บมจ.บีอีซีเวิลด์ หรือช่อง 3 ได้ดำเนินตามนโยบายที่ตั้งเป้าขยายผลงานเปิดตลาดขายละครไทยออกสู่ตลาดโลกมาอย่างต่อเนื่อง และได้นำละครส่งขายลิขสิทธิ์เผยแพร่ออกอากาศไปในหลายประเทศทั่วโลก จนเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับถึงผลงานคุณภาพและความโดดเด่นของดารานักแสดงชาวไทยในปัจจุบัน ทำให้เกิดฐานแฟนคลับที่คอยให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง และในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ได้นำละครไฮไลท์ใหม่ล่าสุด ที่มีกระแสความนิยมสูงในประเทศไทยตั้งแต่ยังไม่เริ่มออกอากาศ 3 เรื่อง “สองเสน่หา, พราวมุก และ มนต์รักหนองผักกะแยง” ไปปิดการขายกับตลาดต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อย เรียกว่าได้รับความสำเร็จแบบสวนกระแสเศรษฐกิจท่ามกลางยุคโควิด-19
โดยเริ่มจากละครเรื่อง “สองเสน่หา” ที่ได้นางเอกแถวหน้าของเมืองไทย คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส นำแสดง ไปออกอากาศบนช่องทาง OTT ในต่างประเทศทั้งหมดถึง 9 ประเทศ ซึ่งจะออกอากาศแบบคู่ขนาน (Simulcast) ไปยัง 3 ประเทศดังนี้ ประเทศจีน ทางแพลตฟอร์ม Tencent Video พากย์และบรรยายเป็นภาษาจีน, ประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ ทางแพลตฟอร์ม VIU (วันเดียวกันหลังไทยจบ 2 ชั่วโมง)
ออกอากาศในรูปแบบย้อนหลังหรือ (Rerun Program) ไปยัง 6 ประเทศดังนี้ ประเทศเวียดนาม, อินโดนีเซีย, เม็กซิโก, บราซิล และ จีน-ไต้หวัน ทางแพลตฟอร์ม WeTV ประเทศเวียดนาม และพม่า ผ่านทาง แพลตฟอร์ม Viettel และออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ PNN ประเทศกัมพูชา
ละครเรื่อง “สองเสน่หา” ถือเป็นละครเรื่องแรกที่ คิมเบอร์ลี่ พลิกบทบาทครั้งสำคัญและท้าทายความสามารถ โดยแสดงเป็นฝาแฝดที่มีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และยังเป็นละครแนวโมเดิร์น-ดราม่า ที่มีเนื้อหาเข้มข้นน่าติดตาม จึงเป็นที่ถูกใจของผู้ชมชาวจีนและผู้ชมประเทศเวียดนาม ซึ่ง คิมเบอร์ลี่ เอง ก็มีแฟนละครในประเทศจีน, เวียดนาม และกัมพูชา เป็นฐานอยู่แล้วมากมาย และทุกคนต้องการดูบทบาทใหม่ในครั้งนี้ โดยเฉพาะแฟนละครจากประเทศจีนและเวียดนาม ที่เคยชื่นชอบผลงานของ คิมเบอร์ลี่ มาแล้วจากละครเรื่อง “เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ” ส่วนแฟนละครจากประเทศกัมพูชา ก็ชื่นชอบผลงานจากละครเรื่อง “ทองเอกหมอยาท่าโฉลง” ละครไฮไลท์ของปี 2562 ที่แสดงคู่กับ มาริโอ้ เมาเร่อ นักแสดงชื่อดังที่ได้รับความนิยมสูงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
ต่อมากับละครเรื่องที่ 2 “พราวมุก” ได้นำไปออกอากาศในต่างประเทศทั้งหมดถึง 5 ประเทศ บนช่องทาง OTT ซึ่งจะออกอากาศในรูปแบบคู่ขนาน (Simulcast) (วันเดียวกันหลังไทยจบ 2 ชั่วโมง) ไปยัง 2 ประเทศดังนี้ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ทางแพลตฟอร์ม VIU, นำไปออกอากาศในรูปแบบย้อนหลังหรือ (Rerun Program) 3 ประเทศ เวียดนาม และพม่า ทางแพลตฟอร์ม Viettel และออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ PNN ประเทศกัมพูชา
