ชื่อภาพยนตร์: PROMISING YOUNG WOMAN
ชื่อไทย: สาวซ่าส์ล่าบัญชีแค้น
วันที่เข้าฉาย: 18 มีนาคม 2564
จัดจำหน่าย: บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด
สารจากเอเมอรัลด์ เฟนเนล
มือเขียนบท/ผู้อำนวยการสร้าง/ผู้กำกับ PROMISING YOUNG WOMAN
การแก้แค้นช่างแสนหอมหวาน แต่มันก็เสียหายได้ง่ายดายเช่นกัน
โปรดอย่าเผยแผนการของแคสซี่ออกไปหลังจากได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้
เรื่องย่อ
จากผู้กำกับหน้าใหม่ เอเมอรัลด์ เฟนเนล (Killing Eve) นี่คือมุมมองใหม่ที่ต่อการแก้แค้นแสนเลิศรส ทุกคนต่างก็พูดว่า แคสซี่ (แครีย์ มุลลิแกน) เป็นหญิงสาวอนาคตไกล…จนกระทั่งเหตุการณ์ลึกลับทำให้อนาคตของเธอต้องหันเหออกนอกเส้นทาง แต่ในชีวิตของแคสซี่ ไม่มีอะไรเป็นอย่างที่เห็น เธอฉลาดอย่างร้ายกาจ เจ้าเล่ห์แบบหาตัวจับยาก และเธอก็ใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่งในยามราตรี บัดนี้ การพบกันที่คาดไม่ถึงกำลังจะทำให้แคสซี่มีโอกาสได้แก้ไขความผิดพลาดจากอดีตในเรื่องราวที่เพลิดเพลินและลุ้นระทึกนี้
แครีย์ มุลลิแกน, โบ เบิร์นแฮม, อลิสัน บรี, คอนนี บริตตัน, อดัม โบรดี้, เจนนิเฟอร์ คูลลิดจ์, ลาเวิร์น ค็อกซ์, แม็กซ์ กรีนฟิลด์, คริสโตเฟอร์ มินท์-พลาส, คริส โลเวล, แซม ริชาร์ดสัน, มอลลี แชนนอน, แคลนซี บราวน์
ผู้อำนวยการสร้างได้แก่ มาร์ก็อท ร็อบบี้, ทอม แอ็คเคอร์ลีย์, โจซีย์ แม็คนามารา, เบน บราวนิง,
แอชลีย์, เอเมอรัลด์ เฟนเนล เขียนบทและกำกับโดยเอเมอรัลด์ เฟนเนล
จากมือเขียนบท/ผู้กำกับหน้าใหม่ เอเมอรัลด์ เฟนเนล (Killing Eve) นี่คือเรื่องราวการแก้แค้นที่แสนเพลิดเพลินและลุ้นระทึก
ทุกคนต่างก็พูดว่า แคสซี่ (แครีย์ มุลลิแกน) เป็นหญิงสาวอนาคตไกล…จนกระทั่งเหตุการณ์ลึกลับทำให้อนาคตของเธอต้องหันเหออกนอกเส้นทาง บัดนี้ เธอเป็นนักศึกษาที่จำเป็นต้องลาออกจากโรงเรียนแพทย์ ผู้ที่ชีวิตตกอยู่ในภาวะชะงักงัน แคสซี่ สาวผมบลอนด์คนสวย ผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลม ไม่ได้สนใจการไต่เต้าไปตามตำแหน่งขั้นของบริษัทใหญ่หรือแต่งงานกับผู้ชายที่ใช่ แต่เธอดูเหมือนจะพึงพอใจไปกับการทำลาเต้กับเกล (ลาเวิร์น ค็อกซ์) เพื่อนร่วมงานในร้านกาแฟของเธอ ท่ามกลางความผิดหวังและความกังวลของพ่อแม่ของเธอ (เจนนิเฟอร์ คูลลิดจ์, แคลนซี บราวน์) สิ่งที่พวกเขาต้องการคือการทำให้ลูกสาววัยเกือบ 30 ปีของพวกเขาก้าวต่อไปในชีวิต และย้ายออกไปจากบ้านของพวกเขาเสียที
ในยามค่ำคืน แคสซี่ได้มีพิธีกรรมของตัวเอง ในการไปตามบาร์และคลับเต้นรำคนเดียวในยามราตรี เธอแสร้งทำตัวเป็นหญิงสาวที่สติพร่าเลือน ไม่สามารถป้องกันตัวเองจากใครก็ตามที่อยากจะทำร้ายเธอได้ ในที่สุดก็มีชายคนหนึ่งตัดสินใจจะทำให้แน่ใจว่าเธอจะกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย แต่เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยให้ความปรารถนาเข้ามามีความสำคัญเหนือความปลอดภัยของแคสซี่ โดยไม่ตระหนักเลยว่าเขาเป็นเพียงเหยื่อคนล่าสุดของแผนการร้ายของแคสซี่ เขากำลังจะได้รับบทเรียนที่เขาจะไม่มีวันลืมเลือนในเร็วๆ นี้
แต่ไม่ว่าแคสซี่จะได้รับความพึงพอใจเล็กๆ จากการพบกันยามค่ำคืนมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะระงับพายุแห่งความคลั่งแค้นและความโศกเศร้าภายในตัวเธอได้ จนกระทั่งวันหนึ่ง ศัลยแพทย์เด็กรูปหล่อ ไรอัน (โบ เบิร์นแฮม) ผู้ที่เธอเคยรู้จักสมัยเรียน ได้บังเอิญเข้ามาในร้านกาแฟละทำให้วงจรการทำลายล้างของแคสซี่ต้องปั่นป่วน ขณะที่เธอเริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้กับเขา เธอก็ถูกดึงกลับไปสู่อดีตของตัวเองและเรื่องเลวร้ายที่เปลี่ยนแปลงกระแสชีวิตของเธอเองไปตลอดกาล
เธอจะรักษาสมดุลชีวิตของตัวเองและค้นพบความสุขนิรันดร์ในตอนจบของเธอเองรึเปล่า หรือภารกิจในการแก้แค้นของเธอจะส่งผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงกันแน่ล่ะ
โฟกัส ฟีเจอร์ส ร่วมกับฟิล์มเนชัน เอนเตอร์เทนเมนต์ ภูมิใจเสนอ ผลงานสร้างโดยลัคกี้แช็ป PROMISING YOUNG WOMAN แครีย์ มุลลิแกน, โบ เบิร์นแฮม, อลิสัน บรี, คอนนี บริตตัน, อดัม โบรดี้, เจนนิเฟอร์ คูลลิดจ์, ลาเวิร์น ค็อกซ์, แม็กซ์ กรีนฟิลด์, คริสโตเฟอร์ มินท์-พลาส, คริส โลเวล, แซม ริชาร์ดสัน, มอลลี แชนนอน, แคลนซี บราวน์ ผู้อำนวยการสร้างได้แก่มาร์ก็อท ร็อบบี้, ทอม แอ็คเคอร์ลีย์, โจซีย์ แม็คนามารา, เบน บราวนิง, แอชลีย์, เอเมอรัลด์ เฟนเนล เขียนบทและกำกับโดยเอเมอรัลด์ เฟนเนล
ทริลเลอร์สุดอันตราย คอเมดีตลกร้ายสุดระทึก
เรื่องราวบันเทิงใจเกี่ยวกับพลังและการแก้แค้นของเพศหญิง
ในเวลากลางวัน เธอทำงานที่ไร้อนาคตที่ร้านกาแฟในท้องถิ่น ในเวลากลางคืน แคสซี่ ผู้ฉลาดอย่างร้ายกาจและช่างคิดคำนวณอย่างใจเย็น ได้ตระเวนไปตามคลับและบาร์ในเสื้อผ้าที่เย้ายวนใจ ด้วยความหวังที่จะดึงดูดความสนใจจากพวกผู้ชายที่มองว่าตัวเองเป็นคนดี แต่อาจจะเต็มใจเอาเปรียบผู้หญิง ภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม มันไม่ใช่สิ่งที่เราจะคาดหวังจากเด็กสาวหัวดี ผู้ครั้งหนึ่งดูเหมือนจะมีอนาคตสว่างไสวเลย แต่สำหรับแคสซี่ ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่เธอมอบหมายให้ตัวเอง ในจังหวะที่เหมาะสม เธอจะพลิกสถานการณ์สำหรับผู้ที่จะเป็นนักล่าพวกนี้ เพื่อสอนผู้ชายพวกนี้ถึงวิธีปฏิบัติต่อผู้หญิงรอบตัวพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะสร่างหรือเมา ด้วยความเคารพในระดับที่เหมาะสม
เนื้อเรื่องที่แหวกขนบนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นสำหรับผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกที่ท้าทายและแหวกแนวจากมือเขียนบท/ผู้กำกับผู้ทระนง เอเมอรัลด์ เฟนเนล เฟนเนล หญิงสาวผู้มีความสามารถหลากหลาย เป็นที่รู้จักดีที่สุดจากบทบาทการเป็นผู้บริหารซีซันที่สองของดรามาสายลับอังกฤษชวนติดตามเรื่อง Killing Eve และซีรีส์รางวัลสำหรับชิเวอร์ตัน ฮอล ที่สร้างจากนิยายแฟนตาซีสำหรับเด็กและนิยายสยองขวัญสำหรับผู้ใหญ่เรื่อง Monsters นอกจากนี้ เธอยังมีอาชีพนักแสดงที่ประสบความสำเร็จ ด้วยผลงานที่รวมถึง Albert Nobbs และ The Danish Girl ตลอดไปจนถึงซีรีส์ยอดนิยม The Crown ซึ่งเธอรับบทคามิลลา ปาร์คเกอร์-โบว์เลสวัยสาว
สำหรับ PROMISING YOUNG WOMAN เฟนเนลได้หยิบยืมองค์ประกอบที่ดีที่สุดจากโรแมนติกคอเมดีและทริลเลอร์ลุ้นระทึกเพื่อสร้างคอเมดีตลกร้ายที่เฉียบคมและไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ ที่เดินอยู่บนเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างความตลกขบขันและความสยองขวัญ “ฉันอยากจะเขียนบทหนังเกี่ยวกับการแก้แค้นของผู้หญิงค่ะ” เฟนเนลกล่าว “เมื่อเร็วๆ นี้ มีหนังหลายเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงที่ลุกขึ้นมาจัดการอะไรๆ ด้วยตัวเอง และพวกเธอก็มักจะรุนแรงสุดๆ เซ็กซีสุดๆ หรือหดหู่สุดๆ สิ่งที่ฉันอยากทำคือการพยายามเขียนบทหนังเกี่ยวกับการที่ผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งอาจจะลงมือแก้แค้นในโลกแห่งความเป็นจริง และก็น้อยครั้งมากๆ ที่พวกเธอจะเอื้อมมือไปคว้าปืน มันพิลึกและพิสดารกว่านั้นค่ะ”
ในความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้อาจถูกมองว่าเป็นความเห็นหรือเสียงตอบรับที่มีต่อการเคลื่อนไหว #MeToo บทภาพยนตร์ที่เฉียบคมของเฟนเนลก็ได้แตะประเด็นทางเพศที่มีอิทธิพลมานานหลายทศวรรษ และเมื่อถึงเวลาเรียกหาความยุติธรรม แคสซี่ก็ตั้งใจที่จะแก้แค้นทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
ในตอนที่เธอนั่งเขียนบท เฟนเนลได้มองย้อนไปถึงประสบการณ์ของตัวเองสมัยสาวๆ และนึกไปถึงลักษณะที่ทัศนคติของตัวเธอเองได้พัฒนาขึ้นขณะที่เธอเริ่มตระหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงความอยุติธรรมที่ผู้หญิงมักจะต้องทนเจอเสมอชีวิตประจำวัน “ถ้าคุณเขียนบทหนังเกี่ยวกับการที่เราทุกคนต่างก็เคยมีส่วนร่วมในวัฒนธรรมที่มีเรื่องของการเหยียดเพศล่ะก็ สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือการมองดูตัวเอง ว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งของมันยังไงบ้างนะคะ” เฟนเนลกล่าว “สิ่งที่สำคัญสำหรับฉันเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้คือไม่มีอะไรในนั้นที่เป็นเรื่องแปลกพิสดารเลย ฉันไม่สนใจที่จะสร้างหนังที่ล้วงลึกเข้าไปในอาชญากรรมรุนแรงหรือการกระทำรุนแรง รวมถึงคนที่ทำสิ่งเหล่านั้น แต่ฉันสนใจในวัฒนธรรมของเรามากกว่าและคิดว่า พวกเราทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของปมยุ่งเหยิงที่เราจะต้องคลายออกยังไงนะคะ”
แม้ว่าจะมีประเด็นเนื้อหาที่หนักอึ้ง เฟนเนลก็ไม่ได้สนใจที่จะเขียนบทภาพยนตร์ที่โกรธขึ้งหรือเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เธอต้องการให้ PROMISING YOUNG WOMAN เป็นงานที่ให้แง่คิด เข้าถึงได้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ดูเพลินและบันเทิงใจด้วย ซึ่งนั่นหมายถึงการค้นหาช่วงเวลาตลกร้ายที่สามารถอยู่ในจุดที่น่าประหลาดใจที่สุดได้ สำหรับแรงบันดาลใจ เธอได้หันไปหาภาพยนตร์ชื่อดังอย่างภาพยนตร์เสียดสีเฉียบคมในปี 1995 โดยกัส แวน แซงต์เรื่อง To Die For และภาพยนตร์คอเมดีที่ได้รับรางวัลอคาเดมี อวอร์ดปี 1996 ของโจเอลและอีธาน โคเอนเรื่อง Fargo ซึ่งทั้งสองเรื่องรักษาสมดุลระหว่างเหตุการณ์น่าขนลุกและตัวละครที่เขียนขึ้นมาได้อย่างดีเยี่ยมและอารมณ์ขันเอาไว้ได้
“ในเวลาที่คุณรับมือกับเนื้อหาที่ค่อนข้างจะยาก เมื่อคุณพูดถึงเรื่องของความรุนแรงและเหตุสะเทือนใจ คุณจะต้องระวังให้มากเพื่อไม่ให้มันให้ความรู้สึกว่าเป็นการชี้นำหรือจงใจทำให้เศร้านะคะ” เฟนเนลกล่าว “ความจริงก็คือ ในชีวิตของฉัน เวลาที่เกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา มันมักจะเป็นตอนที่คนตลกกันที่สุด นี่เป็นหนังเกี่ยวกับผู้หญิงที่ต้องรับมือกับเรื่องเลวร้าย แต่เธอก็บังเอิญเป็นคนตลกมากๆ และใฝ่ฝันถึงความปกติมากขึ้นอีกซักนิด มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่เธอจะเลือกโรแมนติกคอเมดีหรือการนองเลือดนะคะ”
ลัคกี้แช็ป เอนเตอร์เทนเมนต์ บริษัทโปรดักชันในแอลเอ ที่บริหารงานโดยหุ้นส่วนมาร์ก็อท ร็อบบี้, ทอม แอ็คเคอร์ลีย์และโจซีย์ แม็คนามารา สนใจที่จะร่วมงานกับเฟนเนลมาได้สักระยะแล้ว หลังจากที่เธอเสนอคอนเซ็ปต์สำหรับ PROMISING YOUNG WOMAN ให้ทางผู้บริหารของบริษัทได้พิจารณา พวกเขาก็ถูกใจไอเดียนี้ทันทีและตกลงที่จะสนับสนุนโปรเจ็กต์นี้
“วิสัยทัศน์ที่เธอมีต่อหนังเรื่องนี้มันชัดเจนเพียงแค่ได้คุยกับเธอครับ ก่อนี่เธอจะเขียนบทหนังเรื่องนี้ เธอก็รู้แล้วว่าเธออยากจะถ่ายทำมันยังไง และสไตล์ของหนังเรื่องนี้คืออะไร” แม็คนามารากล่าว “แม้ว่ามันจะเป็นประเด็นที่หนักอึ้ง แต่เธอก็อยากจะสร้างโทนที่น่าสนใจมากๆ สิ่งหนึ่งที่เอเมอรัลด์นำเสนอเราเสมอคือนี่เป็นหนังที่ควรจะเพลิดเพลินใจ คนควรจะอยากไปดูมันและควรจะก้าวออกมาจากโรงหนังด้วยความรู้สึกสนุก แม้ว่าพวกเขาจะออกมาพร้อมกับการตั้งคำถามเกี่ยวกับตัวเองและสังคมก็ตามครับ”
จากนั้น เฟนเนลและลัคกี้แช็ปก็ส่งบทภาพยนตร์เรื่องนี้ไปให้กับฟิล์มเนชัน เอนเตอร์เทนเมนนต์ สตูดิโออิสระ เกลน แบสเนอร์, เบน บราวนิงและแอชลีย์ ฟ็อกซ์จากฟิล์มเนชัน เอนเตอร์เทนเมนต์ ได้พบกับเฟนเนลและสนใจในมุมมองที่แปลกใหม่และความกล้าในงานเขียนของเธอทันที จากนั้น บริษัทก็เข้ามามีส่วนร่วมด้วยการอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมกับลัคกี้แช็ป และพวกเขายังได้สนับสนุนด้านเงินทุนและการจัดจำหน่ายภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย
“มุมมองที่เอเมอรัลด์มีต่อเรื่องราวนี้ชัดเจนมาตั้งแต่ต้น เธอมีความสามารถที่หาตัวจับยากในการเล่าเรื่องราวที่เหมาะเจาะกับยุคสมัยในแบบที่ทั้งน่าประหลาดใจและสนุกสนาน” บราวนิงและฟ็อกซ์กล่าว “เธอได้สร้างข้อคิดที่เจ็บแสบในหนังเรื่องนี้ที่ทั้งสนุกสนานและกระตุ้นความคิดด้วย”
การคัดเลือกนักแสดงใน PROMISING YOUNG WOMAN:
การค้นหาแคสซี่และพรรคพวก
ทั้งผู้กำกับและทีมงานอำนวยการสร้างต่างก็รู้ว่า PROMISING YOUNG WOMAN จะรอดก็ต่อเมื่อได้นักแสดงที่เหมาะสมมารับบทแคสซี่ “สำหรับตัวเอกในทริลเลอร์แก้แค้น หรือกระทั่งโรแมนติกคอเมดี ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็พูดว่าตัวเองเป็นได้เหมือนกัน การทำให้พวกเขาเหมือนอย่างที่เคยๆ ทำกันมาเป็นเรื่องง่ายดายมากๆ” เฟนเนลกล่าว “ฉันอยากให้แคสซี่ใกล้เคียงกับคนที่ฉันรู้จักให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้น แคสซี่ก็เลยจะเป็นคนที่ค่อนข้างจะเย็นชา เงียบขรึม แต่ก็ตลกอย่างเหลือเชื่อ มีอารมณ์ขันและเห็นแก่ตัว นอกจากนั้น ฉันยังอยากให้เธอมีเสน่ห์และจงใจทำให้ตัวเองมีเสน่ห์สำหรับคนอื่นๆ ด้วย เธอเองก็เหมือนผู้หญิงจำนวนมากที่รู้วิธีแสดงความเป็นปกติ เสน่ห์และความเย้ายวนออกมาในเวลาที่เธอต้องการ ฉันอยากให้เธอเป็นเหมือนดอกไม้ดักแมลงค่ะ”
เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าใครที่เธออยากจะเลือกมาแสดงบทนี้ นั่นคือนักแสดงหญิงผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ด แครีย์ มุลลิแกน ผู้กลายเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่ได้รับการยกย่องสูงสุดในรุ่นของเธอนับตั้งแต่ที่การแสดงแจ้งเกิดของเธอในดรามาเกี่ยวกับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ปี 2009 เรื่อง An Education ทำให้เธอโด่งดังระดับโลก มุลลิแกน ผู้โด่งดังจากผลงานน่าประทับใจในภาพยนตร์ดรามาหลากหลายเรื่องตั้งแต่ Never Let Me Go, Drive และ Shame ไปจนถึงภาพยนตร์ขวัญใจผู้ชมเรื่องล่าสุดอย่าง Suffragette, Mudbound และ Wildlife มีพรสวรรค์ในการแสดงบทนางเอกผู้เข้มแข็งแต่ก็เปราะบาง เป็นคนที่แสดงออกถึงความเฉยชา แต่ภายในถูกครอบงำด้วยอารมณ์และชะงักงันด้วยความเศร้า
ผู้อำนวยการสร้างเห็นพ้องต้องกันว่ามุลลิแกนเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ และพวกเขาก็ชื่นชอบไอเดียที่ว่าบทภาพยนตร์ที่ตลกร้ายของเฟนเนลจะเปิดโอกาสให้นักแสดงหญิงผู้นี้ได้เล่นในสิ่งที่แตกต่างจากที่ผ่านๆ มา “มีไอเดียที่เป็นภาพจำมากๆ เกี่ยวกับแครีย์ มุลลิแกนและตัวละครที่เธอเล่น และเราก็ชื่นชอบไอเดียของการทำอะไรที่ค้านกับตรงนั้นและให้ผู้ชมได้เห็นสิ่งที่แตกต่างจากสิ่งที่พวกเขาจะคาดหวังจากแครีย์น่ะครับ” แม็คนามารากล่าว “แครีย์เองก็ตลกกว่าที่หลายๆ คนคิด เราแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่คนจะไม่มีวันคาดคิดจากเธอน่ะครับ”
โดยส่วนตัวแล้ว มุลลิแกนยินดีที่ได้แสดงบทคนที่สดใส แต่ก็บอบช้ำอย่างเหลือเกิน และตลกอย่างร้ายกาจด้วย “โดยทั่วๆ ไปแล้ว วิธีการของฉันคือถ้าฉันสามารถจินตนาการคนอื่นมาแสดงบทนี้ และโอเคกับมัน ฉันก็มักจะไม่ทำมันนะคะ” มุลลิแกนกล่าว “แต่ไอเดียของการให้คนอื่นมาแสดงบทแคสซี่ทำให้ฉันวิตกและโกรธ ตอนที่อ่านบทนี้ครั้งแรก ฉันรู้สึกกลัวมันค่ะ พอได้พบเอเมอรัลด์ ฉันก็เริ่มเข้าใจรายละเอียดของมัน เธอพร่ำบอกว่าเธอไม่สนใจที่จะสร้างหนังอินดีแบบตีแผ่ความจริง แต่เธออยากจะสร้างหนังที่คนจะชอบ ที่สวยงาม ที่มีภาพน่าตื่นเต้นและลุ้นระทึก พอจบการประชุมกับเธอ ฉันก็เซ็นสัญญาเล่นหนังเรื่องนี้เลยค่ะ”
ในบทแคสซี่ มุลลิแกนได้นำเสนอการแสดงในแบบที่ไม่เหมือนกับบทบาทอื่นๆ บนหน้าจอของเธอ ตอนที่เราได้เจอแคสซี่ครั้งแรก เธอนอนเอกเขนกอยู่บนม้านั่งสีแดงที่ทำจากหนังในไนต์คลับ หน้าของเธอเอียงข้าง ผมเผ้าและเสื้อผ้าของเธอยุ่งเหยิง ภายนอกเธอดูไม่ค่อยมีสติ เห็นได้ชัดว่าเธออยู่ในอาการมึนเมา แต่สำหรับแคสซี่แล้ว ภาพที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่เป็นเลย ทั้งหมดเป็นแผนลวงที่ถูกออกแบบมาให้เป็นตัวเปิดเรื่องของการแย่งชิงอำนาจทางเพศที่น่าตื่นตะลึง ที่กลายเป็นความหมกมุ่นของตัวเธอเอง
เจอร์รี ที่รับบทโดยอดัม โบรดี้ แอบมองเธอจากอีกฟากหนึ่งของบาร์ และทำการตัดสินหญิงสาวที่พาตัวเองมาตกอยู่ในตำแหน่งที่เปราะบางเช่นนี้ทันทีว่า เธอแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง เจอร์รีและเพื่อนซี้ของเขาเห็นพ้องต้องกัน เขาตัดสินใจที่จะทำให้แน่ใจว่าเธอกลับบ้านอย่างปลอดภัย แต่พอเขากับแคสซี่อยู่ด้วยกันตามลำพังในรถแท็กซี เจซก็ตัดสินใจพาเธอกลับไปอพาร์ทเมนต์ของเขาแทน
“เขาเป็นหนุ่มโสด และเขาคิดว่าเขาเป็นคนน่ารักและอ่อนไหว” โบรดี้พูดถึงเจอร์รี “เพื่อนร่วมงานของเขาหลายคนหยาบคายกว่าเขาเยอะ และเขาก็รู้สึกว่าตัวเองมีความเป็นสุภาพบุรุษและรสนิยมดีกว่านั้น เจอร์รีมองแคสซี่ว่าเป็นสาวสวยที่มีข้อบกพร่อง ที่เขาสามารถช่วยเหลือได้ และเขาก็รู้สึกว่าตัวเองมีความตั้งใจดี เขาจะช่วยเหลือเธอให้พ้นจากสถานการณ์เลวร้ายครับ”
แม้ว่าเธอจะดูมึนเมาเกินกว่าที่จะตอบตกลงสำหรับความสัมพันธ์ทางเพศใดๆ ก็ตาม แต่เจอร์รีก็ยื่นค็อกเทลให้เธอและพาเธอไปที่ห้องนอน ที่ซึ่งเขาเริ่มจุมพิตและลูบไล้เธอ ซึ่งตอนนั้นเองที่แคสซี่เลือกที่จะเปิดเผยว่าจริงๆ แล้ว เธอมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนตลอด เจอร์รี ผู้รู้สึกตกใจ กลายเป็นเพียงแค่อีกหนึ่งแต้มที่เพิ่มเข้ามาในสมุดที่แคสซี่จดบันทึกพิธีกรรมยามค่ำคืนของเธอเอาไว้ เขาเป็นหนุ่มที่จะเป็นคนรักคนล่าสุดของเธอ ผู้มีเหตุผลดีๆ ในการปรับทัศนคติของตัวเองเกี่ยวกับผู้หญิงและสิทธิครอบครองเหนือร่างกายของผู้หญิงที่ตัวเขารู้สึกเสียใหม่
ไม่นานนัก เราก็ได้เห็นแคสซี่ทำแบบเดียวกันนี้กับ นีล (คริสโตเฟอร์ มินท์-พลาส) ผู้ประกาศตัวเองว่าเป็น “ชายหนุ่มที่ดี” ผู้ซึ่งความพยายามในการหลอกล่อแคสซี่ให้นอนกับเขานำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด “เธอออกไปเที่ยวกลางคืน แสร้งว่าตัวเองเมา เธออยู่คนเดียว และยอมให้ผู้ชายมาช่วยเธอ” มุลลิแกนกล่าว “เธอไม่เคยกระตุ้นให้เกิดสถานการณ์กับชายหนุ่ม เธอไม่ได้ให้สัญญาณใดๆ กับพวกเขาเลยว่าเธอพยายามที่จะลงเอยในสถานการณ์ทางเพศใดๆ กับพวกเขา เธอรอจนกระทั่งจังหวะที่ผู้ชายใช้ประโยชน์จากเรื่องนั้น แล้วเธอก็จะได้สติขึ้นมาในทันใดและเผยความจริงว่าเธอไม่ได้เมาและสอนบทเรียนให้กับพวกเขา มันเป็นวิธีที่ทำให้เธอคุมสติตัวเองไว้ได้ เป็นสิ่งที่เธอต้องทำค่ะ”
เฟนเนลเสริมว่า “สิ่งที่เธอทำถูกฝังรากลึกเข้าไปในตัวเธอ เหมือนกับการเสพติดค่ะ ฉันคิดว่ามันเป็นความต้องการที่เธอตอบสนอง เธอทำในสิ่งที่เธอต้องทำเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น แต่มันเป็นเรื่องอันตรายสำหรับเธอมากกว่าสำหรับคนที่เธอต้องการจะสอนบทเรียนให้ค่ะ”
ไม่ว่าแคสซี่จะได้รับความพึงพอใจจากการสั่งสอนเหล่าชายผู้หลงผิดพวกนี้มากน้อยแค่ไหน แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะหลอมละลายท่าทีที่เย็นชาภายนอกของเธอได้ เธอใช้ชีวิตโดยมีการประชดประชันเป็นเกราะกำบังและแทบไม่แสดงความสนใจอะไรมากไปกว่าการรักษางานที่ร้านกาแฟและการใช้ชีวิตอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกับพ่อแม่ของเธอ นอนในห้องนอนสมัยเด็กของเธอ บางครั้ง ก็มองภาพตัวเองหัวเราะกับเพื่อนที่ชื่อนีนา ผู้ซึ่งไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธออีกต่อไปแล้ว
ซูซานและสแตนลีย์ พ่อแม่ของเธอ ที่รับบทโดยนักแสดงมากประสบการณ์ เจนนิเฟอร์ คูลลิดจ์ และแคลนซี บราวน์ ไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวที่เคยน่ารัก สดใสและเต็มไปด้วยแรงขับเคลื่อน “ความสัมพันธ์ระหว่างแคสซี่กับพ่อแม่ของเธอชะงักงันไปค่ะ” เฟนเนลกล่าว “มันถูกแช่แข็งกลายเป็นสิ่งที่มืดมนจริงๆ พ่อแม่ของเธอรักเธออย่างลึกซึ้งแต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็กังวลเรื่องเธอมาก พวกเขาตระหนักดีถึงการที่เธอออกไปเที่ยวข้างนอกจนดึกดื่น พวกเขาไม่รู้หรอกว่าเธอทำอะไรอยู่และพวกเขาก็ไม่ถาม ความเงียบที่เป็นพิษนี้ครอบงำบ้านหลังนี้อยู่ค่ะ”
คูลลิดจ์ ผู้โด่งดังจากภาพยนตร์เรื่องต่างๆ เช่น American Pie, Legally Blonde รวมถึงคอเมดีรวมดาราของมือเขียนบท/ผู้กำกับคริสโตเฟอร์ เกสต์เช่น Best in Show และ A Mighty Wind รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ล้วงลึกเข้าไปในแง่มุมที่ขำขันกว่าของซูซานและความกลัวที่มีต่ออนาคตของลูกเธอ เธอเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เส้นทางชีวิตของแคสซี่ต้องหักเห ซึ่งจะค่อยๆ ถูกเผยออกมาระหว่างการดำเนินเรื่อง แต่เธอก็ไร้พลังที่จะช่วยเหลือลูกสาวของเธอให้ก้าวพ้นจากความทุกข์ทรมานนี้ได้ เธอเองก็รู้สึกหงุดหงิดมากๆ กับการที่แคสซี่ปฏิเสธที่จะทำอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับชีวิตปกติ เมื่อไร้คำกล่าว พวกเขาก็แทบจะเลิกพูดคุยกัน ทิ้งให้พ่อของแคสซี่พยายามจะช่วยเหลือพวกเขาให้พูดคุยกันอย่างเปล่าประโยชน์
“หนังเรื่องนี้ทำหน้าที่ได้อย่างเหลือเชื่อในการถ่ายทอดผลลัพธ์ของครอบครัวที่แตกสลายเพราะโศกนาฏกรรม ครอบครัวที่ทุกข์ทรมานนะคะ” คูลลิดจ์กล่าว “พวกเขาพยายามจะรับมือกับมันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ลูกสาวของเขายังมีชีวิตอยู่ก็จริง แต่มันก็ไม่ใช่การใช้ชีวิตจริงๆ พวกเขาเป็นคนชนชั้นกลางสองคน ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ว่าจะรับมือกับสถานการณ์ที่คนรู้สึกว่างเปล่าอย่างไร พวกเขาเป็นครอบครัวที่กำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงค่ะ”
บราวน์ นักแสดงสมทบผู้เป็นที่รักของผู้ชม ประทับใจกับบทภาพยนตร์ของเฟนเนล เขามองสแตนลีย์ว่าเป็นผู้ชายที่พยายามจะเป็นเสาหลักให้กับคนที่เขารัก แต่ไม่สามารถก่อให้เกิดการเยียวยาหรือคลี่คลายปัญหาใดๆ ได้เลย “ไม่ว่าเขาจะคาดหวังให้ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเป็นยังไง แต่มันก็พังพินาศลงด้วยสถานการณ์ต่างๆ ครับ” บราวน์กล่าว “แต่เขาก็ได้แต่เดินหน้าต่อไป เขาเชื่ออย่างแรงกล้าในตัวลูกสาวและภรรยาของเขา บางที เขาอาจจะเพ้อฝันเล็กๆ ถูกครอบงำหน่อยๆ แต่ก็มีความหวังเสมอ เรารู้ถึงเหตุการณ์ที่ส่งให้เธอโศกเศร้า และความเศร้านั้นก็เป็นของจริงที่จับต้องได้ เราหวังว่าเธอจะสลัดมันพ้น เราก็แค่อยากให้เธอมีความสุขครับ”
ผู้ที่ให้กำลังใจแคสซี่ในการก้าวผ่านเหตุทุกข์ใจคือเกล เพื่อนที่ทำงานร้านกาแฟด้วยกัน ผู้มอบความรักที่ไร้เงื่อนไขและการยอมรับให้กับเธอในขณะที่เธอผลักดันให้แคสซี่เริ่มต้นโอบกอดชีวิตใหม่อีกครั้งอย่างอ่อนโยน “เกลไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมายนัก และเกลก็ไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับชีวิตเธอในทางอื่น ฉันคิดว่า แคสซี่ก็เลยรู้สึกปลอดภัยกับเธอ” มุลลิแกนกล่าว “ทั้งคู่ต่างก็มีอารมณ์ขันที่แห้งแล้ง เธอเป็นคนที่แคสซี่รักและไว้วางใจอย่างแท้จริง แต่เธอก็ไม่มีทางพูดแบบนั้นกับเธอหรอกนะ”
บทนี้ตกเป็นของ ลาเวิร์น ค็อกซ์ นักแสดงจาก Orange is the New Black ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมี อวอร์ด “ลาเวิร์น ค็อกซ์เป็นนักแสดงหญิงในฝันของฉันสำหรับบทเกลค่ะ” เฟนเนลกล่าว “ลาเวิร์นมีเสน่ห์เหลือเกิน และเธอก็มีพรสวรรค์ในฐานะนักแสดงตลกด้วย เธอทำให้ทุกฉากตลกมากๆ และมันก็น่ารักเพราะมันทำให้ส่วนนั้นของโลกของแคสซี่ให้ความรู้สึกปลอดภัย สนุกสนาน ปกติและผ่อนคลายจริงๆ ครับ”
ในส่วนที่สว่างไสวในโลกของแคสซี่ ยังมีไรอัน ศัลยแพทย์เด็กผู้ถ่อมตนและรวยอารมณ์ขัน ผู้จำแคสซี่ได้จากสมัยที่เธอเป็นนักเรียนแพทย์คนเก่ง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พบหน้ากันหลายปี เขาก็ยังคงปลื้มเธอพอๆ กับสมัยที่เขายังเรียนอยู่ และเขาก็หว่านเสน่ห์มากพอที่เธอจำใจยอมออกไปเที่ยวกับเขา “ไรอันเข้ามาทำให้เธอนึกถึงว่าชีวิตจะเป็นยังไงได้บ้าง และตอนนั้นเองที่ความยุ่งยากทั้งหลายเริ่มต้นขึ้นเพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอได้รู้จักกับอีกทางเลือกหนึ่งที่เธอไม่เคยนึกถึงมาก่อน” มุลลิแกนกล่าว
เฟนเนลกล่าวว่า “สิ่งสำคัญเกี่ยวกับไรอันคือเขาเป็นคนที่ตลก ดีงามและตรงไปตรงมา ทำให้มันกลายเป็นเรื่องยกสำหรับแคสซี่ เพราะไม่เพียงแต่ไรอันดึงเธอให้ออกห่างจากภารกิจของตัวเอง แต่เขายังเคยเรียนโรงเรียนแพทย์กับเธอด้วย เขาก็เลยรู้จักกับหลายๆ คนในชีวิตเธอที่เธออยากจะลืมด้วย เขาเป็นทั้งพรและคำสาปสำหรับเธอ ไรอันเป็นตัวแทนของทางออกจากความมืดมนที่ชีวิตของเธอเป็นค่ะ”
บทสำคัญนี้ตกเป็นของมือเขียนบท/ผู้กำกับและนักแสดงหนุ่ม โบ เบิร์นแฮม ผู้มีบทบาทสมทบที่น่าจดจำในโรแมนติกคอเมดีชื่อดังเรื่อง The Big Sick ผู้เขียนบทและกำกับดราเมดีรางวัลปี 2018 เรื่อง Eighth Grade “ความปกติธรรมดาและเสน่ห์ของเขา และชีวิตที่เขาเสนอให้กับแคสซี่ช่างเย้ายวนใจ เราก็เลยต้องการคนที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหลมากๆ มารับบทไรอัน” เฟนเนลกล่าว “ในตอนที่โบ เบิร์นแฮมเข้ามาอ่านบทกับแครีย์ เขาก็ยอดเยี่ยมมากๆ และเคมีของพวกเขาก็ดีมากๆ ด้วย”
“ผมไม่กังวลเลยเพราะผมมั่นใจมากๆ ว่าผมจะไม่ได้บทนี้แน่ๆ” เบิร์นแฮมกล่าว “ผมได้อ่านบทหนังเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องน่าตกตะลึงสุดๆ สำหรับผม เพราะมันไม่ได้เป็นไปตามที่ผมคาดคิดเลย บทหนังหลายเรื่องอาจเสนอตัวเองว่าพลิกความคาดหมาย แต่บทหนังเรื่องนี้น่าแปลกใจจริงๆ ครับ แครีย์วิเศษสุดมาก และเธอก็น่ากลัวน้อยกว่าที่ผมคิดเอาไว้เสียอีก เธอเป็นคนง่ายๆ เปิดกว้างและถ่อมตน และคุณก็บอกได้เลยจากการร่วมงานกับเอเมอรัลด์ว่าเธอเคยเป็นนักแสดงมาก่อน ผมก็เลยรู้สึกดีที่ได้อยู่กับพวกเธอทั้งคู่ครับ”
แม้เธอจะรู้สึกไม่สบายใจนัก แต่แคสซี่ก็สนิทกับไรอันมากขึ้นเรื่อยๆ เขาดูเหมือนจะแตกต่างจากผู้ชายส่วนใหญ่ที่เธอได้พบ เขามีน้ำอดน้ำทนกับเธอ ไม่เคยเร่งรัดเธอให้มีความสัมพันธ์กับเขา และเขาก็ดูเหมือนจะชื่นชมสติปัญญา อารมณ์ขันและการเหน็บแนมจิกกัดของเธออย่างแท้จริง “เขาเป็นคนหนุ่มที่ประสบความสำเร็จและมั่นใจ เขาคิดว่าเขาเป็นคนดีมากๆ เพราะโดยทั่วไปแล้ว เขาก็อาจจะเป็นแบบนั้น” เบิร์นแฮมกล่าว “เขาไล่จีบเธออย่างเป็นจริงเป็นจังและมีความรู้สึกต่อเธออย่างแรงกล้า บางที เขาอาจจะขาดความตระหนักรู้ไปซักหน่อย เพราะมันมีสัญญาณเตือนหลายอย่าง แต่เขาก็ตาบอดไปกับตัวตนของเธอ ผมคิดว่าเขาพัฒนามากกว่าพวกผู้ชายที่เธอเจอ อย่างน้อยที่สุดก็โดยผิวเผินน่ะครับ เขาเคารพขอบเขตของเธอ และเมื่อเขาล้ำเส้นเธอ เขาก็ขอโทษและยอมรับมันครับ”
