรือ “ตำนานวีรกรรมผู้กล้า” (ฮ่องสิน) นิยายคลาสสิกศตวรรษ ที่ 16 ให้ออกมาเป็น ภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมฟอร์มยักษ์
เรื่องราวในยุคศตวรรษที่ 16 เล่าเรื่องราวแนวอิงประวัติศาสตร์ 1046 ก่อนศริสตกาล เมื่อ พระเจ้าซางโจ้ว กษัตริย์โจ้วอ๋อง (เหลียงเจีย ฮุย) ผู้ชั่วร้ายบ้าสงคราม ลุ่มหลงในอำนาจ และชอบเสพสม มัวเมาเรื่องอิสสตรีนารี จนโงหัวไม่ขึ้นไม่เป็นอันบริหาร ปกครองดูแลสุขทุกข์ปวงประชา และบ้านเมือง โจ้วอ๋อง หลงสนมเอก ต๋าจี (ฟ่านปิงปิง) โดยเขาไม่เคยรู้เลยว่านางนั้นคือนางปีศาจจิ้งจอก ที่ปลอมตัวมา เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง ความชั่วร้ายของโจ้วอ๋องนำพามาซึ่งเรื่องราวใหญ่โตบานปลาย จนบรรดาเหล่าทวยเทพต้องยื่นมือลงมาช่วยเหลือ โจ้วอู่หวังจากแคว้นโจวในการปราบกษัตริย์ผู้ชั่วร้าย โดยมี เจียงจื่อหยา (เจ็ต ลี) เป็นผู้วางแผนในการพิชิตศึก ที่ทั้ง โลก สวรรค์ และ นรก ต้องสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
หลีเหลี่ยนเจี๋ย (เจ็ต ลี) รับบทเป็น เจียงจื่อหยา กุนซือผู้ช่วยเหลือ โจ้วอู่หวัง เพื่อโค่นราชวงศ์ซาง พร้อมด้วย กู่เทียนเล่อ ที่รับบทเป็น “เทพมหามยุรี” , หวงเสี่ยวหมิง เป็น “เอ้อร์หลัง เสิน” , เหวินจาง กับการรับบท “นาจา” , นอกจากนี้ยังมีดารา“หยาง อิ่ง” นักแสดงสาวชาวจีนลูกครึ่งเยอรมัน แอนเจลา เบบี้ และ นักแสดงสาวสวยที่สุดแห่งยุค “ฟ่านปิงปิง” กับบทบาท “ต๋าจี” นางปีศาจจิ้งจอก ที่แปลงกลายเป็นสนมของ พระเจ้าซางโจ้ว ที่คอยยุยงให้พระองค์ทำเรื่องชั่วร้ายต่างๆ มากมาย
การกลับมาแสดงหนังในรอบ 3 ปี ของ เจ็ต ลี หลังจากที่เขาแสดงหนังฮอลลีวู้ดเรื่องสุดท้ายไว้ใน The Expendables 3จากหายหน้าหายตาไปพักใหญ่ หนังฟอร์มยักษ์ที่เต็มไปด้วย เทคนิคพิเศษ ตื่นเต้น ตระการตา เรื่องราวมหากาพย์ของทวยเทพ
ภาพยนตร์แนว แอ็คชั่น แฟนตาซี ผลงานของ “ผู้กำกับ วิลสัน ยิป” ( Wilson Yip วิลสัน ยิป นักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์ชาวฮ่องกง เกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2506 (อายุ 52) รางวัลที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง : ฟิล์มอวอร์ด สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม ) ฮ่องกง , ( Ip Man ทั้ง 3 ภาค )
ผลงานการร่วมทุนสร้างระหว่าง China Star Entertainment Group กับ Huayi Brothers Media Group นับวันรอ อภิมหาสงคราม ระเบิดฟ้าสะท้านปฐพี ที่จะมีกำหนด เข้าฉายในประเทศไทย 8 กันยายน 2559 ในโรงภาพยนตร์ทั้งประเทศ
ข้อมูลงานสร้างจาก ผู้กำกับ
เรื่องย่อ
