คนสมัยไหนๆก็อยากหล่ออยากสวย อยากแก่ช้าอยากดูดีไปนานๆกันทั้งนั้น จึงพยายามสรรหาวิธีการปฏิบัติตัวต่างๆ เพื่อถนอมความอ่อนเยาว์ให้อยู่กับเราให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่การคืนความอ่อนเยาว์ให้อยู่กับเราแบบยั่งยืนนั้นต้องดูแลจากภายใน นั่นคือการที่เราหาสิ่งดีๆใส่เข้ามาในร่างกายเรา จากคำพูดของฮิพโพเครติส (Hippocrates) แพทย์ชาวกรีก หรือบิดาแห่งแพทย์ศาสตร์ ที่กล่าวไว้ว่า “Let food be thy medicine and medicine be thy food” ซึ่งแปลว่า “ ให้อาหารเป็นยา และยาคืออาหาร ” หมายถึงการให้เรานำสิ่งดีมีคุณประโยชน์ของอาหารนานาชนิดมาเป็นยาอายุวัฒนะ เสริมสร้างให้สุขภาพดีแข็งแรงจากภายใน วันนี้หมอจะแนะนำเกร็ดความรู้เพื่อเลือกสรรสิ่งดีๆ และวิวัฒนาการใหม่ๆเพื่อสร้างความอ่อนเยาว์จากภายในสู่ภายนอก แต่ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่าความชรานั้นมีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง
ความชรามีสาเหตุใหญ่ 2 ประการ
1.ความชราตามอายุขัยคนเราต้องแก่เฒ่าเป็นธรรมดาเมื่ออายุมากขึ้นหากไม่ดูแลสุขภาพย่อมมีความเสื่อม
2.ความชราจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิต เช่น การโดนแสงแดด หรือตากแดดบ่อยๆ ผิวได้รับรังสี UV อย่างต่อเนื่องทำให้เซลล์ผิวหนังเสื่อมได้ เร่งให้ผิวพรรณแก่ก่อนวัยหรือการสูบบุหรี่เป็นการเพิ่มสารชนิดหนึ่งเรียกว่า MMP (Matrix Metalloproteinase) มีฤทธิ์ทำลายเซลล์หนังกำพร้าและใยคอลลาเจน รวมถึงใยยืดหยุ่นซึ่งทำให้เราดูแก่เร็ว
การบริโภคอาหารเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงอายุยืน
การรับประทานอาหารเพื่อให้อายุยืนแข็งแรงนั้น ในช่วงอายุยังน้อยอาจไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารมากนัก อยากรับประทานอะไรก็เลือกตามใจชอบเพียง แต่อย่ารับประทานจำนวนมาก เพื่อควบคุมน้ำหนัก กะประมาณพอให้มีพลังงานใช้ บางทีเราทานไขมันที่เป็นคอเลสเตอรอล (Cholesterol) ที่ดี แต่ร่างกายกลับเปลี่ยนเป็นคอเลสเตอรอลที่เลว (LDL cholesterol) ก็เป็นได้
อาหารทั่วไปที่เราทานกันเป็นหลักทุกวันนี้จัดได้เป็น 3 กลุ่มดังนี้
- กลุ่มเนื้อสัตว์ ซึ่งคนที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์อาจขาดสารอาหารบางชนิดทำให้เกิดอาการผมร่วง แต่เมื่อเราอายุมากขึ้นให้บริโภคปลามากขึ้น เช่นปลาแซลมอน (Wild Salmon)
- กลุ่มผักผลไม้ บริโภคให้เท่าๆ กัน แต่ถ้าคุณลดเนื้อสัตว์ลงเหลือ 1 ใน 3 ผักและผลไม้จะเหลือประมาณ 30% เท่าๆกัน พลังงานลดเหลือ 30% ของที่เคยบริโภคหรือประมาณ 1,200-1,500 แคลอรี่ให้บริโภคผักหลากสี นอกจากสีเขียว แล้วผักสีแดง เช่น มะเขือเทศ ผักสีเหลือง เช่น ฟักทอง แครอท ผักกาดสีม่วง ฯลฯ ให้เลือกผลไม้ไม่หวานสำหรับคนสูงอายุ แต่สำหรับหนุ่มสาวบริโภคอย่างไรก็ได้
