Le e Daniels’ The Butler เดอะบัทเลอร์ เกียรติยศพ่อบ้านบันลือโลก 10 ตุลาคมทุกโรงภาพยนตร์

จุดเด่นภาพยนตร์

LEE DANIEL’S THE BUTLER  ผลงานภาพยนตร์แนว อีพิค-ดราม่า ซึ่งเป็นการโคจรมาพบกันของเหล่านักแสดงระดับแม่เหล็กมาร่วมประชันบทบาทสุดเข้มข้นกับศิลปินตัวแม่ และพิธีกรฝีมือเก๋าของวงการนำโดย ฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์ , โอปราห์ วินฟรีย์ , เดวิด โอเยลโลโอ , จอห์น คูแซ็ค , โรบิน วิลเลี่ยมส์ , มารายห์ แครี่ย์ , คิวบา กู๊ดดิ้ง จูเนียร์ , ยายา อลาเฟีย , เจน ฟอนดา , วาเนสซ่า เกรดเกรฟ ฯลฯ มาร่วมแสดง                  โดย LEE DANIEL’S THE BUTLER  สร้างขึ้นชีวิตจริงของ “ยูจีน อัลเลน” อดีตพ่อบ้านทำเนียบขาว ที่ทำงานใกล้ชิดกับอดีตผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกา โดยเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของผู้กำกับมากฝีมืออย่าง Lee Daniels  (ลี แดเนียลส์)       ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี่และทีมยังเป็นหนึ่งในทีมผู้สร้างภาพยนตร์ที่โด่งดังอย่าง Monster’s Ball, Precious และ The Paperboy

เรื่องย่อ

ที่มาของภาพยนตร์เรื่อง LEE DANIEL’S THE BUTLER ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทความเรื่อง “A Butler Well Served by This Election” จากวอชิงตัน โพสต์ ในปี 2008   ซึ่งเล่าเรื่องราวชีวิตจริงของ “ยูจีน อัลเลน”  อดีตพ่อบ้านทำเนียบขาว โดย Lee Daniels  (ลี แดเนียลส์)   หยิบเรื่องราวนี้มาถ่ายทอดผ่านตัวละคร  เซซิล เกนส์ (รับบทโดยฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์)  ผู้ทำหน้าที่ระหว่างการบริหารงานของประธานาธิบดีในระหว่างปี 1957-1986

ซึ่งเป็นการติดตามเรื่องราวของตัวละคร “เซซิล” ตั้งแต่วัยเด็กในระหว่างที่เขาหลบหนีจากความโหดร้ายของดินแดนทางใต้ที่มีการแบ่งแยกชนชั้นกันอย่างรุนแรง   เพื่อมาแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า  จวบจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่  เซซิลได้เรียนรู้ทักษะล้ำค่าที่ท้ายที่สุด และทำให้เขาสามารถคว้าโอกาสทองในชีวิตด้วยการได้ รับตำแหน่งเป็นพ่อบ้านของบ้านเลขที่ 1600 เพนซิลวาเนีย อะเวนิว ซึ่งหมายถึงบ้านของประธานาธิบดีคนสำคัญของสหรัฐอเมริกานั่นเอง   เซซิลได้กลายเป็นประจักษ์พยานของเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ และกระบวนการทำงานในห้องทำงานของประธานาธิบดี ระหว่างที่เกิดการเคลื่อนไหวทางการเมือง

ด้านชีวิตส่วนตัวของเซซิล เขามีภรรยาที่รัก คือ กลอเรีย เกนส์ (รับบทโดยโอปราห์ วินฟรีย์) และมีลูกชายอีกสองคนครอบครัวของเซซิลได้รับการเอื้อประโยชน์ให้อยู่ในชนชั้นกลางที่มีความเป็นอยู่ที่ดีต่างจากครอบครัวอื่นๆ แต่ด้วยความมุ่งมั่นทำงานให้กับครอบครัว “ครอบครัวหมายเลขหนึ่ง” ทำให้ครอบครัวของเซซิลเองนั้นเกิดความตึงเครียด ตัวเซซิลเองเหินห่างจากกลอเรียและมีปัญหาขัดแย้งกับหลุยส์ เกนส์ ลูกชายของเขา (รับบทโดยเดวิด โอเยลโลโอ) เซซิลจะมีวิธีในการรับมือกับปัญหาต่างๆที่ถาโถมเข้ามาได้อย่างไร ติดตามหาคำตอบได้ใน…LEE DANIEL’S THE BUTLER