LEAGUE OF GODS ( “ลึค อ้อฟ ก๊อด”) เป็นตำนานยิ่งใหญ่ เกี่ยวกับการต่อสู้นิรันดร์กาลระหว่างธรรมะและอธรรม ท่ามกลางฉากหลังของตำนานจีนปรัม- ปราที่ถูกจินตนาการขึ้นมาใหม่ ในโลกคู่ขนานที่คล้ายคลึงกับยุคราชวงศ์ซาง ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของอาณาจักร ที่กำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงและนักรบคนกล้า ผู้ฝ่าฟันอุปสรรคนานนัปการเพื่อชัยชนะของเหล่าธรรมะ LEAGUE OF GODS ที่ถ่ายทำในปักกิ่งและผสมผสานความดราม่า ศิลปะการต่อสู้ ความรักและเวทมนตร์ เล่าเรื่องของจีเล่ย ผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวจากเผ่าพันธุ์ปีก ขณะที่เขาเผชิญหน้ากับปีศาจและพลังเหนือธรรมชาติ เพื่อรื้อฟื้นพลังเวทมนตร์ที่เขาได้ รับจากพ่อแม่ผู้ถูกสังหารของเขา และ ก้าวสู่สถานะนักรบแห่งแสง ในการร่วมงานกับ นักแสดงและทีมงานชาวจีนระดับแนวหน้า และ บริษัท โพสต์ โปรดักชั่น ในกว่า 12 ประเทศ ไชน่า สตาร์ สตูดิโอ ได้สรรค์สร้างโลกที่เจิดจรัสด้วยจินตนาการ วีรกรรม และ ความหวังขึ้นมา
ในช่วงเวลาในจินตนาการ ที่คล้ายคลึงกับ ราชวงศ์ซาง 1,000 ปีก่อนคริสตกาล อาณาจักรกำลังเผชิญกับปัญหา โจ้วอ๋อง ผู้หลงใหลในตัวของต๋าจี นางสนมคนโปรด ที่เป็นนางปีศาจจิ้งจอกจำแลงกายมา ได้กดขี่ผู้คนและเนรเทศทุกคนที่คิดอ่านต่อต้านพระองค์ กลุ่มนักรบกบฏจากเผ่าจีได้รวมกองกำลังพันธมิตรเพื่อโค่นทรราชย์ หนึ่งในนั้นคือ จีเล่ย เด็กกำพร้าจากเผ่าพันธุ์ปีก ผู้ได้รับการช่วยเหลือครั้งยังเด็กโดยพ่อมดผู้ทรงพลัง เจียง ในวันที่มีการจัดพิธีก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ในเผ่าพันธุ์ปีกของเขา ในตอนที่พ่อแม่ของเขาถูกสังหารโดยทรราชย์ จิตใจที่ถูกครอบงำด้วยความสูญเสียนี้ ทำให้จีเล่ยถูกพ่อมดส่งไปทำภารกิจในการตามหาดาบแห่งแสง ที่จะปลุกความกล้าหาญ ที่จะสยายปีก ซึ่งซ่อนอยู่ของเขา และนำสมดุลกลับคืนสู่โลกใบนี้
เกี่ยวกับงานสร้าง
จุดเริ่มต้น
ประสบการณ์การดูหนังครั้งแรกสุดของผมคือการได้ดู “The Thief of Baghdad” ( ที่กำกับโดยลุดวิก เบอร์เกอร์ และ ไมเคิล พาวเวลล์) ตอนนั้น ผมอายุประมาณ 4 ขวบ และยังคงจำได้ถึงโรงหนังที่ไฟสลัว และการที่ความกลัวความมืดของผมหายไปอย่างรวดเร็ว ในตอนที่จอหนังสว่างไสวไปด้วยทัศนียภาพที่เจิดจรัส สดใส ภาพที่น่าอัศจรรย์ของพระราชวังที่งดงาม พรมวิเศษ ยักษ์จินนี และม้ามีปีก ได้ส่งผมให้เข้าสู่โลกแห่งจินตนาการ นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา เวทมนตร์ของหนังได้ตราตรึงในใจผม มันได้บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ความตั้งใจของผมที่ว่าซักวันหนึ่ง ผมจะได้สร้างสรรค์ผลงานน่าอัศจรรย์แบบนี้ด้วยตัวเองบ้าง ผมได้วาดสตอรีบอร์ดและฝันถึงการได้สร้างหนังที่จะพาผู้ชมออกเดินทางในการผจญภัยวิเศษ ที่ทำให้พวกเขาได้เดินทางไปยังโลกมหัศจรรย์ ที่ซึ่งพวกเขาจะได้สัมผัสกับความกล้าหาญของจินตนาการของตัวเอง
ระหว่างที่ผมฝึกงานอยู่ในแวดวงหนังฮ่องกง ผมได้สำรวจตำนานของจีน เพื่อค้นหาประเด็นเรื่องราวที่จะมาเป็นฉากหลังสำหรับเรื่องราวของจินตนาการและความกล้าหาญที่ผมอยากจะบอกเล่า หนึ่งในแรงบันดาลใจของผมก็คือ “Fengshen Yanyi” “ตำนานสถาปนาเทพเจ้า” หรือ “ตำนานวีรกรรมผู้กล้า” (ฮ่องสิน) นิยายคลาสสิกศตวรรษ ที่ 16 โดย สี่ว์จ้ง หลิน นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้น