ในตอนที่แคสซี่รู้ว่าไรอันยังคงติดต่อกับเพื่อนฝูงสมัยเรียนโรงเรียนแพทย์อยู่นั้น เธอก็สัมผัสได้ถึงโอกาสที่จะเดินหน้าแก้ไขสิ่งผิดพลาดในอดีต และรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับเพื่อนและคนรู้จักสมัยเรียนของเธอ แม้ว่าเธอหวังเอาไว้ว่าเวลาหลายปีที่ล่วงเลยไปจะทำให้พวกเขาได้เกิดมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์สะเทือนใจที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไป แต่แคสซี่ก็ต้องผิดหวังเมื่อได้รู้ว่าคนส่วนใหญ่ในอดีตแวดวงสังคมของเธอกลับเลือกที่จะกล่าวโทษและปฏิเสธผู้เป็นเหยื่อ
กรณีตัวอย่างคือเมดิสัน หญิงสาวร่ำรวย คุณแม่ลูกสองผู้เลี้ยงลูกปัจจุบัน ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นหนึ่งในเพื่อนรักของแคสซี่ “เมดิสันเป็นเด็กสาวที่แข็งแกร่ง เก่งกาจ สวย ประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ เธอแต่งงานกับหนุ่มหล่อและมีลูกฝาแฝด” เฟนเนลกล่าว “บ่อยครั้งที่ตัวร้ายที่เป็นผู้หญิงจะเป็นนังตัวแสบโรคจิตที่เหมือนฝันร้าย ฉันเลยคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับบทเมดิสัน ที่เธอจะต้องเป็นคนตลกและเข้าใจตัวเองค่ะ”
บทนี้ตกเป็นของอลิสัน บรี นักแสดงจากซีรีส์ดัง ซึ่งรวมถึง GLOW และ Mad Men “เมดิสันเป็นตัวละครที่น่าสนใจเหลือเกิน เธอเป็นตัวร้ายนิดๆ ตอนที่เราได้พบกับเธอครั้งแรกค่ะ” บรีกล่าว “เธอรู้จักแคสซี่ตั้งแต่สมัยเรียน เธออยู่ด้วยในตอนที่เรื่องเลวร้ายนี้เกิดขึ้น และชัดเจนว่าเมดิสันอยู่ผิดด้านของประวัติศาสตร์ เธอลืมเรื่องนี้ไปและจดจำมันในอีกแบบหนึ่งที่เหมาะกับเธอ เป็นเรื่องน่าสนใจที่ได้เห็นตัวละครตัวนี้เปลี่ยนแปลงไปจากตอนแรกที่คุณได้พบกับเธอ การที่เธอยึดติดกับความคิดเห็นของตัวเองเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ความคิดเห็นที่เธอมีต่อแคสซี่ และฉันคิดว่าสุดท้ายแล้ว เธอก็เปลี่ยนไปรู้สึกถึงความอับอายและเสียใจที่มีส่วนเกี่ยวข้องนะคะ”
แต่เมดิสันก็ไม่ได้คิดได้ด้วยตัวเอง แคสซี่ใช้มาตรการเด็ดขาดบางอย่างกระตุ้นให้เธอรับรู้ถึงความผิดพลาดในแนวทางของเธอ การพบกับคณบดีโรงเรียนแพทย์ ที่รับบทโดยคอนนี บริตตัน ในภายหลังก็ดำเนินไปในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน ดีน วอล์คเกอร์เองก็ปฏิเสธการมีความผิดใดๆ จากเหตุการณ์นี้ที่ส่งผลกระทบต่อแคสซี่อย่างเหลือเกิน จนกระทั่งแคสซี่บีบให้เธอมองเห็นความผิดพลาดในแนวทางของเธอ ด้วยการเสนอแนะว่า ชะตากรรมที่เลวร้ายนี้อาจจะเกิดขึ้นกับลูกสาววัยรุ่นของคณบดีเอง “แคสซี่เป็นนางฟ้าผู้แก้แค้นค่ะ” เฟนเนลกล่าว “เธอทำตัวเหมือนในคัมภีร์ไบเบิล ที่เธอจะไปเยือนผู้คนต่างๆ และสอนบทเรียนที่น่าสะพรึงกลัวให้กับพวกเขา เธอไปหาพวกเขาพร้อมกับสองทางเลือก นั่นคือจงสารภาพและพ้นจากบาป หรือไม่สารภาพและรับบทเรียนที่เลวร้ายไปนะคะ”
แต่ความเฉลียวฉลาดและไหวพริบของแคสซี่คือสิ่งที่ดึงเธอให้พ้นจากขอบเหวเสมอ แม้กระทั่งในตอนที่ดูเหมือนว่าเธอกำลังวางกับดักให้ศัตรูของเธอเจอกับการลงทัณฑ์ที่เลวร้ายที่สุด แผนการของเธอก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ดูจะเป็นเลย แม็คนามารากล่าวเสริมว่า “สิ่งที่เธอต้องการก็แค่อยากให้คนพวกนี้ยอมรับความรับผิดชอบในสิ่งที่พวกเขาได้ทำลงไป เธอก็แค่ต้องการคำขอโทษ มันไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับการออกไปฆ่าใครซักคนหรือทำอันตรายพวกเขา…ผมมองว่าแคสซี่เป็นตัวเอกที่มีข้อบกพร่อง เธอต้องการความยุติธรรม เธออาจจะไม่ได้ทำมันในทางที่ถูกก็จริง แต่เธอก็มีความตั้งใจที่ดีครับ”
“ฉันชื่นชอบเสียงตอบรับในตอนที่คนหัวเราะและสะดุ้งเพราะพวกเขารู้สึกแย่ที่หัวเราะออกไปนะคะ” เฟนเนลกล่าว “ฉันไม่อยากให้หนังเรื่องนี้เป็นเหมือนยา ฉันอยากให้มันสนุก น่าสนใจและน่าติดตาม มันเป็นเรื่องที่เกิดจากความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ไม่มีใครในหนังเรื่องนี้ที่เป็นคนเลว ผู้ชายและผู้หญิงในหนังเรื่องนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่มีทัศนคติทางเพศแบบแปลกนิดๆ เท่านั้นเอง สิ่งที่สำคัญสำหรับฉันคือการตั้งคำถามสำคัญถึงเหตุผลที่เรายังคงยึดติดกับทัศนคติเหล่านี้และการที่เราอาจจะเปลี่ยนแปลงมันเพื่อไม่ให้วัฒนธรรมเป็นพิษแบบนี้ดำรงอยู่ต่อไปได้นะคะ”
ขณะที่แคสซี่เจอกับการปฏิสัมพันธ์ที่เจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า เธอก็ได้พบกับตัวละครหลากหลายที่รับบทโดยนักแสดงมากประสบการณ์และนักแสดงดาวรุ่งมากพรสวรรค์ที่สุดที่ทำงานอยู่ในปัจจุบัน อัลเฟรด โมลินา ผู้เคยร่วมงานกับมุลลิแกนมาก่อนใน An Education รับบททนายความที่ถูกกัดกร่อนด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดี มอลลี แชนนอนรับบทแม่ของนีนา เพื่อนรักของแคสซี่ “ฉันพบว่าบทหนังเรื่องนี้ตราตรึงใจค่ะ” แชนนอน ผู้ปรากฏตัวในซีเควนซ์สั้นๆ กับมุลลิแกน แต่ก็เป็นซีเควนซ์สำคัญสำหรับความเปลี่ยนแปลงของตัวละครแคสซี่ กล่าว “มันเป็นบทหนังที่น่าตื่นเต้นจนหยุดไม่ได้ มันมีตัวละครที่ตลก น่าทึ่ง มันน่าเศร้า น่ากลัว ลุ้นระทึก มันเยี่ยมจริงๆ ฉันชอบบทหนังเรื่องนี้ค่ะ”
แม็กซ์ กรีนฟิลด์และคริส โลเวล รับบทเพื่อนสมัยเรียน โจ และอัล มอนโร ตามลำดับ ซึ่งทั้งคู่มีบทบาทโดยตรงในเหตุการณ์ที่บีบให้แคสซี่ต้องออกจากโรงเรียนแพทย์ “อัล มอนโรที่เรารู้จักกันในปัจจุบันเป็นชายหนุ่มอเมริกันปี 2019 ที่ประสบความสำเร็จ มีความสุขและดีเลิศที่สุด” โลเวล ผู้เคยแสดงประกบบรีมาก่อนใน GLOW กล่าว “เขาสำเร็จการศึกษาเกียรตินิยม แต่งงานกับนางแบบบิกินี เขาอาจจะเป็นอเมริกันดรีมสำหรับหนุ่มมหาวิทยาลัย แต่เมื่อสิบปีก่อน สิบสองปีก่อน เขาไม่ใช่คนดีเด่นอะไรแบบนั้น”
หลังจากที่แคสซี่ได้ค้นพบความจริงที่สั่นคลอนจิตใจเกี่ยวกับไรอัน เธอก็ถูกผลักดันให้ก้าวผ่านจุดแตกหัก ไปสู่การพบกันครั้งสำคัญ ที่ถูกปูพื้นมายาวนานหลายปี การพบกันที่ทำให้เธอได้เข้าร่วมงานปาร์ตี้สละโสดของอัล มอนโรในรูปแบบที่ไม่คิดฝันมาก่อน ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็ทุ่มเทให้กับการแก้แค้นแบบสุดตัว ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเอาคืนให้ได้ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม มันเป็นการตัดสินใจที่นำไปสู่ช่วงเวลาสยองขวัญแบบลุ้นระทึก อารมณ์ตลกร้ายแบบจิกกัด และจุดหักมุมที่มืดมนที่สุดแต่ก็น่าพึงพอใจที่สุดของเรื่อง และมันก็เป็นสิ่งที่เฟนเนลหวังว่าจะยังคงเป็นความลับจนกระทั่งผู้ชมมีโอกาสได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะนี่เป็นเรื่องราวที่แคสซี่จะเล่าด้วยตัวเอง
PROMISING YOUNG WOMAN ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากฟิล์มเนชัน เอนเตอร์เทนเมนต์ทั้งหมด ถ่ายทำภายในระยะเวลา 23 วันในโลเกชันทั้งในและรอบๆ ลอสแองเจลิสในปี 2019 สำหรับภาพยนตร์ที่เป็นทั้งทริลเลอร์เฟมินิสต์หักมุมและคอเมดีตลกร้ายที่ยอดเยี่ยม เฟนเนลต้องการจะวางเรื่องราวให้อยู่ภายในโลกของผู้หญิงตามขนบ ด้วยสีสันสดใสและซาวน์แทร็คป็อปที่คึกคัก เมื่อคู่กับธีมการเล่าเรื่องที่มืดหม่นกว่า ความสว่างไสวทั้งหมดนั่นจะสร้างความรู้สึกที่ไม่ชอบมาพากลให้กับผู้ชมและตอกย้ำไอเดียที่ว่าสิ่งต่างๆ ในชีวิตของแคสซี่ถูกบิดเบี้ยวไปอย่างมาก
“สำหรับฉัน มีบางสิ่งในวัฒนธรรมป็อปที่ฉันชอบ ที่มีประกายระยิบระยับ มีสีชมพู ดูเชิญชวนและสดใส ฉันอยากจะปรับเปลี่ยน ‘ของแบบหญิงๆ’ พวกนั้นแล้วทำให้มันน่าสะพรึงกลัวขึ้น และพูดได้ว่า ‘ดูสิ ของอันนี้ก็ใช้การได้ในแบบของมันนะ’ นะคะ” เฟนเนลอธิบาย
ในการร่วมงานกับผู้กำกับภาพเบนจามิน คราคุน (Beast) เฟนเนลได้เลือกใช้สุนทรียศาสตร์สไตล์เฉียบคมกับทุกแง่มุมของงานสร้าง “พวกเราทั้งคู่ต้องการให้มันสวย แปลกตา และให้ความรู้สึกว่าแตกต่างออกไปมากๆ ตั้งแต่เริ่มต้นเลยค่ะ” เฟนเนลกล่าว “ประเด็นทั้งหมดของหนังเรื่องนี้คือมันควรจะให้ความรู้สึกเหมือนร้านขนมหวานหรือการไปเดทกับคนที่คุณเข้ากันได้ดี แล้วพอคุณกลับไปที่อพาร์ทเมนต์ของเขา คุณมารู้ตัวว่าประตูถูกล็อค และทุกอย่างก็สายไปแล้ว มันเป็นเทพนิยายที่มืดหม่น ดังนั้น สิ่งสำคัญคือมันจะต้องมีความรู้สึกที่เข้มข้นขึ้นค่ะ”
ด้วยแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์หลายเรื่องรวมถึง To Die For และทริลเลอร์คลาสสิกปี 1993 ที่นำแสดงโดยอลิเซีย ซิลเวอร์สโตนเรื่อง The Crush คราคุนได้ถ่ายทำ PROMISING YOUNG WOMAN โดยใช้เลนส์พานาวิชันพิเศษ ที่ทำให้เกิดภาพที่นุ่มนวลกว่าเล็กน้อย และเขาก็มักจะให้แสงมุลลิแกนจากด้านบนเพื่อสร้างเอฟเฟ็กต์รัศมีรอบศีรษะของเธอขึ้นมา ในขณะเดียวกัน ผู้ออกแบบงานสร้าง ไมเคิล เพอร์รี ก็จะมองย้อนกลับไปหาซีรีส์เรโทรอย่าง Murder She Wrote และดรามาวัยรุ่นยุค 90s เรื่อง Sweet Valley High ที่เพอร์รีได้ทำงานในซีรีส์หลังนี้ด้วย และเฟนเนลก็ชื่นชอบในสมัยสาวๆ เพื่อหาแรงบันดาลใจ
เขาได้ยืมภาพหนึ่งมาจากมิวสิค วิดีโอในยุคเดียวกันนั้น “สีจะโดดเด้งออกมาครับ” เพอร์รีกล่าว “บางสีคุณจะไม่ได้เห็นมาซักระยะแล้ว และเราก็นำมันกลับมา อย่างสีนีออนเราก็เอากลับมาครับ” ในกรณีนี้คือสำหรับป้ายร้านกาแฟที่แคสซี่ทำงานอยู่ “ผมอยากให้ฉากนั้นชวนฝันที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” เขากล่าว “มันเป็นสถานที่ที่น่ารักและเงียบสงบมากๆ แล้วเราก็จะใส่แก้วกาแฟสีแดงเข้าไปเพื่อให้มีความโดดเด่นของสีขึ้นมา มันเหมือนกับร้านกาแฟเวอร์ชันวิดีโอร็อคยุค 80s เลย เป็นความน่าแปลกใจที่ซ่อนอยู่ในร้านกาแฟนั้นน่ะครับ”
“สีและไฟนีออนเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ในหนังเรื่องนี้” ผู้ตกแต่งฉาก เรย์ เดสลิชกล่าวเสริม “มันเป็นลุคที่ทำให้หวนนึกถึงยุค 80s และ 90s นิดๆ มันสว่างไสว โดดเด่นและเป็นประกายระยิบระยับ”
เพอร์รีและเดสลิชได้จับคู่โทนที่สดใสนี้กับเฉดสีที่เคร่งขรึม รวมถึงสีน้ำเงินฝรั่งเศสเพื่อเป็นตัวแทนของแคสซี่ เพื่อสร้างลุคที่เป็นหนึ่งเดียว “เรานำสีขาวเข้ามามากเพราะคุณไม่สามารถใช้สีสดๆ กับร้านอาหารทั้งร้านได้ และเราก็ใช้เฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่ช่วงกลางศตวรรษของดีไซเนอร์หลายชิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้มันน่ารักเกินไป” เดสลิชกล่าว “เราอยากแสดงให้คนเห็นว่านี่เป็นร้านกาแฟอินดีที่มีคนออกแบบมาน่ะ”
บางที ฉากที่สะดุดตาที่สุดอาจจะเป็นบ้านของพ่อแม่แคสซี่ ซึ่งให้ความรู้สึกแบบบ้านชานเมืองที่ออกแบบโดยเดวิด ลินช์
ทีมโลเกชันได้พบบ้านที่มีอยู่แล้ว ก่อนที่เพอร์รีและทีมงานของเขาจะเปลี่ยนภายในของบ้านตามคำสั่งของเฟนเนล “สิ่งที่ฉันมองหาในบ้านของพ่อแม่แคสซี่คือสิ่งที่บ่งบอกชัดเจนว่าใครเป็นคนที่มีอำนาจในบ้าน” เฟนเนลกล่าว “ในตอนที่บ้านเต็มไปด้วยเทวดาตัวน้อย ภาพวาดและตุ๊กตุ่นหมา คุณก็รู้ว่าคุณอาศัยอยู่ในบ้านที่ตามใจผู้หญิงและมีผู้หญิงเป็นใหญ่ ฉันอยากจะหาสถานที่ที่จะให้ความรู้สึกแปลกประหลาด ผิดธรรมดาและมีความเป็นผู้หญิง และบ้านหลังนี้ก็เป็นแบบนั้นค่ะ”
ไอเดียคือการกระตุ้นความรู้สึกของบ้านที่ถูกแช่แข็งในห้วงเวลา ไม่ถูกแตะต้อง สถานที่ที่เฟอร์นิเจอร์ดีๆ จะถูกห่อหุ้มด้วยพลาสติกเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้มันเสียหาย ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดอ้างอิงไปถึงสภาพจิตใจของแคสซี่ “เหมือนว่าคนพวกนี้ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านพิพิธภัณฑ์ครับ” เพอร์รีกล่าว “แคสซี่ใช้ชีวิตแทบเหมือนกับผีที่นั่น เธอติดอยู่ในชั่วขณะนั้นและไม่เคยเติบโตขึ้นเลย”
มุลลิแกนกล่าวเสริมว่า “บ้านของเธอดูเหมือนจะไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ยุค 70s ทุกอย่างเกี่ยวกับมันไม่เปลี่ยนไปเลย แคสซี่ติดอยู่ในห้วงเวลาตอนที่ทุกอย่างเกิดผิดพลาดขึ้นมา ห้องนอนของเธอให้ความรู้สึกเหมือนเป็นห้องนอนของวัยรุ่น แต่ฉันคิดว่า สำหรับเธอแล้ว มันมีความอบอุ่นใจในการใช้ชีวิตแบบวัยรุ่น เธอไม่ต้องเผชิญหน้ากับโลกแห่งความเป็นจริงหรือความเป็นไปได้ของการต้องหาเพื่อนที่เป็นผู้ใหญ่ เพราะเธอยังทำตัวเหมือนเป็นเด็กที่อาศัยอยู่ที่บ้านนะคะ”
สำหรับเสื้อผ้าของเธอ ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย แนนซี สเตนเนอร์ ผู้ซึ่งผลงานของเธอรวมถึง Lost in Translation, Little Miss Sunshine และซีซันล่าสุดของ Twin Peaks แต่งตัวให้แคสซี่ด้วยเสื้อผ้าอ่อนนุ่ม ซึ่งบ่งบอกถึงสภาพจิตใจที่แตกร้าวของเธอ
“ผู้หญิงที่สนใจในเสื้อผ้ามักถูกมองว่าติงต๊อง แต่นี่เป็นวิธีที่ง่ายดายที่สุดและรวดเร็วที่สุดสำหรับผู้หญิงในการใช้ความเป็นผู้หญิงของเธอให้เป็นอาวุธค่ะ” เฟนเนลกล่าว “ทุกอย่างในชีวิตประจำวันของแคสซี่จะต้องสะท้อนความคิดที่ว่า ‘ฉันสบายดี’ เราทำให้เธอดูสวย และให้เธอสวมชุดพาสเทลและชุดลายตารางหลายครั้ง รวมถึงติดโบให้เธอด้วย สัญชาตญาณจะทำให้คนต้องพูดว่าผู้หญิงคนนี้หดหู่เพราะเธอสวมเสื้อยืดและกางเกงขายาวที่ดูเศร้าสร้อย แต่ไม่ใช่เลยค่ะ พวกเธอมักดูดีที่สุดในตอนที่พวกเธอมีช่วงเวลาเลวร้ายต่างหากล่ะคะ”
สำหรับการท่องราตรี สเตนเนอร์ได้ออกแบบลุคหลากหลาย ซึ่งแต่ละลุคจะช่วยให้แคสซี่ดูมีเสน่ห์มากขึ้นสำหรับผู้ชายกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ “ในคืนหนึ่ง เธออาจเป็นฮิปสเตอร์คนสวย อีกคืนหนึ่ง เธออาจเป็นผู้หญิงที่เพิ่งกลับจากออฟฟิศ และดื่มหนักเกินไป ในคืนหนึ่ง เธอจะสวมชุดเดรสรัดรูปแบบคาร์ดาเชียนสุดคลาสสสิก” เฟนเนลกล่าว “ฉันคิดว่า เธอคอยระวังในการเลือกเหยื่ออย่างเสมอภาคนะคะ”
