โผล่อีกพิธีแปลก “เสกทองเข้ากะโหลก” เสริมบารมี “คนใกล้ชิด อ.สุนทร-หมอปลา” ซัดกันนัว !

รายการ โหนกระแส ในวันนี้เป็นเรื่องของหมอปลา ได้ไปที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นของ อาจารย์สุนทร เผือกเที่ยง อาจารย์ที่ว่ากันว่าเสกทองคำเปลวเข้ากะโหลกได้ เรื่องนี้หมอปลาไม่เชื่อว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้ ประกอบกับมีผู้เสียหายคนหนึ่งบอกไปจ่ายค่าครูเพื่อจะไปเรียนวิชา แต่ปรากฏว่าไม่มีการสอนอะไรเลย ทำให้เกิดประเด็นกันขึ้นมา ทางหมอปลาจึงบุกไปที่บ้านเพื่อพิสูจน์ความจริงและขอเงินคืน  รายการโหนกระแสวันที่  3 ก.ย. 64 “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33  จึงขอเคลียร์ทุกประเด็นกับแขกรับเชิญ หมอปลา, ตี๋ บัณฑิต (ผู้เสียหาย), ศักดิ์สิทธิ์ (คนใกล้ชิดอ.สุนทร) และ หมอปลา และ เบิ้ม นักมายากล มาพูดคุยถึงเรื่องนี้

เกิดอะไรขึ้น?

ตี๋ : “ตี๋ไปยกวิชาเรียน ก็มีค่าครูประมาณ25000 รู้จักกับอาจารย์จากทางเฟซ หลังจากนั้นก็เริ่มศรัทธา วันนั้นอาจารย์เขาไม่ได้เสก วันนั้นแกบอกว่าแกเป่าต่อไม่ไหว แต่ก็รับเราเป็นศิษย์แต่ก็ต้องขึ้นครู เขาบอกว่าเขาจะสอนทุกอย่างเลย ใช้เวลานานเหมือนกัน เลยมาเป็นปีครับ ปรากฎว่าถึงเวลาแล้วไม่สอน ซึ่งก็ได้เจออาจารย์แกแค่รอบเดียวคือรอบที่ไปจ่ายเงิน”

เราจะเรียนทำไมไม่ไปหาแกเลยล่ะ?

ตี๋ : “มันติดโควิด เลยเดินทางไปไม่ได้ เขาบอกว่าถ้าไม่เข้าใจตรงไหนให้ถาม พอผมโทรไปตามเขาบ่ายเบี่ยง เขาไม่ตอบ ผมเลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว ตัวผมอยู่ระยอง อาจารย์อยู่ที่ชัยนาทเลยไปหาไม่ได้”

คุณตลกอะไร?

ศักดิ์สิทธิ์ : “ผมตลกที่ว่าครอบครูเสร็จ ผมเห็นว่าติดปัญหาอะไรผมก็จะไปหาอาจารย์ ไม่ก็ไปคุย ช่วงโควิดผมก็ยังมีคนไปหาอาจารย์ อย่างคนที่ครอบก่อนก็จะมีอาจารย์เอก คนนี้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์สุนทรจริงๆ แกก็อยู่กับอาจารย์มาตั้ง2ปีกว่า แกใกล้ชิดกับอาจารย์จริงๆ แกอยู่บ้านอาจารย์สุนทรมา2ปี แกก็บอกว่าอาจารย์กว่าจะสอนก็ปีนึง อาจารย์เป็นคนไม่ค่อยพูด อาจารย์เอกแกก็จะคอยขับรถไปโรงพยาบาลบ้าง ไปที่นั้นที่นี้ ด้วยความที่อาจารย์เป็นคนไม่ค่อยพูด นานๆแกจะพูดออกมาซะทีนึง อาจารย์เอกได้วิชาไปค่อนข้างเยอะ”

ที่คุณหัวเราะคุณตี๋เพราะว่าจะมาอ้างอย่างนี้ไม่ได้?

ศักดิ์สิทธิ์ : “ผมไม่ได้หัวเราะเยาะอะไรเขานะ แต่ผมรู้สึกว่าความคิดเขาแปลกๆ อย่างตัวผมตอนเรียนหนังสือผมก็ต้องเข้าหาอาจารย์เพื่อให้ได้ความรู้มา”

อาจารย์ไม่ไปหาคุณหรอก?