ในช่วงเวลาเสื่อมถอยของราชวงศ์ซาง (1,600 – 1,046 ปีก่อนคริสตกาล) และบอกเล่าเรื่องราวของการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม ความมืดและแสงสว่าง เป็นการผจญภัยอมตะของวีรบุรุษ มันเต็มไปด้วยองค์ประกอบทั้งหลายจากตำนานปรัมปราของจีน ทั้งนางสนมจิ้งจอก สิ่งเหนือธรรมชาติ อาจารย์ผู้เป็นปราชญ์และศิษย์ผู้กล้าของเขา ปีศาจและพ่อมด เรื่องราวนี้สำรวจอารมณ์ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นความสงสัย ความกลัว การแก้แค้น ความรัก ความภักดีและความกล้าหาญ หลังจากการทดสอบหลายครั้ง จีเล่ย ตัวละครเอก ก็ได้รับพลังจากปีกวิเศษของเขา และเขาก็ร่วมมือกับผองเพื่อนของเขา ในการนำสมดุลกลับคืนสู่โลกใบนี้ แต่ผมอยากให้หนังเรื่องนี้ก้าวข้ามขอบเขตทางประวัติศาสตร์ เพื่อสร้างโลกแห่งจินตนาการที่เจิดจรัสกว่า ที่จะเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมในปัจจุบันนี้น่ะครับ
นักแสดง
ผมนำเสนอไอเดียสำหรับแฟนตาซีอีพิคที่จะผสมผสาน CGI และการถ่ายทำแบบดั้งเดิมให้กับชาร์ลส์ หวง ประธานสตูดิโอไชนา สตาร์ ในปี 2013 ชาร์ลส์เป็นผู้สนับสนุน The Legend of Zu ที่ผมทำหน้าที่ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวลและเสียงในปี 2001 Zu เป็นโปรเจ็กต์ที่ทะเยอทะยาน และล้ำสมัย ผมใช้เวลา 12 ปีหลังจากนั้นในความพยายามศึกษาการเพิ่มศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิตอลสำหรับงานสร้างฟอร์มยักษ์แบบนี้ ชาร์ลส์เป็นผู้อำนวยการสร้างหนังที่มีประสบการณ์สูงและตัดสินใจเด็ดขาดมากๆ เขามองเห็นศักยภาพสำหรับไอเดียที่ผมนำเสนอในตลาดเมืองจีนที่กำลังเติบโตและให้ไฟเขียวโปรเจ็กต์นี้ เขาเชื่อในหนังเรื่องนี้มากจนเขากลายเป็นนายทุนเพียงคนเดียวและผู้ควบคุมงานสร้างของเรื่อง เขาได้มอบหมายให้วิลสัน ยิปทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างเพื่อคอยสนับสนุนผมในงานสร้างหนังเรื่องนี้ด้วย เพื่อเป็นการทำให้แน่ใจว่าเราจะสร้างหนังที่มีคุณภาพสูงสุด เราก็ได้รวบรวมทีมงานระดับแนวหน้าของวงการ ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับศิลป์ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ วิลเลียม จาง หรือผู้กำกับภาพมากประสบการณ์ อาร์เธอร์ หว่อง ทีมนักแสดงของเราประกอบไปด้วยนักแสดงระดับเอลิสต์จากแวดวงหนังจีน ซึ่งรวมถึงตำนานวงการหนังศิลปะการต่อสู้อย่าง หลี่เหลียนเจี๋ยมารับบท เจียง ผู้เป็นพ่อมด แจ็คกี้ หวง นักแสดงบู๊ดาวรุ่ง มารับบท จีเล่ย แล้วก็ยังมีฟ่านปิงปิง, เหลียงเจียฮุย, กู๋เทียนเล่อ, หวงเสี่ยวหมิง, แอนเจลาเบบี้และเหวินจางด้วย
งานสร้าง
