“Journey to the West: Conquering the Demons” หรือ “ไซอิ๋ว 2013 คนเล็กอิทธิฤทธิ์หญ่าย” ผลงานกำกับรวยอารมณ์ขันของ “โจวซิงฉือ”

Journey to the West
Conquering the Demons

อภิมหาโปรเจ็กต์ของโจวชิงฉือที่หันมากำกับเพียงอย่างเดียว ความฮาของ ไซอิ๋ว เวอร์ชั่น 2013 นี้ทำให้กลุ่มผู้ชมถูกอกถูกใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่า “โจวซิงฉือ” จะไม่ได้แสดงนำเองก็ตาม นอกจากความฮาแล้วยังได้รวมนักแสดงทั้งจีนแผ่นดินใหญ่และนักแสดงฝั่งไต้หวันไว้อย่างคับคั่ง ทั้ง ซูฉี, เหวินจาง, หวงเป่า, หลัวจื้อเสียง และ โจวซิ่วนา

นี่คือ ไซอิ๋ว ที่ถูกปรับแต่งตีความใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร การย้อนเหตุการณ์ก่อนหน้าเรื่องราวที่คนทั่วโลกรู้จัก เมื่อพระถังซำจั๋งยังเป็นเพียงนักล่าปีศาจฝึกหัดที่ต้องออกตามจับปีศาจปลาซัวเจ๋ง ปีศาจหมูตือโป๊ยก่าย และปีศาจลิงเห้งเจีย โดยมีสาวนักล่าปีศาจมืออาชีพคอยให้ความช่วยเหลือ

เมื่อโลกเต็มไปด้วยปีศาจ และมนุษย์ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างสาหัส, นักล่าปีศาจหนุ่มซวนจาง, ผู้เก่งกล้า เขาเชื่อว่า “เขาจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้” เขาจึงเสี่ยงทุกอย่าง ทั้งปราบ ปีศาจน้ำ ปีศาจหมู รวมทั้งปีศาจของเหล่าปีศาจ ซุนหงอคง เขารับเหล่าปีศาจเหล่านี้มาเป็นสาวก และสอนให้พวกเขารู้จักความรัก และความเมตตา  ซึ่งในขณะเดียวกัน ซวนจาง  ก็ได้พบความหมายที่แท้จริง ของ ความรักที่ยิ่งใหญ่ด้วยตัวของเขาเอง และเพื่อชดเชยในบาปของตน และเพื่อช่วยชีวิตของมนุษย์เขาทั้งสี่จึงเริ่มออกเดินทางไปยังทิศตะวันตกที่เต็มไปด้วยความท้าทายที่รอพวกเขาอยู่

กำหนดเข้าฉาย 30 พฤษภาคม 2013 / ระบบ 2D  

เรื่องย่อ 

เมื่อโลกเต็มไปด้วยปีศาจ และมนุษย์ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างสาหัส, นักล่าปีศาจหนุ่มซวนจาง, ผู้เก่งกล้า เขาเชื่อว่า “เขาจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้” เขาจึงเสี่ยงทุกอย่าง ทั้งปราบ ปีศาจน้ำ ปีศาจหมู รวมทั้งปีศาจของเหล่าปีศาจ ซุนหงอคง เขารับเหล่าปีศาจเหล่านี้มาเป็นสาวก และสอนให้พวกเขารู้จักความรัก และความเมตตา  ซึ่งในขณะเดียวกัน ซวนจาง  ก็ได้พบความหมายที่แท้จริง ของ ความรักที่ยิ่งใหญ่ด้วยตัวของเขาเอง และเพื่อชดเชยในบาปของตน และเพื่อช่วยชีวิตของมนุษย์เขาทั้งสี่จึงเริ่มออกเดินทางไปยังทิศตะวันตกที่เต็มไปด้วยความท้าทายที่รอพวกเขาอยู่  

          

นักแสดง

ซูฉี รับบท แม่นางต้วน

ซูฉี เป็นหนึ่งในนักแสดงชื่อดังและเป็นที่ต้องการในตลาดหนังเอเชีย ชีวิตการแสดงของเธอ เริ่มต้นที่ฮ่องกง เมื่อเธอได้พบกับ  Andy Lau    (หลิว เต๋อหัว) ผู้ที่ให้เธอได้แสดงนำในภาพยนตร์ ของเขา 5 เรื่องรวมทั้งภาพยนตร์ เรื่อง Strom Riders (1998) ซูฉีเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลก กับภาพยนตร์ เรื่อง The Island Tales ของ Stanley Kwan และ Hidden Whisper ของ Vivian Chang นอกจากนั้นซูฉียังร่วมงานกับภาพยนตร์ฮอลีวู้ด ในเรื่อง Transporter (2002) นับเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอที่ใช้ภาษาอังกฤษ

ตอนอายุ 30 ซูฉีมีผลงานภาพยนตร์กว่า 50 เรื่อง และเป็นดาราเอเชียที่ได้รับรางวัลจากเวที ต่างๆ มากมาย อาทิ รางวัล Golden Horse และ Hong Kong Film awards เธอ ยังเป็นสมาชิกของคณะกรรมการในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ Berlin International Film Festival 2008 และ ปี 2009 ในเทศกาลภาพยนตร์ Cannes International Film Festival.

