ข้อมูลงานสร้าง
ในคอเมดีเรท R เรื่องRough Nightเพื่อนห้าคนสมัยมหาวิทยาลัยที่รับบทโดยสการ์เล็ตต์โยฮันสัน, เคทแม็คคินนอน, จิลเลียนเบล, อิลานาเกลเซอร์และโซอี้คราวิทซ์ได้กลับมารวมก๊วนกันอีกครั้งเมื่อพวกเธอเช่าบ้านริมชายหาดในไมอามีเพื่อช่วงเวลาสุดสัปดาห์ของปาร์ตี้สละโสดที่เต็มไปด้วยความอลหม่านเมื่อความหวังทุกอย่างหมดสิ้นพวกเธอก็ตระหนักดีว่าเรื่องราวนี้อาจมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ที่เกินกว่าพวกเธอจะจินตนาการได้
โคลัมเบียพิคเจอร์สร่วมกับแอลสตาร์แคปิตอลภูมิใจเสนอผลงานสร้างโดยแมทท์โทลมัค/พอลลิลูโปรดักชันเรื่อง Rough Night ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยสการ์เล็ตต์โยฮันสัน, เคทแม็คคินนอน, จิลเลียนเบล, อิลานาเกลเซอร์, โซอี้คราวิทซ์และพอลดับบลิว. ดาวน์กำกับโดยลูเซียอานีลโลอำนวยการสร้างโดยแมทท์โทลมัค, ลูเซียอานีลโล, พอลดับบลิว. ดาวน์และเดฟเบ็คกี้เขียนบทโดยลูเซียอานีลโลและพอลดับบลิว. ดาวน์แมทธิวเฮิร์สช์และเบนไวส์เบรนรับหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้างผู้กำกับภาพคือฌอนพอร์ตเตอร์ผู้ออกแบบงานสร้างคือบ็อบชอว์ลำดับภาพโดยเคร็กอัลเพิร์ต, เอซีอีผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายคือลีอาห์คัทซ์เนลสันดนตรีโดยโดมินิคลูอิส
“หนังเรื่องนี้อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนที่พบตัวเองอยู่ในปาร์ตี้สละโสดที่ไม่ค่อยจะธรรมดาด้วยสถานการณ์สุดโต่งครั้งแล้วครั้งเล่าแต่จริงๆแล้วหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องของมิตรภาพค่ะ” สการ์เล็ตต์โยฮันสันผู้เผยความสามารถในการแสดงคอเมดีของเธอใน Rough Night กล่าว “เรามักจะมองข้ามความสำคัญของคนที่รู้จักเราดีที่สุด…หนังเรื่องนี้เป็นเหมือนเรื่องราวเตือนใจเกี่ยวกับการมองข้ามความสำคัญของสิ่งนั้นและเป็นการยกย่องมิตรภาพที่ลึกซึ้งแบบนั้นด้วยภายใต้คอเมดีเรท R สุดเหวี่ยงเรื่องนี้คือหนังที่มีหัวใจอบอุ่นมากๆเกี่ยวกับมิตรภาพค่ะ”
ลูเซียอานีลโลผู้กำกับมือเขียนบทร่วมและผู้อำนวยการสร้างของเรื่องกล่าวว่าเธอมองย้อนไปที่การที่มิตรภาพที่ก่อเกิดขึ้นมาในชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไปเพราะกาลเวลาอย่างไรบ้างและนั่นก็เป็นแรงบันดาลใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ “มันมีที่มาจากความสัมพันธ์มากมายของฉันความรู้สึกที่ฉันมีกับคนบางคนจากอดีตของฉัน” เธออธิบาย “มันเป็นเรื่องของการหาคำตอบว่าอดีตของคุณจะมีบทบาทอย่างไรในปัจจุบันและอนาคตของคุณค่ะ”
ผู้อำนวยการสร้างแมทท์โทลมัคเองก็ชื่นชอบธีมสำคัญนี้รวมถึงคอเมดีสุดฮาที่อานีลโลและมือเขียนบทร่วมของเธอพอลดับบลิว. ดาวน์ใส่เข้าไปในบทภาพยนตร์ของพวกเขา “อันดับแรกเลยหนังเรื่องนี้ฮามากครับ” เขากล่าว “ตัวละครตลกมากนิสัยของพวกเธอก็สมจริงเหลือเกินพวกเขาได้สร้างหนังฮาแตกเกี่ยวกับกลุ่มสาวๆที่จัดงานเลี้ยงสละโสดในช่วงสุดสัปดาห์และบังเอิญทำคนตายโดยไม่ได้ตั้งใจแต่จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับมิตรภาพของพวกเธอมันเป็นสิ่งที่พอลและลูเซียทำในฐานะมือเขียนบทคอเมดีสุดเพี้ยนที่สมจริงครับ”
“สิ่งที่ทำให้คอเมดีของลูเซียและพอลโดนใจผมคือตัวละครพวกนี้เป็นคนที่เรารู้จักครับ” ผู้อำนวยการสร้างเดฟเบ็คกี้กล่าว “เรารู้จักสาวๆพวกนี้มีนักวางแผนที่อาจจะเนิร์ดไปซักหน่อยหรือคนที่ดูเหมือนจะรู้ดีทุกอย่างแต่คุณก็ไม่รู้หรอกว่าเธอไม่ได้บอกอะไรคุณบ้างพวกเขารักตัวละครพวกนี้และเพราะพวกเขารักและรู้จักพวกเธอดีเราก็เลยสามารถหัวเราะไปกับมุขตลกที่เกิดจากนิสัยพิลึกพิลั่นของพวกเธอได้น่ะครับ”
ในความเป็นจริงแล้วRough Nightเป็นภาพยนตร์คอเมดีเรท R จากสตูดิโอยักษ์ใหญ่เรื่องแรกที่กำกับโดยผู้หญิงในรอบเกือบ 20 ปีซึ่งหมายความว่าRough Nightจะมีมุมมองที่ไม่เหมือนใคร “ฉันคิดว่ามันเห็นได้ชัดเจนว่ามันไม่ค่อยมีเรื่องราวที่บอกเล่าจากมุมมองของผู้หญิงซักเท่าไหร่โดยเฉพาะในโลกคอเมดี” อานีลโลกล่าว “ฉันเองก็ไม่ได้ต่อต้านหนังคอเมดีเรท R ที่กำกับโดยผู้ชายหรอกนะคะแต่มันให้ความรู้สึกเหมือนว่าความสมจริงของมุมมองจากผู้หญิงเท่านั้นที่จะสามารถทำให้ตัวละครผู้หญิงให้ความรู้สึกสมจริงมากยิ่งขึ้นน่ะค่ะ”
“ลูเซียเป็นอัจฉริยะด้านคอเมดีครับ” โทลมัคกล่าว “สิ่งที่ทำให้เธอแตกต่างออกไปคือคอเมดีทุกเรื่องของเธอมีพื้นฐานทางอารมณ์แม้กระทั่งในเอพิโซดคอเมดีแอบเสิร์ดขนาดสั้นของซีรีส์ ‘Broad City’ ทุกอย่างที่เธอทำล้วนแล้วแต่มีความสมจริงทางอารมณ์ทั้งนั้นด้วยเหตุนั้นเองเธอก็เลยรู้จักตัวละครของเธอเป็นอย่างดีและมีความเข้าใจชัดเจนและความมั่นใจเกี่ยวกับเรื่องราวนี้ในแบบที่พิเศษสุดทั้งๆที่นี่เป็นหนังเรื่องแรกของเธอครับ”
“ฉันอยากจะสร้างหนังที่ทำให้คุณอยากจะลากเพื่อนสาวของคุณออกไปโรงหนังแล้วหัวเราะด้วกันแต่ฉันก็อยากจะทำหนังในแบบที่ถ้าคุณพาแฟนหนุ่มสามีหรือเพื่อนผู้ชายไปดูพวกเขาก็จะสามารถสนุกกับมันได้ด้วยเหมือนกัน” อานีลโลกล่าว “หน้าที่แรกของมันคือมันต้องตลกแต่สิ่งที่สำคัญกับฉันด้วยเช่นกันคือมันจะต้องสำรวจเรื่องของมิตรภาพและฉันก็หวังว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้ผู้ชมนึกถึงผู้คนในชีวิตของพวกเขามากขึ้นซักหน่อยบางทีอาจเป็นคนจากอดีตที่พวกเขาไม่ได้สนิทเหมือนแต่ก่อนและการได้ดูหนังเรื่องนี้ก็ทำให้พวกเขาอยากจะฟื้นฟูความสัมพันธ์อีกครั้งRough Nightเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์พวกนั้นมากกว่าค่ะคนที่จะยินดีทำทุกอย่างเพื่อคุณมากกว่าที่จะเป็นเรื่องของคนตายน่ะค่ะ”