ในกองถ่าย เฟนเนลต้องการสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ผ่อนคลาย เพื่อที่ช่วงเวลาแบบโรแมนติกคอเมดีจะได้ดูสมจริงและเพื่อที่นักแสดงจะรู้สึกผ่อนคลายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ระหว่างการถ่ายทำฉากที่บีบคั้นจิตใจที่สุดของเรื่อง
“ฉันมองว่าหน้าที่ผู้กำกับคือการช่วยเหลือคนให้ทำในสิ่งที่พวกเขาทำตามธรรมชาตินะคะ” เฟนเนลกล่าว “พอคุณผ่านการคัดเลือกนักแสดงมาแล้ว ซึ่งบ่อยครั้งจะเป็นตอนที่ยากที่สุด การที่คุณต้องหาคนที่คุณคิดว่ามีคุณสมบัติตามที่คุณต้องการ ในประสบการณ์ของฉัน การไม่ขวางทางใครเป็นสิ่งสำคัญค่ะ ฉันก็เลยพยายามจะสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความสุขให้นักแสดงเพราะเราขอให้พวกเขาทุกคนทำในเรื่องยากลำบาก งานส่วนใหญ่ของฉันคือการสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมเพื่อที่พวกเขาจะได้รู้สึกเหมือนว่าพวกเขาสามารถทำงานของตัวเองและตรงเข้าไปในน่านน้ำที่เต็มไปด้วยฉลามได้นะคะ”
มุลลิแกนกล่าวว่า บรรยากาศที่สดใสทำให้เธอทำงานลุล่วงไปได้แม้กระทั่งในช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดในการแสดงของเธอ ซึ่งรวมถึงการเผชิญหน้าระหว่างแคสซี่กับอัล มอนโรในงานปาร์ตี้สละโสด “ส่วนมากแล้วมันเหมือนกับโรแมนติกคอเมดี การได้สนุกกับโบ และการมีช่วงเวลาดีๆ กับลาเวิร์นและร้านกาแฟนะคะ” มุลลิแกนกล่าว “แม้กระทั่งฉากที่มีหัวใจสำคัญเป็นประเด็นที่หนักอึ้ง ฉากที่แคสซี่ไปบงการหรือแบล็คเมลคนอื่น มันก็เป็นไปด้วยความขี้เล่น เหมือนว่าเธอสนุกกับมัน ดังนั้น ก็หวังว่าผู้ชมจะสนุกกับการได้เห็นเธอเพลิดเพลินไปกับมันนะคะ”
“ฉันหวังว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้คนเดินออกจากโรงหนังด้วยความสนุกสนานแต่ก็อยากวิเคราะห์มันด้วย” เฟนเนลกล่าวสรุป “คุณอยากให้คนรู้สึกถึงความเครียดนิดๆ หลังจากหนังแบบนี้นะคะ”
แครีย์ มุลลิแกน (Carey Mulligan) รับบท คาสซานดร้า โธมัส
แครีย์ มุลลิแกน เป็นนักแสดงหญิงผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ด เธอแจ้งเกิดจากการแสดงนำในภาพยนตร์ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมเรื่อง An Education บทนี้ทำให้เธอได้รับรางวัลบาฟตา อวอร์ดสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ด, รางวัลลูกโลกทองคำและรางวัลแซ็ก อวอร์ด
ปัจจุบัน เธออยู่ระหว่างการเตรียมงานสร้างดรามาเน็ตฟลิกซ์เรื่อง The Dig ประกบราล์ฟ ไฟน์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่สร้างจากเรื่องจริง มีเรื่องราวเกิดขึ้นระว่างสงครามโลกครั้งที่สองและให้ความสำคัญกับแม่ม่ายคนหนึ่ง (มุลลิแกน) ผู้ทำตามลางสังหรณ์ของตัวเองที่ว่าที่ดินของเธอมีวัตถุโบราณฝังอยู่
ในปี 2018 มุลลิแกนได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากการแสดงในภาพยนตร์ไอเอฟซีเรื่อง Wildlife ประกบเจค จิลเลนฮัล ภายใต้การกำกับของพอล ดาโน ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์, คานส์, ทิฟฟ์, เทศกาลภาพยนตร์นิวยอร์กและเทศกาลภาพยนตร์ลอนดอน นอกจากนั้น ในปีนั้น มุลลิแกนยังได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมจากการแสดงเดี่ยวของเธอเรื่อง Girls & Boys ที่เขียนบทโดยเดนนิส เคลลีและกำกับโดยลินด์ซีย์ เทิร์นเนอร์อีกด้วย การแสดงดังกล่าวเปิดตัวที่โรงละครรอยัล คอร์ท เธียเตอร์บนเวทีเวสต์เอนด์ ก่อนจะถูกนำไปแสดงบนเวทีบรอดเวย์ นอกจากนี้ เธอยังได้นำแสดงในมินิซีรีส์สี่ตอนของบีบีซีเรื่อง Collateral ที่เขียนบทโดยเดวิด แฮร์อีกด้วย
ในปี 2017 มุลลิแกนนำแสดงในบทลอราในภาพยนตร์ออริจินอลทางเน็ตฟลิกซ์เรื่อง Mudbound ที่กำกับโดยดี รีส ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลโรเบิร์ต อัลท์แมน อวอร์ดจากเวทีฟิล์ม อินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดและทีมนักแสดงของเรื่องก็ได้รับรางวัลสเปเชียล ก็อทแธม จูรี อวอร์ดจากเวทีก็อทแธม อวอร์ดและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลแซ็ก อวอร์ดอีกด้วย
ในปี 2015 มุลลิแกนได้นำแสดงใน Suffragette ที่กำกับโดยซาราห์ แกฟรอน ในบทม็อด ประกบเมอริล สตรีพ ซึ่งทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลบริติช อินดีเพนเดนท์ ฟิล์ม อวอร์ด สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ในปีเดียวกัน เธอได้นำแสดงในภาพยนตร์โดยโธมัส วินเทอร์เบิร์กเรื่อง Far from the Madding Crowd ประกบแมทเธียส โชนาร์ทส์ ซึ่งทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลสมาคมนักวิจารณ์ลอนดอนสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากการแสดงของเธอ
ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเธอรวมถึง Inside Llweyn Davis ประกบออสการ์ ไอแซ็ค ภายใต้การกำกับของโจเอลและอีธาน โคเอน, The Great Gatsby ประกบลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ภายใต้การกำกับของบาซ ลูห์แมนน์, Shame ประกบไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ภายใต้การกำกับของสตีฟ แม็คควีน, Drive ประกบไรอัน กอสลิง ภายใต้การกำกับของนิโคลัส วินดิ้ง เรฟน์, Wall Street: Money Never Sleeps, Never Let Me Go, Brothers, Public Enemies, The Greatest, And When Did You Last See Your Father? และ Pride & Prejudice ผลงานจอแก้วของเธอรวมถึง My Boy Jack, Doctor Who, Northanger Abbey, The Amazing Mrs. Pritchard, Waking the Dead, Miss Marple, Bleak House และ Trial & Retribution
มุลลิแกนเปิดตัวบนเวทีเวสต์เอนด์ในปี 2014 ด้วยการแสดงประกบบิล ไนฮีย์ในละครเวทีชื่อดังที่นำบทละครเรื่อง Skylight ที่ได้รับรางวัลโอลิเวียร์ อวอร์ดของเดวิด แฮร์กลับมาสร้างใหม่ภายใต้การกำกับของสตีเฟน ดัลดรี้ หนึ่งปีให้หลัง ละครเวทีเรื่องนี้ก็ได้เปิดการแสดงบนเวทีบรอดเวย์ ซึ่งทำให้มุลลิแกนได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลดรามา ลีค, ดรามา เดสก์และโทนี อวอร์ด ในปี 2008 มุลลิแกนได้เปิดตัวบนเวทีบรอดเวย์ในละครเวทีที่ถูกนำกลับมาสร้างใหม่เรื่อง The Seagull ในบทนีนา ซึ่งเธอเคยรับบทนี้มาก่อนแล้วในโปรดักชันของรอยัล คอร์ท เธียเตอร์เมื่อหนึ่งปีก่อน ผลงานละครเวทีเรื่องอื่นๆ รวมถึงละครออฟบรอดเวย์เรื่อง Through a Glass Darkly ในปี 2011, The Hypochondriac ของโรงละครอัลเมด้า ในปี 2005 และละครเวทีเรื่องแรกของเธอ Forty Winks โดยโรงละครรอยัล คอร์ท เธียเตอร์ในปี 2004
เธอเป็นผู้สนับสนุนสมาคมอัลไซเมอร์ เนื่องจาก แนนส์ คุณย่าของเธอได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นอัลไซเมอร์ในปี 2004 เธอได้เป็นหัวหอกหลักในแคมเปญสัปดาห์การรณรงค์ให้มีการรับรู้เรื่องอาการสมองเสื่อมของสมาคม รวมถึงรณรงค์เรื่องดังกล่าวในรายการโทรทัศน์ระดับชาติด้วย นอกจากนั้น เธอยังเป็นทูตของวอร์ ไชลด์ องค์กรมนุษยชนอิสระ ที่ทำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามอีกด้วย วอร์ ไชลด์มีวัตถุประสงค์ในการสร้างสภาวะที่เอื้อต่อการคุ้มครอง พัฒนาและสิทธิในการดำรงชีพสำหรับเด็กๆ และเยาวชนที่อาศัยอยู่ร่วมกับหรือกำลังฟื้นตัวจากผลลัพธ์ของสงคราม
ปัจจุบัน มุลลิแกนอาศัยอยู่กับครอบครัวในลอนดอน
โบ เบิร์นแฮม (Bo Burnham) รับบท ไรอัน
โบ เบิร์นแฮม เป็นมือเขียนบท ผู้กำกับ นักแสดงตลก นักแต่งเพลงและนักแสดง Eighth Grade ภาพยนตร์เรื่องแรกของเบิร์นแฮม เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ในปี 2018 ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ชื่นชม และมันก็ได้รับรางวัลสมาพันธ์ผู้กำกับ, รางวัลสมาพันธ์นักเขียน, รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติซีแอตเติล, รางวัลภาพยนตร์เล่าเรื่องยอดเยี่ยมจากงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติซานฟรานซิสโกและได้รับการเสนอชื่อชิงสี่รางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ด, รางวัลคริติกส์ ชอยส์ อวอร์ดและรางวัลแซทเทิลไลท์ อวอร์ด นอกจากนี้ เขายังได้รับรางวัลผู้กำกับแจ้งเกิด บิงแฮม เรย์ อวอร์ดจากเวทีก็อทแธม อวอร์ดปี 2018 อีกด้วย เขาเขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้สำหรับเอทเวนตี้โฟร์ โดยมีสก็อต รูดินเป็นผู้อำนวยการสร้าง นอกจากนี้ เขายังได้กำกับ Tamborine รายการสแตนด์อัพพิเศษล่าสุดของคริส ร็อคให้กับเน็ตฟลิกซ์และ 8 รายการพิเศษของเจอร์ร็อด คาร์ไมเคิล สำหรับเอชบีโออีกด้วย เขาได้เขียนบทและแสดงในรายการสแตนด์อัพ คอเมดีพิเศษหนึ่งชั่วโมงสามรายการของเขาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ เขายังได้ร่วมแสดงใน The Big Sick ด้วย เขาเป็นผู้ร่วมสร้างและนักแสดงนำของ Zach Stone Is Gonna Be Famous ซีรีส์เอ็มทีวี และได้ตีพิมพ์หนังสือรวมบทกวีในชื่อ Egghead ด้วย ปัจจุบัน เขาได้แต่งเพลงออริจินอลสำหรับภาพยนตร์ Sesame Street ที่กำลังจะเข้าฉาย สำหรับวอร์เนอร์ บรอส. อีกด้วย
อลิสัน บรี (Alison Brie) รับบท เมดิสัน
อลิสัน บรี เป็นนักแสดงหญิงผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงสองรางวัลลูกโลกทองคำและแซ็ก อวอร์ด ผู้เป็นหนึ่งในนางเอกที่มีพรสวรรค์สูงสุดในวงการ
ปัจจุบัน เธอได้แสดงในซีรีส์ดังทางเน็ตฟลิกซ์เรื่อง GLOW ที่ควบคุมงานสร้างโดยเจนจิ โคฮานและร่วมสร้างโดยลิซ ฟลาไฮฟ์และคาร์ลี เมนช์ บรีได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำติดกันในปี 2018 และ 2019 ในสาขาการแสดงยอดเยี่ยมโดยนักแสดงหญิงในซีรีส์ – มิวสิคัลหรือคอเมดี และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลแซ็ก อวอร์ดในปี 2018 และ 2019 สาขาการแสดงยอดเยี่ยมโดยนักแสดงหญิงในซีรีส์คอเมดี นอกจากนั้น บรียังได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลคริติกส์ ชอยส์ อวอร์ดทั้งในปี 2019 และ 2020 สาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์คอเมดีอีกด้วย นอกจากนั้น ซีรีส์นี้ยังได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมี อวอร์ดสาขาซีรีส์คอเมดียอดเยี่ยม, สองรางวัลแซ็ก อวอร์ดสาขาการแสดงยอดเยี่ยมโดยทีมนักแสดงในซีรีส์คอเมดี (2018, 2019) และรางวัลคริติกส์ ชอยส์ อวอร์ดสาขาซีรีส์คอเมดียอดเยี่ยมอีกด้วย
ด้านจอเงิน เธอได้แสดงบทลูกสาวของตัวละครของเมอริล สตรีพในภาพยนตร์โดยสตีเวน สปีลเบิร์กเรื่อง The Post ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม – ดรามา และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลคริติกส์ ชอยส์ อวอร์ดสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและทีมแสดงยอดเยี่ยม ในปีนั้น เธอได้แสดงในภาพยนตร์โดยเจมส์ ฟรังโก้เรื่อง The Disaster Artist ซึ่งได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำและคริติกส์ ชอยส์ อวอร์ดสาขาคอเมดียอดเยี่ยม
เมื่อเร็วๆ นี้ เธอเพิ่งปิดกล้องผลงานการกำกับเรื่องแรกของเดฟ ฟรังโก้เรื่อง The Rental ที่เธอแสดงประกบแดน สตีเวนส์ นอกเหนือจากนั้น เธอยังมีผลงานภาพยนตร์เข้าฉายในซันแดนซ์สองเรื่องได้แก่ Horse Girl ซึ่งเธอร่วมเขียนบทกับเจฟฟ์ เบนาและจะเข้าฉายทางเน็ตฟลิกซ์ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ปี 2020 และ PROMISING YOUNG WOMAN ที่เธอแสดงประกบแครีย์ มุลลิแกนและโบ เบิร์นแฮม ซึ่งจะเข้าฉายโดยโฟกัส ฟีเจอร์สในวันที่ 17 เมษายน ปี 2020
บรีมีผลงานภาพยนตร์ห้าเรื่องที่เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ รวมถึงภาพยนตร์โดยเจฟฟ์ เบนาเรื่อง The Little Hours ในปี 2016; ภาพยนตร์โดยเจฟฟ์ เบนาเรื่อง Joshy and Leslye Headland’s Sleeping with Other People ประกบเจสัน ซูเดคิสในปี 2015; ภาพยนตร์โดยจอร์แดน โวท-โรเบิร์ตส์เรื่อง The Kings of Summer ประกบนิค ออฟเฟอร์แมนและเมแกน มุลลาลีในปี 2013 และ Save the Date ประกบลิซซี แคปแลนในปี 2012 ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเธอรวมถึง How to Be Single ประกบดาโกต้า จอห์นสันและรีเบล วิลสัน, Get Hard ประกบวิล เฟอร์เรลและเควิน ฮาร์ท, The Five-Year Engagement ประกบเอมิลี บลันท์และเจสัน ซีเกล, Scream 4 ประกบคอร์ทนีย์ ค็อกซ์, เดวิด อาร์เควทท์และนีฟ แคมป์เบลและ Montana Amazon ประกบโอลิมเปีย ดูคาคิสและฮาลีย์ โจเอล ออสเมนต์
งานพากย์เสียงของเธอรวมถึงการรับบทยูนิ-คิตตี้ใน The Lego Movie และ The Lego Movie 2: The Second Part ซึ่งทำรายได้ไปกว่า 660 ล้านเหรียญทั่วโลก นอกจากนี้ เธอยังได้พากย์เสียง ไดแอน ในซีรีส์อนิเมชันสำหรับผู้ใหญ่ที่ได้รับรางวัลทางเน็ตฟลิกซ์เรื่อง BoJack Horseman อีกด้วย เธอได้พากย์เสียงให้กับภาพยนตร์อนิเมชันใหม่เรื่อง Weathering with You ร่วมกับลี เพซและริซ อาห์เม็ด ซึ่งเข้าฉายทั่วประเทศในวันที่ 17 มกราคม ปี 2020
เธอทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างในซีรีส์ทีวีแลนด์เรื่อง Teachers ซึ่งเคยออกอากาศในปี 2016 ซีรีส์นี้เล่าเรื่องของครูชั้นประถมหกคนที่มุ่งมั่นกับการสอนลูกศิษย์ แต่กลับล้มเหลวในเรื่องชีวิตส่วนตัว