และล่าสุด ซูฉี มีผลงานแสดง เรื่อง LOVE, A Beautiful Life และ If You Are the One 1 และ 2

 

เวิ่น ฉาง รับบทเป็น ซวน จาง

เวิ่น ฉาง เป็นนักแสดงที่ได้รับความนิยมในประเทศจีน หลังจากจบการศึกษา จาก โรงเรียนการแสดงของจีนในปี 2006 เขาเริ่มแสดงภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ แนวดราม่า อาทิ เรื่อง You Are Smiling, While I am Weeping, Bloom of Youth และ เรื่อง The Song of Youth. เขาเริ่มโด่งดังในบท เซี่ยงหนัน ในภาพยนตร์ดราม่ายอดนิยมทางโทรทัศน์ เรื่อง Struggle และบท เหยา เป่ย จากเรื่อง Dwelling Narrowness

เวิ่น ฉาง เริ่มโด่งดังในภาพยนตร์จอเงิน จากเรื่อง A Tale of Two Donkeys ของผู้กำกับ Li Dawei และตามมาด้วยการแสดงที่สะเทือนใจในภาพยนตร์เรื่อง Ocean Heaven ซึ่งรับบทเป็นลูกชายออทิสติก ของเจ็ทลี ในปี 2011 เวิ่น ฉาง รับบทในภาพยนตร์โรแมนติก คอมเมอร์ดี้ เรื่อง Love is Not Blind ที่กระแสตอบรับดีมากในจีน จนเป็นม้ามืดที่ได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจาก Golden Rooster Awards และ  Hundred Flowers Awards.

 

ฮวง ปอ รับบท ซุน วู คง

ฮวง ปอ เป็นนักแสดงเจ้าบทบาท โดยเฉพาะบทตลก หลังจากที่เขาจบการศึกษาจากโรงเรียน การแสดงที่ไต้หวัน ในสาขาตลก เขาก็เริ่มงานในวงการด้วยบทตลกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ฮวง ปอ ปรากฎตัวในภาพยนตร์จอเงิน ในภาพยนตร์เรื่อง Crazy Stone ของผู้กำกับ Ning Hao ในปี 2006 และในปี 2009 ในเรื่อง Crazy Racer และในปีเดียวกันกับภาพยนตร์เรื่อง Cow ของผู้กำกับ Guan Hu ทำให้เขาได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือรางวัล Golden Horse ในสาขา นักแสดงยอดเยี่ยม

และล่าสุด ฮวง ปอ มีผลงานภาพยนตร์ เรื่อง Design of Death, Black & White และภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์แผ่นดินจีน อย่าง Lost in Thailand

 

ตัวละคร

ซวน จาง

นักล่าปีศาจหนุ่ม ที่มุ่งมั่นเอาชนะปีศาจ และปลูกฝังความรัก ความเมตตาให้กับโลก  รวมทั้งช่วยเหลือ คนให้พ้นจาก ความทุกข์ทรมาน อย่างไรก็ตามความสามารถของเขาก็ไม่ได้มีมากเท่ากับความทะเยอทะยานของเขา เพราะทักษะการเอาชนะปีศาจแต่ละครั้ง เขาจำเป็นต้องใช้ตำราซึ่งเป็นเพลง “บทเพลงกล่อมเด็ก 300 เพลง” ที่อาจารย์ของเขาให้มา ในระหว่างพยายามเอาชนะปีศาจน้ำ เขาก็พบกับ แม่นาง ต้วน ซึ่งมาตกหลุมรักเขา และแหกกฎนักล่าด้วยการช่วยเขาทุกอย่างเพื่อพิสูจน์รักแท้ แต่ซวน จางก็ยังไม่รับรักอยู่ดี จนกระทั่งศึกกับ ซุนหงอคง แม่นางต้วนยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วย ซวน จาง หลังจากที่เสียคนที่รักไป ซวนจาง ก็บรรลุและปราบ ซุนหงอคงด้วย ฝ่ามือยูไล

 

แม่นางต้วน

แม่นางต้วน เป็นนักล่าปีศาจที่เก่งกาจ เป็นผู้หญิงสบายๆ รักอิสระ เสียงดัง และออกจะหยาบคายเล็กน้อย แต่ก็น่ารัก เธอพบซวนจางเมื่อครั้งต่อสู้กับปีศาจน้ำ เธอถูกใจกับความกล้าหาญ และซวน จางก็ตรงกับบุคคลิกของชายในฝัน แม่นางต้วนจึงตกหลุมรักเขา เธอปกป้องเขาจากการทำร้าย ของปีศาจ แม่นางต้วนมีความฝันที่จะแต่งงานกับ ซวน จาง และเริ่มต้นชีวิตครอบครัว มีชีวิตปกติ เธอจึงให้ทุกอย่างที่เธอสามารถให้ได้ แต่ก็ได้รับเพียงความว่างเปล่ากลับมา  สุดท้ายเธอถูกฆ่าโดย ซุน หงอคง ตอนพยายามจะช่วยชีวิต

ซวน จาง

ซุนหงอคง (ราชาแห่ง ลิง)