ความท้าทายหลักคือการแปลงเรื่องราวมหัศจรรย์จากตำนานปรัมปราของจีนให้กลายเป็นภาพยนตร์ในรูปแบบที่มีภาพน่าตื่นตาตื่นใจ เพื่อที่ว่ามันจะได้ดูน่าเชื่อและเป็นไปตามหลักความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์ในแง่ของชีววิทยาและฟิสิกส์ นอกจากนั้น ผมยังอยากจะก้าวข้ามขอบเขตทางประวัติศาสตร์เพื่อสร้างโลกของเวทมนตร์และความเป็นไปได้แบบที่ไม่เหมือนใคร แต่ก็ยังคงซื่อตรงต่อบรรดาตัวละครดั้งเดิมทั้งหลาย ผมต้องการจะสร้างโลกที่จะทำให้ผู้ชมได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ชัดเจน และตรงไปตรงมากว่าที่หนังแนวนี้มักจะเป็นกัน มันเป็นโลกคู่ขนานที่คล้ายกับโลก แต่ก็ไม่ใช่โลกซะทีเดียว มันเป็นโลกที่มีพระอาทิตย์สามดวงและมีสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์มากมาย มันไม่เชิงว่าเป็น “ความจริงเสมือนจริง” แต่เป็น “ความจริงที่ถูกจินตนาการใหม่” มากว่า ด้วยการผสมผสานองค์ประกอบมหัศจรรย์และลึกลับเข้ากับสถานที่การณ์ที่สมจริงและสร้างขึ้นจากกฎทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อสร้างประสบการณ์เปี่ยมจินตนาการที่ทั้งน่าเชื่อและน่าติดตามสำหรับผู้ชมครับ
การพัฒนาคอนเซ็ปต์
ตั้งแต่เริ่มต้น ผมกับชาร์ลส์ก็เชื่อเหมือนกันว่า โปรเจ็กต์นี้ต้องอาศัยเวลาในการพัฒนาคอนเซ็ปต์ที่พอเพียง เพื่อที่เราจะสามารถออกแบบสถาปัตยกรรมและสภาพแวดล้อมของภูมิทัศน์ที่มหัศจรรย์นี้ และทำให้มันมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ ด้วยความที่หนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรกของผม ผมก็รู้สึกโชคดีมากๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากชาร์ลส์อย่างเต็มที่ในการใช้เวลาตามที่จำเป็นต่อการพัฒนาคอนเซ็ปต์ หนังในท้องถิ่นไม่ค่อยจะมีทุนให้สามารถสำรวจอะไรต่อมิอะไรได้มากมายในขั้นตอนคอนเซ็ปต์ซักเท่าไหร่ มันมักจะก้าวสู่ขั้นตอนงานสร้างอย่างรวดเร็ว
ระหว่างการพัฒนา ผมให้ทีมอนิเมเตอร์และนักวาดภาพคอนเซ็ปต์สร้างและออกแบบองค์ประกอบสำคัญทั้งหลายสำหรับโลกที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครของเรา โดยโฟกัสไปที่สภาวะแวดล้อมและหลักวิทยาศาสตร์ของมันเพื่อที่สิ่งมีชีวิตและแบ็คดร็อปทั้งหลายจะได้สมจริง ในขณะเดียวกัน เราก็ได้สร้างแอนิเมติกขึ้นมาเพื่อใช้เป็นเรื่องย่อแบบภาพวิชวล เพื่อกำหนดตัวภูมิประเทศ มันทำให้ผมได้ทดสอบว่าดรามาและอารมณ์ของเรื่องราวจะมีปฏิสัมพันธ์กับภาพวิชวลอย่างไร ด้วยความที่เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในโลกที่มีภาพไม่ธรรมดา สิ่งสำคัญคืออารมณ์จะต้องเข้าถึงผู้ชมเพื่อให้ดรามาตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริงครับ
หนึ่งในความท้าทายแรกๆ ด้านการออกแบบของเราคือการสร้างปีกสำหรับจีเล่ย ตัวละครเอกของเรา ปีกนี้จะเป็นคำนิยามสำหรับลักษณะพิเศษของโลกที่เราจินตนาการขึ้นมาใหม่ ดังนั้น ถ้าเราสร้างมันได้อย่างเหมาะสมล่ะก็ มันก็จะเป็นการปูพื้นฉากนั้นๆ อย่างถูกต้อง ระหว่างที่เราพัฒนาปีกของเขาขึ้นมา ผมก็บังเอิญเจอกับคอนเซ็ปต์ของคำว่า “แนวคิดการเลียนแบบธรรมชาติ” ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับผมตลอดกระบวนการการออกแบบ มันเป็นวิธีที่ใช้กันในแวดวงสถาปัตยกรรมและการออกแบบ ที่จะเลียนแบบองค์ประกอบและความเฉลียวฉลาดจากธรรมชาติ เพื่อแก้ปัญหาของมนุษย์ได้อย่างสง่างาม ผมให้อนิเมเตอร์ของผมศึกษากายภาพของนกและแมลง หรือแม้กระทั่งอุ้งเท้าของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เพื่อที่จะได้เข้าใจโครงสร้างกระดูกและเซลล์ต่างๆ ของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นและนำมาปรับใช้กับปีกของจีเล่ยได้