บรีศึกษาที่สถาบันแคลิฟอเนีย อินสติติวท์ ออฟ ดิ อาร์ตส์ ที่ซึ่งเธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาการแสดงและได้ศึกษาที่สถาบันรอยัล สก็อตติช อคาเดมี ออฟ มิวสิค แอนด์ ดรามาในเมืองกลาสโกว์ ประเทศสก็อตแลนด์อีกด้วย
คอนนี บริตตัน (Connie Britton) รับบท ดีน วอล์คเกอร์
คอนนี บริตตัน เป็นนักแสดงหญิงผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงสี่รางวัลเอ็มมี ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องอย่างต่อเนื่องจากผลงานในจอแก้วและจอเงินของเธอ หลังจากบทบาทการแสดงที่โดดเด่นในซีรีส์ต่างๆ เช่น Spin City, 24 และ The West Wing เธอก็ได้แสดงในหนึ่งในซีรีส์ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ดีที่สุดทางจอแก้ว ซึ่งก็คือ Friday Night Lights ทางเอ็นบีซี ที่สร้างโดยปีเตอร์ เบิร์ก ซึ่งทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมีในปี 2010 และอีกครั้งในปี 2011
เธอได้ร่วมมือกับเมอร์ฟีย์อีกครั้งใน American Crime Story: The People v. O.J. Simpson สำหรับเอฟเอ็กซ์ ที่เธอรับบท เฟย์ เรสนิค และล่าสุด สำหรับดรามาฟ็อกซ์เรื่องใหม่ของเมอร์ฟีย์เกี่ยวกับผู้รับสายขอความช่วยเหลือด่วน 9-1-1 ประกบแองเจลา บาสเซ็ทท์และปีเตอร์ เคราส์
ล่าสุด เธอได้แสดงในซีซันแรกของซีรีส์แอนโธโลจี้โดยบราโว มีเดียเรื่อง Dirty John ที่สร้างจากบทความและพ็อดคาสต์คดีอาชญากรรมจริงที่มีชื่อเดียวกันจากคริสโตเฟอร์ กอฟฟาร์ด ผู้สื่อข่าวลอสแองเจลิส ไทม์ เธอรับบท เดบรา นิวเวล นักออกแบบภายในที่ประสบความสำเร็จและคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวจากออเรนจ์ เคาน์ตี้ ผู้ตกหลุมรักจอห์น มีแฮน ชายลึกลับมากเสน่ห์ ผู้เข้ามาทำให้ครอบครัวของเธอแตกแยกก่อนจะสร้างความขวัญผวาให้กับพวกเธอ นอกจากนี้ เธอยังรับหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้างและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำและคริติกส์ ชอยส์จากบท เดบราของเธออีกด้วย เธอได้รับบทรับเชิญในซีรีส์คอเมดีที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำโดยแฟรงค์กี้ ชอว์เรื่อง SMILF สำหรับโชว์ไทม์
ด้านภาพยนตร์ ล่าสุด บริตตันเพิ่งปิดกล้องภาพยนตร์เรื่อง Good Joe Bell ที่เธอแสดงประกบมาร์ค วอห์ลเบิร์กและใน Bombshell ที่เธอรับบท เบธ ไอเลส ภรรยาของโรเจอร์ ไอเลส เจ้าพ่อสื่อ ที่รับบทโดยจอห์น ลิธโกว์ ผลงานล่าสุดของเธอรวมถึง The Mustang ซึ่งเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์, Professor Marston & The Wonder Woman, Beatriz at Dinner, Me & Earl & the Dying Girl, This Is Where I Leave You, The To-Do List, Seeking a Friend for The End of The World, American Ultra และ Land of Steady Habits
ในเดือนเมษายน ปี 2014 บริตตันได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตสันถวไมตรีสำหรับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ในบทบาทนี้ เธอจะกระตุ้นการรับรู้เกี่ยวกับการทำงานของยูเอ็นดีพีในการขจัดความยากจน การเพิ่มพลังให้กับสตรี ต่อสาธารณชนชาวอเมริกันและทั่วโลก
อดัม โบรดี้ (Adam Brody) รับบท เจอร์รี
อดัม โบรดี้ ได้สร้างผลงานที่โดดเด่นทั้งในแวดวงจอแก้วและจอเงิน โบรดี้ได้นำแสดงในบทเซธ โคเฮนอย่างน่าจดจำในซีรีส์ยอดนิยมเรื่อง The O.C. ที่เอพิโซดไพล็อตกำกับโดยดั๊ก ลีแมน
เมื่อเร็วๆ นี้ โบรดี้ได้แสดงในทริลเลอร์โดยฟ็อกซ์ เสิร์ชไลท์เรื่อง Ready or Not ซึ่งเล่าเรื่องเจ้าสาวในตอนที่เธอเข้าร่วมพิธีที่สืบทอดกันมายาวนานของครอบครัวที่ร่ำรวยและแปลกประหลาดของสามีเธอ ที่กลับกลายเป็นเกมอันตรายที่ทุกคนต้องต่อสู้กันเพื่อเอาชีวิตรอด ต้นปีนี้ เขาได้แสดงบทเวอร์ชันผู้ใหญ่/ซูเปอร์ฮีโรของเฟร็ดดี้ในภาพยนตร์ยอดนิยมในบ็อกซ์ออฟฟิศของดีซีเรื่อง Shazam! ปัจจุบัน เขาอยู่ระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์โดยอีวาน มอร์แกนเรื่อง The Kid Detective ที่เขาจะรับบทอดีตนักสืบเด็กผู้เคยได้รับการยกย่องและปัจจุบันกลายเป็นนักสืบตกอับวัย 29 ปี ที่ต้องลดตัวมาไขปริศนาเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างพวกเมาค้างและความสงสารตัวเอง เมื่อเร็วๆ นี้ เขาเพิ่งปิดกล้องการแสดงมินิซีรีส์ที่หลายคนรอคอยเรื่อง Mrs. America ประกบเคท บลังเช็ตต์
ต้นปีนี้ โบดรี้ได้แสดงในดรามารถแข่งของสเป็คทรัมเรื่อง Curfew ประกบฌอน บีนและบิลลี เซน โดยเขารับบทแม็กซ์ ลาร์เซน มหาเศรษฐีลึกลับ นอกจากนี้ อดัมยังได้รับบทรับเชิญในซีรีส์คอเมดียอดนิยมของเอบีซีเรื่อง Single Parents ประกบลีห์ตัน มีสเตอร์อีกด้วย ผลงานจอแก้วก่อนหน้านี้ของเขารวมถึงซีรีส์ดรามาออริจินอลของแคร็กเกิลเรื่อง StartUp ประกบมาร์ติน ฟรีแมน; ซีรีส์ไดเร็คทีวีเรื่อง Billy and Billie; New Girl; ภาพยนตร์อเมซอนเรื่อง The Cosmopolitans รวมถึงบทประจำใน The League, House of Lies, Burning Love, Once and Again, Gilmore Girls; และบทรับเชิญที่โดดเด่นใน Judging Amy, Family Law และ Smallville
ผลงานภาพยนตร์ก่อนหน้านี้รวมถึงทริลเลอร์เรื่อง Isabelle, คอเมดีเรื่อง Big Bear, CHiPS ประกบไมเคิล เพนยาและแด็กซ์ เชพเพิร์ด มือเขียนบท/ผู้กำกับของเรื่อง, Yoga Hosers, Showing Roots ประกบอูโซ อาดูบาและแม็กกี้ เกรซ ภาพยนตร์ที่แพร่ภาพทางโทรทัศน์เรื่องนี้มีเรื่องราวในปี 1977 เกี่ยวกับผู้หญิงสองคนผู้พยายามปรับตัวให้เข้ากับเมืองเล็กๆ ของพวกเธอท่ามกลางความตึงเครียดเรื่องเชื้อชาติที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น นอกเหนือจากนั้น โบรดี้ยังได้แสดงใน Sleeping with Other People จากผู้อำนวยการสร้างวิล เฟอร์เรลและอดัม แม็คเคย์ ซึ่งนำแสดงโดยอลิสัน บรีและเจสัน ซูเดคิส, Growing Up and Other Lies, Life Partners ที่นำแสดงโดยลีห์ตัน มีสเตอร์และจิลเลียน จาค็อบส์, Think Like A Man Too ประกบเควิน ฮาร์ท, กาเบรียล ยูเนียน, ทาราจี พี. เฮนสัน, เรจินา ฮอลและเมแกน กู๊ด, Revenge for Jolly! ประกบคริสเตน วิ้ก, เอไลยาห์ วู้ด, ออสการ์ ไอแซ็คและไรอัน ฟิลิปเป้, Baggage Claim ที่นำแสดงโดยพอลลา แพตตันและเทย์ ดิ๊กส์, Some Girls ที่ดัดแปลงโดยนีล ลาบู๊ท จากบทละครชื่อเดียวกันของเขา, Lovelace ประกบอแมนด้า ไซฟรี้ด, ปีเตอร์ ซาร์สการ์ดและเจมส์ ฟรังโก้, Welcome to the Jungle, ภาพยนตร์ขนาดสั้นเรื่อง Double or Nothing, Damsels in Distress ประกบเกรทา เกอร์วิกและอนาลีห์ ทิปตัน, Seeking a Friend for the End of the World ประกบสตีฟ คาเรลและเคียรา ไนท์ลีย์, The Oranges ที่กำกับโดยจูเลียน ฟาริโนจากบทภาพยนตร์โดยเอียน เฮลเฟอร์และเจย์ ไรส์ และนำแสดงโดยฮิวจ์ ลอรี, แคทเธอรีน คีนเนอร์, เอเลีย ชอว์แคท, ลีห์ตัน มีสเตอร์, โอลิเวอร์ แพลทท์และอัลลิสัน แจนนีย์, ภาพยนตร์โดยโจนาธาน คัสแดนเรื่อง In the Land of Women ประกบเม็ก ไรอันและคริสเตน สจวร์ต, ภาพยนตร์โดยเวส คราเวนเรื่อง Scream 4, ภาพยนตร์โดยเควิน สมิธเรื่อง Cop Out, The Romantics, ภาพยนตร์โดยแคริน คูซามาเรื่อง Jennifer’s Body ที่เขียนบทโดยเดียโบล โคดี้, Death in Love ประกบจอช ลูคัส, ลูคัส แฮสและแจ็คเกอลิน บิสเซ็ท, Smiley Face, The Ten, ภาพยนตร์โดยเจสัน ไรท์แมนเรื่อง Thank You For Smoking, The Ring และภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์โดยดั๊ก ลีแมนเรื่อง Mr. & Mrs. Smith ประกบแบรด พิตต์และแองเจลินา โจลี
ปัจจุบัน โบรดี้อาศัยอยู่ในลอสแองเจลิส
เจนนิเฟอร์ คูลลิดจ์ (Jennifer Coolidge) รับบท ซูซาน โธมัส
เจนนิเฟอร์ คูลลิดจ์เป็นนักแสดงขาประจำของฮอลลีวูดตั้งแต่ที่เธอรับบทแม่ของสติฟเลอร์ในภาพยนตร์คอเมดีคลาสสิกปี 1999 เรื่อง American Pie เธอเป็นที่รักจากบทพอลเล็ตต์ในภาพยนตร์ดังเรื่อง Legally Blonde ประกบรีส วิทเธอร์สปูน และโด่งดังจากการร่วมมือกับผู้กำกับคริสโตเฟอร์ เกสต์หลายครั้งในภาพยนตร์เรื่อง Best in Show (2000), A Mighty Wind (2003) และ For Your Consideration (2006)
คูลลิดจ์มาจากบอสตัน เธอได้ศึกษาที่สถาบันศิลปะการละครอเมริกันในนิวยอร์ก ซิตี้และได้เข้าร่วมคณะตลกเดอะ กราวน์ดลิงส์ในลอสแองเจลิสนานเก้าปี นักแสดงหญิงและนักแสดงตลกผู้นี้ได้มีบทขโมยซีนใน A Cinderella Story, Pootie Tang, Zoolander, Sex and the City, Friends, Nip/Tuck, Party Down, Napoleon Dynamite, The Secret Life of the American Teenager, Glee, Inside Amy Schumer, 2 Broke Girls และ ฯลฯ นอกเหนือจากบทบาทที่น่าจดจำของเธอในจอแก้วและจอเงินแล้ว เธอยังได้พากย์เสียงตัวละครอนิเมชัน ได้แสดงบนเวทีบรอดเวย์และได้แสดงการแสดงตลกของตัวเองต่อหน้าผู้ชมแบบสดๆ อีกด้วย
ปัจจุบัน เธอได้แสดงใน Like a Boss ที่ร่วมแสดงโดยทิฟฟานี แฮ็ดดิชและโรส ไบรน์และหลังจากนี้ เธอก็จะได้แสดงใน PROMISING YOUNG WOMAN ประกบแครีย์ มุลลิแกน เธออาศัยอยู่ที่ลอสแองเจลิสและนิวออร์ลีนส์
ลาเวิร์น ค็อกซ์ (Laverne Cox) รับบท เกล
ลาเวิร์น ค็อกซ์ เป็นนักแสดงหญิงผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงสามรางวัลเอ็มมี ผู้อำนวยการสร้างเจ้าของรางวัลเอ็มมีและผู้เคลื่อนไหวเพื่อสิทธิที่เท่าเทียมกันและเป็นนักพูดสาธารณะ การแสดงที่โดดเด่นของค็อกซ์ในบทโซเฟีย เบอร์เซ็ทในซีรีส์ออริจินอลชื่อดังทางเน็ตฟลิกซ์เรื่อง Orange is The New Black ทำให้เธอได้รับความสนใจจากผู้ชมที่หลากหลายทั่วโลก บทนี้ทำให้ค็อกซ์กลายเป็นนักแสดงหญิงข้ามเพศคนแรกที่ได้รับบทนำในซีรีส์โทรทัศน์เมนสตรีม
ค็อกซ์ยังคงเดินหน้าแสดงจอเงินและจอแก้วในบทบาทที่แปลกใหม่และหลากหลาย เมื่อเร็วๆ นี้ เธอได้แสดงในโรแมนติกคอเมดีเรื่อง Can You Keep a Secret ประกบอเล็กซานดรา แด็ดดาริโอ ผลงานภาพยนตร์หลังจากนี้ของเธอรวมถึงภาพยนตร์อินดีโดยจัสติน ซิเมียนเรื่อง Bad Hair และแอ็กชันคอเมดีเรื่อง Jolt ประกบเคท เบคคินเซล, บ็อบบี้ คันนาเวลและสแตนลีย์ ตุชชี นอกเหนือจากซีซันที่เจ็ดและซีซันสุดท้ายของ Orange is the New Black แล้ว ปัจจุบัน ค็อกซ์ยังได้แสดงในซีรีส์เน็ตฟลิกซ์เรื่อง Dear White People, ซีรีส์เอชบีโอเรื่อง A Black Lady Sketch Show และรับบทรับเชิญในแอนโธโลจี้ไซไฟของจอร์แดน พีลเรื่อง Weird City สำหรับยูทูบอีกด้วย
ค็อกซ์ ศิลปินและนักเคลื่อนไหวที่ให้ข้อคิดที่ทรงพลังเกี่ยวกับการก้าวข้ามความคาดหวังที่มีต่อเพศเพื่อใช้ชีวิตอย่างแท้จริงมากขึ้น เป็นบุคคลข้ามเพศอย่างเปิดเผยคนแรกที่ได้ขึ้นปกนิตยสารไทม์, บริติช โว้ค, คอสโมโพลิแทนและเอสเซนส์ เธอได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุภาพสตรีประจำปี 2014 ของนิตยสารกลาเมอร์ นอกจากนี้ เธอยังได้รับสองรางวัลแซ็ก อวอร์ด โดยเธอได้ร่วมรับรางวัลนี้กับเพื่อนร่วมแสดงจาก Orange Is the New Black ในสาขาการแสดงยอดเยี่ยมโดยทีมนักแสดงในซีรีส์คอเมดี รางวัลอื่นๆ รวมถึงการได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลคริติกส์ ชอยส์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมและการได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็นเอเอซีพี อิเมจ อวอร์ดสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์คอเมดีติดต่อกัน
สารคดีที่ได้รับรางวัลเอ็มมีของค็อกซ์เรื่อง Laverne Cox Presents: The T Word ได้นำเธอไปสู่การควบคุมงานสร้างสารคดีที่ทรงพลังสองเรื่อง Disclosure: Trans Lives on Screen เป็นการนำเสนอมุมมองใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเกี่ยวกับการถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละครข้ามเพศในประวัติจอแก้วและจอเงิน ส่วน Free CeCe ก็เล่าเรื่องราวของซีซี แม็คโดนัลด์ ผู้หญิงข้ามเพศ ผู้ถูกตัดสินให้ถูกจำคุกนาน 41 เดือนในเรือนจำชายในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อนหลังจากที่ป้องกันตัวเองจากพวกเหยียดเชื้อชาติและการโจมตีจากพวกเหยียดคนข้ามเพศ สารคดีนี้ให้น้ำหนักสำคัญไปที่คดีของแม็คโดนัลด์ ประสบการณ์ของเธอระหว่างที่ถูกจองจำและผลลัพธ์ที่คดีของเธอมีต่อกลุ่มคนข้ามเพศและชุมชนคนผิวสี
ปัจจุบัน ค็อกซ์อยู่ในระหว่างการพัฒนาโปรเจ็กต์ต่างๆ มากมาย
แม็กซ์ กรีนฟิลด์ (Max Greenfield) รับบท โจ
แม็กซ์ กรีนฟิลด์ เป็นที่รู้จักดีที่สุดจากการแสดงนำในบท ชมิดท์ในซิทคอมฟ็อกซ์เรื่อง New Girl ประกบโซอี้ เดสชาแนล ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมีและลูกโลกทองคำ ปัจจุบัน เขาอยู่ระหว่างการถ่ายทำซีซันที่สองของซิทคอมยอดนิยมทางซีบีเอสเรื่อง The Neighborhood ซึ่งเขาแสดงประกบเซดริค ดิ เอนเตอร์เทนเนอร์ นอกจากนี้ เขายังได้รับบทสำคัญ รอนนี ใน American Crime Story: The Assassination of Gianni Versace อีกด้วย
ด้านภาพยนตร์ เขาได้แสดงใน What Men Want ประกบทาราจี พี. เฮนสันและเทรซี มอร์แกนและ The Glass Castle ประกบบรี ลาร์สัน สำหรับไลออนส์เกท นอกจากนี้ เขายังได้แสดงในภาพยนตร์อินดีเรื่อง Steve’s Umbrella ภายใต้การกำกับของมิเชลล์ ชูมัคเกอร์และ A Futile and Stupid Gesture ภายใต้การกำกับของเดวิด เวนสำหรับเน็ตฟลิกซ์ เขาได้รับบทคามีโอใน The Big Short ที่กำกับโดยอดัม แม็คเคย์ รวมถึงภาพยนตร์อินดีเรื่อง Hello, My Name is Doris ประกบแซลลี ฟิลด์ เขาได้แสดงทั้งในภาพยนตร์วอร์เนอร์ บรอส. เรื่อง Veronica Mars และภาพยนตร์อินดีเรื่อง About Alex สำหรับเจสซี ซวิค