เกี่ยวกับงานสร้างภาพยนตร์

ในปี 2008 ระหว่างช่วงเวลาหลายสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ที่ บารัค โอบามา   ชนะการเลือกตั้ง วิล เฮย์กู๊ด อดีตนักข่าวต่างประเทศและนักเขียนของวอชิงตัน โพสต์ ได้ตั้งภารกิจให้กับตัวเองในการหาชาวแอฟริกัน/อเมริกัน ที่เคยทำงานในทำเนียบขาวและได้เห็นการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนจากเบื้องหลังม่าน หลังจากโทรศัพท์หลายครั้ง  เฮย์กู๊ด      ก็ค้นพบว่าคนที่เขาตามหานั้นอยู่ในวอชิงตัน ดีซี นี่เอง ชื่อของเขาคือ “ยูจีน อัลเลน” เขาอายุ 89 ปีแล้ว และเขาก็เคยทำงานภายใต้ประธานาธิบดี 8 คน   ตั้งแต่ยุค 50s จนถึง 80s   หลังจากได้พบกับ อัลเลน และ เฮเลเน ภรรยาของเขานานหลายชั่วโมง เขาก็สามารถรวบรวมข้อมูลของชายผู้มีโอกาสได้เป็นประจักษ์พยานของช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของประเทศ  รวมถึงบุรุษทรงอำนาจผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านั้น  ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเผยแพร่มาก่อน

เอมี ปาสคัล ผู้อำนวยการร่วมแห่งโซนี่ พิคเจอร์ส เอนเตอร์เทนเมนต์ เดิมได้อ่านบทสัมภาษณ์กับ อัลเลน ในวอชิงตัน โพสต์และได้นำเรื่องราวนี้ไปเสนอผู้อำนวยการสร้าง ลอร่า ซิสกิน หนังสือพิมพ์โพสต์ได้ตีพิมพ์เรื่องราวนี้ในวันศุกร์ หลังชัยชนะของ โอบามา ซิสกิน  ผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ยอดนิยมอย่าง PRETTY WOMAN, AS GOOD AS IT GETS และ แฟรนไชส์ SPIDER-MAN เห็นด้วยทันทีว่าเรื่องราวของอัลเลนมีศักยภาพวิเศษสุดที่จะนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ แม้ว่าจะถูกทาบทามซื้อสิทธิเรื่องราวของ อัลเลน จากผู้อำนวยการสร้างคนอื่นๆ ด้วย   แต่ เฮย์กู๊ด ก็เชื่อว่าความรักและวิสัยทัศน์ที่ ซิสกิน มีต่อ   โปรเจ็กต์นี้ไม่มีใครเทียบได้และเห็นด้วยว่าพวกเขาควรจะเรี่มต้นสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