ปีศาจของเหล่าปีศาจ ซุนหงอคงเป็นปีศาจที่เก่งกาจ แต่มีเลห์เหลี่ยมแพรวพราว พระพุทธเจ้าลงโทษเขาเนื่องจากไปป่วนสวรรค์ ด้วยการขังเขาไว้ในถ้ำ ถึง 5 ศตวรรษ เขาพยายามจะหนี แต่ก็ไม่มีทางออก จนกระทั่ง ซวน จาง เข้ามาในถ้ำ ซุนหงอคงจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมให้เขายกพระพุทธรูปที่ใช้ปิดปากถ้ำ จนทำให้เขาเป็นอิสระ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกปราบโดย ซวน จาง และ ร่วมกับคณะเดินทางไปยังทิศตะวันตก ในฐานะ

 

สาวก

ตือโป้ยก่าย (ปีศาจ หมู)

แม้จะมีรูปลักษณ์ที่อัปลักษณ์ แต่เขาซื่อสัตย์และรักครอบครัว ภรรยาของเขา ทิ้งเขาไปกับชายอื่นที่หล่อกว่า และพวกหญิงโฉดชายชั่วก็ร่วมกันฆ่าเขาด้วยคราดเก้าง่าม เมื่อหัวใจสลาย เขาเลย กลายเป็นปีศาจหมู และสาบาน จะฆ่าผู้หญิงทุกคนที่หลงรักผู้ชายที่รูปกาย ซวน จาง และ แม่นางต้วน เข้าไปขอความช่วยเหลือจากซุนหงอคง และในที่สุดพวกเขาก็ปราบปีศาจหมูได้ และร่วมกับคณะเดินทางไปยังทิศตะวันตก ในฐานะ

 

สาวก 

นักบวชทราย ซัวเจ๋ง (ปีศาจน้ำ)

นักบวชทรายเป็นคนใจดี เขาไปช่วยเด็กที่ริมน้ำแต่กลับถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโจรลักพาตัว ชาวบ้านจึงรุมฆ่าเขาและทิ้งร่างเขาในแม่น้ำเพื่อเป็นอาหารปลา ความอาฆาตของเขาทำให้เขา มีลักษณะครึ่งปลา-ครึ่งปีศาจ  ปีศาจน้ำกลับมาแก้แค้าชาวบ้านที่ฆ่าเขา พลังของเขาสามารถทำร้ายเด็กเล็กได้ แต่สุดท้าย ซวน จาง แม่นางต้วน นักบวชทราย ก็กลายเป็นคณะสาวก ร่วมเดินทางไปยังทิศตะวันตก

 

ทีมผู้สร้าง

Stephen Chow / โจวซิงฉือ  – นักเขียน ผู้อำนวยการสร้าง และ ผู้กำกับ

Stephen Chow / โจซิงฉือ เป็นหนึ่งในนักแสดงและผู้กำกับที่ได้รับความนิยมของจีน เขาเรียน การแสดงจาก TVB ในปี 1982  เมื่อศึกษาจบแล้วได้เป็นพิธีกร ในรายการโทรทัศน์ของเด็ก ชื่อรายการ  430 Space Shuttle

ในปี 1987 โจวซิงฉือ รับบทในภาพยนตร์หนังแอ็คชั่น เรื่อง Final Justice ทำให้เขาได้รับ รางวัลม้าทองคำ สำหรับนักแสดงสมทบยอดเยี่ยม เขากลายเป็นนักแสดงตลกอันดับหนึ่งของฮ่องกงตั้งแต่ปี  1990 และมีผลงานการแสดงที่ต่อเนื่อง อาทิ  Fight Back to School, Royal Tramp, King of Beggars, Flirting Scholar, Hail the Judge and A Chinese Odyssey โจวซิงฉือ เริ่มผันตัวเองเป็นผู้ช่วยผู้กำกับจากภาพยนตร์ที่เขาร่วมแสดง อาทิ  From Beijing with Love, Love on Delivery, Forbidden City Cop, The God of Cookery และ King of Comedy.

ในปี 2001 เขาได้เขียนบทและกำกับและแสดงเอง ใน Shaolin Soccer นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่  ซึ่งทำรายได้อย่างถล่มทลายในฮ่องกง ภาพยนตร์เรื่องนี้ชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดยี่ยม และนักแสดง รวมถึงผู้กำกับยอดเยี่ยมในงาน Hong Kong Film Awards. ปี 2004 เขาก็ประสบความสำเร็จจากภาพยนตร์เรื่อง Kung Fu Hustle คนเล็กหมัดเทวดา ซึ่งทำรายได้ถล่มทลายอีกครั้ง ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ สำหรับภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยม และตัวเขาก็ได้รับรางวัลม้าทองคำ สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม และในปี 2008 ภาพยนตร์เรื่อง CJ7 หรือคนเล็กของเล่นใหญ่ เขาก็ได้รับรางวัลอีกครั้งในงาน Hong Kong Film Awards.