ในปี 2006 เขาได้แสดงในซีรีส์ดับบลิวบีเรื่อง Modern Men และมีบทประจำใน Veronica Mars, Ugly Betty และ Greek ผลงานจอแก้วเรื่องอื่นๆ รวมถึง Raising the Bar, Castle, Lie to Me, No Ordinary Family, Hot in Cleveland และ Happy Endings นอกจากนั้น กรีนฟิลด์ยังชื่นชอบการอำนวยการสร้าง ซึ่งนำเขาไปสู่การสร้างและนำแสดงในซีรีส์ทางไดเร็ค ทีวี แชนแนล 101 เรื่อง The Gentleman’s League ซึ่งเล่าเรื่องของเขาและเจอร์รี เฟอร์รารา เพื่อนของเขา ในลีกฟุตบอลแฟนตาซีจริงๆ ของพวกเขา
คริสโตเฟอร์ มินซ์-พลาส (Christopher Mintz-Plasse) รับบท นีล
คริสโตเฟอร์ มินซ์-พลาส ล่าสุด ได้พากย์เสียงภาพยนตร์อนิเมชันโดยดรีมเวิร์คส์เรื่อง How to Train Your Dragon: The Hidden World ที่เขากลับมาพากย์เสียง ฮิคคัพ ประกบคิท แฮร์ริงตัน, เคท บลังเช็ตต์, โจนาห์ ฮิลและเจอราร์ด บัตเลอร์อีกครั้ง ก่อนหน้านี้ เขาเคยแสดงในซีรีส์ซีบีเอสเรื่อง The Great Indoors ประกบโจเอล แม็คเฮล นอกจากนี้ เขายังได้รับบทประจำในซีรีส์เน็ตฟลิกซ์เรื่อง Flaked ประกบวิล อาร์เน็ตต์ และได้พากย์เสียงในภาพยนตร์โดยดรีมเวิร์คส์ อนิเมชันเรื่อง Trolls ด้วย เขาเป็นนักแสดงหลักของซีรีส์ซีบีเอสเรื่อง Friend Me และมีบทประจำใน Dragons: Riders of Berk รวมถึงการได้ร่วมแสดงใน Party Down อีกด้วย ผลงานภาพยนตร์ของเขารวมถึง Kick-Ass 2, Smurfs 2, Movie 43, Pitch Perfect, Paranorman, Fright Night, Marmaduke, How to Train Your Dragon, Kick-Ass, Year One, Role Models และ Superbad เขาได้แสดงในภาพยนตร์ยอดนิยมของยูนิเวอร์แซลเรื่อง Neighbors และซีเควล Neighbors 2: Sorority Rising ประกบไอค์ บารินโฮลท์, เซธ โรแกน, แซ็ค เอฟรอนและโรส ไบรน์
คริส โลเวลล์ (Chris Lowell) รับบท อัล มอนโร
ปัจจุบัน คริส โลเวลล์ กำลังอยู่ระหว่างการถ่ายทำบทประจำในซีรีส์เน็ตฟลิกซ์ที่หลายคนรอคอยของชอนดา ไรมส์เรื่อง Inventing Anna เมื่อเร็วๆ นี้ เขาเพิ่งปิดกล้องภาพยนตร์โดยเทท เทย์เลอร์เรื่อง Breaking News in Yuba County ประกบอัลลิสัน แจนนีย์และภาพยนตร์โดยเอเมอรัลด์ เฟนเนลเรื่อง PROMISING YOUNG WOMAN ประกบแครีย์ มุลลิแกน สำหรับฟิล์ม เนชันและโฟกัส ฟีเจอร์ส ซึ่งจะเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 2020 และจะเข้าฉายในวันที่ 17 เมษายน ปี 2020
ปัจจุบัน เขากำลังแสดงซีซันที่สามของซีรีส์เน็ตฟลิกซ์โดยเจนจิ โคฮันเรื่อง GLOW ประกบอลิสัน บรีและมาร์ค มารอน ซึ่งได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลแซ็ก อวอร์ดปี 2018 และ 20191 สาขาการแสดงยอดเยี่ยมโดยทีมนักแสดงในซีรีส์คอเมดี ล่าสุด เขาได้แสดงซีรีส์เอพิกซ์เรื่อง Graves ประกบนิค โนลเต้
ก่อนหน้านี้ เขาได้แสดงในภาพยนตร์โดยจอช มาร์สตันเรื่อง Complete Unknown ประกบราเชล ไวซ์, ไมเคิล แชนนอนและเคธี เบทส์ รวมถึงภาพยนตร์โดยเวย์น โรเบิร์ตส์เรื่อง Katie Says Goodbye ประกบ มิเรลล์ อีนอสและโอลิเวีย คุ้ก นอกจากนี้ เขายังรับบทนำในซีรีส์ยอดนิยมของฟ็อกซ์เรื่อง Enlisted ที่สร้างโดยเควิน บีเกลอีกด้วย ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ รวมถึง Veronica Mars, The Help และ Up in the Air
แซม ริชาร์ดสัน (Sam Richardson) รับบท พอล
แซม ริชาร์ดสัน เป็นที่รู้จักดีที่สุดจากบท ริชาร์ด สเปล็ทท์ในซีรีส์ยอดนิยมทางเอชบีโอเรื่อง Veep นอกจากนั้น เขายังได้สร้างและนำแสดงในซีรีส์ Detroiters ทางคอเมดี เซ็นทรัลอีกด้วย ซีรีส์นี้อำนวยการสร้างโดยบรอดเวย์ วิดีโอและเจสัน ซูเดคิส เขาเพิ่งปิดกล้องการถ่ายทำบทนำใน The Tomorrow War ที่นำแสดงโดยคริส แพรทท์
ด้านจอเงิน ริชาร์ดสันได้แสดงใน Ralph Breaks the Internet และ Game Over, Man! ประกบอดัม เดอไวน์, แอนเดอร์ส โฮล์มและเบลค แอนเดอร์สัน นอกจากนี้ แซมยังได้แสดงใน Mike and Dave Need Wedding Dates สำหรับฟ็อกซ์ ประกบแซ็ค เอฟรอน, อดัม เดอไวน์, แอนนา เคนดริคและออเบรย์ พลาซา เขาได้แสดงใน Neighbors 2 ประกบเซธ โรแกนและแซ็ค เอฟรอนและได้ร่วมแสดงใน Ghostbusters และ Office Christmas Party ประกบเจสัน เบทแมน, เจนนิเฟอร์ อนิสตัน, ทีเจ มิลเลอร์, เคท แม็คคินนอนและวิล สเป็ค โดยมีจอช กอร์ดอนเป็นผู้กำกับ
ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ รวมถึง Spy, We’re the Millers และ Horrible Bosses 2 นอกเหนือจากนั้น เขายังมีบทประจำใน The Office และได้รับบทรับเชิญในซีรีส์ New Girl และ Arrested Development ริชาร์ดสันเป็นอดีตสมาชิกของนักแสดงเวทีหลักของคณะเซคคันด์ ซิตี้ ชิคาโก้ ที่โด่งดังและได้ร่วมแสดงในซีรีส์ยูทูบ พรีเมียมเรื่อง Champaign Ill
มอลลี แชนนอน (Molly Shannon) รับบทมิสซิสฟิชเชอร์
มอลลี แชนนอน กลายเป็นหนึ่งในนักแสดงที่เป็นที่ต้องการตัวสูงสุดของฮอลลีวูดทางจอแก้วและจอเงิน แชนนอนได้ใช้เวลาหกซีซันในฐานะสมาชิกทีมนักแสดงของ Saturday Night Live และโด่งดังจากตัวละครหลากหลายที่เธอสร้างขึ้น เช่นแมรี แคทเธอรีน กัลลาเกอร์และแซลลี โอ’มัลลีย์ ในปี 2000 เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมีสาขาการแสดงเดี่ยวยอดเยี่ยมในรายการดนตรีหรือวาไรตี้
แชนนอนได้รับรางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมปี 2017 จากการแสดงของเธอในบทแม่ผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งในดรามาดังเรื่อง Other People ที่เขียนบทและกำกับโดยคริส เคลลี มือเขียนบทของ SNL เมื่อเร็วๆ นี้ แชนนอนเพิ่งได้ร่วมงานกับคริส เคลลีและซาราห์ ชไนเดอร์ อดีตหัวหน้าทีมเขียนบทของ SNL อีกครั้งในคอเมดีเรื่องใหม่ The Other Two ซึ่งได้ไฟเขียวจากคอเมดี เซ็นทรัลให้สร้างต่อซีซันที่สอง เมื่อเร็วๆ นี้ เธอได้แสดงในซีซันที่สาม ซึ่งเป็นซีซันสุดท้ายของคอเมดียอดนิยมทางเอชบีโอเรื่อง Divorce ประกบซาราห์ เจสสิกา ปาร์คเกอร์และโธมัส ฮาเดน เชิร์ช เมื่อเร็วๆ นี้ เธอกลับมารับบท วัล บาสเซ็ทท์อีกครั้งในซีรีส์เอ็นบีซีเรื่อง Will & Grace การแสดงของเธอส่งผลให้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมีสาขานักแสดงรับเชิญหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์คอเมดี นอกจากนี้ เธอยังได้พากย์เสียง เมอร์นา ในซีรีส์อนิเมชันของเน็ตฟลิกซ์เรื่อง Spy Kids: Mission Critical อีกด้วย
หลังจากนี้ไม่นาน เธอจะได้แสดงในดรามาใหม่สำหรับเน็ตฟลิกซ์เรื่อง Horse Girl ประกบอลิสัน บรี ในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ เธอยังจะได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง Jay and Silent Bob Reboot ด้วย
ผลงานจอแก้วอื่นๆ รวมถึงมินิซีรีส์เรื่อง Wet Hot American Summer สำหรับเน็ตฟลิกซ์, บทรับเชิญในซีรีส์เอชบีโอเรื่อง Enlightened ซึ่งทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมีสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์คอเมดี นอกจากนั้น เธอยังได้แสดงบทรับเชิญในซีรีส์ต่างๆ เช่น Raising Hope, ซีรีส์ซีบีเอสเรื่อง Life in Pieces, ซีรีส์คอเมดีทางเอชบีโอเรื่อง Getting On, ซีรีส์คอเมดีทางเอบีซีที่นำแสดงโดยรีเบล วิลสันเรื่อง Super Fun Night, มินิซีรีส์ไอเอฟซีเรื่อง The Spoils of Babylon ประกบโทบี้ แม็กไกวร์และคริสเตน วิ้ก, Up All Night, The Middle, Web Therapy โดยลิซา คุโดรว์, บทรับเชิญประจำในซีรีส์ยอดนิยมทางฟ็อกซ์เรื่อง Glee, ซีรีส์อนิเมชันทางทีบีเอสเรื่อง Neighbors from Hell, เวอร์ชันอเมริกันของซิทคอมยอดนิยมสัญชาติออสเตรเลียนเรื่อง Kath and Kim รวมถึง Cracking Up, Will & Grace, Sex and the City, Seinfeld, Pushing Daisies และ 30 Rock ผลงานภาพยนตร์ที่แพร่ภาพทางโทรทัศน์ของเธอรวมถึง More of Me, 12 Days of Christmas Eve และ The Music Man
ผลงานภาพยนตร์รวมถึงคอเมดีอินดีเรื่อง Wild Nights with Emily ซึ่งเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์เซาธ์บายเซาธ์เวสต์ปี 2018, ภาพยนตร์ออริจินอลทางเน็ตฟลิกซ์โดยทามารา เจนกินส์เรื่อง Private Life ประกบพอล จิอาแมตติและแคธริน ฮาห์น ซึ่งเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 2018, คอเมดีอนิเมชันเรื่อง Hotel Transylvania 3: Summer Vacation และคอเมดีเน็ตฟลิกซ์เรื่อง Sextuplets
นอกจากนั้น ผลงานภาพยนตร์ของแชนนอนยังรวมถึง Half Magic; The Little Hours; Fun Mom Dinner; ภาพยนตร์คอเมดีโดยวิลเลียม เอช. เมซีเรื่อง The Layover; ภาพยนตร์อินดีเรื่อง Miles จากผู้กำกับนาธาน แอ็ดลอฟฟ์; We Don’t Belong Here ดรามาเกี่ยวกับครอบครัวที่กำลังล่มสลาย ที่นำแสดงโดยแคทเธอรีน คีนเนอร์และแอนตัน เยลชิน; Me, Earl and the Dying Girl ดรามาอินดีซึ่งได้รับรางวัลแกรนด์ จูรี ไพรซ์และรางวัลออเดียนซ์ อวอร์ดจากงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 2015; คอเมดีอเมริกันเกี่ยวกับซอมบี้เรื่อง Life After Beth; ภาคห้าของแฟรนไชส์ยอดนิยมเรื่อง Scary Movie; อนิเมชันคอเมดีเรื่อง Hotel Transylvania และซีเควล Hotel Transylvania 2; Bad Teacher ประกบคาเมรอน ดิแอซ, เจสัน ซีเกลและจัสติน ทิมเบอร์เลค; Superstar ในบทแมรี แคทเธอรีน กัลป์ลาเกอร์ สาวโรงเรียนคาธอลิคขวัญใจทุกคน; ภาพยนตร์โดยโซเฟีย คอปโปลาเรื่อง Marie Antoinette; Year of the Dog; Talladega Nights: The Ballad of Ricky Bobby; Evan Almighty; Igor; ภาพยนตร์โดยคีเนน ไอวอรี วายันส์เรื่อง Little Man; Scary Movie 4; ภาพยนตร์โดยรอน โฮเวิร์ดเรื่อง How the Grinch Stole Christmas; A Night at the Roxbury; Analyze This; Happiness; Never Been Kissed; The Good Boy!; Serendipity; Osmosis Jones; The Santa Clause 2 และ Wet Hot American Summer
ในปี 2011 อับรามส์ บุ๊คส์ ฟอร์ ยัง รีดเดอร์ส ได้ตีพิมพ์ Tilly the Trickster หนังสือภาพสำหรับเด็กเล่มแรกของมอลลีออกมา หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องราวของ ทิลลี (ตัวแสบแสนดี ผู้เรียนรู้บทเรียนของตัวเองแต่ไม่เคยหยุดยั้งนักอ่านจากความสนุก” ในปี 2010 แชนนอนได้เปิดตัวบนเวทีบรอดเวย์ ด้วยการแทนที่เคที ฟินเนอแรน นักแสดงรางวัลโทนี อวอร์ดในมิวสิคัลยอดนิยมเรื่อง Promises, Promises ประกบฌอน เฮเยส และคริสติน เชโนเวธ
แคลนซี บราวน์ (Clancy Brown) รับบท สแตนลีย์ โธมัส
แคลนซี บราวน์ เริ่มต้นอาชีพนักแสดงของเขาในโรงละครในชิคาโก้และเขาก็เดินหน้าแสดงละครเวทีในท้องถิ่นจนกระทั่งเขาได้รับบท ไวกิ้ง นักโทษโหด ในภาพยนตร์ปี 1983 เรื่อง Bad Boys ที่นำแสดงโดยฌอน เพนน์ หลังจากนั้น เขาก็ได้แสดงในภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมถึงภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงหลายรางวัลออสการ์เรื่อง The Shawshank Redemption ตลอดไปจนถึง Chappaquiddick, Thor: Ragnarok, Cowboys and Aliens, The Guardian, Starship Troopers, Blue Steel, Shoot to Kill, Extreme Prejudice และภาพยนตร์คัลท์คลาสสิกเรื่อง Highlander ผลงานจอแก้วส่วนหนึ่งของบราวน์รวมถึงซีรีส์รางวัลเอ็มมี อวอร์ดของเอชบีโอเรื่อง Carnivale, ซีรีส์เอ็นบีซีเรื่อง Earth 2, ภาพยนตร์เอชบีโอที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมี อวอร์ดเรื่อง Normal รวมถึงบทประจำใน Billions, The Goldbergs, Schooled, Chicago P.D., Sleepy Hollow และ ER เขามีเส้นทางที่รุ่งโรจน์ในฐานะนักพากย์และเขาก็เพิ่งเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี การพากย์เสียงมิสเตอร์แคร็บส์ในซีรีส์อนิเมชันเรื่อง SpongeBob SquarePants ปัจจุบัน เขาได้รับบทขาประจำซีรีส์เอบีซีเรื่อง Emergence ในบท เอ็ด และได้รับบทดารารับเชิญ แอลบีเจ ในซีซันใหม่ของ The Crown และบท เบิร์ก ใน Chapter 6 ของซีรีส์ดิสนีย์พลัสเรื่อง The Mandalorian
อัลเฟรด โมลินา (Alfred Molina) รับบท จอร์แดน กรีน
อัลเฟรด โมลินา เป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จชาวลอนดอน ผู้ซึ่งการแสดงที่หลากหลายและโดดเด่นของเขานำไปสู่อาชีพนักแสดงที่ยาวนานและรุ่งโรจน์ โมลินา ผู้สับเปลี่ยนระหว่างการแสดงภาพยนตร์ โทรทัศน์และละครเวทีอย่างง่ายดาย เป็นศิลปินตัวจริง ผู้สามารถเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นบุคคลหลากสัญชาติและบุคลิกได้
การแสดงที่ตราตรึงใจที่สุดบางส่วนของอัลเฟรดรวมถึงการรับบทดิเอโก้ ริเวรา นักวาดภาพจิตรกรรมฝาหนังเจ้าสำราญชาวเม็กซิกัน ในภาพยนตร์หลายรางวัลที่ได้รับเสียงยกย่องเรื่อง Frida (2002) ประกบซัลมา ฮาเย็คและกำกับโดยจูลี เทย์เมอร์ (ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลแซ็ก อวอร์ดสาขาการแสดงยอดเยี่ยมโดยนักแสดงสมทบชาย), เทย์วี คนส่งนมชาวยิวในละครบรอดเวย์ปี 2004 ที่นำมิวสิคัลเรื่อง Fiddler on the Roof กลับมาสร้างใหม่ (ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลโทนีสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม), ราชัด แจ็คสัน คนค้ายาสติแตก ในภาพยนตร์ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมเรื่อง Boogie Nights (1997) สำหรับผู้กำกับพอล โธมัส แอนเดอร์สันและด็อค อ็อค ตัวร้ายจากหนังสือการ์ตูน ในซีเควลบล็อกบัสเตอร์ยอดนิยมเรื่อง Spider-Man 2 (2004) ประกบโทบี้ แม็กไกวร์สำหรับผู้กำกับแซม ไรมี
โปรเจ็กต์ที่โด่งดังอื่นๆ ที่โมลินาได้แสดงรวมถึงดรามาอีพิครวมดาราโดยพอล โธมัส แอนเดอร์สันเรื่อง Magnolia, โรแมนติกคอเมดีที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดโดยแลสซี ฮอลสตรอมเรื่อง Chocolat (2000), ภาพยนตร์โดยรอน โฮเวิร์ดที่ดัดแปลงจากนิยายของแดน บราวน์เรื่อง The Da Vinci Code (2006) ประกบทอม แฮงค์และภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงหลายรางวัลของโลน เชอร์ฟิกเรื่อง An Education ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลบาฟตา อวอร์ดสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ประกบแครีย์ มุลลิแกนและปีเตอร์ ซาร์สการ์ด นอกจากนี้ เขายังได้แสดงประกบจอห์น ลิธโกว์ในภาพยนตร์ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมเรื่อง Love is Strange (2014) สำหรับผู้กำกับอิรา แซ็คส์ ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม และได้แสดงประกบมาร์ค รัฟฟาโลและจูเลีย โรเบิร์ตส์ในภาพยนตร์เอชบีโอที่กำกับโดยไรอัน เมอร์ฟีย์ในปี 2014 เรื่อง The Normal Heart (ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมี สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม)
ในช่วงหลายปีมานี้ โมลินาได้แสดงในละครเวทีโดยทอม ฮอลโลเวย์เรื่อง And No More Shall We Part สำรหับวิลเลียมส์ทาวน์ เธียเตอร์ เฟสติวัล (2017), ดรามารางวัลพูลิทเซอร์ของยูจีน โอ’ นีลล์เรื่อง A Long Day’s Journey into Night สำหรับเจฟเฟน เพลย์เฮาส์ (2017) และซีรีส์คอเมดีดรามาโชว์ไทม์เรื่อง I’m Dying Up Here (2017) ผลงานของเขายังรวมถึงภาพยนตร์เรื่อง Breakable You (2017) ประกบโทนี แชลล็อบ, ฮอลลี ฮันเตอร์และแอนนา พาควิน; Message from the King (2017) ประกบเทเรซา ปาล์มเมอร์และลุค อีวานส์; A Family Man (2017) ประกบเจอราร์ด บัตเลอร์, The Front Runner สำหรับผู้กำกับเจสัน ไรท์แมน, ภาพยนตร์อินดีเรื่อง Saint Judy สำหรับผู้กำกับฌอน ฮานิช, ภาพยนตร์อนิเมชันเรื่อง Henchman สำหรับบรอน สตูดิโอส์และซีรีส์เอฟเอ็กซ์ที่ได้รับการยกย่องโดยไรอัน เมอร์ฟีย์เรื่อง Feud: Bette and Joan (2017 / ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมีสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม) ประกบเจสสิกา เลนจ์และซูซาน ซาแรนดอน ผลงานที่กำลังอยู่ระหว่างงานสร้างได้แก่ภาพยนตร์เรื่อง Road to Capri ประกบเวอร์จิเนีย แมดเซนและ The Devil Has a Name สำหรับผู้กำกับเอ็ดเวิร์ด เจมส์ ออลโมส นอกจากนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ เขายังเพิ่งปิดกล้องภาพยนตร์โดยจาค็อบ เอสเต้เรื่อง Don’t Let Go ที่นำแสดงโดยสตอร์ม รี้ดและเดวิด โอเยลโลโออีกด้วย
เอเมอรัลด์ เฟนเนล (Emerald Fennell)—มือเขียนบท ผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง
เอเมอรัลด์ เฟนเนล เป็นมือเขียนบท ผู้สร้าง คนทำหนังและนักแสดงหญิง ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำและเอ็มมี ผู้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะบุคคลหลายบทบาท ผู้มีผลงานทั้งในจอแก้วและจอเงิน
ในวันที่ 17 เมษายน PROMISING YOUNG WOMAN ภาพยนตร์ใหม่ของเธอที่เธอได้เขียนบทและกำกับ จะถูกจัดจำหน่ายโดยโฟกัส ฟีเจอร์ส ทั้งในและต่างประเทศ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของแบล็คลิสต์ปี 2018
ปัจจุบัน เธอแสดงบทคามิลลา ปาร์คเกอร์ โบว์เลสในซีซันสามของซีรีส์ The Crown ซึ่งทำให้เธอได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมล้นหลาม ก่อนหน้านั้น เธอรับหน้าที่หัวหน้าทีมเขียนบทในซีซันสองของ Killing Eve ซึ่งทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำ ปัจจุบัน เธออยู่ระหว่างการเขียนบทเวอร์ชันละครเวทีร่วมสมัยของเรื่อง Cinderella ร่วมกับแอนดรูว์ ลอยด์ เวเบอร์
Careful How You Go ผลงานแรกของเธอ ที่เธอได้เขียนบทและกำกับ เปิดตัวในงานเทศกาลซันแดนซ์ในปี 2019 ก่อนหน้านี้ เธอได้ขายบทตอนไพล็อตเรื่อง Space Bound ให้กับฟ็อกซ์ โดยมีการวางตัวเกล เบอร์แมนเป็นผู้อำนวยการสร้าง
เฟนเนลได้ตีพิมพ์นิยายสามเรื่องได้แก่ Shiverton Hall และซีเควล The Creeper และ Monsters ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลคาร์เนจี้ มีดัลปี 2017 ซึ่งทุกเรื่องล้วนแล้วแต่ได้รับการตอบรับอย่างดีและถูกยกไปเทียบกับนักเขียนชื่อดังตั้งแต่โรอัลด์ ดาห์ลไปจนถึงเบรท อีสตัน เอลลิส
ผลงานแสดงภาพยนตร์ล่าสุดของเธอรวมถึง The Danish Girl, Pan และ Anna Karenina
ลัคกี้แช็ป เอนเตอร์เทนเมนต์ (LuckyChap Entertainment)
ลัคกี้แช็ป เอนเตอร์เทนเมนต์ เป็นบริษัทโปรดักชันในลอสแองเจลิส ที่ชำนาญด้านงานสร้างภาพยนตร์และโทรทัศน์ บริษัทแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 โดยมาร์ก็อท ร็อบบี้, ทอม แอ็คเคอร์ลีย์, โจซีย์ แม็นามาราและโซเฟีย เคอร์ พวกเขามีข้อตกลงด้านการเสนองานภาพยนตร์และโทรทัศน์กับวอร์เนอร์ บรอส. สตูดิโอส์เป็นที่แรก โปรเจ็กต์จอเงินเรื่องแรกของพวกเขาคือภาพยนตร์อินดีที่ได้รับรางวัลเรื่อง I, Tonya ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวท่ามกลางเสียงวิจารณ์ล้นหลามที่งานเทศกาลภาพยนตร์โตรอนโตปี 2017 และถูกขายให้กับนีออน ก่อนจะเข้าฉายปลายปีนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม มิวสิคัลหรือคอเมดีปี 2018 และทำให้อัลลิสัน แจนนีย์ได้รับรางวัลอคาเดมี อวอร์ดสาขานักแสดงสมทบหญิงและทำให้มาร์ก็อท ร็อบบี้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
นอกจากนี้ ลัคกี้แช็ป เอนเตอร์เทนเมนต์ยังได้อำนวยการสร้างภาพยนตร์นีโอนัวร์ปี 2018 เรื่อง Terminal ที่นำแสดงโดยไมค์ ไมเยอร์ส, ไซมอน เพ็กก์และมาร์ก็อท ร็อบบี้ และภาพยนตร์อินดีเรื่อง Dreamland ที่นำแสดงโดยมาร์ก็อท ร็อบบี้และฟินน์ โคล ที่เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ไทรเบก้าปี 2019 อีกด้วย
หลังจากนี้ ภาพยนตร์ของพวกเขาเรื่อง PROMISING YOUNG WOMAN จะเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 2020 ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยแครีย์ มุลลิแกน และกำกับโดยมือเขียนบท/ผู้กำกับหญิงหน้าใหม่ เอเมอรัลด์ เฟนเนล นอกเหนือจากนั้น ภาพยนตร์ของพวกเขาเรื่อง Birds of Prey (and The Fantabulous Emancipation of One Harley Quinn) จะจัดจำหน่ายโดยวอร์เนอร์ บรอส. ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ปี 2020 ร่วมกับครอล แอนด์ โค เอนเตอร์เทนเมนต์ และคลับเฮาส์ พิคเจอร์ส ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยมาร์ก็อท ร็อบบี้ และยวน แม็คเกรเกอร์และกำกับโดยเคธี ยัน
ลัคกี้แช็ป เอนเตอร์เทนเมนต์มีโปรเจ็กต์ยี่สิบเรื่องที่กำลังอยู่ในขั้นตอนต่างๆ ของการพัฒนา รวมถึงภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชัน Barbie กับแมทเทลและวอร์เนอร์ บรอส. โดยมีการวางตัวเกรทา เกอร์วิคและโนอาห์ บอมบัคให้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์
ด้านจอแก้ว ลัคกี้แช็ป เอนเตอร์เทนเมนต์ได้อำนวยการสร้างซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จเรื่อง Dollface ร่วมกับคลับเฮาส์ พิคเจอร์สและเอบีซี ซิกเนเจอร์ สตูดิโอส์ ซึ่งเปิดตัวทางฮูลูในวันที่ 15 พฤศจิกายน ปี 2019 ซีรีส์คอเมดีเรื่องนี้นำแสดงโดยแคท เดนนิงส์ พวกเขาตั้งเป้าที่จะอำนวยการสร้างซีรีส์ดราเมดี้ที่มีผู้หญิงเป็นตัวขับเคลื่อน ร่วมกับจอห์น เวลส์ โปรดักชันส์ ภายใต้แรงบันดาลใจจากอนุทินเบสต์เซลเลอร์ของนิวยอร์ก ไทม์โดยสเตฟานีย์ แลนด์เรื่อง Maid: Hard Work, Low Pay, and a Mother’s Will to Survive พวกเขาได้ร่วมมือกับแอสเซมเบิล มีเดียและวอร์เนอร์ ฮอไรซัน สำหรับซีรีส์แอนโธโลจี้สยองขวัญที่มีเยาวชนเป็นกลุ่มเป้าหมายเรื่อง Ameri-Scares ที่สร้างจากชุดหนังสือของอลิซาเบธ แมสซี นอกจากนี้ ลัคกี้แช็ปยังได้ร่วมมือกับฮู้ดลัมและเอบีซี ออสเตรเลียในการสร้างซีรีส์ 10 ตอนขึ้นมาจากผลงานเชคสเปียร์เวอร์ชันสมัยใหม่ ที่บอกเล่าจากมุมมองของผู้หญิงและจะนำทีมโดยทีมงานสร้างหญิงล้วน
เมื่อเร็วๆ นี้ ลัคกี้แช็ป เอนเตอร์เทนเมนต์ได้ร่วมมือกับฮ็อดสัน เอ็กซ์พอร์ตส์ในการก่อตั้งลัคกี้ เอ็กซ์พอร์ตส์ พิทช์ โปรแกรม (แอลอีพีพี) โครงการใหม่ที่เลือกมือเขียนบทหญิงหกคนให้เข้าร่วมโครงการ โดยแต่ละคนจะต้องพัฒนาไอเดียของตัวเองสำหรับภาพยนตร์แอ็กชันออริจินอลขึ้นมา
ฟิล์มเนชัน เอนเตอร์เทนเมนต์ (FilmNation Entertainment)
ฟิล์มเนชัน เอนเตอร์เทนเมนต์ เป็นผู้อำนวยการสร้าง นายทุนและผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์อิสระ โทรทัศน์ ละครเวที สื่อประเภทเสียงและสื่อใหม่ระดับแนวหน้า นับตั้งแต่การก่อตั้งขึ้นในปี 2008 ฟิล์มเนชันได้เติบโตจากรากเหง้าของมันในแวดวงภาพยนตร์ อินดีด้วยการใช้ประโยชน์จากรสนิยมความคิดสร้างสรรค์ที่ท้าทายและประสบการณ์ของพวกเขาในการสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมทั่วโลก ฟิล์มเนชันได้ร่วมงานกับทีมผู้สร้างและนักเล่าเรื่องที่โด่งดังที่สุดของโลกหลายคน รวมถึงสตีเวน โซเดอร์เบิร์กห์, เทอร์เรนซ์ มาลิค, โซเฟีย คอปโปลา, เปโดร อัลโมโดวาร์, เรียน จอห์นสัน, จูลี เทย์เมอร์, อาร์มานโด้ เอียนนุชชีและเดนิส วิลเลอเนิฟ บริษัทแห่งนี้ได้ตั้งเป้าหมายในการเป็นบ้านสำหรับการเล่าเรื่องแบบพิเศษที่มีเสน่ห์สากล ด้วยการโฟกัสไปที่กลุ่มโปรเจ็กต์เฉพาะทางที่เน้นถึงความคิดสร้างสรรค์และเสน่ห์เชิงพาณิชย์
ฟิล์มเนชันที่มักติดอันดับหนึ่งในผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์อิสระระดับโลกที่ทำรายได้สูงสุดได้เน้นหนักไปที่การสร้างคอนเทนท์ในช่วงหลายปีมานี้ ด้วยการเนรมิตชีวิตให้กับภาพยนตร์ยอดนิยมในบ็อกซ์ออฟฟิศที่ได้รับรางวัลต่างๆ ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์โดยเดนิส วิลเลอเนิฟเรื่อง Arrival ที่นำแสดงโดยเอมี อดัมส์และภาพยนตร์โดยคูมาอิล นันเจียนีและเอมิลี วี. กอร์ดอนเรื่อง The Big Sick ฟิล์มเนชันและขายและจัดจำหน่ายภาพยนตร์สี่รางวัลอคาเดมี อวอร์ดเรื่อง The King’s Speech ที่นำแสดงโดยโคลิน เฟิร์ธในทั่วโลก, ภาพยนตร์โดยเปโดร อัลโมโดวาร์เรื่อง Dolor Y Gloria ที่นำแสดงโดยแอนโทนิโอ แบนเดอรัสและเพเนโลเป้ ครูซ, The Imitation Game ที่นำแสดงโดยเบเนดิคท์ คัมเบอร์แบทช์และภาพยนตร์โดยเลนนี อับราฮัมสันเรื่อง Room ซึ่งทำให้บรี ลาร์สันได้รับรางวัลอคาเดมี อวอร์ดสาขานักแสดนำหญิงยอดเยี่ยม ผลงานสร้างและขายของบริษัทได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดมากกว่า 45 รางวัลและคว้ารางวัลมาได้ 8 รางวัล รวมถึงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก The King’s Speech
ผลงานสร้างของฟิล์มเนชันที่เข้าฉายในปี 2020 รวมถึงภาพยนตร์โดยฌอน เดอร์คินเรื่อง The Nest ที่นำแสดงโดยจู๊ด ลอว์และแคร์รีย์ คูน, ภาพยนตร์โดยโดมินิค คุ้กเรื่อง Ironbark ที่นำแสดงโดยเบเนดิคท์ คัมเบอร์แบทช์และราเชล บรอสนาฮาน, ภาพยนตร์โดยเอเมอรัลด์ เฟนเนลเรื่อง PROMISING YOUNG WOMAN ที่นำแสดงโดยแครีย์ มุลลิแกน, ภาพยนตร์โดยอาร์มานโด้ เอียนนุชชีเรื่อง The Personal History of David Copperfield ที่นำแสดงโดยเดฟ พาเทล, ทิลดา สวินตันและฮิวจ์ ลอรีและภาพยนตร์โดยเวโรนิก้า ฟรานซ์และเซเวริน เฟียลาเรื่อง The Lodge ที่นำแสดงโดยไรลีย์ เคอัฟ ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างงานสร้างภาพยนตร์โดยลิซา จอยเรื่อง Reminiscence ที่นำแสดงโดยฮิวจ์ แจ็คแมนและอยู่ระหว่างการเตรียมงานสร้างภาพยนตร์โดยเดเมียน ซิฟรอนเรื่อง Misanthrope ที่นำแสดงโดยเชลีน วู้ดลีย์
สตูดิโออิสระแห่งนี้มีโปรเจ็กต์จอแก้วชื่อดังระดับโลกมากมายที่รอเข้าฉายรวมถึง I Know This Much Is True โดยดีเร็ค เซียนฟรานซ์ ที่กำลังอยู่ระหว่างการถ่ายทำและนำแสดงโดยมาร์ค รัฟฟาโลสำหรับเอชบีโอ; ซีรีส์ที่ดัดแปลงจากเรื่อง The House of the Spirits ของอิซาเบล อัลเลนเด้สำหรับฮูลู; American Heiress โดยเดซี กู๊ดวินและ Rabbit Run โดยจอห์น อัพไดค์ ผลงานร่วมสร้างกับลุคเอาท์ พอยท์ แบรนด์เสื้อผ้าจากอังกฤษ บริษัทแห่งนี้ได้ประกาศตั้งแต่ช่วงต้นปี 2019 ถึงการก่อตั้งบริษัทโปรดักชันโทรทัศน์ในอังกฤษร่วมกับนอร์ดิค เอนเตอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป บริษัทแห่งนี้ได้ขยายแพลทฟอร์มของพวกเขาด้วยการลงทุนเชิงกลยุทธในการเล่าเรื่องแบบอื่นๆ รวมถึงงานสร้างละครเวทีมิวสิคัล 10 รางวัลโทนีเรื่อง The Band’s Visit และละครเวสต์เอนด์ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมเรื่อง True West บริษัทแห่งนี้ได้ก้าวเข้าสู่แวดวงสื่อประเภทเสียงด้วยพ็อดคาสต์ Hyper-Thetical สำหรับลูมินารี และยังคงเดินหน้าสร้างคอนเทนท์เสียงและดิจิตอลอย่างต่อเนื่อง