อานีลโลและดาวน์ร่วมมือกันในฐานะทีมคอเมดีมากว่าหนึ่งทศวรรษแล้วหลังจากที่ได้พบกันครั้งแรกในชั้นเรียนคอเมดีอิมโพรไวส์และได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นจากนั้นเป็นต้นมา “เราเริ่มเดทกันและเราก็คิดถึงไอเดียต่างๆเพราะเราอยู่ด้วยกันตลอดเวลา” อานีลโลเล่า “เราเริ่มถ่ายทำวิดีโอโพสต์ออนไลน์ถึงไม่มีใครดูมันแต่วิดีโอทุกตัวก็ดีขึ้นๆเรื่อยๆแม้จะน้อยนิดเราสนุกกับกระบวนการสร้างมันขึ้นมาเราเริ่มเข้าใจวิธีการผลิตงานของเราวิธีการลำดับภาพวิดีโอของเราและเราก็เริ่มชำนาญกระบวนการนี้ในทุกๆขั้นตอนเรายังคงไม่รู้ว่ามันจะไปในทิศทางไหนแต่มันเป็นกระบวนการที่น่าพึงพอใจในการทำสิ่งต่างๆด้วยกันตอนนี้เรายังคงเขียนบทและอำนวยการสร้างงานด้วยกันและคิดหาวิธีการที่ดีที่สุดในการทำงานนั้นค่ะ”
วิดีโอพวกนั้นทำให้อานีลโลและดาวน์ได้ทำหน้าที่มือเขียนบทซีรีส์ยอดนิยมเรื่อง “Broad City” และโทลมัคก็มองว่าตัวเองเป็นแฟนคนหนึ่ง “ผมติดตามซีรีส์นี้และเริ่มตั้งคำถามว่า ‘คนที่สร้างซีรีส์นี้คือใครกัน’ มันก็ทำให้ผมได้รู้จักกับพอลและลูเซียบริษัทพอลลิลูของพวกเขาและวิดีโอของพวกเขาปรากฏว่าผู้จัดการของพวกเขาเดฟเบ็คกี้เป็นเพื่อนรักคนหนึ่งของผมเขาดูแลคนที่ตลกที่สุดในโลกหลายคนเลยล่ะเขาส่งคอเมดีขนาดสั้นของพอลลิลูให้ผมดูแล้วพวกมันก็เยี่ยมมากครับ”
ในภาพยนตร์เรื่องนี้สการ์เล็ตต์โยฮันสันรับบทเจสเธเยอร์ว่าที่เจ้าสาวผู้อุทิศชีวิตเพื่อบริการสาธารณะและตั้งเป้าหมายที่จะเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสภาแห่งรัฐ “เธอเป็นคนที่ตระหนักถึงประเด็นทางสังคมค่ะ” โยฮันสันกล่าว “เธอมีส่วนร่วมกับชุมชนและอยากจะก่อให้เกิดความแตกต่างแง่บวกในชีวิตของคนอื่นๆมันเป็นเหตุผลให้เธอลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งวุฒิสมาชิก”
ความมุ่งมั่นที่เจสมีต่อผู้มีสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งต้องแลกมากับความสัมพันธ์ส่วนตัวของเธอ “ระหว่างนั้นเธอได้เพิกเฉยต่อคนที่สนิทกับเธอที่สุดเหมือนที่พวกเราทำกันในบางครั้ง” โยฮันสันกล่าว “เธอเป็นคนที่ตั้งใจกับการทำงานและโฟกัสกับการสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นค่ะ”
“เจสเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เปลี่ยนแปลงจากการใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงสมัยมหาวิทยาลัยเพื่อพยายามหาทางสร้างชีวิตใหม่ในรูปแบบที่จริงจังค่ะ” อานีลโลกล่าวอธิบาย
โยฮันสันตื่นเต้นกับโอกาสในการได้ทำงานในภาพยนตร์คอเมดี “ฉันได้อ่านบทหนังเรื่องนี้และมันก็ตลกมากๆ” เธอกล่าว “มันทำให้ฉันหัวเราะออกมาดังๆทั้งๆที่ปกติฉันไม่ค่อยจะทำแบบนั้นฉันแอบหัวเราะในใจบ่อยๆแต่หนังเรื่องนี้ทำให้ฉันหัวเราะท้องคัดท้องแข็งเลยฉันรักความสมจริงในความสัมพันธ์ระหว่างสาวๆพวกนี้และความจริงใจของตัวละครพวกนี้ฉันตอบสนองกับตัวละครพวกนี้และความสมจริงของพวกเธอค่ะ”
ในการแสดงบทเจสของโยฮันสันอานีลโลทึ่งกับความสามารถที่หาตัวจับยากของเธอในการสร้างสมดุลที่เพอร์เฟ็กต์ระหว่างอารมณ์ขันและความเปราะบาง
เคทแม็คคินนอนรับบทสาวชาวออสเตรเลียนปิ๊ปป้า (หรือกีวี) เพื่อนนิสัยพิลึกของเจสจากตอนที่เธอไปเรียนที่ออสเตรเลียหนึ่งเทอม “เธอเป็นคนที่รักอิสระเสรีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ค่ะ” แม็คคินนอนกล่าว “ปิ๊ปป้าไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ใดๆทั้งสิ้นแต่แม้ว่าเธอจะเป็นคนแปลกแต่เธอก็จริงใจอ่อนโยนและน่ารักเธอเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขค่ะซึ่งฉันคิดว่ามันเป็นส่วนผสมที่ดีเยี่ยมเลยล่ะ”
สำหรับทีมผู้สร้างพรสวรรค์ในการแสดงคอเมดีที่พิเศษสุดของแม็คคินนอนคือส่วนผสมที่วิเศษในการทำให้ปิ๊ปป้าเป็นตัวละครที่น่าชื่นชมและน่าติดตาม “เธอเป็นตัวชูรสใหม่ให้กับความสัมพันธ์ค่ะ” อานีลโลกล่าว “เคทเข้ามาและใส่เอาความมีชีวิตชีวาให้กับตัวละครตัวนี้อย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีแรกที่เธอปรากฏตัวขึ้นทุกอณูในตัวเธอก็บอกอะไรกับคุณได้มากมายเธอน่าทึ่งค่ะ”
ภายใต้ธรรมชาติที่มีชีวิตชีวาและความจริงใจของเธอแม็คคินนอนเชื่อว่ามีนักแสดงที่รอคอยการปรากฏตัวซ่อนอยู่ “ตอนที่เราคุยกับเคทเกี่ยวกับตัวละครตัวนี้เป็นครั้งแรกเธอบอกว่า ‘ฉันไม่รู้นะว่าทำไมแต่ฉันรู้สึกเหมือนว่าบางทีตัวละครของฉันอาจจะเป็นแร็ปเปอร์ก็ได้’ น่ะครับ” ดาวน์กล่าว “เธอเคยเลียนแบบอิกกี้อาซาเลียใน‘Saturday Night Live’ มาแล้วเราก็เลยคิดว่ามันน่าจะเจ๋งดีถ้าเธอจะทำอะไรที่ต่างออกไปซักหน่อยและเราก็มองตัวละครตัวนี้ว่าเป็นผู้แข่งขันรอบแรกในการประกวดร้องเพลงเราก็เลยเสนอความคิดนี้ให้เคทฟังพอวันต่อมาเราก็ได้ฟังข้อความบันทึกเสียงจากเธอเธอได้แต่งเพลงออริจินอลขึ้นมาเกี่ยวกับประสบการณ์ของปิ๊ปป้ามันทั้งตลกจริงใจและยอดเยี่ยมจริงๆครับ”
จิลเลียนเบลรับบทอลิซเพื่อนผู้หวงเพื่อนเกินเหตุของเจสผู้ชื่นชอบการรำลึกถึงอดีตแม้ว่าทั้งคู่จะสนิทกันมากสมัยเรียนมหาวิทยาลัยวันเวลาที่ผ่านไปก็เปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์นั้น “อลิซคิดว่าเธอยังเป็นเพื่อนซี้ของเจสอยู่” เบลกล่าว “อลิซเชื่อว่าเธอและเจสสนิทกันมากกว่าที่เป็นอยู่และพวกเธอก็น่าจะยังสามารถมีช่วงเวลาสนุกสนานด้วยกันได้”
“อลิซเป็นคนที่ผลักดันให้มีสุดสัปดาห์สละโสดนี้ขึ้นเพื่อรื้อฟื้นวันเวลาเก่าๆค่ะ” เบลกล่าวต่อ “เธอยึดติดกับอดีตเธอหวงแหนความทรงจำเก่าๆและเพื่อนเก่าๆไม่สามารถเดินหน้าต่อได้และประสบการณ์นี้ก็ผลักดันเธอให้ก้าวพ้นจากอดีตค่ะ”
แม้อลิซจะมีข้อเสียอย่างไรก็ตามเธอก็มีความตั้งใจที่ดี “อลิซเป็นเพื่อนประเภทที่จะกอดคุณแรงเกินไปเสียงดังเกินไปแต่การกระทำของเธอก็น่ารักและเต็มไปด้วยความปรารถนาดีค่ะ” อานีลโลกล่าว “เธอเป็นเพื่อนที่จะอยู่ข้างคุณเสมอและเจสก็มองข้ามความสำคัญของเธอไปซักหน่อยท้ายที่สุดแล้วเจสก็ตระหนักได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอลิซมีค่าอย่างยิ่งค่ะ”
การรับบทอลิซทำให้เบลต้องแสดงคอเมดีตลกเจ็บตัวหลายฉาก “ตัวละครของฉันมีฉากสตันท์มากมายในหนังเรื่องนี้” เบลกล่าว “จริงๆแล้วฉันมีฉากสตันท์มากกว่าคนอื่นๆอีกนะคะฉันได้รับโทรศัพท์ที่บอกให้ฉันรู้ว่าฉันมีฉากสตันท์เยอะไปแล้วในหนังเรื่องนี้และฉันก็คิดว่า ‘นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันน่าจะได้รับโทรศัพท์แบบนั้นฉันไม่เคยแสดงอะไรแบบนี้เลยค่ะ’ มันสุดๆไปเลยแต่ก็สนุกด้วยค่ะ”