โซนี่ พิคเจอร์ส ซื้อสิทธิ์ในการสร้างโปรเจ็กต์นี้โดยมีมือเขียนบทอย่าง  แดนนี่ สตรอง รับหน้าที่สร้างเรื่องราวสมมติที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบทความของ เฮย์กู๊ด ขึ้นมา     แต่ท้ายที่สุด โซนี่ฯ กลับเลือกที่จะไม่เดินหน้าต่อ ซึ่งทำให้ ซิสกิน ผู้ซึ่งยังคงรักในโปรเจ็กต์นี้อยู่   กลับเดินหน้าเต็มที่เพื่อหาเงินทุนมาสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องนี้แบบอิสระ    ในการตามหานักลงทุนที่น่าจะเป็นไปได้   เธอคิดที่จะทาบทามนักธุรกิจและผู้ชื่นชอบภาพยนตร์ หรือผู้สนใจโปรเจ็กต์ศิลปะที่มีข้อคิดทางสังคมเป็นพิเศษ เช่น เชลลา จอห์นสัน ผู้ร่วมก่อตั้ง BET ท้ายที่สุดแล้วคนอื่นๆ อย่าง ไมเคิล ฟินลีย์ และ บัดดี้ แพทริค  ก็เข้ามาร่วมงานด้วย   และสุดท้ายก็มีผู้คนมากมายเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อเนรมิตทุกชีวิตให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้   โดยมีผู้สนับสนุนเงินทุนจากหลายภาคส่วนร่วมมือกันเพื่อผลักดันโปรเจ็กต์นี้ไปสู่เส้นชัย    ซึ่งรวมถึง เอิร์ล สแตฟฟอร์ด, แฮร์รี ไอ. มาร์ติน จูเนียร์, ชาร์ลส์ ซาวัวร์ โบแนน, ฟิล์ม พาร์ทเนอร์ส   และ เอไอ ฟิล์ม

ซิสกิน หมายตา  แดเนียลส์  ให้กำกับโปรเจ็กต์นี้ เขาเพิ่งประสบความสำเร็จมาจาก PRECIOUS ภาพยนตร์รางวัล ออสการ์ของเขา   เมื่อ SALMA ภาพยนตร์ที่แดเนียลส์ถูกวางตัวให้กำกับถูกยกเลิกไป เขาก็สามารถเซ็นสัญญากับซิสกินแทนได้ ความเชี่ยวชาญของเขาในแวดวงภาพยนตร์อินดี้เป็นประโยชน์ในการระดมทุนในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย            แดเนียลส์ และ ซิสกิน ร่วมด้วย แพม วิลเลี่ยมส์ หุ้นส่วนการอำนวยการสร้างของเธอ    ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนาโปรเจ็กต์นี้     แม้ระหว่างที่เธอป่วยด้วยโรคมะเร็งมากขึ้นเรื่อยๆ   จนเมื่อ ซิสกิน เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้าในเดือนมิถุนายน ปี 2011 วิลเลี่ยมส์ ก็รับช่วงต่อในการนำภาพยนตร์เรื่องนี้ให้สมเร็จขึ้นสู่จอเงินให้ได้ตามความตั้งใจ

ฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์  และ โอปราห์ วินฟรีย์   เป็นคู่ถัดไปที่เซ็นสัญญารับบทนำในภาพยนตร์เรื่องนี้โดยมี  เดวิด โอเยลโลโอ มารับบทเป็น หลุยส์ ลูกชายนักเคลื่อนไหวหัวรุนแรง นอกจากนี้ยังมีทีมนักแสดงทที่ตบปากรับคำเข้าร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้อีกมากมาย อาทิ  ยาย่า อลาเฟีย, มารายห์ แครี่ย์, จอห์น คูแซ็ค, เจน ฟอนดา, คิวบา กู๊ดดิ้ง จูเนียร์, เทอร์เรนซ์ โฮเวิร์ด, เอไลยาห์ เคลลี่ย์, มินก้า เคลลี่ย์, เลนนี่ คราวิทซ์, เจมส์ มาร์สเดน, อเล็กซ์ เพ็ตติเฟอร์, วาเนสซ่า เกรดเกรฟ, อลัน ริคแมน, ลีฟ ชไรเบอร์   และ โรบิน วิลเลี่ยมส์    นักแสดงหลายคนยินดีที่จะรับค่าตัวที่น้อยกว่าปกติและบางคนถึงกับยกเลิกตารางทัวร์ต่างๆ ที่มีก่อนหน้านี้เพื่อร่วมถ่ายทำในภาพยนตร์เรื่องนี้ให้เสร็จสมบูรณ์

 