- ข้าวขนมปังเค้ก ให้ลดลงหรือหลีกเลี่ยงไปเลย รวมถึงควรลดกาแฟลงให้เหลือวันละไม่เกิน 2 แก้ว แต่ให้ดื่มชาแทน ที่ผ่านมาคนไทยบริโภคข้าวมาตลอดจึงไม่ค่อยพบเห็นว่ามีคนอ้วนมากมาย ในปัจจุบันวิวัฒนาการหรือการนำอาหารฝรั่งเข้ามา ทำให้คนไทยเป็นโรคอ้วนมากขึ้น นักโภชนาการมักแนะนำให้ลดการบริโภคข้าว โดยอ้างว่าเป็นคาร์โบไฮเดรตสามารถเปลี่ยนเป็นไขมันจึงอาจทำให้อ้วนได้
ปัจจุบันมีข้อมูลเรื่องประโยชน์ของการทานผักผลไม้หรือผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมออกมาให้อ่านมากมาย พออ่านแล้วเราคงสับสนว่าเลือกทานอะไรดีเพื่อให้เราได้ประโยชน์จริง และเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงอายุยืน โดยปกติแล้วร่างกายของคนเรานั้นเกิดการอักเสบตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้สุขภาพเราอ่อนแอลง วิธีรับมือที่ดีที่สุดคือการรับมือจากภายใน การทานอาหารเพื่อต้านการอักเสบนั้นจึงสำคัญ ฉะนั้นเราควรทานอาหารอะไรบ้างต่อวันจึงจะหยุดยั้งปฏิกิริยาการอักเสบได้
- แอบเปิ้ล 1 ลูก บลูเบอร์รี 4-5 ถ้วย • ว่านหางจระเข้ 1 กก.
- โยเกิร์ต 4ถ้วย เห็ด 1 กล่อง • ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย
- อบเชย 4-5 ท่อน ผักผลไม้ต่างๆ
เห็นรายการแล้วอาจจะเหนื่อยเพราะนี่ยังไม่รวมอาหารที่เราทานตามปกติเพื่อควบคุมน้ำหนัก ทำให้ต้องเสียเงินมากที่จะทานอาหารให้ครบสูตรวิธีง่ายๆ ที่ผู้เขียนแนะนำคืออาจทานน้ำมันปลาวันละ 2 เม็ด หรือ ทานชนิดปริมาณสูง 1 เม็ด หรือ น้ำมันตัวเคย (Krill oil) วันละ 1 เม็ด ซึ่งดีกว่าน้ำมันปลาหลายเท่า ถ้าทานสารโอเมก้า 3 ร่วมกับการออกกำลังกายแบบแอโรบิคยังช่วยลดภาวะกระดูกพรุนได้อีกด้วย
สำหรับอาหารที่มีความสามารถในการขจัดอนุมูลอิสระได้ดีที่สุดในปริมาณ 1 ถ้วยเท่าๆกัน
ข้อมูลอาหารของสหรัฐอเมริกาโดยเรียงลำดับความสามารถในการขจัดอนุมูลอิสระ
- ถั่วแดงมีความสามารถในการขจัดอนุมูลอิสระสูงสุด
- ผลไม้ คือกลุ่มเบอร์รี เช่น บลูแครน และแบล็ก(ดำ) รองลงมาคือพรุนแอปเปิ้ล (1 ผล) เชอร์รี่ (ขออภัยไม่มีการวัดของผลไม้ไทย)
- ผัก เช่น ถั่วแขก สดอาร์ติโชคส์ (artichokes) มันฝรั่งรัสเซีย
- ตระกูลถั่วเม็ด เช่น พีแคน (Pecan) วอลนัท (Walnut) เฮเซลนัท( Hezelnut)
- เครื่องเทศ เช่น กานพลูอบเชย
สำหรับผู้ที่ต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม สอบถามได้ที่โทรศัพท์ 02-4223993 , 095-5415186
หรือเข้าไปดูได้ใน FB: www.facebook.com/thada.skinexpert