แฟรงค์กี้รับบทโดยอิลานาเกลเซอร์เป็นนักเคลื่อนไหวผู้ทุ่มเท “แฟรงค์กี้เป็นสาวร่ำรวยที่ชื่นชอบเรื่องการเมืองจากเบรนท์วู้ดผู้คิดว่าสิ่งที่เธอทำเป็นเรื่องสำคัญมากๆ” เกลเซอร์เล่า “เธอละทิ้งชีวิตที่สุขสบายเพื่ออุทิศตัวเองให้กับการสร้างความแตกต่างค่ะ”
ด้วยความที่เธอเป็นนักเคลื่อนไหวแฟรงค์กี้ก็เลยพบตัวเองต้องเผชิญหน้ากับเรื่องทางกฎหมายบ่อยครั้งซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับปัญหาศพนักเต้นระบำเปลื้องผ้าของพวกเธอ “แฟรงค์กี้มีความหลังที่ซับซ้อนกับกฎหมายค่ะ” เกลเซอร์กล่าว “เธอมีประวัติทางกฎหมายจากทั้งสองฝั่งซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะจากการที่เธอเป็นคนที่ถูกกล่าวหาข้อหาอะไรซักอย่างเธอก็เลยรู้ว่าต้องโทรเรียกทนายความในทันทีค่ะ”
แม้ว่าเธอจะทุ่มเทให้กับการทำให้โลกใบนี้เป็นสถานที่ที่ดีกว่าเดิมมากแค่ไหนแต่ชีวิตของแฟรงค์กี้เองกลับถูกเพิกเฉย “แฟรงค์กี้ใช้ปัญหาของโลกเป็นวิธีในการไม่ต้องรับมือกับความสัมพันธ์ส่วนตัวของตัวเอง” อานีลโลอธิบาย “เธอตกหลุมรักบ่อยๆแต่ท้ายที่สุดเธอก็ไม่เต็มใจทุ่มเทให้กับมันซึ่งเป็นเรื่องน่าสนใจมากๆเพราะเธอเคยมีความหลังบางอย่างกับแบลร์พวกเธอเคยมีความสัมพันธ์เข้มข้นสมัยเรียนมหาวิทยาลัยแต่แม้ว่าความสัมพันธ์นั้นจะไม่ได้ลงเอยอย่างเลวร้ายแต่มันก็ไม่เคยมีโอกาสได้ผลิบานแต่ตอนนี้แฟรงค์กี้มาถึงจุดที่เธอต้องตัดสินใจว่าเธอกำลังทำอะไรกับชีวิตตัวเองและแบลร์ก็ช่วยทำให้เธอรู้ตัวว่าเธอกำลังวิ่งหนีจากปัญหาของตัวเองค่ะ”
แบลร์รับบทโดยโซอี้คราวิทซ์หญิงสาวผู้ประสบความสำเร็จจริงจังและดูเหมือนจะเรียบร้อยของกลุ่มอย่างไรก็ดีภาพลักษณ์ภายนอกก็อาจเป็นสิ่งหลอกลวงได้มีเรื่องวุ่นๆเกิดขึ้นในชีวิตของแบลร์มากกว่าที่เธออยากจะยอมรับเสียอีก “แบลร์เป็นสาวหัวโบราณของกลุ่มค่ะ” คราวิทซ์กล่าว “เธอแต่งงานแล้วเธอมีลูกเธอเป็นนักธุรกิจหญิงเธอเลือกเส้นทางที่เป็นไปตามขนบและเชื่อในเรื่องวัตถุนิยมมากกว่า”
แต่มันก็มีทั้งเรื่องของภาพลักษณ์ภายนอกและเรื่องของความจริง “แบลร์แยกทางกับสามีและกำลังต่อสู้เพื่อให้ได้สิทธิในการเลี้ยงดูลูกค่ะ” คราวิทซ์กล่าว “เธอแคร์กับภาพลักษณ์ของเธอมากกว่าที่จะรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับเพื่อนๆจริงๆและเล่าให้พวกเธอฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นค่ะ”
ลุคสวยเฉียบของแบลร์เป็นความท้าทายสำหรับคราวิทซ์พอๆกับการถ่ายทอดอารมณ์ที่หนักอึ้งของตัวละครของเธอ “แบลร์ไว้เล็บแบบสุดๆค่ะ” คราวิทซ์บอก “ฉันทำอะไรไม่ได้เลยพอไว้เล็บแบบเธอฉันพิมพ์ข้อความก็ไม่ได้ติดกระดุมก็ไม่ได้แต่แล้วฉันก็ตระหนักได้ว่าความคิดของเธอยึดติดกับเรื่องนี้เธอห่วงเรื่องภาพลักษณ์และสถานะของเธอมากๆค่ะ”
สำหรับคราวิทซ์อานีลโลรู้ว่าเธอได้คนที่จะสามารถถ่ายทอดธรรมชาติสองด้านของแบลร์ออกมาได้อย่างพอเหมาะทั้งในแบบที่น่าประทับใจและน่าขบขัน “เรารู้ว่าตัวละครแบลร์จะเป็นบทที่เล่นได้ยากแต่โซอี้เข้าใจเธอค่ะ” อานีลโลกล่าว “แบลร์มีอารมณ์ขันแบบจิกกัดแต่เธอก็มีความลึกซึ้งที่น่าสนใจด้วยเพราะเธอเจ็บตลอดเวลาแล้วเธอก็ลุกขึ้นใหม่ปัดฝุ่นตัวเองและเดินหน้าอีกครั้งความอดทนของแบลร์ทำให้เธอเป็นตัวละครที่เข้าถึงได้และน่าชื่นชมค่ะ”
มิตรภาพในชีวิตจริงระหว่างเกลเซอร์และคราวิทซ์ช่วยส่งเสริมการพูดคุยโต้ตอบระหว่างตัวละครของพวกเธอบนหน้าจอด้วย “โซอี้และอิลานามีเคมีที่เหลือเชื่อที่เกิดขึ้นมิตรภาพนอกจอของพวกเธอค่ะ” อานีลโลกล่าว “พวกเธอเล่นโต้ตอบกันได้ดีมากๆมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในแบบที่เสแสร้งไม่ได้ค่ะ”
พอลดับบลิว. ดาวน์รับบทปีเตอร์คู่หมั้นผู้ไม่เห็นแก่ตัวและช่างเอาอกเอาใจของเจสเขามีความสุขกับการเป็นแบ็คกราวน์และคอยให้ความรักและแรงสนับสนุนกับเจสในยามที่เธอต้องการจะทำตามความทะเยอทะยานด้านการเมืองของเธอ “ปีเตอร์และเจสได้พบกันหลังจบมหาวิทยาลัยครับ” ดาวน์กล่าว “พวกเขารักกันและกันจริงๆและตื่นเต้นที่จะได้แต่งงานกันพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีและต่างฝ่ายต่างก็ทำให้อีกคนเป็นคนที่ดีขึ้นครับ”
“เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเราที่จะนำเสนอคู่รักที่กำลังมีความสัมพันธ์ที่ไปได้สวย” อานีลโลกล่าว “ทั้งคู่ต่างก็พยายามจะทำอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ปีเตอร์อาจจะรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งหน่อยๆด้วยความที่เจสทำงานเป็นประจำแต่ปีเตอร์ก็เป็นคนดีที่ห่วงใยเธอมากและเธอก็รักเขาด้วยเหมือนกันค่ะ”
ปีเตอร์ยินดีทำทุกอย่างเพื่อคนที่เขารัก “ในตอนที่เจสกลับมาเจอกับเพื่อนๆของเธอพวกเธอก็ทำให้เธอเพี้ยนนิดๆ” ดาวน์กล่าว “พอปีเตอร์ได้เห็นแง่มุมที่ไม่คุ้นเคยของเจสเขาก็กังวลว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาอาจจะตกอยู่ในอันตรายและเขาก็ตื่นตระหนกเพราะเจสเป็นผู้หญิงในฝันของเขาครับ”
“ความเข้าใจผิดในการสื่อสารยิ่งเป็นเชื้อเพลิงให้กับความกลัวของเขาและทำให้เขาใช้มาตรการสุดโต่งค่ะ” อานีลโลกล่าว
สำหรับอานีลโลความสิ้นหวังของปีเตอร์เป็นเครื่องมือในการเพิ่มเติมคอเมดีเข้าไปในเรื่องราวมากขึ้น “สำหรับฉันพอลตลกที่สุดก็ตอนที่เขาสิ้นหวังค่ะ” อานีลโลกล่าว “เรารู้ว่าเราเขียนบทนี้ให้เขาเราก็เลยเขียนบทโดยคำนึงถึงเรื่องนั้นเราให้เขาหกล้มเป็นลมและทำอะไรต่อมิอะไรมากกมายเพราะเขามีพรสวรรค์ในเรื่องการแสดงตลกเจ็บตัวเหลือเกินฉันสามารถเขียนบทได้อีกเป็นพันๆหน้าให้ปีเตอร์ต้องทุกข์ทรมานระหว่างที่เขาดิ้นรนเพื่อชนะใจเจสอีกครั้งน่ะค่ะ”
เดมีมัวร์และไทเบอร์เรลรับบทคู่รักชาวไมอามีผู้กำลังต้องการจะสลับคู่รัก “ลีอาและปิเอโทรเป็นคู่รักวัยกลางคนที่คลั่งไคล้การมีเซ็กส์ผู้สนใจในตัวแบลร์ทันที” โทลมัคกล่าว “พวกเขามีคุณสมบัติที่อบอุ่นแบบเพื่อนบ้านของคุณที่มีความต้องการทางเพศสูงไปซักหน่อยน่ะครับ”
