Q : หลังจากที่ได้อ่านนวนิยายเรียกน้ำตาที่มีเนื้อหาของความรักสุดจินตนาการระหว่างทาคาโตชิและเอมิในจังหวัดเกียวโตแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง?
รู้ตัวอีกทีผมก็ร้องไห้แล้วครับ ผมใส่แว่นนั่งอ่านอยู่ที่บ้าน แล้วน้ำตาก็ร่วงเผาะกลบแว่นไปหมดเลย (หัวเราะ) มันอดที่จะร้องไห้ไม่ได้จริงๆครับ ทำให้คิดว่าตัวเองจะสามารถนำความตื้นตันเหล่านี้ไปใส่ในหนังได้มากขนาดไหนกัน
Q : ความรู้สึกหลังจากที่ได้ดูผลงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้วเป็นอย่างไร?
มันเป็นเรื่องราวที่เจ็บปวดมากๆครับ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ก่อให้เกิดความสุขได้ ผมว่ามุมมองของหนังที่เกิดจากบรรยากาศระหว่างพระเอกกับนางเอกและเมืองเกียวโตรังสรรค์ขึ้นมามันดีมากเลยครับ
Q : ทาคาโตชิ นักศึกษามหา’ลัยธรรมดาที่ไม่เก่งเรื่องความรักแถมยังเฉิ่มเชย ต่างจากพระเอกสุดหล่อในการ์ตูนหลายเรื่องที่เคยแสดงมาขนาดนี้ คุณแสดงเป็นเขาได้อย่างไร?
ผมให้ความสำคัญเรื่องการเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจของทาคาโตชิมากที่สุดครับ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึก สีหน้า ท่าทางของเขาตอนที่ยังไม่รู้ความลับของเอมิกับตอนที่รู้แล้วมันเปลี่ยนไปหมด ซึ่งผมก็ได้แอบไปปรึกษากับผู้กำกับมา มันเป็นเรื่องราวสุดจินตนาการที่มีปริศนาของกาลเวลาเข้ามาเกี่ยว แต่การถ่ายทำไม่ได้เรียงลำดับฉากตามเนื้อเรื่อง สิ่งสำคัญจึงเป็นตอนที่ต้องถ่ายฉากอื่นโดยใช้สถานที่เดิมแล้วต้องแสดงสีหน้าที่ต่างกันออกไปให้ชัดเจน ซึ่งมันยากมากครับ สีหน้าและบรรยากาศของทาคาโตชิทั้งตอนที่พบเจอกับเอมิและตอนครึ่งหลังของเรื่องมันไม่เหมือนกันเลย ก็หวังว่าทุกคนจะได้เห็นถึงความทุกข์ใจและบุคลิกที่เปลี่ยนไปภายใน 30 วันที่เขามีความรักกับเอมินะครับ
Q : จากคำเล่าลือถึงความยอดเยี่ยมด้านการแสดงลักษณะ จิตใจ และบุคลิกที่มีพัฒนาการเวลามีความรักของทาคาโตชิ คุณมีวิธีตอบรับกระแสครั้งนี้ในแบบฉบับของตัวเองอย่างไรบ้าง?
ความจริงก็ยังมีจุดที่ผมคิดว่าต้องแก้ไขนะครับ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคืออนุภาพของฉากที่งดงาม แสงและเสียงต่างๆ เขาใส่ลงไปในหนังได้อลังมากๆ สำหรับด้านการแสดงหนังเรื่องนี้ก็ถือว่ามีอะไรใหม่ๆให้ผมต้องท้าทายทั้งนั้นเลย ด้วยเหตุที่ว่าผมอยากแสดงให้มันตรงกับมุมมองของหนัง จึงแสดงอาการซึมๆไม่เวอร์จนเกินไปในแบบที่คนดูเห็นได้ง่าย แต่มันก็เป็นสิ่งท้าทายเหมือนกันว่าตัวเองจะแสดงออกมาเป็นอย่างไร แล้วก็สำหรับคำถามที่ว่าทุกคนที่ดูแล้วรู้สึกอย่างไรนั้น สำหรับผมแล้วถึงจะไม่แน่ใจแต่ก็คิดว่ามันทำให้ผมได้รับประสบการณ์และความท้าทายมากมายครับ
Q : ตอนนี้เดบิวต์มา 6 ปีแล้ว ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปก็จะมีหนังเรื่องอื่นๆที่แสดงนำเข้าฉายที่โรงภาพยนตร์ คุณรู้สึกว่า ณ เวลานี้เป็นช่วงเวลาแบบไหนสำหรับตัวเอง?
คงถือว่าเป็นช่วงกำลังจะเป็นมืออาชีพครับ แน่นอนว่าที่ผ่านมาก็เหมือนกัน แต่การที่มันผ่านมา 6-7 ปีโดยที่หลังๆมานี้ได้รับบทแสดงนำซะส่วนใหญ่ ทำให้รู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ต้องแสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิดของตัวเองออกไปให้ได้ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตในฐานะนักแสดงอย่างที่ควรจะเป็นครับ
Q : ช่วยบอกถึงจุดเด่นของเรื่องหน่อย
ก็หวังว่าทุกคนจะได้ดูและเข้าถึงอรรถรสของเรื่องนะครับ มันไม่ใช่หนังรักธรรมดาที่สามารถดูได้ทุกวัย เป็นหนังที่น่าจะทำให้ทุกคนเห็นถึงความสำคัญในแต่ละวินาทีที่คิดว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างไร หรืออยากจะใช้เวลาแบบไหนกับใครสักคน ตัวผมเองก็เริ่มที่จะคิดถึงเรื่องนี้เหมือนกันครับ บางทีการใช้ชีวิตไปเรื่อยๆมันก็ดี แต่ที่สำคัญคือการใช้ชีวิตอย่างมีความหมายเท่าที่ควรมากกว่า ถึงแม้ว่านานๆทีผมจะขี้เกียจบ้างก็เถอะ (หัวเราะ)