เบน บราวนิง (Ben Browning)—ผู้อำนวยการสร้าง
เบน บราวนิง ดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายงานสร้าง ภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่ฟิล์มเนชัน เอนเตอร์เทนเมนต์ โดยฟิล์มเนชันเป็นผู้อำนวยการสร้าง ผู้จัดจำหน่ายและผู้สนับสนุนเงินทุนระดับแนวหน้าของงานภาพยนตร์และโทรทัศน์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำหรับทีมผู้สร้างที่โด่งดังที่สุดของโลก
งานสร้างภายใต้วาระของบราวนิงรวมถึงภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดสามเรื่องในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ภาพยนตร์โดยเดนิส วิลเลอเนิฟเรื่อง Arrival, ภาพยนตร์โดยเลนนี อับราฮัมสันเรื่อง Room และภาพยนตร์โดยมอร์เทน ทิลดัมเรื่อง The Imitation Game ผลงานหลังจากนั้นรวมถึงภาพยนตร์โดยอาร์มานโด้ เอียนนุชชีเรื่อง The Personal History of David Copperfield, ภาพยนตร์โดยเจนนิเฟอร์ เคนท์เรื่อง The Nightingale, ภาพยนตร์โดยนิชา กานาทราเรื่อง Late Night, ภาพยนตร์โดยเซบาสเตียน เลลิโอเรื่อง Gloria Bell และ Disobedience, ภาพยนตร์โดยเวโรนิก้า ฟรานซ์และเซเวริน เฟียลาเรื่อง The Lodge, ภาพยนตร์โดยไมเคิล โชวอลเตอร์เรื่อง The Big Sick, ภาพยนตร์โดยเจเรมี ซอลเนียร์เรื่อง Hold the Dark, ภาพยนตร์โดยมาร์ค เว็บบ์เรื่อง Gifted, ภาพยนตร์โดยแดน โฟเกลแมนเรื่อง Life Itself, ภาพยนตร์โดยริชาร์ด แอร์เรื่อง The Children Act, ภาพยนตร์โดยจอห์น แมดเดนเรื่อง Miss Sloane, ภาพยนตร์โดยริเทช บาทราเรื่อง The Sense of an Ending และภาพยนตร์โดยจอห์น ลี แฮนค็อกเรื่อง The Founder
นอกเหนือจาก PROMISING YOUNG WOMAN แล้ว ผลงานสร้างหลังจากนี้สำหรับบราวนิงรวมถึงภาพยนตร์โดยฌอน เดอร์คินเรื่อง The Nest, ภาพยนตร์โดยโดมินิค คุ้กเรื่อง Ironbark และภาพยนตร์โดยดีเร็ค เซียนฟรานซ์เรื่อง I Know This Much Is True สำหรับเอชบีโอ
ก่อนหน้าการก่อตั้งฟิล์มเนชัน บราวนิงดำรงตำแหน่งซีโอของเวย์แฟร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ บริษัทงานสร้างและให้เงินทุนภาพยนตร์ งานสร้างของพวกเขารวมถึงภาพยนตร์โดยมอร์เทน ทิลดัมเรื่อง Passengers, ภาพยนตร์ที่อำนวยการสร้างโดยเจมส์ คาเมรอนเรื่อง Sanctum, ภาพยนตร์โดยแอนนา โบเดนและไรอัน เฟล็คเรื่อง It’s Kind of a Funny Story, ภาพยนตร์โดยนีล จอร์แดนเรื่อง Ondine และภาพยนตร์โดยเซบาสเตียน คอร์ดีโรเรื่อง Europa Report
ก่อนหน้าการก่อตั้งเวย์แฟร์ บราวนิงดำรงตำแหน่งผู้บริหารที่อินดัสทรี เอนเตอร์เทนเมนต์ และได้อำนวยการสร้างรายการโทรทัศน์ต่างๆ รวมถึง Masters of Horror สำหรับโชว์ไทม์, Fear Itself สำหรับเอ็นบีซีและ Masters of Science Fiction สำหรับเอบีซี ก่อนหน้านี้ บราวนิงได้ทำงานที่เอเจนซี เอพีเอ หลังจากเริ่มต้นทำงานที่เอเจนซีโฆษณา ซัทจิ แอนด์ ซัทจิในกรุงลอนดอน เขาสำเร็จการศึกษาจากลอนดอน สคูล ออฟ อีโคโนมิคส์
แอชลีย์ ฟ็อกซ์ (Ashley Fox)—ผู้อำนวยการสร้าง
แอชลีย์ ฟ็อกซ์ ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสฝ่ายงานสร้างที่ฟิล์มเนชัน เอนเตอร์เทนเมนต์ ที่ซึ่งเธอได้ดูแลงานพัฒนาและงานสร้างภาพยนตร์และโทรทัศน์ ปัจจุบัน เธออยู่ระหว่างการอำนวยการสร้างภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่อง The Map of Tiny Perfect Things ของเลฟ กรอสแมน ร่วมกับวี้ด โร้ด โดยมีเอียน ซามวลส์ (Sierra Burgess Is a Loser) เป็นผู้กำกับ ก่อนหน้าการทำงานร่วมกับฟิล์มเนชัน เธอเป็นเอเจนท์ที่ดับบลิวเอ็มอี ผู้เป็นตัวแทนต้นฉบับสำหรับภาพยนตร์และโทรทัศน์ และเธอก็ได้ร่วมงานกับนักเขียนเบสต์เซลเลอร์หลายคนรวมถึงเท็ด เชียง (The Story of Your Life a.k.a. Arrival) และไมเคิล พันเก้ (The Revenant)
เบนจามิน คราคุน (Benjamin Kracun)—ผู้กำกับภาพ
เบนจามิน คราคุน เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ ผู้โด่งดังจากสุนทรียศาสตร์ที่ทรงพลังและปลุกเร้าอารมณ์ของเขา คราคุน ชาวสก็อต ผู้เติบโตมาด้วยความรักที่มีต่อการถ่ายภาพ สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนาเปียร์และหลังจากนั้น ก็ได้เข้าศึกษาหลักสูตรการกำกับภาพที่โรงเรียนภาพยนตร์และโทรทัศน์แห่งชาติที่โด่งดัง
ภาพยนตร์ของเขาเรื่อง For Those in Peril (2013) เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์และได้รับรางวัลภาพยนตร์เปิดตัวยอดเยี่ยมที่บีฟา และได้สองรางวัลบาฟตา สก็อตแลนด์ รวมถึงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ภาพยนตร์ปี 2014 ของเขาเรื่อง Hyena เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์โตรอนโต ที่ซึ่งมันได้รับการยกย่องอย่างสูงจากสไตล์วิชวลที่โดดเด่นของมัน หลังจากนั้น เขาก็มีผลงานเรื่องต่อไปในปี 2015 คือสารคดีเรื่อง Dark Horse ซึ่งได้รับรางวัลออเดียนซ์ อวอร์ดจากงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์และจัดจำหน่ายโดยโซนี พิคเจอร์ คลาสสิกส์
ภาพยนตร์ที่น่าประทับใจเรื่อง Beast ของเขาในปี 2017 เปิดตัวในโตรอนโตและได้เข้าฉายในซันแดนซ์ (2018) ก่อนที่จะคว้ารางวัลทรงเกียรติทั่วโลก Beast ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมและเป็นจุดเริ่มต้นของเจสซี บัคลีย์ นักแสดงนำของเรื่อง Beast ได้รับการเสนอชื่อชิงสามรางวัลบาฟตา อวอร์ด (2019) รวมถึงสาขาภาพยนตร์อังกฤษยอดเยี่ยมและภาพยนตร์เปิดตัวยอดเยี่ยม, สิบบีฟา อวอร์ดและสามรางวัลสมาคมนักวิจารณ์ลอนดอน
ในปี 2019 คราคุนได้รับรางวัลบีฟา อวอร์ดสาขากำกับภาพยอดเยี่ยมจากการถ่ายทำ Beats ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวของวงการปาร์ตี้ยุค 90s และได้รับการยกย่องในวงกว้างจากการถ่ายทอดฉากและประสบการณ์ปาร์ตี้เสรีแบบสมจริงอย่างน่าอัศจรรย์ นอกเหนือจากภาพยนตร์แล้ว คราคุนยังได้สร้างลุคให้กับดรามาไฮเอนด์หลายเรื่อง รวมถึง Dublin Murders และ The Tunnel ที่โด่งดัง
ปลายปี 2020 ผลงานของเบนจามินจะปรากฏในภาพยนตร์ใหม่เรื่อง Monsoon และดรามาใหม่ทางเอชบีโอเรื่อง The Third Day ที่อำนวยการสร้างโดยแพลน บี เอนเตอร์เทนเมนต์
ไมเคิล เพอร์รี (Michael Perry)—ออกแบบงานสร้าง
ไมเคิล เพอร์รี เป็นผู้ออกแบบงานสร้างภาพยนตร์ ผู้ซึ่งผลงานของเขาปรากฏใน PROMISING YOUNG WOMAN (ผู้กำกับเอเมอรัลด์ เฟนเนล) รวมถึงภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าฉายเรื่อง The Georgetown Project (ผู้กำกับเอ็ม.เอ. ฟอร์ทินและโจชัว จอห์น มิลเลอร์) และ Embattled (ผู้กำกับนิค ซาร์คิซอฟ)
เขาไต่เต้าจากตำแหน่งนักวาดภาพฉากไปสู่ตำแหน่งผู้ออกแบบงานสร้าง โดยเขาได้แจ้งเกิดครั้งแรกในฐานะผู้กำกับศิลป์ในภาพยนตร์เรื่อง The Fabulous Baker Boys และหลังจากนั้น เขาก็ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมีจากมินิซีรีส์เรื่อง The Stand เพอร์รีได้ทำงานในภาพยนตร์ที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างสูงเรื่อง It Follows สำหรับผู้กำกับเดวิด โรเบิร์ต มิทเชลและพวกเขาก็ได้ร่วมงานกันอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของมิทเชลเรื่อง Under the Silver Lake ซึ่งเปิดตัวใน งานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2018 นอกจากนั้น เขายังได้ออกแบบ Donnybrook สำหรับทิม ซัตตัน ซึ่งเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์โตรอนโตปี 2018 และ Hell Fest สำหรับผู้กำกับเกรกอรี พล็อตคินและซีบีเอส สตูดิโอส์
ตลอดการทำงานของเขา เพอร์รียังได้ร่วมงนากับผู้กำกับแกรี แม็คเคนดรี้ตลอดระยะเวลาหนึ่งทศวรรษ ด้วยการออกแบบโฆษณาทั่วโลกและได้ออกแบบ Killer Elite ภาพยนตร์เรื่องแรกของแม็คเคนดรี้ ซึ่งถ่ายทำในออสเตรเลีย เวลส์และจอร์แดนอีกด้วย
แนนซี สเตนเนอร์ (Nancy Steiner)—ออกแบบเครื่องแต่งกาย
แนนซี สเตนเนอร์ เป็นหนึ่งในผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายที่เป็นที่ต้องการตัวสูงสุดในวงการ ผลงานจอแก้วและจอเงินที่หลากหลายของสเตนเนอร์ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ตัวเธอได้อย่างดี ตั้งแต่การร่วมงานระหว่างเธอกับโซเฟีย คอปโปลาในภาพยนตร์คัลท์เรื่อง The Virgin Suicides และ Lost in Translation ไปจนถึงการร่วมงานกับผู้กำกับออเทอร์ทั้งหลาย รวมถึงยอร์กอส แลนธิมอสใน The Killing of a Sacred Dear, ไมค์ ไวท์ในซีรีส์เอชบีโอเรื่อง Enlightened และเดวิด ลินช์สำหรับรีบู๊ทเรื่อง Twin Peaks ของเขาในปี 2017 เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลสมาพันธ์ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายสองครั้งในสาขาความยอดเยี่ยมในภาพยนตร์ร่วมสมัยสำหรับ Shopgirl และ Little Miss Sunshine และได้รับรางวัลสองครั้งในสาขาความยอดเยี่ยมในการออกแบบเครื่องแต่งกายสำหรับโฆษณาจากแคมเปญของบาร์คาร์ดี้ & โคลา & คอลล์ ออฟ ดิวตี้
สเตนเนอร์เริ่มต้นจากการทำงานในแวดวงมิวสิค วิดีโอ ด้วยการออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับศิลปินผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดมากมาย รวมถึงเนอร์วานา, สแมชชิง พัมพ์คินส์, อาร์.อี.เอ็ม., ฟู ไฟเตอร์ส, เรด ฮ็อท ชิลลี เป็ปเปอร์ส, บียอร์ค, เชอริล โครว์, สโตน เทมเปิล ไพล็อทส์, แอร์, โน เดาบ์ท เดวิด โบวีและโรลลิง สโตนส์ เธอยังคงทำงานในแคมเปญโฆษณาที่ได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่องและปัจจุบัน เธอก็อยู่ในระหว่างการทำงานในตอนไพล็อตซีรีส์อเมซอนเรื่อง A League of Their Own กับผู้กำกับแอ็บบี้ จาค็อบสัน
เฟรเดอริค โธราวัล (Frederic Thoraval)—มือลำดับภาพ
เฟรเดอริค โธราวัล ฝึกฝนฝีมือในแผนกลำดับภาพของบริษัทผลิตโฆษณาในกรุงปารีส และเขาก็ได้เริ่มต้นจากการลำดับภาพโฆษณาก่อนที่จะขยับไปทำงานภาพยนตร์และได้ทำหน้าที่มือลำดับภาพในภาพยนตร์ที่อำนวยการสร้างโดยลุค เบซงเรื่อง Kiss of the Dragon ที่นำแสดงโดยเจ็ท ลีและบริดเจ็ท ฟอนดา ในปี 2004 การได้พบกับปิแอร์ มอเรลทำให้เขาได้ทำหน้าที่มือลำดับภาพหลักให้กับภาพยนตร์เรื่อง District B13 นับตั้งแต่นั้นมา เขาก็ได้ร่วมงานกับผู้กำกับผู้นี้ในโปรเจ็กต์แทบทุกเรื่องของเขารวมถึงแอ็กชันทริลเลอร์เรื่อง Taken ด้วย
ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของโธราวัลรวมถึงภาพยนตร์โดยโบแอซ ยาคินเรื่อง Safe, ภาพยนตร์โดยสก็อต เดอร์ริคสันเรื่อง Sinister, ภาพยนตร์โดยลุค เบซงเรื่อง Angel-A, ภาพยนตร์โดยเบนัวต์ ฟิลิปปอนเรื่อง Lullaby for Pi, ภาพยนตร์ขนาดสั้นโดยชอน เซเวรีเรื่อง Citizen vs Kane และภาพยนตร์โดยแมดเดอลิน แซ็คเลอร์เรื่อง O.G. ซึ่งเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ไทรเบกาปี 2018 ด้านจอแก้ว เขาได้ลำดับภาพให้กับเอพิโซดไพล็อตของซีรีส์ Rake (ฟ็อกซ์) ภายใต้การกำกับของแซม ไรมีและ Night Shift (เอ็นบีซี) ภายใต้การกำกับของปิแอร์ มอเรล
แอนโธนี วิลลิส (Anthony Willis)—ดนตรี
แอนโธนี วิลลิส ได้กระโจนเข้าสู่วงการดนตรีประกอบภาพยนตร์ ด้วยการทำงานในโปรเจ็กต์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในรอบไม่กี่ปีนี้หลายเรื่อง ผลงานของเขารวมถึงภาพยนตร์พิเศษประจำเทศกาลปีใหม่ปี 2019 โดยดรีมเวิร์คส์ อนิเมชันเรื่อง How to Train Your Dragon: Homecoming, Seasons 6, 7 & 8 ของเกมดัง Fortnite, คอเมดีดังประจำเทศกาลซันแดนซ์ของมิเชลล์ มอร์แกนเรื่อง It Happened in L.A., เกมเพลย์สเตชันที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลบาฟตา Knack II และทริลเลอร์สยองขวัญโดยเดวิด ยาโรเวสกี้เรื่อง The Hive
วิลลิส ผู้เป็นศิษย์ของจอห์น พาวเวลล์ ผู้ประพันธ์ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ด กลายเป็นที่ต้องการตัวอย่างสูง เขาได้แต่งดนตรีเพิ่มเติมให้กับแฟรนไชส์ยักษ์ใหญ่ของฮอลลีวูดหลายเรื่อง รวมถึง How to Train Your Dragon 2 และ How to Train Your Dragon: The Hidden World, Jumanji: The Next Level, Solo: A Star Wars Story, Ralph Breaks the Internet, Pirates of the Caribbean: Dead Men Tell No Tales, Jason Bourne, Rio 2, Despicable Me, Pan และ Ferdinand
วิลลิสได้ร่วมมือกับเฮนรี แจ็คแมน แต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์รางวัลซันแดนซ์ปี 2016 โดยเนท ปาร์คเกอร์เรื่อง The Birth of a Nation และได้ร่วมเรียบเรียงเสียงให้กับดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Martian ของแฮร์รี เกร็กสัน-วิลเลียมส์ ผลงานการแต่งดนตรีอื่นๆ ของเขารวมถึง Papa: Hemingway in Cuba (สำหรับมาร์ค อิแชม), สารคดีแอปเปิลเรื่อง The Elephant Queen (สำหรับอเล็กซ์ เฮฟเฟส), Monster Tracks (สำหรับเดวิด ซาร์ดี้) และ My Spy (สำหรับโดมินิค ลูอิส)
วิลลิสเติบโตขึ้นในกรุงลอนดอนและเริ่มต้นเส้นทางสายดนตรีของเขาในฐานะหนึ่งในคณะนักร้องประสานเสียงของโบสถ์เซนต์จอร์จ ณ พระราชวังวินด์เซอร์ ประเทศอังกฤษ หลังจากนั้น เขาก็ได้ศึกษาด้านการประพันธ์ดนตรีที่มัลโบโรห์ คอลเลจในวิลท์เชียร์ และมหาวิทยาลัยบริสทอล ก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโตจากมหาวิทยาลัยเซาเธิร์น แคลิฟอร์เนีย เขาทำงานอยู่ในลอสแองเจลิส