ศักดิ์สิทธิ์ : “มันไม่มีทาง”

แล้วทำไมเขาโทรไปแล้วอาจารย์ไม่รับสาย?

ศักดิ์สิทธิ์ : “โทรช่วงไหน

ตี๋ : “นานมาก พยายามติดต่อไปแต่ก็ติดต่อไม่ได้”

ศักดิ์สิทธิ์ : “คือบางทีผมโทรไปผมรู้เลยว่าเวลานี้อาจารย์พักผ่อน เวลานี้อาจารย์รับสาย คุณไม่รู้จักผม คุณต้องคุยกับอาจารย์เอง คุณจะมาถามผมได้ไง คุณรู้จักกับอาจารย์คุณก็ไปถามอาจารย์ไม่ใช่ถามผม”

ตี๋ : “มันมีอีกเครื่องนึงครับที่แกรับสาย แต่แกให้ผมติดต่อกับอาจารย์เอก ผมก็ทักอาจารย์เอกไปในเฟซ พอผมทักอาจารย์เอกไป ผมก็ทักไปว่ายันต์ของพ่อสุนทรมีอะไรบ้าง พอผมเข้าไปดูอีกทีเขาบล็อคหนีผมไปแล้ว”

คุณอยากได้วิชาอะไร?

ตี๋ : “พวกลายสัก”

ศักดิ์สิทธิ์ : “เท่าที่ผมทราบคืออาจารย์เอกแกเป็นอาจารย์สักให้อาจารย์สุนทร แล้วบางวิชาของอาจารย์สุนทร อาจารย์เอกได้ไปหมดหรือเกือบหมดอันนี้ผมไม่แน่ใจนะ อันนี้ผมฟังมาจากอาจารย์เอก ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ อาจารย์เอกเขาก็เล่าให้ผมฟังว่าเขาไม่รู้จักคนนี้ แล้วอยู่ๆก็โทรมาขอลายยันต์ อาจารย์เอกบอกว่าเขาไม่รู้จักจะให้เขาให้ได้ยังไง”

อาจารย์เอก : “ถ้าพูดกันจริงๆคือผมไม่รู้จักเขา เขามาอ้างว่าเขาเป็นลูกศิษย์อาจารย์ เขามาขอยันต์ ผมเลยบอกว่าแล้วทำไมไม่ไปขอที่อาจารย์สุนทรล่ะ เขาบอกว่าอาจารย์ให้มาขอที่ผม ผมกำลังทำงานอยู่ ผมก็เลยบอกว่าเดี๋ยวผมส่งรูปไปให้ อันนี้คือความคิดของผมนะ ผมคิดว่าคุณเป็นใคร ผมก็ไม่รู้จัก จะไปให้เขาได้ยังไง”

อาจารย์สุนทรไม่ได้บอกไว้เหรอว่าจะมีคนโทรไป?

อาจารย์เอก : “ไม่ได้บอกไว้ ทีแรกยังไม่ได้บอก แล้วอาจารย์แกโทรมาตอนหลัง อาจารย์แกพูดว่าใครที่มาเรียนสักยันต์ เราก็ก็ถามแกกลับ เขาก็จำชื่อไม่ได้ ผมก็เลยบอกว่ามีที่มาเรียนอยู่3คน”

ตี๋ไม่ได้เรียน ไม่ได้อะไรเลยเพราะอาจารย์เพิ่งมาบอกมีหลัง?

อาจารย์เอก : “เขามาขอลายยันต์ ลูกศิษย์ที่มาเรียนแต่ละคนเขามาเรียนเพื่อมาเป่าทองอย่างเดียวไม่มีเรื่องยันต์ ส่วนตัวผมก็ถามอาจารย์ว่าพ่อมียันต์ไหม ผมชอบสักยันต์ เป่าทองมันต้องใช้ระยะเวลานาน ผมเลยคิดว่าผมจะสักยันต์ไปเรื่อยๆก่อน”

สุดท้ายตี๋ไม่ได้วิชาเลยไปขอเงินคืน?