โคลตันเฮย์เนสจาก “Arrow” ปรากฏขึ้นในช่วงท้ายเรื่อง “ในตอนที่คุณคิดว่าคุณรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในหนังเรื่องนี้โคลตันก็ทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้” ดาวน์กล่าว “พอเราได้ยินชื่อของเขาเราก็รู้เลยว่าเขาเพอร์เฟ็กต์เราไม่ต้องคิดหาชื่ออื่นๆเลยเขาไม่เคยมีบทคอเมดีหนักแบบนี้มาก่อนแต่เขาก็ตลกมากในหนังเรื่องนี้จนเขาจะทำให้หลายคนต้องอึ้งเลยล่ะครับ”
วีรบุรุษผู้ถูกลืมของภาพยนตร์เรื่องนี้คือนักแสดงหนุ่มไรอันคูเปอร์ในบทเจย์ “นี่เป็นหนึ่งในบทที่เลือกนักแสดงได้ยากที่สุดเพราะเราต้องหาคนที่จะเต็มใจรับบทเป็นศพครับ” ดาวน์กล่าว “มันมีฉากที่มีไดอะล็อคเพียงแค่ฉากเดียวแล้วเขาก็ต้องรับบทเป็นศพตลอดทั้งเรื่องแต่เขาก็เป็นส่วนสำคัญของเรื่องเราโชคดีมากๆที่เจอกับไรอันเพราะเขามีพรสวรรค์ตลกแต่ก็ยอมรับความทรมานได้ด้วยเขาถูกเหวี่ยงออกนอกรถถูกโยนลงมหาสมุทรถูกยัดเข้าไปในสิ่งต่างๆที่ไม่สมควรและเขาก็รับบทเป็นศพได้อย่างเหลือเชื่อครับ”
โทลมัคกล่าวว่าคูเปอร์พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นนักแสดงตลกเจ็บตัวที่มีพรสวรรค์ “มันเป็นบทที่ท้าทายอย่างเหลือเชื่อเพราะคุณไม่สามารถมีปฏิกิริยาต่อเรื่องวุ่นๆทั้งหลายที่เกิดขึ้นรอบตัวคุณได้” เขาตั้งข้อสังเกต “การรับบทเป็นศพมันไม่ใช่แค่ทำตัวเป็นศพเท่านั้นแต่มันมีวิธีการแสดงที่ทำให้บทนี้สมจริงและตลกด้วยเขาทำให้ตัวเขาสะดุดตาทั้งๆที่เขาเป็นศพไม่ว่าจะเป็นตอนที่ถูกทิ้งดิ่งลงจากเจ็ทสกีหรือตอนที่หัวเขากระแทกหรือตอนที่ตาเขาลืมขึ้นมาหลังจากที่เคทแม็คคินนอนพยายามจะปิดตาเขามันเป็นการแสดงทั้งนั้นและเขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม”
การขยับเขยื้อนร่างกายมนุษย์เป็นการทดสอบพละกำลังของสาวๆ “สิ่งที่ยากที่สุดคือการยกศพขึ้นมาค่ะ” เบลกล่าว “มันน่าประหลาดใจมากที่เราเหนื่อยกันแค่ไหนเราคุยกันว่าพอถึงตอนปิดกล้องเราคงหุ่นดีกันทุกคนจากการแบกศพไปมาน่ะค่ะ”
ในการกลายเป็นศพคูเปอร์ต้องอยู่ในสภาพทำสมาธิแบบเปิดตาที่เขาสนุกไปกับการได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นรอบด้านเขา “ผมพบว่าการรับบทเป็นศพเป็นเรื่องผ่อนคลายครับ” คูเปอร์กล่าว “ผมทำสมาธิชั่วโมงครึ่งและเพ่งสมาธิไปที่จุดๆหนึ่งเพื่อเป็นการเตรียมตัวครับ”
“ส่วนใหญ่แล้วผมจะลืมตาค้างไว้ครับ” คูเปอร์กล่าว “มันตลกมากๆที่ได้เห็นปฏิกิริยาของสาวๆและการมีมือมาแปะหน้ามีหน้ามาแนบหน้ามีเท้ามาเหยียบหน้าและถูกถ่มน้ำลายใส่น่ะครับ”
สำหรับลุคของ Rough Night ทีมผู้สร้างต้องการสุนทรียศาสตร์ภาพวิชวลที่ไม่เพียงแต่จะส่งเสริมนักแสดงเท่านั้นแต่ยังมีสไตล์เฉียบคมและมีกลิ่นไออันตรายด้วย “เราต้องการหาผู้กำกับภาพอายุน้อยหน่อยให้มาทำงานที่น่าตื่นเต้นครับ” ดาวน์กล่าว “ฌอนพอร์ตเตอร์ถ่ายทำหนังเรื่อง Green Room และ 20th Century Women มาก่อน เขามีลุคที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ เขาก็เลยเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลทั้งในแง่ของโลจิสติกและสไตล์ เราไม่อยากให้หนังเรื่องนี้ดูสว่างไสว วิบวับ สดสวยและดูเป็นหนังตลาด ฌอนสร้างลุคที่โดดเด่น ตลก แปลกใหม่และอันตรายให้กับเรื่อง เขาเพิ่มความมีสไตล์และความดิบนิดๆ เข้าไปให้กับเรื่องครับ”
“เขาสามารถทำให้สาวๆพวกนี้ดูสวยและโลเกชันดูเหลือเชื่อแต่ก็ทำให้ทุกอย่างให้ความรู้สึกสมจริงได้ด้วย” ดาวน์กล่าวต่อ “มันเป็นเรื่องยากการทำให้บางสิ่งให้ความรู้สึกเข้าถึงได้ดูสวยแต่ก็ยังสมจริงและอาจจะแตกต่างจากปกติไปบ้างน่ะครับ”
ในการรักษาโทนอันตรายของเรื่องผู้ออกแบบงานสร้างบ็อบชอว์ต้องรักษาสมดุลระหว่างสีสันพาสเทลสดใสของไมอามีและอารมณ์ตลกร้ายของเรื่องเอาไว้ “ในตอนที่ผมได้พบกับพอลและลูเซียผมได้นำภาพของโอเชียนไดรฟ์ในไมอามีมาด้วย” ชอว์กล่าว “คุณอดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นว่าตึกครึ่งหนึ่งมีไฟนีออนสีชมพูส่องสว่างส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นไฟนีออนสีฟ้าหรือเขียวอมฟ้านั่นเป็นโทนโดยทั่วไปของไมอามีซึ่งเราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เราก็เลยรู้ว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมากๆของสีสันที่เราใช้ครับ”
“มันมีองค์ประกอบมืดหม่นมากมายที่จะต้องค้านกับแบ็คดร็อปสว่างไสว” อานีลโลกล่าวเสริม “มันช่วยทำให้หนังเรื่องนี้มีโทนสั่นประสาทมากขึ้นอีกนิดในตอนที่จำเป็นแต่ก็ทำให้มันมีโทนที่สว่างไสวขึ้นได้ในตอนที่บางอย่างอาจจะดูมากเกินไปซักหน่อยน่ะค่ะ”
ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายลีอาห์คัทซ์เนลสันได้สร้างลุคที่โดดเด่นเพื่อสะท้อนถึงบุคลิกเด่นของตัวละครและพัฒนาการของพวกเธอหลังจบมหาวิทยาลัย “บทหนังเรื่องนี้ทั้งสดใหม่ตลกและเป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นในการได้สร้างตัวละครที่โดดเด่นมากๆในกลุ่มสาวๆพวกนี้ค่ะ” คัทซ์เนลสันกล่าวเธอเริ่มต้นจากการระดมความคิดว่าสาวๆพวกนี้สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเป็นคนยังไงและพวกเธอเปลี่ยนแปลงตัวเองมาเป็นผู้ใหญ่แบบไหน
สำหรับเจสคัทซ์เนลสันได้คิดชุดแบบมินิมอลลิสต์ที่ใช้งานได้จริงขึ้นมา “เป็นเรื่องสำคัญที่เจสจะต้องดูเหมือนผู้สมัครรับเลือกตั้งคนที่อาจจะเป็นนักการเมืองแต่ก็อายุน้อยและเข้าถึงได้เป็นเหมือนออแกไนเซอร์ระดับรากหญ้าน่ะค่ะ” คัทซ์เนลสันกล่าว “เจสมีรสนิยมเธอไม่ได้หมดเวลาไปกับการให้ความสนใจแฟชันระดับสูงแต่เธอก็ดูดีเสมอดังนั้นลุคของเธอก็เลยใสสะอาดมากๆและก็ยังคงเป็นแบบนั้นตลอดทั้งเรื่องค่ะ”
“อลิซจะตรงข้ามกับเจส” คัทซ์เนลสันกล่าว “เธอวางแผนสุดสัปดาห์นี้เอาไว้และเธอก็ตื่นเต้นกับมันมกๆเธอวางแผนทุกชุดเอาไว้แล้วว่าเธอจะสวมอะไรริมสระน้ำจะสวมอะไรตอนไปดินเนอร์และจะสวมอะไรตอนไปคลับมันก็เลยมีสีสันชีวิตและแบบแผนในเรื่องราวของเธอมากกว่าค่ะ”