ในการทำให้โลกของเราสมจริงยิ่งขึ้น เรายังต้องพิจารณาว่า แหล่งพลังงานหลักของมันมาจากไหน เรารู้ว่าเราไม่สามารถจะใช้เชื้อเพลิงจากซากฟอสซิลมาส่องสว่างให้กับโลกใบนี้ หรือมาเป็นเชื้อเพลิงให้กับยานพาหนะและเรือบินได้ เราก็เลยคิดไอเดียของพลังงานจากคริสตัล ซึ่งตามการค้นคว้าของเราพบว่ามันเป็นแหล่งพลังงานให้กับอารยธรรมแอตแลนติสที่สาบสูญไปน่ะครับ
ขั้นตอนเตรียมงานสร้าง
การกำกับศิลป์และการออกแบบงานสร้างที่ชำนาญการเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ League of Gods เนื่องจากโลกแห่งจินตนาการที่เป็นฉากหลังสำหรับแอ็กชันของเรา มันทำให้ต้องใช้เวลาในการทำงานนานขึ้นและต้องอาศัยนักออกแบบที่มีความสามารถโดดเด่น ผมรู้สึกโชคดีจริงๆ ที่ได้ร่วมงานกับวิลเลียม จาง ผู้สร้างภาพที่งดงามที่สุดและน่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์หนังของจีน ในการพูดคุยกันครั้งแรกของเราเกี่ยวกับโปรเจ็กต์นี้ ผมกับวิลเลียมเห็นพ้องต้องกันที่จะนำหนังเรื่องนี้ไปให้พ้นจากบริบททางประวัติศาสตร์เพื่อออกแบบสถานการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าและมีภาพที่น่าตื่นตะลึงกว่า นอกจากนั้น เรายังสาบานที่จะหลีกหนีจากความมืดหม่น หนักหน่วง ในแบบที่หนังแนวนี้มักใช้กัน ด้วยการห้ามใช้สีดำทั้งกับชุด อาร์ตเวิร์คและฉาก เพื่อที่เราจะสามารถสร้างบรรยากาศที่สดใสมากขึ้นให้กับหนังเรื่องนี้ได้
แทนที่จะมองข้อมูลอ้างอิงเรื่องเครื่องแต่งกายจากยุคสมัยในประวัติศาสตร์ เราก็ได้ผสมผสานคอนเซ็ปต์ไฮแฟชันเข้ากับภาพต่างๆ จากธรรมชาติ เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการออกแบบ ในการออกแบบและสร้างเท็กซ์เจอร์ออริจินอลและรูปทรงที่ไม่เหมือนใครขึ้นมาจะต้องอาศัยการทดลองหลายต่อหลายครั้ง เราถึงขนาดทดลองใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ภาพ 3D ในตอนแรก แต่วิลเลียมก็คิดว่ามันสม่ำเสมอเกินไป ความไม่สมบูรณ์แบบเป็นสิ่งสำคัญเพราะเขาอยากให้เครื่องแต่งกายมีความเป็นธรรมชาติและความสมจริง เพื่อเพิ่มความรู้สึกที่เป็นมนุษย์มากขึ้น สุดท้ายเราก็เลยทอผ้าและเย็บเสื้อผ้าขึ้นมาด้วยมือ ทีมงานที่เก่งมากๆ กว่า 200 ชีวิตในแผนกเครื่องแต่งกายที่ปักกิ่งของเราได้ทำการร้อยลูกปัด ทอผ้าและสร้างชุดเกราะทั้งหมดขึ้นมา มันต้องใช้การปรับเปลี่ยนหลายครั้งกว่าจะได้ผลลัพธ์สุดท้าย แต่เราก็มาถึงจุดที่สไตล์ การออกแบบและเท็กซ์เจอร์ของมันไม่เหมือนใครจริงๆ เนื่องด้วยความคิดสร้างสรรค์และความละเอียดละออของวิลเลียมน่ะครับ