อาจารย์เอก : “เรื่องยันต์ผมอยากให้ไปขอที่อาจารย์มากกว่ามาเอาที่ผม เราเคารพครูบาอาจารย์ ท่านยังอยู่เราก็ต้องเอาที่อาจารย์ เรื่องมาเอาที่ผมมันตอนหลัง มันนานมาแล้ว แล้วผมก็ไม่รู้จักแกด้วย”

ตี๋ : “ผมส่งรูปพิธีกรรมตอนยกครูเรียนให้แกดูเพื่อให้แกมั่นใจว่าไม่ได้แอบอ้างว่าอาจารย์สุนทรให้มาเอานะ ผมเรียนนะ ผมตัวจริง ผมก็เลยส่งรูปเข้าไปขอ หลังจากนั้นแกก็บล็อคหายไปเลย”

 

ตี๋ไปร้องกับหมอปลา หมอปลาว่าไง?

หมอปลา : “เรื่องนี้เราลงไปพื้นที่เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย แต่พอลงพื้นที่แล้วเขาไม่ทำตาม เราให้เขาเป่าทองเขาก็ไม่ทำ เขาอ้างว่าสุขภาพเขาไม่ดี เป็นโรคปอดทั้งๆที่ก่อนหน้าอีกวันที่นักข่าวไปเขาไม่ได้ใส่สายนะ แต่เป็นโรคปอดอีกวันนึง มีการสูบบุหรี่ด้วย อย่างที่ลูกศิษย์เขาแถ พวกเอฟซีฝั่งเขาก็ไปโพสต์ด่าว่าคนนี้เป็นศิษย์ล้างครู ผมเลยบอกว่าอันนี้ไม่ใช่ศิษย์ล้างครู แต่ครูแบบนี้มันใช้ไม่ได้ ครูมาหลอกลูกศิษย์แบบนี้มันใช้ได้เหรอ อ้างนั้นนี้ เราขอเบอร์เขาเพื่อที่จะให้เขาเป่าให้ดูเขาก็ไม่ให้ เมื่อวานขอเบอร์หมดเขาไม่ให้เลย”

 

อาจารย์เอก : “ต้องเป่าให้ดูเพื่ออะไร”

 

หมอปลา : “ไม่น่าถาม ก็คุณบอกว่าคุณเป่าทองได้ แล้วเงิน25000 คุณเอาไปเพื่ออะไร”

 

อาจารย์เอก : “ตอนไปเรียนอาจารย์เขาก็ไม่ได้บังคับนะ”

หมอปลา : “เขาไม่ได้บังคับแต่คุณยั่วยวนรึเปล่าล่ะ ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจคุณจะเงินตังค์เขาทำไม 25000”

 

อาจารย์เอก : “มันมีกลุ่มที่โพสต์ว่าอาจารย์เป่าทองได้อย่างนั้นอย่างนี้ มันคือความโลภไงครับ”

 

หมอปลา : “ความจริงคือคุณเป่าไม่ได้แต่คุณเอาสิ่งที่คุณเล่นมายากลมาหลอกคน เรื่องของเรื่องเลย ถ้าคุณเป่าได้ทำไมคุณไม่มาพิสูจน์เป่าให้ดูล่ะ คุณต้องมาพิสูจน์ ไม่ใช่มาอ้าง เพื่อให้รู้ว่าคุณเป่าได้จริงหรือเปล่า เสียไปแล้ว25000 แต่ประเด็นคือเป่าไม่ได้ แล้วอ้าง 25000”

 

อาจารย์เอก : “ถามเขาว่าเคยมาหาอาจารย์บ้างไหม”

 

หมอปลา : “ผมไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว หลายคนอินบ๊อกซ์มา ตอนที่พวกคุณยังไม่ได้เงินพวกคุณคุยดีมาก แต่หลังจากที่พวกคุณได้เงินไปติดต่อลำบาก”

 

อาจารย์เอก : “ไม่จริง”

หมอปลา : “มีผู้เสียหายอยู่อีก”

อาจารย์เอก : “ตัวผมมากราบเท้าขอเรียน มันไม่ใช่จะเรียนกันง่ายๆ คนอื่นที่เขาอยากเรียนก็ทำ เขาอยากเรียน มันเรียนยากนะไม่ได้เรียนกันง่ายๆ บางคนก็เป่าได้ บางคนก็เป่าไม่ได้”

 

ตอนนี้คือทางอาจารย์คืนเงินมาแล้วนะ?