สไตล์ของปิ๊ปป้าสะท้อนถึงนิสัยที่ลึกลับของเธอ “เราเล่นกับไอเดียที่ว่าเธอมีบุคลิกแบบสาวโบฮีเมียนค่ะ” คัทซ์เนลสันกล่าว “เธอเป็นคนที่เดินทางบ่อยแต่ไม่ได้ยึดติดกับความเป็นจริงเสมอไปค่ะเธอทำตามใจปรารถนาและตามท่วงทำนองของตัวเธอเองเราก็เลยอยากให้มันปรากฏผ่านทางเครื่องประดับที่เธอเลือกใช้ด้วยค่ะ”
ลุคของแบลร์สะท้อนถึงความมั่งคั่งและสถานะของเธอ “กุญแจสำคัญสำหรับแบลร์คือการรักษาชุดทุกชุดของเธอให้มีสีโทนเดียวเข้าไว้” คัทซ์เนลสันกล่าว “ตอนที่เราได้เห็นเธอครั้งแรกเธอใส่ชุดสีครีมล้วนเธอเป็นผู้หญิงนิวยอร์กผู้ดีที่คลาสสิกมากๆรสนิยมของเธอทั้งเฉพาะเจาะจงสง่างามและมีความเป็นอมตะเธอเป็นผู้หญิงที่สวมส้นสูงสี่นิ้วเดินตามถนนในนิวยอร์กซิตี้ทุกอย่างราคาแพงและดูเป็นแบบนั้นค่ะ”
อ็อกคิวพายวอลล์สตรีทเป็นแรงบันดาลใจสำหรับสไตล์ของแฟรงค์กี้ “อิลานาเกลเซอร์ได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจากการดูภาพถ่ายของอ็อกคิวพายวอลล์สตรีทและการศึกษาเรื่องของนักเคลื่อนไหวร่วมสมัยค่ะ” คัทซ์เนลสันกล่าว “มันเป็นการผสมผสานกันระหว่างเทศกาลดนตรีกรีนพีซและวู้ดสต็อคค่ะเธอสวมเสื้อผ้าคล้ายกับเครื่องแบบทหารและลีวายวินเทนด้วยล่ะค่ะ”
อานีลโลกล่าวว่าการมีส่วนร่วมของคัทซ์เนลสันช่วยสร้างตัวละครเหล่านี้และจากตัวละครเหล่านี้นี่เองที่เรื่องราวตลกขบขันได้ถือกำเนิดขึ้น “ลีอาห์มีพรสวรรค์และพิเศษสุดเหลือเกินค่ะ” อานีลโลกล่าว “เธอเข้าใจดีว่าตัวละครพวกนี้เป็นใครถ้าคุณถ่ายภาพสแน็ปช็อตเสื้อผ้าของแต่ละคนถึงแม้จะไม่เห็นหน้าแต่คุณจะรู้เลยค่ะว่าใครเป็นใครเธอทำมันได้ในทันทีค่ะ”
ประวัตินักแสดง
ล่าสุดสการ์เล็ตต์ โยฮันสัน (เจส) นักแสดงรางวัลโทนีและบาฟตา ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงสี่รางวัลลูกโลกทองคำ ได้แสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง Ghost in the Shell ภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันที่สร้างจากการ์ตูนญี่ปุ่น ในปี 2016 เธอได้พากย์เสียง คา งูหลามในภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชัน/ซีจีไอ อนิเมชันของดิสนีย์ที่ดัดแปลงจาก The Jungle Book จากฝีมือจอน แฟฟโรว์ ได้นำแสดงในภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจากพี่น้องโคเอนเรื่อง Hail, Caesar! และได้พากย์เสียงในภาพยนตร์คอมพิวเตอร์อนิเมชันมิวสิคัลคอเมดีเรื่อง Sing ซึ่งเธอพากย์เสียง แอช เม่นพังค์ร็อค นอกจากนั้น เธอยังกลับมารับบท นาตาชา โรมานอฟ/แบล็ค วิโดว์อีกครั้งใน Captain America: Civil War และปัจจุบัน เธอก็กำลังอยู่ระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Avengers ภาคใหม่ รวมถึง Avengers: Infinity War ผลงานล่าสุดของเธอรวมถึงแอ็กชันทริลเลอร์โดยลุค เบซงเรื่อง Lucy, ภาพยนตร์อาร์ตไซไฟโดยโจนาธาน เกลเซอร์เรื่อง Under the Skin และภาพยนตร์ไซไฟโรแมนซ์ชื่อดังโดยสไปค์ โจนซ์เรื่อง Her ในบทระบบปฏิบัติการ ซาแมนธา ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากงานเทศกาลภาพยนตร์โรม ปัจจุบัน เธอได้ครองตำแหน่งนักแสดงหญิงที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลและนักแสดงที่ทำรายได้สูงสุดประจำปี 2016 ด้วยการที่ภาพยนตร์ของเธอทำรายได้ไปกว่า 1.2 พันล้านเหรียญในปีนั้นและ 9.3 พันล้านเหรียญทั่วโลก
โยฮันสันได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมอย่างล้นหลามและได้รับรางวัลอัพสตรีม ไพรซ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในส่วนของคอนโทรคอร์เรนเต้จากงานเทศกาลภาพยนตร์เวนิสจากการแสดงประกบบิล เมอร์เรย์ใน Lost in Translation ผลงานเรื่องที่สองที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมของผู้กำกับโซเฟีย คอปโปลา นอกจากนี้ เธอยังได้รับรางวัลโทนีจากการแสดงเปิดตัวบนเวทีบรอดเวย์ในละครโดยอาร์เธอร์ มิลเลอร์เรื่อง “A View from a Bridge” ประกบลีฟ ชไรเบอร์อีกด้วย เธอเสร็จสิ้นจากการแสดงละครบรอดเวย์ครั้งที่สองในบทแม็กกี้ในละครเรื่อง “Cat on a Hot Tin Roof” ในปี 2013
เมื่ออายุได้ 12 ปี เธอได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกจากการแสดงของเธอในบทเกรซ แม็คลีน เด็กสาวที่ได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจจากอุบัติเหตุในการขี่ม้าในภาพยนตร์โดยโรเบิร์ต เรดฟอร์ดเรื่อง The Horse Whisperer หลังจากนั้น เธอก็ได้แสดงในภาพยนตร์โดยเทอร์รี ซวิกออฟเรื่อง Ghost World ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์โตรอนโต นอกจากนี้ เธอยังได้แสดงประกบบิลลี บ็อบ ธอร์นตันและฟรานซิส แม็คดอร์มานในดรามามืดหม่นโดยพี่น้องโคเอนเรื่อง The Man Who Wasn’t There
ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเธอรวมถึงภาพยนตร์โดยจอน แฟฟโรว์เรื่อง Chef, The Avengers, Don Jon ประกบโจเซฟ กอร์ดอน-เลวิทท์, Hitchcock ประกบแอนโธนี ฮ็อปกินส์, We Bought A Zoo สำหรับคาเมรอน โครว์, ภาพยนตร์ฮิตในบ็อกซ์ออฟฟิศเรื่อง Iron Man 2, ภาพยนตร์โดยพี่น้องไวซ์เรื่อง In Good Company, A Love Song for Bobby Long ประกบจอห์น ทราโวลตาเรื่อง ซึ่งทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำเป็นครั้งที่สามในรอบสองปี และภาพยนตร์โดยวู้ดดี้ อัลเลนเรื่อง Match Point ซึ่งทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำครั้งที่สี่ในรอบสามปี ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเธอยังรวมถึง He’s Just Not That into You, Vicky Cristina Barcelona, The Other Boleyn Girl, The Spirit, Girl with a Pearl Earring ประกบโคลิน เฟิร์ธ, The Island ประกบยวน แม็คเกรเกอร์, ภาพยนตร์โดยไบรอัน เดอพัลมาเรื่อง The Black Dahlia, ภาพยนตร์โดยคริสโตเฟอร์ โนแลนเรื่อง The Prestige และ The Nanny Diaries
ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเธอได้แก่คอเมดีโดยร็อบ ไรเนอร์เรื่อง North, ทริลเลอร์เรื่อง Just Cause ประกบฌอน คอนเนรีและลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์นและบทแจ้งเกิดตอนอายุ 10 ขวบในภาพยนตร์ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมเรื่อง Manny & Lo ซึ่งทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
โยฮันสันเป็นชาวนิวยอร์ก เธอเปิดตัวในโลกนักแสดงอาชีพตอนอายุ 8 ขวบในละครออฟบรอดเวย์เรื่อง “Sophistry” ประกบอีธาน ฮอว์ค ที่โรงละครเพลย์ไรท์ ฮอไรซันส์ในนิวยอร์ก
เคท แม็คคินนอน (ปิ๊ปป้า) นักแสดงรางวัลเอ็มมี กลับมาแสดงใน “Saturday Night Live” อีกเป็นซีซันที่หก
เธอได้รับรางวัลเอ็มมีสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในคอเมดีในปี 2016 หลังจากที่เคยได้รับการเสนอชื่อมาแล้วในปี 2015 และ 2014 นอกเหนือจากนั้นเธอยังได้รับรางวัลอเมริกันคอเมดีอวอร์ดปี 2014 ในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมและรางวัลคริติกส์ชอยส์อวอร์ดสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์คอเมดีในปี 2016 อีกด้วย
แม็คคินนอนได้สร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมด้วยการแสดงเลียนแบบฮิลลารีร็อดแฮมคลินตันที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมของเธอรวมถึงการแสดงเลียนแบบที่น่าสนใจอื่นๆเช่นจัสตินบีเบอร์และเอลเลนดีเจเนเรสนอกจากนี้เธอยังเป็นที่รู้จักจากการปรากฏตัวที่โดดเด่นของเธอใน “Weekend Update” ในบทศิลปินเซซิเลียฮิมิเนซ, โอลก้าพอฟลาทสกี้ผู้พบเห็นดาวตกชาวรัสเซียและรูธเบเดอร์กินส์เบิร์กผู้พิพากษาศาลสูง
เธอได้ร่วมแสดงภาพยนตร์รีบู๊ท Ghostbusters โดยพอลฟิ้ก, Office Christmas Party และภาพยนตร์ยอดนิยมเมื่อเร็วๆนี้อย่าง Sisters นอกเหนือจากนั้นเธอยังได้พากย์เสียงภาพยนตร์อนิเมชันเรื่อง Angry Birds และ Finding Dory และซีรีส์อนิเมชันที่รวมถึง “The Simpsons” และ “Family Guy” อีกด้วยเธอได้เป็นพิธีกรรายการประกาศผลรางวัลฟิล์มอินดีเพนเดนท์สปิริตอวอร์ดปี 2006 ร่วมกับคูเมลนันจิอานิจาก “Silicon Valley”
เธอได้ศึกษาการละครจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียแม็คคินนอนเป็นชาวเมืองซีคลิฟฟ์รัฐนิวอร์กและปัจจุบันเธอก็ใช้ชีวิตอยู่ในนิวยอร์กซิตี้
จิลเลียน เบล (อลิซ) ล่าสุด ได้แสดงประกบชาร์ลีย์ เดย์, ไอซ์ คิวบ์และคริสตินา เฮนดริคส์ในภาพยนตร์นิวไลน์ ซีเนมา เรื่อง Fist Fight นอกเหนือจากนั้น เธอยังได้พากย์เสียงภาพยนตร์โดยโซนี พิคเจอร์สเรื่อง The Angry Birds Movie อีกด้วย
ด้านจอแก้วเธอได้แสดงในซีซันที่สองของซีรีส์คอเมดีเซ็นทรัลเรื่อง “Idiotsitter” ในบทยีนรัสเซลหญิงสาวร่ำรวยผู้ถูกกักบริเวณในคฤหาสน์ของพ่อเธอและต้องได้รับการดูแลจากพี่เลี้ยงผู้ใหญ่บิลลีบราวน์ที่รับบทโดยชาร์ล็อตต์นิวเฮาส์เบลและนิวเฮาส์ไม่เพียงแต่นำแสดงซีรีส์นี้เท่านั้นแต่พวกเธอยังได้สร้างและอำนวยการสร้างซีรีส์นี้ซึ่งเริ่มต้นด้วยการเป็นซีรีส์เว็บของทางคอเมดีเซ็นทรัลในปี 2014 อีกด้วย
ด้านจอเงินเธอได้ร่วมแสดงกับแจ็คแบล็คใน Goosebumps ภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันที่ดัดแปลงจากชุดหนังสือสำหรับเด็กโดยอาร์.แอล. สไตน์และ The Night Before ซึ่งเธอแสดงประกบเซธโรแกน, โจเซฟกอร์ดอน-เลวิทท์และแอนโธนีแม็คกี้
บทบาทแจ้งเกิดของเธอคือการแสดงในภาพยนตร์โดยฟิล ลอร์ดและคริสโตเฟอร์ มิลเลอร์เรื่อง 22 Jump Street ประกบโจนาห์ ฮิลและแชนนิง ทาทัม ซึ่งเธอรับบทตัวร้าย เมอร์ซีเดส ตัวการเบื้องหลังยาเสพติดวายฟาย
ผลงานจอแก้วเรื่องอื่นของเธอรวมถึงการรับบทผู้จัดการออฟฟิศ จิลเลียน เบลค์ในหกซีซันของซีรีส์คอเมดี เซ็นทรัลเรื่อง “Workaholics” และรับบท “ดิกซี” ในแปดเอพิโซดของซีรีส์เอชบีโอเรื่อง “Eastbound & Down” ผลงานการแสดงในบทดารารับเชิญของเธอรวมถึงซีรีส์ “Portlandia,” “Partners,” “Bro-Dependent,” “Curb Your Enthusiasm,” “Friends with Benefits,” “Franklin and Bash” และ “Worst Week” นอกจากนี้ เธอยังได้ร่วมเขียนบทซีซันที่ 35 ของรายการ Saturday Night Live ในปี 2010 อีกด้วย
เบลเริ่มต้นการทำงานจากการเป็นสมาชิกของเดอะ กราวนด์ลิงส์ เมน คัมปะนี ที่ซึ่งเธอได้พบกับคู่หูการแสดงตลกคนปัจจุบัน ชาร์ล็อตต์ นิวเฮาส์ ปัจจุบัน เธอใช้ชีวิตอยู่ในลอสแองเจลิส
อิลานา เกลเซอร์ (แฟรงค์กี้) เป็นผู้สร้าง ผู้ควบคุมงานสร้างและดาราของซีรีส์ยอดนิยมที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมทางคอเมดี เซ็นทรัลเรื่อง “Broad City” ซึ่งทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลคริติกส์ ชอยส์ เทเลวิชัน อวอร์ดสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์คอเมดี นอกจากนั้น “Broad City” ยังได้รับการเสนอชื่อขิงรางวัลสมาพันธ์นักเขียนแห่งอเมริกาสาขาซีรีส์คอเมดียอดเยี่ยมอีกด้วย ซีรีส์นี้จะกลับมาฉายซีซันที่สี่ในฤดูร้อนปีนี้ นอกจากนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ เธอยังได้แสดงประกบเซธ โรแกนและโจเซฟ กอร์ดอน-เลวิทท์เรื่อง The Night Before อีกด้วย
โซอี้ คราวิทซ์ (แบลร์) ผู้ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบนักแสดงน่าจับตามองของวาไรตี้ ใช้เวลาเพียงน้อยนิดในการรับรู้ถึงความรักที่มีต่อการแสดงของตัวเองและเธอก็เริ่มทำงานในภาพยนตร์สองเรื่องตั้งแต่ตอนที่เธอเรียนอยู่ปีสุดท้ายสมัยไฮสคูล ได้แก่เรื่อง No Reservations ประกบแคทเธอรีน ซีต้า-โจนส์และแอรอน เอคฮาร์ทและ The Brave One ที่กำกับโดยนีล จอร์แดนและนำแสดงโดยโจดี้ ฟอสเตอร์และเทอร์เรนซ์ โฮเวิร์ด