สำหรับโลเกชัน เราได้สำรวจสถานที่ที่เป็นไปได้หลายที่ ซึ่งรวมถึงฮ่องกง กวางโจวและปักกิ่ง เราตัดสินใจเลือกปักกิ่งเพราะเราต้องใช้ฉากและซาวน์สเตจขนาดใหญ่ League of Gods เป็นงานสร้างหนังฟอร์มยักษ์ที่ต้องใช้ซาวน์สเตจเกือบทั้งหมดของปักกิ่งตลอดระยะเวลาเกือบ 9 เดือนของการถ่ายทำ เราต้องสร้างฉากกว่า 50 ฉาก มีทั้งพระราชวัง ป้อมปราการ ที่คุมขังไปจนถึงสวนเวทมนตร์ ถ้ำและหุบเขา ความซับซ้อนของตารางการทำงานของนักแสดงทำให้หลายๆ ฉากจะต้องพร้อมในเวลาเดียวกัน เมื่อเราใช้ CGI มาช่วยในเรื่องของการถ่ายทำ บางส่วนของฉากที่เราไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้จริงๆ ก็จะถูกสร้างขึ้นหรือถูกเสริมแต่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีดิจิตอล
ในการใช้สตอรีบอร์ดของหนังทั้งเรื่อง ที่ก่อนหน้านี้ผมได้สเก็ตช์ภาพขึ้นมาด้วยมือ ผมได้ร่วมงานกับทีมอนิเมเตอร์ในขั้นตอนพรีวิซ ซึ่งช่วยกำหนดรายละเอียดต่างๆ ขององค์ประกอบด้านเทคนิคทั้งหมด มุมกล้อง งานสตันท์ ลำดับการก่อสร้างก่อนหลังและงานโพสต์โปรดักชันสำหรับวิชวล เอฟเฟ็กต์ กองถ่ายส่วนใหญ่จะทำพรีวิซเพียงไม่กี่ฉากแต่ด้วยความจำเป็นด้านเทคนิคและวิชวลที่ซับซ้อนของ League of Gods เราก็เลยทำพรีวิซความยาวกว่า 1 ½ชั่วโมง เพื่อให้งานสร้างดำเนินไปตามแนวทางอย่างมีประสิทธิภาพ การผสมผสานความไฮเทคและภาพที่วาดด้วยมือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการนำทางนักแสดงและทีมงาน และมันก็มีประโยชน์อย่างยิ่งในการตัดต่อในภายหลังด้วยครับ
นอกจากนี้ การพรีวิซยังจำเป็นอย่างยิ่งต่อการร่วมมือระหว่างผมกับอาร์เธอร์ หว่อง ผู้กำกับภาพของเรา ผมเคยร่วมงานกับอาร์เธอร์มาแล้วในตอนที่ผมเริ่มต้นทำงานเป็นผู้ช่วยผู้กำกับหนังเรื่อง “Swordsman II” และ “Once Upon a Time in China” พอมีพรีวิซ เราก็สามารถวางแผนการถ่ายทำแต่ละช็อตจริงๆ ได้ ผมอยากได้สไตล์วิชวลที่มีผลกระทบชัดเจน เราก็เลยออกแบบช็อตที่มีการเคลื่อนไหวกล้องที่ซับซ้อน ด้วยทักษะ ประสบการณ์และความชำนาญด้านเทคนิคจากการทำงานในหนังเกือบ 200 เรื่อง ซึ่งรวมถึงหลายเรื่องจากยุคทองของเฉินหลงในยุค 80s อาร์เธอร์ก็เลยสามารถเป็นผู้นำทีมงานกล้องในการออกแบบช็อตที่ซับซ้อนมากมายได้อย่างสวยงาม
นอกจากนี้ เรายังจะต้องซักซ้อมกับแผนกสตันท์ตั้งแต่เริ่มแรกด้วย บ่อยครั้งในหนังแนวแฟนตาซี พวกแอ็กชันจะขาดความสมริงไป ผมก็เลยให้ทีมสตันท์ซ้อมซ้ำๆ เพื่อให้แน่ใจถึงความสมจริงด้านแรงโน้มถ่วงในการเคลื่อนไหวของพวกเขาและเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ตราตรึงใจLeague of Gods เป็นหนังใหญ่เรื่องแรกสำหรับ แจ็คกี้ หวง พระเอกของเรา ผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาหลายปี ผมก็เลยอยากจะโชว์ทักษะการต่อสู้ของแจ็คกี้ด้วยการออกแบบซีเควนซ์แอ็กชันที่จะนำเสนอพรสวรรค์ของเขา ในการใช้พรีวิซเพื่อแนะแนวฉากของเขา แจ็คกี้ก็ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มข้นกับแผนกสตันท์เพื่อให้เกิดความแม่นยำในการแสดง และเขาก็ซ้อมอย่างมุ่งมั่นแม้ว่าจะบาดเจ็บก็ตามที ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวของเขาครับ!