ตี๋ : “คืนแล้วเรียบร้อยครับ”

หมอปลา : “แต่บางคนยังไม่ได้คืน ขนาดเอาตำรวจไปก็ยังไม่ได้คืนนะ เคสนี้ไม่ได้มีผู้เสียหายแค่ตี๋คนเดียว”

ศักดิ์สิทธิ์ : “เรื่องนี้ผมไม่รู้จริงๆ”

หมอปลา : “พี่เมายากันยุงรึเปล่าพี่ถึงไม่รู้”

ศักดิ์สิทธิ์ : “คุณพูดอย่างนี้คุณหมายความว่ายังไงหมอปลา”

หมอปลา : “ก็เหมือนคนเมาพูดไง นี่คุยกันมาตั้งนานคุณไม่รู้ได้ไง”

ศักดิ์สิทธิ์ : “ผมจะรู้ได้ยังไงผมไม่ได้อยู่กับอาจารย์ ผมรู้ว่าเขาไปเรียนกับอาจารย์ เสียเงินไป25000 แต่จะได้เรียนไหมผมไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง พอมีข่าวออกมาผมก็โทรไปหาอาจารย์ อาจารย์ก็บอกว่าคนนี้มาหาอาจารย์แล้วก็ไม่ได้มา”

อาจารย์เอก : “ประเด็นนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเป่าทองครับ มันเกี่ยวกับลายยันต์”

หมอปลา : “แต่มันเกี่ยวเนื่องกันไง ในเมื่อเป่าทองแล้วก็อยากได้ลายยันต์”

อาจารย์เอก : “จริงๆแล้วอาจารย์ตี๋แกมาเรียนแค่เฉพาะเป่าทองอย่างเดียว”

ตี๋ : “ผมไปยกเรียน ผมโทรถามก่อนว่า25000 อาจารย์สอนอะไรบ้าง เขาก็บอกว่าสอนทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรม ทำน้ำมนต์ สะเดาะเคราะห์ เป่าทอง ยันต์ด้วย คือทุกอย่าง”

 

ตกลงว่าเรื่องเป่าทองมีจริงๆ?

อาจารย์เอก : “ผมกล้าสาบานเลยว่ามีจริงครับ ผมไม่มีจริงขอให้ผมตายเลยครับ”

 

แล้วอาจารย์เอกทำได้ไหม?

อาจารย์เอก : “ผมพูดจริงๆเลยนะ ระยะที่ผมเรียนมาประมาณซักปีนึง ด้วยวิชาพวกนี้มันต้องค่อยๆฝึกไปเรื่อยๆ มันเป็นการกลั้นลมหายใจ ตัวผมทำได้ครับ ผมเป่าทะลุกระดานเลย”

หมอปลา : “แล้วทำไมเมื่อวานถึงไม่มาทำให้ดู”

อาจารย์เอก : “หมอปลาเอย ผมจะทำไปเพื่ออะไร”

หมอปลา : “ในเมื่อคุณอ้างว่าคุณเป่าได้ก็อยากรู้ว่าคุณเป้าได้จริงหรือเปล่า ไม่งั้นผมก็พูดได้ว่าผมไปเหยียบตามทางทั้งๆที่ผมเหยียบไม่ได้ ทำไมจะพูดอะไรก็ได้เหรอ ทั้งๆที่จริงๆมันทำไม่ได้”

อาจารย์เอก : “ความคิดใครความคิดมัน มันก็เรื่องของคุณ คุณก็ศรัทธาในความคิดของคุณไง”

ศักดิ์สิทธิ์ : “เขามาว่าผมว่าผมเมายากันยุง มันเกินไปนะ”

หมอปลา : “หรือว่าเมาใบกระท่อมล่ะพี่ เดินยังแทบไม่มีแรงเดินเลยพี่เอย เขายังไม่แก่เลย”

ศักดิ์สิทธิ์ : “เขาหยาบคายกับผมนะ”

หมอปลา : “กูมึงยังไม่ได้ขึ้นเลย”

ศักดิ์สิทธิ์ : “แล้วพูดแบบนี้หมายความว่าไง”

หมอปลา : “ตายห่า”

ศักดิ์สิทธิ์ : “ตายห่าใคร”

หมอปลา : “แรงเดินยังไม่มีเลยพี่ อย่ามีเรื่องเลย”

ศักดิ์สิทธิ์ : “มาว่าอย่างนี้ได้ยังไง ผมก็บอกแล้วว่าผมไม่ใช่ลูกศิษย์ พอถามอะไรผมก็ไม่รู้สิ”

ถามเบิ้ม ในฐานะนักมายากลเช่ือเรื่องการเป่า?