เปิดใจผู้กำกับ… ลี แดเนียลส์

Q:      ช่วยเล่าให้เราฟังถึงต้นกำเนิดของภาพยนตร์เรื่องนี้  และการร่วมงานกับผู้อำนวยการสร้างอย่าง ลอร่า ซิสกิน  ให้ฟังหน่อยสิ

A:          ผมได้รับบทหนังเรื่องนี้จากลอร่า ซิสกิน ผู้อำนวยการสร้างที่ผมเคารพอย่างสูง ซึ่งตอนนี้เธอจากเราไปแล้ว ผมรักเธอและผมก็ชื่นชอบไอเดียของบทความในวอชิงตัน โพสต์ของวิล เฮย์กู๊ด ซึ่งเอมี่ ปาสคัลที่โซนี่ซื้อสิทธิมา ผมตื่นเต้นมาก เพราะมันเป็นช่วงเวลาหลัง PRECIOUS และผมก็ชื่นชอบการได้ร่วมงานกับลอร่า เธอต้องเลือกระหว่างผมกับผู้กำกับที่โด่งดังมากๆ อีกคนหนึ่งที่จะมากำกับหนังเรื่องนี้ แล้วเธอก็ต้องการผม เธอเข้าใจผม ทั้งๆ ที่มีไม่กี่คนที่สามารถเข้าใจคลื่นความคิดของผมได้แต่เธอก็เข้าใจ ผมก็เลยรักเธอจริงๆ ครับ

ลอร่าจะโทรหาผมตอนตีสาม เพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับบทหนังเรื่องนี้ ตอนนั้น เรากำลังเขียนเรื่องราวนี้ให้กับ  โซนี่ ตอนหนึ่งผมคิดว่าเรากำลังสร้างเรื่องราวสำหรับเดนเซลด้วยซ้ำไป แต่ท้ายที่สุด เขาก็บอกปัดมัน เช่นเดียวกับวิล สมิธ ตอนที่เราเสนอบทหนังเรื่องนี้ให้กับเอมี่ ปาสคัล เธอก็ชอบมัน ผมบอกได้ว่าเธอชื่นชอบผมและหนังเรื่องนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องเงินก็ไม่ลงตัว ลอร่าไม่เคยต้องไปหาทุนสร้างหนังด้วยตัวเองมาก่อนเพราะเธออยู่ที่สตูดิโอมาตลอด ผมก็เลยบอกว่า “ผมมาจากโลกหนังอินดี้ ผมจะทำให้คุณเห็นเอง” แล้วเราก็ไปช่วยกันหาทุนสร้างหนังเรื่องนี้ครับ

ในตอนนั้น ลอร่าก็เริ่มป่วย เธอบินกลับไปกลับมาเพื่อช่วยงานผมด้านครีเอทีฟ และการระดมทุน เธอบินไปนิวยอร์กหนึ่งสัปดาห์เพื่อพบกับผม เราทำงานจากโรงแรมของเธอที่อัปเปอร์ อีสต์ ไซด์เพราะเธอป่วยเกินกว่าจะไปไหนมาไหนได้ พอวันอังคารถัดไป เธอบินกลับไปบ้านในซานตา มอนิก้า เธอพบผู้หญิงผิวสีคนหนึ่งที่เพิ่งถูกล็อตเตอรี่ และอยากจะลงทุนในหนังเรื่องนี้ ผมบอกกับลอร่าวันนั้นว่า “คุณทำได้ยังไงนะ? ผมเพิ่งเห็นคุณเมื่อสองสามวันก่อนนี้เอง แต่คุณกลับหานักลงทุนอีกคนหนึ่งได้       คุณเป็นเจ้าแม่ชัดๆ!” เธอบอกผมว่าเธอก็แค่เรียนรู้จากผม หลายวันต่อมา เธอก็อยู่ในอาการโคม่า และเธอก็จากไปในเย็นวันอาทิตย์นั้นเองครับ

หนังเรื่องนี้สร้างขึ้นเพื่อเธอครับ เธอเชื่อในตัวผมมากกว่าที่ผมเชื่อในตัวเองเสียอีก ผมคิดว่าผมคงจะไม่สามารถสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ มันเป็นหนังฟอร์มยักษ์มากๆ มันเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิพลเมืองหลายรุ่น ไม่มีสตูดิโอไหนอยากจะสร้างหนังเรื่องนี้ แม้กระทั่งหลังจากความสำเร็จของ PRECIOUS และรายได้ที่หนังเรื่องนั้นทำได้      แต่ลอร่ารู้ว่าเราสามารถทำได้ แพม วิลเลี่ยมส์ ผู้บริหารบริษัทของลอร่า ช่วยผมหาทุนสร้างได้จนครบครับ

Q:      ทำไมคุณถึงอยากจะสร้างหนังเรื่องนี้ อะไรที่ทำให้เรื่องราวนี้สำคัญสำหรับคุณ

A:                          เรื่องราวนี้สำคัญสำหรับผมเพราะผมไม่เคยดูหนังที่ลำดับเหตุการณ์การเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิพลเมืองมาก่อน ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการบริหารงานภายใต้โอบาม่า ผ่านทางมุมมองของพ่อลูกคู่หนึ่ง หนังเรื่องนี้เปิดมุมมองในเรื่องต่างๆ ที่ผู้คนได้เผชิญ แม้แต่ในช่วงอายุของผมเองก็เถอะ เพื่อที่เราจะสามารถทำในสิ่งต่างๆ เช่นการโหวตได้ มันเป็นเรื่องที่นอกเหนือจากการเป็นคนขาว คนผิวสี ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผม เพราะมันเป็นเรื่องของพ่อลูก ที่เป็นโฉมหน้าของเรื่องราวเกี่ยวกับสิทธิพลเมือง มันก้าวข้ามเชื้อชาติ ก้าวข้ามอเมริกา มันเป็นเรื่องราวสากล และมันก็ไม่ได้เป็นแค่บทเรียนทางประวัติศาสตร์เท่านั้น     แต่เป็นเรื่องราวของครอบครัวด้วยครับ

อีกสิ่งที่ผมรักเกี่ยวกับเรื่องราวนี้คือผู้เป็นพ่อเหมือนพ่อผมมากๆ เซซิลเห็นพ่อเขาถูกยิงในโรงงานหลังการเลิกทาส เขามีความเข้าใจที่แตกต่างกันในเรื่องการสื่อสารกับคนขาว เหมือนพ่อของผม เขาไปทำเนียบขาว เพื่อทำงานเป็นพ่อบ้าน เพราะเขารู้สึกว่าเขาสามารถรับใช้ประเทศชาติได้ดีกว่าในแบบนี้ เขาภูมิใจกับงานของเขาและภูมิใจที่ได้ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว แต่ลูกชายเขากลับอายกับเรื่องนี้ พ่อบ้านผู้นี้ที่เห็นพ่อของเขาถูกฆ่าตายจากการพูดโต้แย้งคนขาว เขาก็เลยไม่รู้สิ่งที่แตกต่างไปจากการทำตัวอ่อนน้อมและรับใช้ ในทางกลับกัน ลูกชายของเขาคิดว่ามันมีวิธีการใช้ชีวิตรูปแบบอื่น เขาเริ่มต้นจากมาร์ติน ลูเธอร์ คิง ที่เดินขบวนเรียกร้องสิทธิเพื่อการโหวต จากนั้น พอมาร์ติน ลูเธอร์ คิงถูกฆ่าตาย เขาก็ตระหนักว่าการเรียกร้องแบบอหิงสาไม่ใช่รูปแบบที่เหมาะสม เขาก็เลยหันไปสนใจแนวทางทางทหารมากขึ้น เขาไปเข้าร่วมมัลคอม เอ็กซ์และแบล็ค แพนเธอร์ส              ในระหว่างนั้น พ่อเขาก็ไม่เห็นด้วยเพราะไม่เพียงแต่เขาทำงานให้กับคนขาวเท่านั้น เขายังทำงานที่ทำเนียบขาวสำหรับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาด้วยครับ

คำถามที่เกิดขึ้นก็คือใครผิด ใครถูก มันเป็นเรื่องถูกต้องรึเปล่าที่เขารับใช้ประธานาธิบดีอย่างนิ่งเฉย การทำให้คนขาวยอมรับและไว้ใจคุณเป็นการที่คุณพัฒนาสิทธิของคนผิวสีรึเปล่า หรือมันเป็นสิ่งถูกต้องที่จะเดินขบวน ประกาศความคิด และเต็มใจที่จะตายเพื่อสิ่งที่คุณเชื่อ มันเป็นคำถามที่ทำให้เซซิลและลูกชายต้องปะทะกันในหนังเรื่องนี้ และองค์ประกอบนั้นก็ทำให้ผมอยากจะกระโจนใส่เรื่องราวนี้ด้วยความมุ่งมั่นแบบที่ผมกระโจนเข้าใส่ PRECIOUS นะครับ

Q:      หนังเรื่องนี้แตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆ ที่คุณเคยสร้างมา มันมีความแตกต่างอะไรไหมระหว่างวิธีที่คุณใช้กับเนื้อหานี้และเนื้อหาอื่นๆ ที่คุณเคยทำงานด้วยมาก่อน

A:                          นี่เป็นหนังที่ยากที่สุดที่ผมเคยกำกับมาก่อน ผมรู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่ามุมมองที่มีต่อโลกของผมและมุมมองที่มีต่อโลกของคนทั่วไปแตกต่างกัน มันไม่มีเนื้อหาเรื่องเพศ มีความหยาบคายนิดๆ และมีความรุนแรงระดับต่ำ แม้ว่าเราจะกำลังเจอกับช่วงเวลาที่รุนแรงมากๆ ก็ตาม ดังนั้น ในฐานะผู้กำกับ ผมก็ต้องยับยั้งชั่งใจตัวเอง และผมก็ภูมิใจกับเรื่องนั้น ผมมีทีมงานชั้นเยี่ยมและกลุ่มนักแสดงที่เหลือเชื่อ ที่ช่วยผมช่วยตัวเองเพราะพวกเขารู้ว่าผมเป็นคนรักอิสระ ผมยอมรับคนที่ยอมรับผมและแนวทางที่ผมคิดและทำงาน มันเป็นเรื่องยากที่จะสร้างหนัง PG-13 และคงความเป็นลี แดเนียลส์อยู่ แต่เราก็ทำได้ครับ

Q:      การร่วมงานกับฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์เป็นยังไงบ้าง

A:                          ผมคิดว่าคนที่ทำแบบนี้มาตลอดและคนที่มั่นใจในตัวเองจริงๆ แล้วเป็นคนที่ถ่อมตัวที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง    ฟอเรสต์อาจจะเป็นนักแสดงที่ถ่อมตัวที่สุดเท่าที่ผมเคยร่วมงานด้วยในชีวิตผม มีนักแสดงรางวัลออสการ์ซักกี่คนที่เต็มใจจะ       มาออดิชั่นให้คุณล่ะครับ เขาทำตามที่ผมขอทุกอย่าง ตอนนั้นเองที่คุณรู้ว่าคุณได้นักแสดงที่มั่นใจเมื่อพวกเขาทำในสิ่งที่คุณขอโดยไม่มีคำถาม นักแสดงหลายคนไม่รู้ตัวเลยว่าพวกเขาต้องยอมสยบให้กับผู้กำกับ มันเป็นสิ่งที่หาได้ยากครับ

เขาและโอปราห์วิเศษมากในบทเซซิลและกลอเรีย ฟอเรสต์ใส่ความสง่างาม ความมีระดับและความเปราะบางเข้าไปในบทเซซิล ซึ่งผมไม่คิดว่าจะมีใครทำได้อีก เขามีความสามารถในการทำให้เซซิลเปลี่ยนแปลง เติบโตและมองเห็นทางสว่างครับ

Q:      ช่วยพูดถึงกลอเรีย เกนส์ ภรรยาของเซซิล ซึ่งเป็นตัวละครของโอปราห์ซักหน่อยสิ