ไม่นานหลังจากนั้นเธอได้รับบทแองเจิลซัลวาโดร์ใน X-Men: First Class ประกบไมเคิลฟาสเบนเดอร์, เจนนิเฟอร์ลอว์เรนซ์และเควินเบคอนนอกจากนั้นเธอยังได้แสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง It’s Kind of a Funny Story ที่ร่วมแสดงโดยแซ็คกาลิฟิอานาคิสและเอ็มมาโรเบิร์ตส์และ Divergent ที่เธอรับบทคริสตินาประกบเชลลีนวู้ดลีย์คราวิทซ์กลับมารับบทคริสตินาอีกครั้งใน Insurgent และ Allegiant ภาคที่สองและสามของแฟรนไชส์ Divergent และเธอก็ได้แสดงประกบชาร์ลิซเธอรอนและทอมฮาร์ดี้ในภาพยนตร์เรื่อง Mad Max: Fury Road ซึ่งได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมีอวอร์ดสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆของเธอรวมถึง The Road Within ประกบไคราเซดจ์วิคและเดฟพาทัล, Good Kill ประกบอีธานฮอว์คและแจนยัวรีโจนส์และภาพยนตร์ดัง Dope ที่อำนวยการสร้างโดยฟอเรสต์วิทเทคเกอร์และควบคุมงานสร้างโดยฟาร์เรลวิลเลียมส์เมื่อเร็วๆนี้เธอได้แสดงประกบรีสวิทเธอร์สปูนและนิโคลคิดแมนในมินิซีรีส์ชื่อดังทางเอชบีโอเรื่อง “Big Little Lies” ที่กำกับโดยฌอนมาร์ควัลลีย์เมื่อเร็วๆนี้เธอยังได้แสดงใน Fantastic Beasts และ Where to Find Them พรีเควลของแฟรนไชส์ Harry Potter ประกบเอ็ดดี้เรดเมย์นและโคลินฟาร์เรลและจะกลับมารับบทเดิมของเธออีกครั้งในซีเควลนอกจากนี้เธอยังได้แสดงในภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายในปี 2017 เรื่อง Gemini ประกบโลลาเคิร์คอีกด้วย
นอกเหนือจากงานภาพยนตร์คราวิทซ์ยังยุ่งกับโปรเจ็กต์ต่างๆรวมถึงวงดนตรีโลลาวูลฟ์ของเธออีพีของวงเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2014 (อินนิทเรคคอร์ดดิงส์) และในเดือนตุลาคมปีเดียวกันอัลบัมเต็มของพวกเธอ Calm Down ก็ได้วางจำหน่ายนอกจากนั้นเธอยังเป็นแอมบาสเดอร์ให้กับแบรนด์แฟชันอีกหลายแบรนด์อีกด้วยเธอได้แสดงแคมเปญให้กับอเล็กซานเดอร์หวัง, บาเลนเซียก้า, อีฟแซงต์, แคมเปญดรีมเมอร์สของโค้ชและน้ำหอมปรินเซสของวีราแวงนอกจากนี้เธอยังได้แสดงมิวสิคเพลง “I Know” จากอัลบัม“American Gangster” ของเจย์-ซีอีกด้วยนอกเหนือจากนั้นเธอยังได้ร่วมแสดงกับคนดังคนอื่นๆในมิวสิคเพลง “We Are the Ones” ของวิลไอแอมระหว่างแคมเปญของประธานาธิบดีโอบามาอีกด้วย
คราวิทซ์เป็นลูกสาวของเลนนีคราวิทซ์และลิซาโบเน็ตปัจจุบันเธอใช้ชีวิตอยู่ในนิวยอร์กซิตี้
พอล ดับบลิว. ดาวน์ (ปีเตอร์/มือเขียนบทร่วม/ผู้อำนวยการสร้าง) เป็นนักแสดงตลก มือเขียนบทและนักแสดง เขาเป็นหนึ่งในทีมคู่หูตลกพอลลิลู ร่วมกับลูเซีย อานีลโล ดาวน์รับบท เทรย์ พัคเกอร์ เจ้านายและคนรักของแอ็บบี้ซีรีส์คอเมดี เซ็นทรัลเรื่อง “Broad City”เบื้องหลังกล้อง เขารับหน้าที่มือเขียนบทและผู้ร่วมควบคุมงานสร้างซีรีส์ดังกล่าว ซึ่งถูกต่อสัญญาให้สร้างซีซันที่ห้า เขาได้แสดงในมินิซีรีส์ทางคอเมด เซ็นทรัลเรื่อง “Time Traveling Bong” ประกบอิลานา เกลเซอร์ และมีรายการพิเศษครึ่งชั่วโมงของตัวเองทางเน็ตฟลิกซ์ในชื่อ “The Characters”
ประวัติทีมผู้สร้าง
ลูเซีย อานีลโล (ผู้กำกับ/มือเขียนบทร่วม/ผู้อำนวยการสร้าง) เป็นมือเขียนบท ผู้กำกับและนักแสดง และเป็นหนึ่งในคู่หูคอเมดี พอลลิลู ร่วมกับคู่หูของเธอ พอล ดับบลิว. ดาวน์ อานีลโลรับหน้าที่มือเขียนบทและผู้ร่วมควบคุมงานสร้างซีรีส์คอเมดี เซ็นทรัลเรื่อง “Broad City” และได้กำกับหลายเอพิโซดด้วย
ก่อนหน้านี้เธอได้ร่วมมือกับดาวน์และเกลเซอร์ในการสร้างและเขียนบทมินิซีรีส์ทางคอเมดีเซ็นทรัลเรื่อง “Time Traveling Bong” ซึ่งแพร่ภาพในเดือนเมษายนปี 2016 นอกจากนี้เธอยังได้กำกับมินิซีรีส์เรื่องนี้อีกด้วย
แมทท์ โทลมัค (ผู้อำนวยการสร้าง) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการอำนวยการสร้างภาพยนตร์ที่เป็นที่จับตามองเรื่อง Jumanji: Welcome to the Jungle ที่กำกับโดยเจค คัสแดนและนำแสดงโดยดเวย์น จอห์นสัน, แจ็ค แบล็คและเควิน ฮาร์ท ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนโพสต์โปรดักชันสำหรับโซนี พิคเจอร์สและมีกำหนดเข้าฉายในช่วงคริสต์มาส เขากำลังอยู่ระหว่างการควบคุมงานสร้างซีรีส์ฮูลูเรื่อง “Future Man” กับเซธ โรแกนและอีวาน โกลด์เบิร์ก ก่อนหน้านี้ เขาได้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Amazing Spider-Man และ The Amazing Spider-Man 2 ที่กำกับโดยมาร์ค เว็บบ์ และภาพยนตร์โดยอเล็กซ์ กิบนีย์เรื่อง The Armstrong Lie เขาและแฟรงค์ มาร์แชล รับหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้างสารคดีเรื่อง “What Haunts Us” ที่กำกับโดยเพจ โทลมัค ในฐานะประธานโคลัมเบีย พิคเจอร์สมานานหลายปี เขาได้ดูแลงานภาพยนตร์ที่โด่งดังและประสบความสำเร็จสูงสุดของสตูดิโอหลายเรื่อง รวมถึง The Pursuit of Happyness, Superbad, Pineapple Express, Zombieland, Step Brothers, The Da Vinci Code, 2012, ภาพยนตร์โดยแซม ไรมีเรื่อง Spider-Man, Talladega Nights, The Panic Room, The Grudge และ ฯลฯ
เดฟ เบ็คกี้ (ผู้อำนวยการสร้าง) หุ้นส่วนของธรี อาร์ตส์ เอนเตอร์เทนเมนต์ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและงานสร้างโปรเจ็กต์จอแก้วและจอเงิน รวมถึงการบุกเบิกเส้นทางให้กับนักแสดง มือเขียนบทและนักแสดงระดับแนวหน้าในปัจจุบันหลายคน ปัจจุบัน เขาได้อนำวยการสร้างซีรีส์เอฟเอ็กซ์เรื่อง “Baskets” และ “Better Things,” ซีรีส์อเมซอนเรื่อง “One Mississippi” และซีรีส์ทาง LouisCK.Net เรื่อง “Horace & Pete” ร่วมกับหลุยส์ ซี.เค., ซีรีส์เน็ตฟลิกซ์เรื่อง “Master Of None,” ซีรีส์เอชบีโอเรื่อง “Insecure,” ซีรีส์ฮูลูเรื่อง “Difficult People” และซีรีส์คอเมดี เซ็นทรัลเรื่อง “Broad City,” “Hart of the City” และ “Kevin Hart Presents: The Next Level” นอกจากนี้ ผลงานการควบคุมงานสร้างของเบ็คกี้ยังรวมถึง “Everybody Hates Chris” (ยูพีเอ็น) และ “Real Husbands of Hollywood”
เขาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเบรนท์วู้ดรัฐแคลิฟอร์เนียกับเลนนีซอร์คินภรรยาของเขาและลูกๆสามคนอีฟ, แคชและครูซ