เบิ้ม : “ส่วนตัวผมนะ ขอบอกเป็น2 กระแสเลย ถามว่าผมเคยเจอไหม ผมเคยเจอแต่อาจจะไม่เหมือนในนี้  เอ่ยถึงหลวงพ่อเลยแล้วกัน หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย ใครเล่นพระจะรู้ว่าสุดยอดจริงๆคือเป่าทองหาย เราก็ไปบอกหลวงปู่ครับหลวงปู่ทำแผ่นทองให้หายหน่อย แกบอกไม่เอาเราก็คะยันคะยอแกก็คงรำคาญ แกก็ดึงมาแผ่นนึงปิดตรงหน้าผาก ทองคำเปลวแท้เวลาถูมันก็จะหาย ถ้าใครคุ้นเคยกับการลงนะ หลวงพ่อมีแกแปะให้ผมเป็นรูปสี่เหลี่ยมแกก็ไม่ได้ลูบอะไรให้ ธรรมดาก็คิดว่าแกจะลูบให้ คุยซักพักเราก็ปาดเอง เราก็ดูมันไม่มีสะเก็ด ไม่มีแผ่นทองอะไรในมือเลย ก็เลยมองกระจกเราเห็นเป็นแผ่นเลย เราก็เลยขยี้มันก็ยังเป็นแผ่นอยู่อย่างนั้น”

 

หมอปลา : “ผมก็เคยเจอ มันมีพวกหลอกลวงคนเยอะ”

 

เบิ้ล : “อันนี้ในมุมของนักเล่นกลนะ มันมีเรื่องราวพวกนี้อยู่ด้วย (สาธิต)”

 

ศักดิ์สิทธิ์ : “ผมจะเล่าให้ฟังว่าที่ผมไปทดสอบอาจารย์สุนทรด้วยตัวเอง แผ่นทองอยู่ในมือผมตลอดเวลา ผมเข้าใจที่คุณเบิ้มทำ ผมก็รู้เทคนิค แผ่นทองอยู่ในมือผม ผมถือไว้กับมือแล้วผมไปหาอาจารย์สุนทรเมื่อปี48 ผมเป็นคนจับเอง อาจารย์สุนทรไม่เคยจับเลย อาจารย์สุนทรผมทีเดียวแล้วหายไปเลย”

อาจารย์เอก : “ก็เขาบอกเล่นกลไม่ใช่เหรอ”

 

ถ้าเทียบกับอาจารย์สุนทรมันต่างกัน?

อาจารย์เอก : “ต่างกันครับ”

หมอปลา : “ทำไม่ได้หรอก ถ้าทำได้ทำโชว์แล้ว”

อาจารย์เอก : “พี่ศักดิ์สิทธิ์แกเป็นคนไม่เชื่ออาจารย์”

ศักดิ์สิทธิ์ : “ตัวผมไม่เชื่อแกเลยเมื่อปี48  ผมก็กำทอง9แผ่นไปให้แกเป่า ผมจับเองหมดเลยทุกขั้นตอน ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนได้ แกก็เป่าแล้วผมก็คลี่ดูมันหายหมด อีกครั้งนึงเพื่อนผมเป็นข้าราชการกับวิศวกรคอมพิวเตอร์ ไปหาอาจารย์สุนทรให้อาจารย์แกเป่า ผมก็นำสบู่กลีเซอรีนใสๆไปให้อาจารย์สุนทรเป่า6ครั้ง เพื่อนผมเป็นคนถ่ายเอง ทองก็เป็นคนเอาไปเอง อาจารย์สุนทรก็เป่าจนทะลุ คือสบู่กลีเซอรีนจะฝังยังไง”

 

หมอปลา : “คือผมจะบอกว่าที่เขาพูดมามันคือน้ำลายทั้งหมด เราให้เขาทำแต่เขาไม่ทำจะอ้างว่ามีจริงแต่ไม่ทำให้ดู จะเชื่อได้ยังไง ใครๆก็พูดได้ทั้งนั้นแหละ ลูกศิษย์เขาเราให้มาทำเขาก็ไม่มา ใครก็ได้ที่เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เอามา”

อาจารย์เอก : “ปอดแกไม่ดี ผมตามแกไปหาหมอบ่อย ผมขอคุยกับพี่ปลานะ คือการกลั้นลม แล้วปอดแกไม่ดี พอกลั้นไปแล้วมันกลั้นไม่อยู่ พอกลั้นไม่อยู่ก็ไอออกมา มันก็เป่าไม่ได้”

 

หมอปลา : “ให้ลูกศิษย์ทำได้ไหมล่ะ”

 

อาจารย์เอกทำให้เขาดูได้ไหม?