ตัวละครใน League of Gods โด่งดังในวัฒนธรรมจีน เราก็เลยต้องการนักแสดงที่เด่นดังมาเนรมิตชีวิตให้กับพวกเขาในแบบที่สมจริง โชคดีที่ทิฟฟานี เฉิน ผู้ควบคุมงานสร้างของเรา มีเส้นสายที่ยอดเยี่ยมในวงการ เราก็เลยสามารถรวบรวมนักแสดงเอลิสต์จากวงการหนังจีนมาได้ ผมในฐานะผู้กำกับรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นพวกเขาเนรมิตชีวิตให้กับตัวละครพวกนี้ ที่ผมใฝ่ฝันมานานหลายปี ให้โลดแล่นอย่างมีชีวิตชีวา พวกเขาทุกคนเพอร์เฟ็กต์สำหรับบทของพวกเขา ผมไม่สามารถคิดหาใครที่จะมาแทนที่พวกเขาได้เลย!
งานโพสต์โปรดักชั่น
ในตอนที่ League of Gods เข้าสู่ขั้นตอนโพสต์โปรดักชัน การร่วมงานกันในบรรดาทีมงานหลากวัฒนธรรมของเรื่องก็กลายเป็นสิ่งสำคัญ เราได้ร่วมงานกับ 12 บริษัททั่วโลก ในอเมริกา อังกฤษ สวีเดน แคนาดา เกาหลีและนิวซีแลนด์ โดยมีบริษัทพี่น้องกว่า 20 บริษัทคอยให้การสนับสนุนพวกเขา มันเป็นงานที่ครอบคลุมทั่วโลกจริงๆ
งานตัดต่อเริ่มต้นขึ้นเมื่อเวย์น วอห์แมน หัวหน้าทีมตัดต่อ บินจากแอลเอไปปักกิ่งในเดือนพฤศจิกายน ปี 2015 เพื่อร่วมงานกับผมและทีมงานที่ปักกิ่ง ด้วยความซับซ้อนของเนื้อเรื่องที่ดำเนินไปพร้อมๆ กันหลายเรื่อง เราได้ถ่ายทำด้วยกล้องหลายตัวและมีฟุตเตจหลายชั่วโมงมากๆ แค่ฉากเปิดเรื่องก็ปาเข้าไปตั้ง 19 ชั่วโมงแล้ว มันเป็นงานใหญ่มากในการที่จะสังเคราะห์วัตถุดิบทั้งหมดเหล่านี้และตัดต่อส่วนที่ดีที่สุดให้เป็นเวอร์ชันสุดท้าย เราใช้เวลา 4 ½เดือน และด้วยตารางการทำงานที่กระชั้นชิด เวย์นและทีมงานก็เลยต้องทำงานหนักทั้งวันทั้งคืน
นอกจากนี้ เรายังต้องแข่งกับเวลาเพื่อให้ได้คัทที่ใช้งานได้สำหรับแผนกวิชวล เอฟเฟ็กต์ เพื่อที่งานของพวกเขาจะได้เริ่มต้นอย่างจริงจังเสียที โชคดีที่เราได้เตรียมพร้อมทีมวิชวล เอฟเฟ็กต์ตลอดการถ่ายทำอยู่แล้ว โดยที่งานค้นคว้าและพัฒนาเริ่มต้นก่อนที่การถ่ายทำจริงๆ จะเริ่มต้นเสียอีก ด้วยเอกลักษณ์ของโลกในจินตนาการของเรา เราก็เลยต้องอาศัยทีมวิชวล เอฟเฟ็กต์อย่างมากในการสร้างองค์ประกอบต่างๆ ขึ้นมา ซึ่งรวมถึงทิวทัศน์ สิ่งมีชีวิตและตัวละครดิจิตอล
ในเดือนกุมภาพันธ์ เราได้ยื่นคัทให้กับบริษัทวิชวล เอฟเฟ็กต์ 12 แห่งทั่วโลก และพวกเขาก็เริ่มต้นทำงาน เวอร์ชันสุดท้ายของหนังเรื่องนี้ประกอบไปด้วยช็อตวิชวล เอฟเฟ็กต์กว่า 2200 ช็อต มันเป็นงานใหญ่มาก ทีมผู้ประสานงานฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์ที่แสนขยันของเรา ที่นำทีมโดยผู้อำนวยการสร้าง/ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์ จอห์น ไดเอทส์ ทำงานอย่างขยันขันแข็งในเขตเวลาและภาษาต่างๆ เราได้รับความร่วมมือที่วิเศษสุดจากสตูดิโอระดับโลกมากมายเช่นทิปเป็ตต์, เบลอร์, ไฮโดรลและพิโซมอนโด (อเมริกา), แบล็ค (สวีเดน), เด็กซ์เตอร์ (เกาหลี), ม็อคโค (แคนาดา) และอาซัวร์ (อังกฤษ), ดรีมแม็กซ์, เอส 51, ลูซาและวีเอชคิว (จีน) การใช้ทักษะพิเศษของบริษัทเหล่านี้อย่างเต็มที่เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างภูมิประเทศที่มหัศจรรย์สำหรับประสบการณ์ใน League of Gods ด้วยการสนับสนุนของทีมมืออาชีพมากฝีมือเหล่านี้ เราก็เลยสามารถสร้างฉากและตัวละครที่น่าทึ่ง และโดดเด่นสำหรับวงการหนังจีนขึ้นมาได้จริงๆ