 

Choi Sung Fai (HKSC) – ผู้กำกับภาพ

Choi Sung Fai เริ่มจากอาชีพผู้ช่วยช่างภาพในฮ่องกงก่อน ประมาณปลายปี 1990 เขาก็กลายเป็นผู้กำกับภาพ ในภาพยนตร์มากมาย อาทิ Driving Miss Wealthy, My Name is Fame และ  All About Women. ในปี  2012, เขาได้ทำงานกับผู้กำกับ Tsui Hark ภาพยนตร์เรื่อง Flying Swords of Dragon Gate ซึ่งได้รับรางวัลกำกับภาพยอดเยี่ยมที่

 

เทศกาลหนังฮ่องกง

Ku Huen Chiu – ผู้กำกับคิวบู๊

Ku Huen Chiu เรียนรู้ทักษะนี้จากการทำงานร่วมกับ Tsui Siu Ming ในปี 1980 ซึ่งในระหว่างปี 1980 นี้ เขาทำงานในการออกแบบคิวบู๊ให้กับ Jet Li ในผลงานเรื่อง Tai Chi Master และ  Fist of Legend. ระยะหลังเขาเป็นผู้ช่วยของ Yuen Woo Ping ในการออกแบบคิวบู๊ให้กับภาพยนตร์เรื่อง Crouching Tiger, Hidden Dragon และ the two Kill Bill films. เขาได้รับรางวัลมากมาย (The Legend of Zu, House of Fury และ 14 Blades) รางวัลฉากการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม Best Action Choreography จากงาน Hong Kong Film Awards. ล่าสุดเขากำกับคิวบู๊ให้กับภาพยนตร์เรื่อง 14 Blades.

 

Bruce Yu – ผู้กำกับศิลป์

Bruce Yu เป็นนักออกแบบศิลป์ในฮ่องกง เขาเริ่มอาชีพออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับภาพยนตร์ของ Chow Yun Fat ในช่วงแรก และ เรื่องอื่นๆ อาทิ City on Fire และ All About Ah Long. ส่วนใหญ่เขาร่วมงานกับผู้กำกับ Johnnie อาทิภาพยนตร์เรื่อง A Hero Never Dies, Turn Left, Turn Right, Running on Karma, Breaking News, Yesterday Once More และ Romancing in High Air   เขาได้รับรางวัลจากงาน Hong Kong Film Awards ถึงสามปีซ้อน ล่าสุดเขากำกับศิลป์ ให้กับภาพยนตร์ของ Tsui Hark เรื่อง Detective Dee and the Mystery of the Phantom Flame.

Raymond Wong – เพลงประกอบ

Raymond Wong เป็นนักประพันธ์เพลงที่มีชื่อคนหนึ่งในฮ่องกง เขาเริ่มเข้าสู่วงการเมื่อปี 1994 โดยทำงานร่วมกับผู้กำกับ Tsui Hark ในภาพยนตร์เรื่อง The Lovers ซึ่งดนตรีประกอบเรื่องนี้ทำให้เขาได้รับรางวัลจาก Hong Kong Film Award ในฐานะ composer เขามักร่วมงานกับTsui Hark อาทิภาพยนตร์เรื่อง Love in the Time of Twilight and The Blade กับผู้กำกับ  Johnnie To ภาพยนตร์เรื่อง Lifeline, A Hero Never Dies, Running Out of Time 1 and 2, Help!!!  และ Wu Yen และกับ Stephen Chow โจวซิงฉือ ในภาพยนตร์เรื่อง King of Comedy, Shaolin Soccer, Kung Fu Hustle and CJ7  ผลงานล่าสุดของเขาคือ Mr. and Mrs. Incredible, Treasure Inn และ The Second Woman.

 

ถามตอบกับ โจวซิงฉือ – เจาะลึก Journey to the West

ถาม :    บทเพลงกล่อมเด็ก 300 เพลง เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ มันน่าจะเป็นหนังสือเพลงสำหรับเด็ก แต่มันกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงอานุภาพในการล่าปีศาจ คุณได้ความคิดนี้มาจากไหน

ตอบ เมื่อตอนผมเป็นเด็ก ผมชอบร้องเพลงกล่อมเด็ก และครั้งนึงผมได้ทำรายการทีวีเกี่ยวกับเด็กๆ ผมเลยชอบเพลงกล่อมเด็กเป็นพิเศษ ผมเลยเอามาใส่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมต้องการให้ปีศาจต่อสู้กับบางอย่างที่ดูน่ารักและไร้เดียงสา และสามารถเข้าถึงดวงตาของปีศาจ เพลงกล่อมเด็กจึงเป็นอย่างแรกที่ผมคิดถึง

 

ถาม :   มีอาวุธที่มีพลังมากในหนังเรื่องนี้ อาทิ ห่วงบิน อะไรคือแรงบันดาลใจ

ตอบ :   ห่วงบินเป็นอาวุธที่ปรากฎอยู่ในภาพยนตร์เรื่องฤทธิ์แค้นฝ่ามือยูไล มาก่อน มันสามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางการบินได้กลางอากาศ มันตอบสนองกับฝ่ามือยูไลมาก มันเป็นอาวุธที่ทรงอานุภาพ ผมชอบความคิดนี้และผมก็เลยขอยืมแนวคิดมาจากภาพยนตร์เรื่องนั้น

 

ถาม :   ทุกคนต่างรอจะเห็นผลงานการแสดงของคุณในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่คุณไม่โผล่มาในฟิล์มเลย ทำไมถึงเลือกที่จะกำกับอย่างเดียวไม่แสดง

ตอบ :   เหตุผลผลหลักคือ หนังเรื่องนี้เป็นอะไรที่ท้าทายมาก ผมค่อนข้างใส่ใจกับหนังเรื่องนี้เป็นพิเศษผมต้องการโฟกัสกับหนังเรื่องนี้ให้เต็มร้อยถ้าอยากให้มันออกมาดี ผมเคยกำกับและร่วมแสดงมาในหนังก่อนหน้านี้แล้วหลายเรื่อง ผมรู้สึกว่าถ้าผมทำอย่างนั้นอีกผมจะไม่สามารถทำหนังที่ดีอย่างที่ตั้งใจได้ ดังนั้นผมจึงยอมแพ้เลือกที่จะไม่แสดงและเลือกกำกับแทน เพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด

 

ถาม :   ภาพยนตร์เรื่องก่อนๆ ของคุณ มันมีคติสอนใจอยู่ สำหรับหนังเรื่องนี้มันมีบทพูดอะไร พิเศษไหมที่คุณภูมิใจนำเสนอ

ตอบ :   มันมีบทพูดมากมายในภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ผมชอบน่าจะเป็น “อนาคตเป็นสิ่งที่มาไม่ถึง จงอยู่ กับปัจจุบัน” มันสะท้อนปรัชญาจีนที่มีมานาน และในเวลาเดียวกัน มันก็เป็นการตีความในมุมของความรักได้อีกด้วย

 

ถาม :   มันน่าประทับใจมาก ที่คุณสามารถผสมผสานความรักกับความสนุกสนานไว้ใน ภาพยนตร์ของคุณ แม้แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้เองก็ตาม คนดูจะเปรียบเทียบความรักความสัมพันธ์ ระหว่าง เวิ่น จาง และ บทของซูฉี กับตัวละครในภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้านี้ของคุณไหม คุณคิดว่าอย่างไร

ตอบ:    ผมคิดว่าสิ่งที่เราสามารถเข้าถึงสองเรื่องนี้ได้ คือ ความเศร้า เข้าถึงเรื่องราวความรักที่รันทดของตัวละครในภาพยนตร์ มันไม่ใช่การเขียนเรื่องราวความรักที่สมหวัง มันต้องมีความรันทดปนเข้ามาด้วย เพราะว่าตัวละครต้องมีการเปลี่ยนแปลง การทำหนังเรื่องนี้มันต่างจากครั้งก่อน แต่ส่วนที่ผู้ชมสัมผัสได้จะยังคงเหมือนกัน และผมคิดว่าในภาพยนตร์เรื่องนี้ผู้ชมจะเข้าถึงและรับรู้ได้มากกว่าเดิม

 

ถาม-ตอบ กับกลุ่มนักล่าปีศาจ

ถาม :   ทำไม โจวซิงฉือ ถึงเลือกคุณให้มารับบทนี้

เวิ่น ฉาง : ในตอนแรก Bill Kong โทรหาผม ตอนนั้นผมทำธุรกิจอยู่ที่สิงคโปร์ ตอนเขาโทรมาเขาต้องการให้ผมหาเวลากลับมาที่ฮ่องกงเพื่อพบกับโจวซิงฉือ เขาจะทำหนัง ผมเลยคิดว่า คงเรียกผมไปแคส แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องเป็นผม และเมื่อผมมาที่ฮ่องกง เราก็พูดคุยกันถูกคอ เขาบอกผมว่าถ้าผมมีเพื่อนที่ฮ่องกง สามารถให้ที่พัก ให้กินดี นอนหลับ ผมจะทำอะไรต่อ  แล้วถ้าผมเคยดู หรือชอบเกี่ยวกับตำนานของจีน ล่ะ ผมเคยไม่ได้ยินอะไรอย่างนี้จากเขามาก่อน มันค่อนข้างเร็ว บางทีอาจจะก่อนถ่ายทำจริงประมาณ เดือนนึง เขาส่งบทให้ผม และให้ผมอ่านมัน ผมไม่รู้ว่าผมจะได้บทไหนเล่นเป็นอะไร จนวันที่ผมต้องถ่ายทำ ผมมาเจอเขาอีกที ผมก็เห็นเขาที่ Heng Dian สตูดิโอแล้ว

 

ฮวง โป : ตอนแรกผมไม่ชอบ เพราะผมรู้สึกว่าราชาลิงของโจวซิงฉือ เป็นอะไรที่ลึก ผู้ชมเข้าใจยาก ทุกคนชอบราชาลิง และมันก็ท้าทายถ้าได้เล่นบทนี้อีกครั้ง แต่แน่นอนว่าผู้ชมต้องเปรียบเทียบระหว่างลิงตัวเดิมกับลิงตัวใหม่ ผมคิดแบบนั้น แต่สุดท้ายโจวซิงฉือก็หลอกผมให้เล่นจนได้ (หัวเราะ) เขาถามผมว่าควรจะปรับบทอย่างไร และแลกเปลี่ยนความคิดเกียวกับตัวละครตัวนี้กับผม แล้วเขาก็บอกผมว่า “แนวคิดผมดีกว่าของเขาอีก ดังนั้นคุณมาแสดงในแบบที่คุณอธิบายมาดีกว่า” แล้วผมก็มาอยู่ตรงนี้

 

ถาม :   หนังของโจวซิงฉือไม่ค่อยเป็นไปตามบทท่าไหร่ คุณคิดยังไงบ้างที่ทำงานร่วมกับเขา

ซูฉี : คุณก็ต้องไหลไปหรือด้นสดกับหนังของโจวซิงฉือ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ฉันต้องพยามแสดงให้มันเกินๆ เข้าไว้ ตลกเกินจริงตั้งแต่แรก เหมือนกับเมื่อคุณเดินเข้าไปในป่าแล้วก็ ตูม ปีศาจกระโดดออกมาหาคุณ คุณต้องพร้อมตลอด และสู้ ซึ่งมันสนุกมาก  ซึ่งโจวซิงฉือจะแสดงให้ดูก่อนในแต่ละฉากว่าฉันต้องทำยังไง เมื่อถึงเวลาถ่ายจริง ฉันจะได้ดูเขาแสดงก่อนแล้วฉันค่อยทำตาม มันเหมือนคุณเห็นมาก่อนแล้วว่าจะแสดงยังไง แล้วควรจะทำยังไง เหมือนดูหนังก่อนคนดูซะอีก ว้าว

 

เวิน ฉาง : ในบทของซวนจาง เขารับบทหนักมาก เขาอยู่เกือบทุกฉาก ผมพบว่าบทน่าสนใจ มีทั้งน้ำตาและเสียงหัวเราะในตัวละครตัวนี้ ตอนแรกผมไม่รู้ว่าตัวละครตัวนี้ต้องเป็นแบบไหน แสดงแบบไหนถึงจะใช่ คำว่าใช่ นี้ หมายถึงใช่ในแบบหนังตลกของโจวซิงฉือ มันหนักมากและแสดงยากมากในตอนแรก อาทิตย์แรกของการถ่ายทำนั้นทรมานมาก ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพูดกับโจวซิงฉือ เกี่ยวกับตัวละครตัวนี้ เพื่อหาทางให้ตัวละครตัวนี้ไม่น่าเบื่อและสนุกขึ้นมาให้ได้ ซึ่งเขาก็ช่วยผมในการแสดง ผมคิดว่าเขานี่แหละเป็นปรมาจารย์ศาสตร์ทางด้านตลกที่สุดยอดแล้ว เขาให้เวลากับนักแสดงค่อนข้างเยอะ

 

ฮวง โป : โจวซิงฉือเป็นตำนาน ในฐานะนักแสดงผมไม่คิดว่าผมจะมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับเขา เมื่อคุณคุยกับเขา คุณจะรู้ว่าเขาเป็นคนที่ฉลาดมาก จากนักแสดงตลก มาเป็นผู้กำกับหนังตลก แล้วตอนนี้เขาก็เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ซึ่งมันสำคัญมาก ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ทำงานร่วมกับเขา ผมเรียนรู้หลายอย่างจากภาพยนตร์ของเขามามาก เขามีมาตราฐานที่สูงสำหรับทุกอย่างจนผมไม่สามารถปล่อยอะไรให้ผ่านไปง่ายๆ ได้ เขาพยามจะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่าเสมอ ในบทของซุนหงอคง อย่างเช่น ถ้าถูกขังในถ้ำถึง 500ปี คุณจะเป็นยังไง หัวล้าน แก่ ซูบ มันค่อนข้างละเอียด

 

ถาม ทำงานกับซูฉีเป็นยังไงบ้าง

โจวซิงฉือ : ผมเห็นพลังงานที่มาพร้อมกับความสวยและความมีเสน่ห์ของเธอ มันมีพลังมาก ไม่รุนแรง เหมือนมีทักษะการต่อสู้ ผมมองถูก ใช่ไหม ผมสามารถมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นมันเป็นพรสวรรค์ และผมก็เห็นซูฉีมีความเป็นตัวละครนี้อยู่ ผมจึงเลือกเธอมารับบท แม่นางต้วน

เวิ่น ฉาง : เวลาที่เธอมองมา และแต่งตัวมันดูนิ่มนวลมาก แต่ลึกลงไปแล้วเธอมีความแข็งแร่งซ่อนอยู่ คุณเดาไม่ออกเลยว่า เธอทั้งน่ารัก สวย สง่า ในเวลาเดียวกัน แต่ถ้ารู้จักเธอจริงๆ แล้ว เธอเป็นผู้หญิงสบายๆ ใส่กางเกงหลวมๆ เสื้อยืด และรองเท้าแตะ บางครั้งเธอก็เดินถือถ้วยกาแฟ บางทีก็หยิบข้าวโพดกิน สบายๆ แต่เมื่อเธอพูด มันเสียงดังและชัดเจน ยังไงซะมันก็ค่อนข้างต่างจากที่ผมคิดเอาไว้เยอะ เพราะเวลาคุณเจอเธอในจอ มันดูเป็นคนละคน เธอน่ารัก หวาน แต่ในชีวิตจริงตรงกันข้ามเธอห้าว ยังกะผู้ชาย

 

ฮวง โป  มันเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับ ซูฉี ผมคิดว่าไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้ เธอสามารถเล่นบทให้ดูน่ารัก โง่ และ จู้จี้ ผมว่าการแสดงครั้งนี้มันต่างออกไป บทพูดต่างออกไป

ทุกอย่างต่างออกไป แน่ละ เป็นเอกลักษณ์แบบโจวซิงฉือ

 

 

 

ถาม คุณคิดว่าเวิน ฉางเป็นยังไง

ซูฉี :     ปีครึ่งที่ผ่านไป ฉันยังคิดว่าเขาเป็นนักแสดงหน้าใหม่ ฉันเคยเห็นเขาในภาพยนตร์เรื่อง Ocean Heaven. เขาทำให้ฉันคิดว่าเขาเป็นออทิสติก จริงๆ แต่เมื่อเขามาแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ ฉันพบว่าเขาหล่อที่สุดในสามโลก เขามีพรสวรรค์ในการเล่นตลก เขาสามารถร้องเพลง เต้น แสดง เชื่อเลย ฉันชื่นชมเวิน ฉางมาก เขามีความสามารถทั้งที่ยังอายุน้อย แต่ที่สำคัญเขาแต่งงานไปแล้วด้วย และมีลูก เป็นครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่น ฉันอิจฉาจริงๆ

 

ฮวง โป : เวิน ฉาง เป็นคนที่มีความสามารถมาก เป็นนักแสดงชายที่เก่ง เขาแสดงเก่งมาก เขามีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับโทนหนังเรื่องนี้ บทของเขาค่อนข้างต่างจากบทที่เขาเคยได้รับมากก่อน ผมว่ามันเป็นพรสวรรค์ มันเป็นทักษะทางการแสดง เขาเป็นนักแสดงที่เยี่ยม ผมไม่เคยเห็นเขาในภาพยนตร์ตลกมาก่อน แต่สำหรับเรื่องนี้เขาจะแสดงให้คุณเห็น ซวน จางที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

 

ถาม คุณคิดว่าการทำงานกับ ฮวงโป เป็นอย่างไร

ซูฉี : เมื่อฮวง โป แสดง บอกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา เขายืนนำหน้าคุณอยู่เสมอ ฉันรู้สึกประหลาดใจและประทับใจ เขามีอะไรเยอะ และหลังจากภาพยนตร์ เรื่อง Lost in Thailand, มันเยี่ยมมาก และทุกๆครั้งที่เราพบกัน มันจะมีแต่เสียงหัวเราะอยู่เสมอ

 

เวิน จาง : ฮวง โป มีความตลกที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ คนทั่วไปชอบความเป็นเขา การแสดงของเขามันร่วมสมัยอยู่เสมอ มันเข้าถึงคนรุ่นใหม่ มันตลกจริงๆ

 

ถาม : มันมีฉากในภาพยนตร์ที่คุณต้องร้องเพลง คุณคิดยังไงกับฉากนี้คุณชอบมันไหม 

มันรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกกำลังจ้องมองฉันร้องเพลงและเต้นรำบนยอดเขา ฉันไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไง มันเหมือนเต้นรำบนยอดเขาจริงๆ เวทีเล็กลงไปเหมือนยืนได้แค่ 2-3 คนไม่เกิน ฉันต้องเต้นให้ยั่วยวน ฉันรู้สึกได้เลย แล้วทีมงานก็มองดูฉัน มันเหมือนการแสดงเต้นรำจริงๆ มันเหมือนย้อนเวลาไปสมัยก่อน คุณยืนอยู่บนเวทียกสูง มีสปอร์ตไลท์ดวงใหญ่ส่องมาที่คุณ มันอึดอัดมาก แต่คุณก็ต้องเต้นรำต่อหน้าทุกคน ยังไงซะ ฉันไม่ใช่นักเต้นรำ และมากกว่านั้นฉันต้องร้องเพลงด้วย ดังนั้นเมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉาย กรุณาเอาที่อุดหูไปด้วย เมื่อถึงตอนที่ฉันร้องเพลง กรุณาหยิบมันมาใช้ได้เลย

คำถาม เกี่ยวกับเบื้องหลังการถ่ายทำ และ เทคนิคพิเศษต่างๆ

 

ถาม  คุณสามารถบอกเราเกี่ยวกับ การใช้คอมพิวเตอร์สร้างปีศาจในเรื่องได้ไหม

Ken Law (Visual Effects Supervisor): สำหรับนักบวชทราย เป็นการสร้างขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์ อย่างที่รู้ว่าคือ ปีศาจปลา  แต่โจวซิงฉือเขาไม่ได้อยากให้เป็นปลา 100% หรือเป็นมนุษย์ต่างดาวไปเลย เขาต้องการให้เราแทรกความเป็นจีน ที่มีการอ้างถึงปีศาจอย่างเรื่อง The Classic of Mountains and Seas. สุดท้ายปีศาจปลาที่เราสร้างขึ้นมาก็มีหัวเป็นหัวสิงโตมีขาม้า งอกออกมาจากท้อง

ส่วนปีศาจหมู อย่างที่เรารู้ว่าเขาต้องมีหน้าตาที่อัปลักษณ์  หลังจากที่เขาถูกภรรยานอกใจ และฆ่าเขา เขาก็เหมือนกับจะสวมหน้ากากคนหล่อเอาไว้ แล้วหลังจากที่ แม่นางต้วนปราบเขาได้ เขาก็คืนสภาพ ร่างของเรามันทำให้ประหลาดใจได้นิดหน่อย

สำหรับพระพุทธเจ้า หนังเรื่องนี้ต้องการสื่อสารว่าเขาอยู่ทุกที่ ซวนจาง พยามที่จะอธิบายให้ ซุนหงอคงว่าถึงแม้ว่าเขาจะหลุดออกจากถ้ำได้ แต่เขาก็ยังอยู่ในมือของพระพุทธเจ้าอยู่ดี ยังไงซะ เราก็ปรับบทนี้กันอยู่หลายครั้งทีเดียว

 

โจวซิงฉือ : มันไม่เหมือนหนังจีนทั่วไป หนังเรื่องนี้มี CG ปีศาจที่เจ๋ง สิ่งที่คุณจะเห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้คือความพยายามในการสร้างปีศาจ ผู้ชมจะรู้สึกถึงความต่าง ที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

ซุนหงอคง ตัวละครที่ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง เขากลายเป็นศูนย์รวมจินตนาการ เขาสามารถ กลายร่างได้ ถึง 72 แบบ เขาสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่เขาอยากเป็น ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขามีรูปร่างที่หลากหลายมาก ฮวง ปอ เป็นหนึ่งในร่างแปลงของซุนหงอคง เรามีนักแสดง คนอื่นๆสำหรับร่างแปลงของซุนหงอคงด้วย บางคนก็ไม่ใช่นักแสดง อาทิ พวกสัตว์ เขาสามารถเป็นลิง หรือเป็นคิงคองยักษ์ เขาช่างเอนกประสงค์มาก

 

ถาม  อะไรที่ผู้กำกับต้องการในช่วงตัดต่อ 

Q: What were the director’s requirements for post-production?

Angie Lam (Post-production Supervisor): “ความสมจริง” มันเป็นสิ่งที่เขาต้องการจากแผนกเทคนิคพิเศษ ตัวอย่าง ฉากที่ออกมานอกโลกในฉากสุดท้ายของหนัง เราดูหนังไซไฟกันเยอะมาก เราดูยังกะอยู่พิพิธภัณฑ์อวกาศ ทีมงานพูดเล่นกันว่าให้ไปขอความช่วยเหลือจากน่าซ่าเลย โจวซิงฉือชอบกินปลามาก มันเลยไม่น่าแปลกถ้าปีศาจปลาจะสมจริงยังกะปลาจริงๆ “จะทำให้อะไรมันออกมาดี คุณต้องให้ความสำคัญและทำมันอย่างขันแข็ง” มันถึงจะสำเร็จ การปรับอะไรที่ดูเล็กๆ น้อยๆ เชื่อไหมว่าเบื้องหลังมีการทำวิจัยอย่างหนักเลย ทุกครั้งที่ผมไปหาข้อมูลกับเขานะ ผมสังเกตเห็นหนังสือเล่มหนาอยู่ในเป้เขาตลอด

Ken Law: โจวซิงฉือ เขามีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับเทคนิคพิเศษ ทั่วไปแล้ว เขาจะเริ่มต้นด้วยการบอกเราเกี่ยวกับแนวคิดหรือวิสัยทัศน์ที่เขามีอยู่ในใจ จากนั้นเราจะลองทำสิ่งที่เขาแนะนำ และเขาจะเลือกอันที่ใช่ที่สุด เขาจะจัดการกับอุปกรณ์เอง ดังนั้นมันเลยง่ายกับการใช้เทคนิคพิเศษกับนักแสดงและอุปกรณ์ประกอบฉาก บางครั้งเราแสดงภาพให้เห็นบรรยากาศก่อนถ่ายทำด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วถ้ามันยังไม่ใช่  เขาก็เปลี่ยนแผนก่อนที่จะถ่ายทำจริง

มันมีถึง 880 CG ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เราใช้คนมากกว่า 30 คนในฮ่องกง และกว่า 60 คนในเกาหลี มันใช้เวลามากกว่าหนึ่งปีในการตัดต่อ ทีมของเราในประเทศเกาหลีบางคนถึงกับจ้างคนทำเทคนิคพิเศษจากฮอลีวู้ดเลย

 

ถาม  คุณสามารถบอกเราเรื่องเทคนิคพิเศษเกี่ยวกับ3D ในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ไหม

โจวซิงฉือ  มันไม่มีเทคนิคพิเศษอะไรมากเกี่ยวกับ3D ในภาพยนตร์เรื่องนี้ มันถูกทำให้เป็น 3D หลังจากถ่ายทำเสร็จ ถ้าคุณเปรียบเทียบกับหนัง  2D กับ 3D เราว่าเราทำออกมาได้ดี ผมชอบมาก กับผลงานที่ได้ ผมเคยเห็นหนัง 3D ห่วยๆ  ผมประหลาดใจที่จะทำหนังเรื่องนี้เป็น 3D พูดจริงๆนะ ผมไม่ใช่แฟน 3D แต่บางฉากที่ผมเห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้ มันทำออกมาได้ดีและแตกต่าง จนผมเริ่มจะมีมุมมองที่ดีเกี่ยวกับ 3D ขึ้นมาบ้างแล้ว

 

ถาม ฉากผจญภัยฉากไหนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับภาพยนตร์ฮอลีวู้ด ในการทำภาพยนตร์แฟนตาซี

โจวซิงฉือ  มันต้องใช้หลายอย่างมาก ทั้งเงิน ทั้งเวลาในการทำหนังแฟนตาซี ภาพยนตร์ฮอลีวู้ดค่อนข้างนำหน้าในเรื่องนี้ จะว่าไปตลาดฮอลลีวู้ดก็ค่อนข้างใหญ่กว่าเรามาก แต่เราก็มีแนวทางของเรา เราไม่ได้จำเป็นต้องใช้อะไรเยอะขนาดนั้น เรามีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งสองอย่างนี้ต้องมาก่อน แล้วค่อยหาองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อเสริมให้มันสมจริง สำหรับผม, จินตนาการของเรา ผมไม่คิดว่าเราจะด้อยกว่าฮอลีวู้ด