อาจารย์เอก : “นี่ผมพูดให้ฟังนะ คือขณะที่ผมทำตอนนั้น ผมไม่ได้คิดว่ามันจะต้องหายหรืออะไร เราเป่าเราก็เป่าพ่นไปกับกระดานนี่แหละ เป่าไม่เข้าก็เป่าใหม่อยู่อย่างนั้น มันเป็นวิธีการฝึกเป่าทอง มันไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆจะไปเป่าเหมือนอาจารย์ จิตแกมันถึงแล้ว ลมปราณแกได้ แต่ถ้าไม่เชื่อมันก็แล้วแต่ ผมไม่รู้จะพูดว่าไง”

 

ไปทำให้ดูกันสองคนได้ไหม?

อาจารย์เอก : “โหย…พี่ปลาแกเก่ง”

 

เอาเป็นว่าอาจารย์เอกไม่ขอทำให้หมอปลาดูนะ?

อาจารย์เอก : “เพื่ออะไรก็ไม่รู้”

หมอปลา : “เขาไม่กล้าพิสูจน์หรอก คือเขาอ้างแต่พอให้ทำก็ทำไม่ได้ เขาอ้างเก่ง เสกสบู่ โอ้ย เพ้อเจ้อ”

 

ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ตี๋ยังเชื่ออยู่ไหม?

ตี๋ : “ไม่เชื่อแล้วครับ สักยันต์เป็นการอนุรักษ์ยันต์ของไทยครับ ไม่ได้สักเพื่อให้มีฤทธิ์เดช อยากจะอนุรักษ์การสักยันต์ไว้เพื่อไม่ให้สูญหาย ตอนนี้ผมไม่เชื่อแล้วครับ เพราะเห็นกับตา ผมขอพิสูจน์แล้วแต่เขาไม่พิสูจน์ ผมก็ว่าไม่มีจริง”

 

แต่อาจารย์สุนทรแกบอกว่าไปลบหลู่จะมีอันเป็นไปนะ?

ตี๋ : “ไม่กลัวครับ ถ้าเขาทำได้เขาทำให้ผมเห็นแล้ว”

 

จะพิสูจน์ต่อไหม?

หมอปลา : “ก็เขาไม่ให้พิสูจน์ต่อ ประเด็นคือทางเราให้ความเป็นธรรมกับเขา ไม่ใช่จะไปจับผิด แต่พอเราเข้าไป ขอนั้นขอนี้เขาไม่ทำให้เรา เขาอ้างเรื่องสุขภาพ ก็แล้วลูกศิษย์ล่ะ”

ศักดิ์สิทธิ์ : “จะพาหมอไปตรวจดูก็ได้ แกไม่สบายจริงๆ”

หมอปลา : “แล้วคุณป่วยไหม”

ศักดิ์สิทธิ์ : “ผมไม่ป่วย คุณนั้นแหละป่วย”

หมอปลา : “ผมมองว่ามันไม่แตกต่าง ทำไมอาจารย์กับลูกศิษย์ทรงแนวนี้”

ศักดิ์สิทธิ์ : “ผมไม่ใช่ลูกศิษย์”

หมอปลา : “เขาเรียกว่ายกหางตัวเอง”

ศักดิ์สิทธิ์ : “ผมไม่มีหางนะ ถ้าคุณมีหางก็เชิญ”

หมอปลา : “ผมสงสารคุณนะ”

ศักดิ์สิทธิ์ : “คุณไม่ต้องมาสงสารผมหรอก สงสารตัวเองเถอะ แค่เรื่องกกกอดก็น่าสงสารพอแล้ว เผาเศียรพระฤษี พ่อแก่อะไรนี่ นี่ศิษย์พ่อแก่มหาเทพ

ตี๋ : “ผมใช้ชื่อเฟซว่าตี๋ลูกพ่อแก่ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับอุทยานแกนะ ผมขออนุญาตใช้เฟซชื่อเศรษฐีลูกพ่อแก่กับอุทยานแต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับที่นั่น ผมศรัทธาในบรมครูที่นั่น”

 

ทางศักดิ์สิทธิ์เองยืนยันว่ายังศรัทธาในตัวอาจารย์?

ศักดิ์สิทธิ์ : “ผมเห็นกับตาครับ”