นอกจากนั้น ผมยังโชคดีที่ได้ร่วมงานกับจอห์น เด็บนีย์ นักประพันธ์ผู้โด่งดัง ในการแต่งดนตรีประกอบหนังเรื่องนี้ ผมชื่นชมผลงานของจอห์นตั้งแต่ The Passion of the Christ และหนังเรื่องอื่นๆ ตอนที่เราได้พบกันเมื่อช่วงต้นปีนี้ และผมเปิดคัทหนังเรื่องนี้ให้เขาดู เขาก็ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพวิชวลในการสำรวจเท็กซ์เจอร์ของซาวน์ที่โดดเด่นและสร้างสรรค์ดนตรีประกอบที่งดงามให้กับหนังเรื่องนี้ ในการใช้เครื่องดนตรีและนักร้องจากทั่วโลก จอห์นได้พัฒนาสภาพแวดล้อมทางดนตรีที่เปี่ยมด้วยรายละเอียดขึ้นมา เขาได้แต่งดนตรีประกอบด้วยวงออร์เคสตรา 70 ชิ้นและได้บันทึกเสียงในโอเชียน เวย์ สตูดิโอในแนชวิลล์ ซึ่งถูกดัดแปลงจากโบสถ์เก่าๆ และมันก็ช่วยทำให้เสียงอะคูสติกสมบูรณ์ขึ้นด้วย ผมประทับใจจริงๆ ตอนที่ผมได้ยินดนตรีประกอบหนังเรื่องนี้ครั้งแรก มันทำให้ภาพวิชวลมีชีวิตและอารมณ์เหลือเกิน วิธีการสร้างเมโลดี้และธีมของจอห์นได้ทำให้เกิดดนตรีประกอบที่เกือบจะเป็นเหมือนอีกหนึ่งตัวละครหรือผู้บรรยายเรื่องในหนังเรื่องนี้เลยล่ะครับ
ส่วนสุดท้ายของการเดินทางของผมพาผมไปสุดขอบโลกสู่เมืองเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ ที่ซึ่งผมได้ร่วมงานกับปาร์ค โร้ด โพสต์ โปรดักชัน บริษัที่เหลือเชื่อของปีเตอร์ แจ็คสัน เพื่อเก็บงานซาวน์ เอฟเฟ็กต์และการมิกซ์เสียงขั้นตอนสุดท้าย ด้วยประสบการณ์มากมายาก Lord of the Rings และ The Hobbit ปาร์ค โร้ด ที่มีทีมงานด้านเสียงรางวัลอคาเดมี อวอร์ด ภายใต้การนำของมือตัดต่อเสียง เบรนท์ เบิร์จ และนักผสมเสียง ไมเคิล เฮดเจส ได้สร้างสรรค์เสียงที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์สำหรับโลกของ League of Gods ขึ้นมาครับ
การทำงานใน League of Gods ถือเป็นการเดินทางรอบโลกที่เป็นส่วนตัวและน่าอัศจรรย์ใจสำหรับผม ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยบทเรียนและความโชคดี ผมซาบซึ้งใจอย่างมากกับชาร์ลส์ หวง ที่ให้โอกาสนี้กับผมและทำให้ผมได้ร่วมงานกับทีมงานระดับโลก แม้วั่นจะเป็นช่วงเวลาสามปีที่ยากเย็นและท้าทายที่สุดในชีวิตของผม ผมก็ยังรู้สึกตื่นเต้นและมีแรงบันดาลใจที่ได้ร่วมงานกับมืออาชีพของวงการนี้ที่มีความสามารถและความมุ่งมั่นทั้งในจีนและทั่วโลก และผมก็ซาบซึ้งใจกับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ League of Gods สำหรับการสนับสนุนและความอุตสาหะของพวกเขาครับ
โคอัน ซู (8 มิถุนายน ปี 2016)