สำหรับละครเรื่อง “พราวมุก” ถือว่ามีกลุ่มแฟนคลับอยู่หลายประเทศ ซึ่งต่างก็รอคอยการกลับมาร่วมงานกันของคู่จิ้น ‘ภณ-บัว’ “ภณ ณวัสน์ ภู่พันธัชสีห์” และ “บัว นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ” ที่โด่งดังจากละครกระแสแรงเรื่อง “ตราบาปสีชมพู” และเป็นเรื่องแจ้งเกิดของทั้งสองคน จนเป็นที่รู้จักของฐานแฟนละครโดยเฉพาะแฟนๆ ชาวจีน, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งจะชื่นชอบละครแนวโรแมนติกดราม่า มีเรื่องราวทันสมัยครบรสชาติในทุกฉากทุกตอน ตีแผ่มุมมองความรักความสัมพันธ์ที่หลากหลาย ทั้งของครอบครัว เพื่อน และความรักแบบพรหมลิขิต จึงทำให้เกิดความน่าสนใจตรงกับความต้องการของตลาด OTT ในประเทศจีนและอีกหลายประเทศ
มาถึงละครเรื่องที่ 3 กับ “มนต์รักหนองผักกะแยง” อีกหนึ่งละครไฮไลท์ของปี 2564 ไตรมาสที่ 2 ที่น่าจับตามองเนื่องจากเป็นการเจอกันครั้งแรกของ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” นักแสดงแถวหน้าของช่อง 3 ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในหลายปะเทศ ประกบคู่กับ “โบว์ เมลดา สุศรี” ที่เข้ามาเล่นละครกับช่อง 3 เป็นเรื่องแรก และเป็นละครแนวอารมณ์ดี ที่สอดแทรกให้ได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตชาวบ้านชนบท การทำเกษตรกรรม และการใช้ชีวิตที่ตั้งอยู่บนความพอเพียงไม่ประมาท ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ที่คนทั่วโลกกำลังอยู่ท่ามกลางสภาวะที่ต้องการกำลังใจ และเสียงหัวเราะ การประกบคู่กันของทั้งคู่จึงเป็นความแปลกใหม่ และเกิดการรอลุ้นในด้านของเคมีว่าจะเป็นอย่างไร อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดดึงดูดสำคัญหลักๆที่ทำให้ “มนต์รักหนองผักกะแยง” ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ก็มาจากกลุ่มฐานแฟนคลับของ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ในแถบอาเซียน ซึ่งมีประเทศ ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และเวียดนาม ที่มีอยู่อย่างหนาแน่น ซึ่งในเวลานี้ได้มีการตกลงซื้อขายละครไปยังสถานีโทรทัศน์ PNN ประเทศกัมพูชา และได้นำไปออกอากาศในรูปแบบย้อนหลังหรือ (Rerun Program) ในอีก 4 ประเทศดังนี้ เวียดนาม, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ บนช่องทาง WeTV
สำหรับการปิดดีลฉลองไตรมาสที่ 2 แบบสวนกระแสโควิด-19 ของละครใหม่ล่าสุดช่อง 3 ถึง 3 เรื่อง ในครั้งนี้ นายณัฐพร รุ่งขจรกลิ่น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สำนักธุรกิจระหว่างประเทศ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ผมเชื่อว่าแฟนละครที่ต่างประเทศตั้งตารอคอยรับชมละครดีมีคุณภาพของช่อง 3 ที่จะได้ออกอากาศให้ได้ชมพร้อมกันทั้งในประเทศไทย ประเทศจีน และอีกหลายประเทศในอาเซียน ผ่านทางช่องทางพันธมิตรหลักของเรา ซึ่งละครในไตรมาสที่ 2 นี้ถือว่ารวมความเป็นที่สุดของที่สุด ซึ่งมาแบบครบรส เข้มข้น สนุก ในเรื่องราวที่แปลกใหม่ทันสมัย และมีนักแสดงที่ได้รับความนิยมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ มาประชันบทให้ดูกันให้หายคิดถึง ผมหวังว่าละครของช่อง 3 จะได้การต้อนรับจากผู้ชมเป็นอย่างดี และจะสร้างกระแสความนิยมอย่างต่อเนื่องไปยังประเทศอื่นๆ อีกด้วยครับ”
ปัจจุบันนับว่าช่อง 3 ได้เดินมาถูกทางและสามารถจับจุดของความสนใจคอนเทนต์ละครไทยจากแฟนละครในต่างประเทศได้มากขึ้น และด้วยความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนแนวทางการผลิตละครให้เหมาะสม ทันสมัย มีมิติ บนความหลากหลายอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากพันธมิตรจากหลายๆประเทศ ทำให้เกิดความสำเร็จในการขยายตลาดละครไทยสู่ตลาดโลกในปัจจุบัน และจะขยายต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคต