L’Arc-en-Ciel กลับมาแล้วในรอบ 4 ปีครึ่งพร้อมกับเพลงใหม่ “Mirai (Future) ฉลองครบรอบ 30ปี!

สิ้นสุดการรอคอย! L’Arc-en-Ciel กลับมาในรอบ 4 ปีครึ่งพร้อมเพลงใหม่ “Mirai (Future)” เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจัดคอนเสิร์ต 2 วันที่ Makuhari Messe International Exhibition Hall “L’APPY BIRTHDAY!” เพื่อฉลอง 30th L’Anniversary ไปกับแฟน ๆ ชาร์ตเพลงกำลังแสดงให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นที่สวยงามสำหรับเพลงนี้ ทั้งการติดอันดับ 1 สำหรับ iTunes Overall Top Song Ranking และ Top Rock Song Ranking

LArcArtistP_A_v4L’Arc-en-Ciel เป็นศิลปินที่มียอดสตรีมมากกว่า 110 ล้านสตรีมบน Spotify พร้อมฐานแฟนที่แน่นหนา พวกเขาเป็นวงที่ได้รับความนิยมทั้งในและนอกประเทศ และเคยได้จัดทัวร์ L’Arc-en-Ciel WORLD TOUR 2012 (ที่ฮ่องกง ไทย จีน ไต้หวัน อเมริกา อังกฤษ สิงค์โปร อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้) เพราะพวกเขาไม่เคยทำให้แฟน ๆ ผิดหวังกับกิจกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจ เหมือนกับสายรุ้งที่วาดขึ้นบนฟ้าอย่างกะทันหันที่ทำให้เราทั้งตกใจ มีความสุข และตื่นเต้นไปกับอนาคตที่สดใสตามชื่อเพลง

นอกจากนี้แล้วเพลง “Mirai (Future)” ยังได้ถูกรับเลือกเป็นเพลงประกอบเกม Blue Protocol ซึ่งเป็นเกม RPG ออนไลน์ของค่าย Bandai Namco อีกด้วย เกม Blue Protocol นี้ได้ถูกสร้างด้วย Unreal Engine 4 สำหรับ PC ซึ่งเป็น IP แบบใหม่ที่ทำให้ได้ภาพกราฟิกที่มีความคมชัดเป็นอย่างมาก เหมือนกับอนิเมชั่นที่มีชีวิตและสามารถเล่นได้ คล้ายกับเกม RPG ที่มีเรื่องราวอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมภายใต้ค่ายเดียวกันอย่าง Ni No Kuni หรือ Swort Art Online นั่นเอง

สำหรับคอนเสิร์ตครบรอบ 30 ปีของ L’Arc-en-Ciel นั้นพิเศษมาก ๆ เพราะตรงกับวันที่จัดคอนเสิร์ตครั้งแรกของวงเมื่อ 30 ปีก่อนที่จัดขึ้นในวันที่ 30 พฤษภาคม และระหว่างรอรับชมการแสดงก็ได้มีการแสดงข้อความยินดีจากแฟน ๆ บนจอภายในฮอลคอนเสิร์ตจาก #ラルクハピバหรือ “สุขสันต์วันเกิด L’Arc” อีกด้วย หลังจากนั้นคอนเสิร์ตก็ได้เปิดฉากขึ้นด้วยภาพการแสดงและคลิปต่าง ๆ ของวงตลอดเวลาที่ผ่านมา พร้อมกับที่เมมเบอร์ปรากฏตัวบนเวที

บรรยากาศในงานห้อมล้อมไปด้วยเสียงปรบมือต้อนรับของแฟน ๆ ระหว่างที่กล้องแพนไปยังแต่ละคน ทั้งสี่คนก็ได้เริ่มคอนเสิร์ตด้วยเพลง “X X X”  พร้อมต่อด้วยเพลง “Caress of Venus”  ซึ่งเปลี่ยนบรรยากาศในฮอลไป 180 องศาเลยก็ว่าได้ ตามด้วยเพลงฮิตของวงอย่าง “CHASE”, “winter fall” และ “flower”

เนื่องจากคอนเสิร์ตนี้จัดขึ้นภายใต้มาตรการ COVID-19 แฟนๆจึงไม่สามารถแสดงออกผ่านการกรี๊ดหรือส่งเสียงดังได้เหมือนปกติ เพราะแบบนี้แฟนๆหลายคนเลยหันไปใช้ official merchandise อย่างแท่งไฟรูปไม้เบสบอลที่สามารถเปลี่ยนสีได้ หรือใช้อุปกรณ์ที่เอาไว้สร้างเสียงที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าฮอลเป็นครั้งแรกในการเชียร์แทน ถึงแม้จะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่แฟน ๆ ก็สามารถสร้างวิธีการสนุกสนานไปด้วยกันแบบใหม่ขึ้นมาได้ “พวกเรามีอายุ 30 ปีแล้วครับ L’Arc-en-Ciel ครับ” hyde เริ่ม “ผมดีใจมาก ๆ ที่สามารถมาเจอกับทุกคนได้แบบนี้อีกครั้ง พวกเราไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่เราก็ได้มาฉลอง “L’APPY BIRTHDAY!” ด้วยกันแบบนี้ได้อย่างปลอดภัย ก็ต้องขอบคุณที่มากันนะครับ”

สำหรับ L’Arc-en-Ciel นั้น แค่การแสดงเพลงที่ฮิตที่สุดของพวกเขาก็สามารถทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นเอกลักษณ์อันไม่ธรรมดาได้ นอกจากนี้แล้วยังมีการแสดงเพลงที่ไม่ได้เห็นกันมาเป็นเวลานานอย่าง “metropolis” อีกด้วย

ในส่วนของโปรดักชั่น ทั้งเวทีมีจอ LED ไฟเลเซอร์ และพลุที่ทำให้เกิดบรรยากาศที่ดึงดูดคนดูเข้าไปสู่โลกของ L’Arc-en-Ciel และระหว่างการแสดงเพลง “RELEVATION” ก็ได้มีการปล่อยควันและไฟออกมาจากเวทีด้วย เนื่องจากเสน่ห์ของการแสดงเพลงนี้ในอดีตเป็นเสียงเชียร์จากแฟน ๆ การแสดงในครั้งนี้จึงแตกต่างออกไปด้วยเสียงของอุปกรณ์เชียร์ต่าง ๆ แทน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นหนึ่งเดียวของพวกเขาน้อยลงเลย

“Kasou” แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์อันน่าหลงใหลภายใต้แสงไฟอ่อน ๆ และความลึกลับนี้ก็ได้รับการขยายเพิ่มขึ้นไปอีกกับ “EVERLASTING” ที่มีการทำให้เวทีเป็นเหมือนทะเลหมอก โซโล่กีตาร์ของ ken ตามด้วยเสียงกลองอันหนักแน่นของ yukihiro นำเราเข้าสู่โลกต่อไปของ “MY HEART DRAWS A DREAM” ซึ่งเป็นเหมือนกับเสียงที่เรียกเราให้ตื่นขึ้นมาสู่โลกแห่งแสงสว่างจากความมืด โดยปกติแล้วแฟน ๆ จะร้องคลอไปด้วยกัน แต่เนื่องจากนั่นไม่สามารถทำได้ในครั้งนี้ hyde จึ่งมองแฟน ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยนแทน

“Driver’s High”, “HONEY” และ “READY STEADY GO” นำเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของคอนเสิร์ตด้วยจังหวะที่รวดเร็วและเร่าร้อน พร้อมกับเสียงกลองที่ไม่เคยสูญเสียความหนักแน่นของ yukihiro โดรนขนาดเล็กบินอยู่รอบ ๆ เมมเบอร์ ทำให้บรรยากาศในการแสดงมีความตื่นตาตื่นใจมากขึ้น และระหว่างรอเมมเบอร์คืนสู่เวทีอีกครั้ง ท่อนเปียโนในตอนต้นของ “Anata” ก็ได้เริ่มบรรเลงขึ้นพร้อมกับภาพจากคอนเสิร์ตที่ผ่าน ๆ มาที่แสดงให้เห็นแฟน ๆ จากทั่วทุกมุมโลกร้องเพลงไปด้วยกัน จากนั้นทั้ง 4 คนก็เริ่มการแสดงขึ้นอีกครั้งพร้อมการโบกมือตามจังหวะของแฟน ๆ “ถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ แต่ความรู้สึกของพวกคุณก็ส่งมาถึงพวกเราแน่นอนครับ”

“ใครจะไปคิดว่าคอนเสิร์ต 30 ปีของเราจะออกมาในรูปแบบนี้กัน ต่อจากนี้เราจะเล่นเพลงที่จะถูกปล่อยตอนเที่ยงคืนของวันนี้นะครับ เพลงนี้เป็นเพลงที่ถูกแต่งขึ้นโดยคิดถึงพวกคุณทุก ๆ คน และความจริงแล้วแผนของเราคือการร้องมันไปด้วยกันเพื่อเฉลิมฉลอง แต่เนื่องจากพวกคุณไม่สามารถร้องไปกับเราได้แล้ว แผนของเราก็เลยต้องพับไป ถ้างั้นขอให้พวกคุณช่วยเปิดไฟให้กับพวกเราได้ไหมครับ” hyde กล่าวพร้อมให้แฟน ๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไฟฉายและอธิบายว่า “ด้วยแสงของพวกคุณ ช่วยส่องแสงให้กับ ‘สายรุ้ง (L’Arc-en-Ciel)’ ด้วยนะครับ เพราะเพลงนี้ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อเป็นความหวังในการตามหา “Mirai” (อนาคต)”

0529_hyde_1

หลังจากนั้นเพลง “Mirai” ก็ได้ถูกแสดงเป็นครั้งแรกพร้อมเนื้อเพลงที่ฉายอยู่บนจอ LED เนื้อเพลงของเพลงนี้พูดถึงการเผาความมืดมิดทั้งหมดไปแล้วรอวันใหม่ที่เปิดฉากขึ้น เหมือนกับสายรุ้งที่วาดขึ้นบนฟ้าและเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน เป็นการมุ่งไปสู่อนาคตอันสดใสที่สะท้อนถึงจิตใจของผู้คนท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันที่น่าสับสน กลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของเพลงนี้อาจจะเป็นอีกเพลงที่ทำให้ผู้คนนึกถึง L’Arc-en-Ciel ในอนาคตก็เป็นได้

จากนั้นพวกเขาก็ได้เซอร์ไพรส์แฟน ๆ ด้วยการเล่นเพลงหลักจากอัลบั้มแรกอย่าง “Dune”  ในเพลงนี้ hyde ได้เข้าไปบอกบางอย่างกับ tetsuya ก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปคนละทางพร้อม ๆ กัน ซึ่งทำให้แฟน ๆ นึกถึงช่วงเวลาในยุคแรก ๆ ของวงอย่างน่าประทับใจ

เมื่อมองย้อนกลับไปสู่คอนเสิร์ตแรกเมื่อ 30 ปีก่อน “ผมก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าตอนนั้นรู้สึกยังไง (หัวเราะ) แต่จำได้ว่าแผนทั้งหมดเป็นความคิดของลีดเดอร์” hyde กล่าวชม tetsuya และทั้งสองคนก็พูดคุยพร้อมยิ้มไปด้วยกันถึงความหลัง “ตอนนั้นมันเริ่มจากประมาณ 300 คนหรือเปล่านะ” (hyde) “น่าจะ 200 ไหมนะ” (tetsuya)

“วันนี้เมื่อ 30 ปีก่อนเป็นวันที่เราจัดคอนเสิร์ตแรกของเราที่โอซากะครับ มันจัดขึ้นที่ไลฟ์เฮาส์ที่ชื่อว่า Namba Rockets (*ปิดตัวลงเมื่อปี 2016) และเราก็อยากที่จะได้แสดงที่นั่นมาก ๆ เรามีความสุขกันมาก ๆ ที่มีคนมาดูเราด้วย ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีอะไรรู้สึกดีไปกว่าการที่มีคนมาชมการแสดงของพวกเราหรอกครับ” hyde กล่าวอย่างจริงใจ คล้ายกับว่าจะเทียบอดีตกับปัจจุบัน เมื่อได้ยินแบบนั้นแล้ว tetsuya ก็ประกบมือเข้าด้วยกันเพื่อแสดงความขอบคุณต่อแฟน ๆ วันเกิดครั้งที่ 30 นี้ไม่ใช่ปลายทางของพวกเขา แต่พวกเขา “เพิ่งเริ่มต้นขึ้นต่างหาก” hyde กล่าว

“ขอบคุณที่รักวงที่ซึนเดเระ (ปากไม่ตรงกับใจ) วงนี้นะครับ” “มันมีวงอยู่ไม่มากที่สามารถเดินมาได้ถึง 30 ปี และพวกคุณคือคนที่พาเรามาถึงวันนี้ ขอบคุณมาก ๆ จริง ๆ ครับ”

เพลงต่อจากนั้นเป็นเพลง “Niji” และมีการเรียบเรียงเพลง “HAPPY BIRTHDAY” มาเชื่อมกับเพลงนี้เพื่อปิดท้ายด้วยบรรยากาศที่ร่าเริง สำหรับครั้งนี้ tetsuya ไม่ได้โยนกล้วยใส่คนดูเหมือนกับทุกที แต่การพูดว่า “ขอบคุณครับ ไว้เจอกันใหม่นะครับ” นั้นก็ยังคงเหมือนกับทุกที พวกเขาใช้ร่างกายของพวกเขาทั้งหมดเพื่อแสดงความขอบคุณต่อแฟน ๆ ด้วยการวิ่งรอบเวทีพร้อมโบกมือไปด้วยอย่างมีชีวิตชีวา

ตั้งแต่เดือนกุมพาพันธ์ของปี 2020 (ซึ่งเป็นทัวร์แรกในรอบ 8 ปีที่ต้องหยุดลงเพราะสถานการณ์ COVID-19) นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีและ 3 เดือนที่สมาชิกทุกคนได้กลับมารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้า ความทุ่มเทที่พวกเขามีทำให้มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ทัวร์นั้นต้องหยุดลง แต่คอนเสิร์ตในครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นว่าวงไม่ได้สูญเสียจังหวะความเป็นพวกเขาลงเลยแม้แต่น้อย และพร้อมที่จะไปข้างหน้าเสมอ สำหรับแฟน ๆ ที่ไม่สามารถไปร่วมคอนเสิร์ตได้แต่อยากจะร่วมฉลองไปด้วยกัน L’Arc-en-Ciel ได้สัญญาแล้วว่าจะทำให้คอนเสิร์ตนี้สามารถรับชมได้ทางออนไลน์ในวันที่ 22 สิงหาคม คอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของ L’Arc-en-Ciel แต่เป็นจุดเริ่มต้นของปีที่ 30 ของพวกเขา และถึงแม้ว่าอนาคตจะยากที่จะหยั่งถึง พวกเราจะต้องรอคอยกิจกรรมต่อ ๆ ไปของพวกเขาอย่างแน่นอน

Basic RGBดาวน์โหลด/ฟัง : https://lnk.to/mirai

สามารถติดตาม L’Arc-en-Ciel ได้ที่
INSTAGRAM | YOUTUBE | TWITTER | SPOTIFY