การที่ใครคนหนึ่งจะทิ้งเส้นทางเดิมที่เคยเดิน มันคงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สิ่งนี้เกิดขึ้นกับ “เจมส์-ธีรดนย์” หรือที่เรารู้จักกันในนาม “เจมส์ TRINITY (ทรินิตี้)” ศิลปินในสังกัด 4NOLOGUE (โฟร์โนล็อค) แต่เส้นทางศิลปินของผู้ชายคนนี้กลับไม่ได้สวยงาม เหมือนเส้นทางสายนักแสดง เมื่อเจมส์ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการใช้ความพยายามทั้งหมดที่มี เพื่อเป็นศิลปินคุณภาพที่ทุกคนยอมรับให้ได้
จนวันนี้เจ้าตัวพา “หน้ากากลูกโป่งสวรรค์” ไปนั่งเก้าอีกแชมป์กรุ๊ป ในรายการ the mask งานวัด ได้อย่างเหนือความคาดหมาย และไม่มีข้อกังขา เจมส์ลบทุกปมเกี่ยวกับการร้องเพลงที่เคยมีในอดีตไปจนหมดสิ้น ด้วยความพยายาม และการฝึกฝนอย่างแท้จริง…
ความรู้สึกหลังจากเทปแรกออนแอร์ ?
“ไม่คิดว่าทุกคนจะจำได้ ที่บ้านก็ถามตั้งแต่เห็นตัวอย่างรายการเลยครับว่าใช่ผมรึป่าว จริงๆ ก็ดีใจที่คนจำเราได้ไม่ว่าจะจากเสียง หรือจากอะไรก็ตาม ก็รู้สึกดีครับ ผมตามอ่านคอมเม้นท์อยู่เรื่อยๆ เลยครับ”
ความยากของการอยู่ภายใต้หน้ากาก ?
“นอกจากเรื่องอารมณ์เพลงที่ต้องสื่อสารออกไปให้ได้ ก็คงเป็นเรื่องชุดหน้ากากครับ จริงๆ หลังจากถ่ายเพลงรอบแรกและเข้ารอบ เรามีการแก้ไขหน้ากากตรงดวงตาครับ เพราะว่าเพลงแรกผมแทบจะมองไม่เห็นเลยครับ ต้องกะขนาดเวทีว่าประมาณไหน การมูฟเลยค่อนข้างลำบากเพราะยังไม่ชินเวที แล้วก็บวกกับรองเท้าที่มันเป็นส้นสูงพอมองไม่ค่อยเห็นก็เดินยากครับ”
ตั้งเป้าในรายการ the mask ไว้ว่าอย่างไร ?
“ผมมาเพื่อพิสูจน์ตัวเองครับผม ผมไม่ได้อยากให้เชียร์ผมเพราะผมต้องพิสูจน์สิ่งใดสิ่งหนึ่งนะครับ แต่ผมอยากให้เขาเห็นความสามารถ อยากให้เห็นว่าการที่เราเลือกมาในทางศิลปินเราไม่ได้เลือกเล่นๆ ผมเอาจริง นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการจะบอก”
กลยุทธในการเอาชนะในแต่ละรอบ ?
“เราไม่ได้คิดจากว่าจะทำยังไงให้ชนะ เราคิดจากตัวเองก่อนครับ ว่ามีอะไรบ้างที่คนยังไม่เคยเห็นผมทำเราก็ใส่มันลงไปในเพลง แล้วก็ทำให้มันดีที่สุด ณ วันนั้นก่อน ไม่ได้คิดว่าคนอื่นเขาร้องแนวนี้แล้วเราต้องเอาเพลงแนวไหนไปสู้ พอชนะในแต่ละรอบ รอบต่อไปเราก็ต้องหาเซอร์ไพร้ส์ใหม่ๆ มาอีก”
เพลงในรอบไหนที่ยากที่สุดสำหรับเจมส์ ?
“เพลงคิดถึง กับนาฬิกาตายครับ เพราะเราเล่าเรื่องราวผ่านเพลง ผ่านแรป อารมณ์ในเสียงมันเลยต้องชัดมากๆ เรื่องการร้องด้วยครับ เพลงคิดถึงมันต้องใช้การ control เสียงค่อนข้างมาก เราต้องควบคุมวิธีหายใจให้ดีซึ่งมันก็เป็นอีกหนึ่งกำแพงที่ผมต้องข้ามให้ได้ เพลงนาฬิกาตายก็เป็นอีกหนึ่งกำแพงเพราะช่องเสียงที่ใช้ในเพลงนี้ค่อนข้างสูงการควบคุมเสียงเลยยากครับ”
ได้ไอเดียการเขียนแรปในแต่ละเพลงมาจากไหน ?
“แล้วแต่เพลงครับ อย่างเพลงรักคนมีเจ้าของ และเด็กกว่าแล้วไง เราแค่รู้สึกว่าเราอยากเล่นกับจังหวะ อยากเล่นคำ เพลงน้ำลาย เขียนจากเรื่องที่ผมเคยเจอมา พอเราได้มารายการนี้เราก็อยากถ่ายทอดความรู้สึกนั้นออกมา ส่วนเพลงคิดถึงนาฬิกาตาย เค้าโครงแรปมาจากเรื่องราวของคนในครอบครัวของผม”
รู้สึกอย่างไรที่ถูกมองว่าเรามาเพื่อก้าวข้ามคำว่าบอยแบนด์ และวงทรินิตี้ก็เหมือนเซ็ตมาตรฐานใหม่ให้กับวงการนี้ ?
“ผมว่าศิลปินทุกคนอยากทำมาตรฐานให้ดีอยู่แล้ว พอนึกถึงบอยแบนด์มันเป็นกรอบหรือค่านิยมเดิมๆ ที่คนจะรู้สึกว่าขายหน้าตาอย่างเดียว ขายให้ผู้หญิงอย่างเดียว ผมรู้สึกว่ามันเป็นความคิดที่ไม่น่ารักเอาซะเลย เราอยากลบคำนั้น ผมและน้องที่เหลือ(ทรินิตี้) เรามั่นใจเลยครับไม่มีใครอยากขายหน้า คือหน้าตามันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนชอบ แต่แน่นอนผมว่าสุดท้ายผลงานมันจะเป็นสิ่งพิสูจน์ เราทำเพลงสุดท้ายคนต้องฟังเพลง ถ้ามีแต่หน้าตา เพลงไม่ดี เต้นไม่ดี ผมว่าคนก็ไม่ได้ชอบอยู่ดีครับ”
สุดท้ายคนที่เจมส์อยากขอบคุณ ?
“อย่างแรกขอบคุณรายการ the mask ที่เลือกผมให้เป็นส่วนหนึ่ง ขอบคุณโฟร์โนล็อคครับ ที่ให้ผมได้ฝึกฝน ให้โอกาส และเชื่อมั่นว่าผมจะมารายการนี้ได้ ขอบคุณทีมงานทุกส่วนที่ทำให้เพลงของลูกโป่งสวรรค์มันออกมาดีที่สุด ทั้งดนตรี หรือโชว์ รวมถึงกรรมการที่เห็นสักยภาพเลือกให้ผมเข้ารอบในแต่ละรอบด้วยครับ ขอบคุณคนดูทุกคนครับ การที่คนคนหนึ่งทำงานแล้วมีคนเสพและชมเราจากผลงานมันเป็นอะไรที่มีความสุขที่สุดของการเป็นศิลปินแล้วครับ พอเข้าไปอ่าน feedback แล้วมันดีใจมันเป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยได้รับคำชมจากสิ่งนี้ ทั้งเรื่องเสียง เรื่องการร้องเพลง มันคือสิ่งที่เราพยายามทำมันมาตลอด แล้วก็มีคนเห็นแล้ว ขอบคุณแฟนๆ ลูกโป่งสวรรค์ และทไวไลท์ทุกคนมากๆ ครับ”