ฌอน พอร์ตเตอร์ (ผู้กำกับภาพ) ติดลิสต์บีโลว์ เดอะ ไลน์ อิมแพ็ค รีพอร์ตของนิตยสารวาไรตี้ ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 25 บุคคลหน้าใหม่แห่งวงการภาพยนตร์อินดีของนิตยสารฟิล์มเมคเกอร์ ติดลิสต์ 10 ผู้กำกับน่าจับตามองของอินดี้ไวร์และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดสาขากำกับภาพยอดเยี่ยม ผลงานภาพยนตร์ของเขาได้เข้าฉายในงานเทศกาลภาพยนตร์สำคัญๆ ของโลก รวมถึงคานส์, เบอร์ลิน, ซันแดนซ์, นิวยอร์กและโตรอนโต ผลงานภาพยนตร์ล่าสุดของเขารวมถึง Green Room โดยเจเรมี ซอลเนียร์ ผู้กำกับชื่อดังจาก Blue Ruin ซึ่งจัดจำหน่ายโดยเอทเวนตี้โฟร์ นอกจากนี้ เขายังได้กำกับภาพให้กับภาพยนตร์ญี่ปุ่น/อเมริกันชื่อดัง Kumiko the Treasure Hunter ที่กำกับโดยพี่น้องเซลเนอร์และนำแสดงโดยรินโกะ คิคุจิ (Babel, Pacific Rim) อีกด้วย ล่าสุด เขาได้ร่วมมือกับไมค์ มิลส์ใน 20th Century Women ที่นำแสดงโดยแอนเน็ตต์ เบนนิง, แอล แฟนนิงและเกรตา เกอร์วิก ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเลือกเป็นเซ็นเตอร์พีซ กาลาของงานเทศกาลภาพยนตร์นิวยอร์กและจัดจำหน่ายโดยเอทเวนตี้โฟร์
เคร็ก อัลเพิร์ต (มือลำดับภาพ) มีผลงานคอเมดีเยี่ยมๆ หลายเรื่องตลอดการทำงานที่ผ่านมาของเขา เมื่อเร็วๆ นี้ เขาได้ลำดับภาพให้กับคอเมดีเรื่อง The Boss และ Pitch Perfect 2 เขาได้ร่วมงานกับสตูดิโอและผู้กำกับมากมาย รวมถึงทิม สตอรีใน Ride Along และจั๊ดด์ อพาโทว์ใน Funny People และ Knocked Up สำหรับยูนิเวอร์แซล, เจย์ โร้คใน The Campaign สำหรับวอร์เนอร์ บรอส. และเดวิด กอร์ดอน กรีน ใน Pineapple Express สำหรับโซนีและ The Sitter สำหรับทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ แม้ว่าความสำเร็จของเขาจะได้มาอย่างรวดเร็วแต่ทักษะและเซนส์ในเรื่องจังหวะของคอเมดีก็หาตัวจับยาก
ลีอาห์ คัทซ์เนลสัน (ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย) สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี เอกสถาปัตยกรรม เน้นงานภาพยนตร์ จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เธอเริ่มต้นจากการทำงานให้กับบริษัทสถาปนิกชื่อดัง เดอะ ร็อคเวล กรุ๊ปในนิวยอร์ก ก่อนที่จะเริ่มต้นเข้าสู่วงการบันเทิง
ผลงานล่าสุดของเธอในฐานะผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายรวมถึง Collateral Beauty ที่กำกับโดยเดวิดแฟรงค์เคล, Stronger ที่กำกับโดยเดวิดกอร์ดอนกรีนและ Demolition ที่กำกับโดยฌอน-มาร์ควัลลีย์
เธออาศัยอยู่ในนิวยอร์กและยังคงทำงานในโปรเจ็กต์ต่างๆทั่วประเทศ
โดมินิค ลูอิส (ดนตรี) เป็นนักประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ชาวอังกฤษที่ใช้ชีวิตอยู่ในลอสแองเจลิส ลูอิส ผู้เกิดในครอบครัวนักดนตรีมากพรสวรรค์ ได้สัมผัสดนตรีตั้งแต่ยังเล็กๆ ทำให้ดนตรีกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของชีวิตเขาตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบัน
ศิลปินผู้เล่นเครื่องดนตรีได้หลายชนิดเริ่มศึกษาเชลโลตั้งแต่อายุได้ 3 ขวบเขาใช้เวลาในวัยเด็กและวัยรุ่นไปกับการร้องเพลงและแต่งเพลงด้วยเปียโนและกีตาร์ในปี 2002 เขาได้เข้าศึกษาที่รอยัลอคาเดมีออฟมิวสิคในกรุงลอนดอนที่ซึ่งเขาได้ศึกษาเชลโลและการประพันธ์ดนตรีระหว่างศึกษาที่สถาบันดังกล่าวด้วยวัยเพียง 22 ปีลูอิสก็มีโอกาสได้ร่วมแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา The Poet ที่กำกับโดยเดเมียนลีจาก Ski-School
ระหว่างช่วงเวลาที่เขาศึกษาที่รอยัลอคาเดมีลูอิสได้รับการสอนจากรูเพิร์ตเกร็กสัน-วิลเลียมส์ผู้ประทับใจกับศักยภาพของลูอิสและชวนเขาให้มีส่วนร่วมในการร้องและร่วมเรียบเรียงดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่องต่างๆเช่น Bee Movie, Bedtime Stories และ The Prisoner
ก่อนที่เขาจะโบกมือลาอังกฤษเพื่อเดินทางไปอเมริกาเขาได้ควบคุมวงออร์เคสตราและเรียบเรียงอัลบัมคลาสสิกสองชุดในชื่อ “Camilly Kerslake” และ “The Priests” และได้แตงเพลงให้กับอัลบัม “Lilly May Show” หลังจากมาปักหลักในอเมริกาในปี 2009 เขาก็ได้ร่วมงานกับจอห์นพาวเวลในการประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ปี 2011 เรื่อง How to Train Your Dragon
สี่ปีที่ผ่านมาเป็นก้าวย่างที่รวดเร็วขึ้นสำหรับลูอิสผู้ได้ร่วมงานกับนักประพันธ์ที่ได้รับการยกย่องและโด่งดังที่สุดหลายคนของฮอลลีวูดรวมถึงฮันส์ซิมเมอร์, รามินดจาวาดี้, เฮนรีแจ็คแมนและจอห์นพาวเวลปัจจุบันเขาเป็นนักประพันธ์ประจำรีโมตคอนโทรลโปรดักชันส์บริษัททางดนตรีที่โด่งดังของซิมเมอร์ที่ซานตามอนิกา
ผลงานดนตรีอื่นๆของเขาจนถึงปัจจุบันรวมถึงภาพยนตร์เรื่อง Gulliver’s Travels, Clash of the Titans, Rango, Rio, Kung Fu Panda 2, Puss in Boots, Man on a Ledge, Wreck-It Ralph, Red Dawn, X-Men: 1st Class, Sherlock Holmes: A Game of Shadows, G.I. Joe: Retaliation, Captain Phillips, This is the End, Captain America: The Winter Soldier, The Amazing Spider-Man 2, Big Hero 6, Kingsman: The Secret Service และ The Interview และโฆษณาอีกหลายชิ้น
ในปี 2014 ลูอิสได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลแอนนีอวอร์ดจากดนตรีประกอบภาพยนตร์ปี 2013 เรื่อง Free Birds เมื่อเร็วๆนี้เขาได้แต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์ปี 2015 เรื่อง Spooks: The Greater Good และ The DUFF โดยซีบีเอสฟิล์มส์รวมถึงได้ร่วมกับเฮนรีแจ็คแมนแต่งดนตรีประกอบซีรีส์ “The Man in the High Castle” ซึ่งอำนวยการสร้างโดยริดลีย์สก็อตและแพร่ภาพทางอเมซอนในปี 2016 และ 2017 เขามีผลงานภาพยนตร์สามเรื่องได้แก่ภาพยนตร์โดยโจดี้ฟอสเตอร์เรื่อง Money Monster สำหรับโซนีพิคเจอร์ส, ภาพยนตร์นิวไลน์เรื่อง Fist Fight ที่กำกับโดยริชชีคีนและ Hunter Killer ที่กำกับโดยโดโนแวนมาร์ช
ลูอิสมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเรื่องการผสมผสานดนตรีและภาพเข้าด้วยกันเขามีความเข้าใจเป็นเยี่ยมในเรื่องทฤษฎีดนตรีมีแบ็คกราวน์ด้านออร์เคสตราที่หนักแน่นและไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือศิลปินหนุ่มมากความสามารถที่น่าจับตามองในอนาคต