A:                          ผมรักผู้หญิงครับ พวกเธอทั้งซับซ้อนและสวยงาม น่าศึกษา ผู้หญิงผิวสีเป็นกลุ่มที่น่าศึกษาตรงที่พวกเธอสามารถพัฒนาจากการเป็นทาสและปรับตัวได้ เราต้องการมุมมองของผู้หญิงผิวสีในบทหนังเรื่องนี้ และเราก็ต้องการผู้หญิงที่ซับซ้อนอย่างแม่ของผมหรือป้าของผมหรือเพื่อนบ้านที่ดูแลเราตอนเราโตขึ้นมา นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ กลอเรีย ตัวละครของโอปราห์ซับซ้อน เธออาจจะนอกใจเซซิล สามีของเธอ เพราะเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น เธออาจจะดื่มหนักเกินไป เธออาจจะสูบบุหรี่มากเกินไป แต่ผมคิดว่าความซับซ้อนนั้นคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตและเรื่องราวน่าสนใจ ครอบครัวเกนส์ไม่ใช่ครอบครัวฮักซ์เทเบิล        ก็ไม่ใช่ว่าพวกฮักซ์เทเบิลเลวร้ายนะครับ แต่พวกเขาเป็นคนที่ซับซ้อนเพราะพวกเขามาจากการเป็นทาส เรื่องเชื้อชาติเป็นเรื่องซับซ้อนครับ

เซซิลและกลอเรียมีลูกชายสองคนในหนังเรื่องนี้ คนหนึ่งคือชาร์ลีย์ เขาร่วมรบในสงครามเวียดนามและรับใช้ประเทศของเราในแบบนั้น ส่วนหลุยส์ ลูกชายคนหนึ่ง ร่วมมือกับขบวนการเอ็มแอลเค, มัลคอล์ม เอ็กซ์และแบล็ค แพนเธอร์ส หนังเรื่องนี้สำรวจว่าครอบครัวเกนส์ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เหล่านี้อย่างไร กลอเรีย ผู้เป็นแม่ ควบคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่เพราะลูกชายทั้งคู่ของเธอกำลังทำสงคราม คนหนึ่งเป็นสงครามภายในส่วนอีกคนหนึ่งทำสงครามอยู่นอกประเทศครับ

Q:      การได้โอปราห์กลับมาแสดงอีกครั้ง หลังจากที่เธอห่างหายจากวงการไปนาน เป็นอย่างไรบ้าง

A:                          เธอได้ร่วมงานกับผมใน PRECIOUS ในฐานะผู้ควบคุมงานสร้าง ผมบอกเธอหลังจากหนังเรื่องนั้นว่าผมอยากจะร่วมงานกับเธออีกครั้ง เพียงแต่ในฐานะนักแสดงเพราะผมคิดว่าเธอมีพรสวรรค์อย่างเหลือเชื่อ ผมอยากให้เธอทำสิ่งที่จะทำให้ทุกคนตกตะลึง พอผมเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ เธอก็ชื่นชอบไอเดียเรื่องนี้ ผมก็เลยลงมือพัฒนามันและปรับตัวละครใหม่สำหรับเธอ เธอตอบรับบทนี้อย่างรวดเร็วและผมก็ดีใจที่เธอชอบมันครับ

ในตอนที่คุณทำงานกับนักแสดง คุณจะต้องมีความไว้วางใจอย่างแน่วแน่ ผมไม่สามารถถ่ายทำได้ถ้าผมไม่ได้รับความไว้วางใจจากนักแสดง มันเป็นศิลปะ เหมือนการออกแบบการต้นรำหรือการวาดภาพเหมือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโอปราห์ เธอไม่ได้ทำงานในฐานะนักแสดงมานานแล้ว มันก็เลยเป็นเรื่องสั่นประสาทมากๆ ที่จะต้องแบกรับภาระในการทำให้เธอดูดีพอๆ กับใน THE COLOR PURPLE ในหนังเรื่องนั้น เธอเป็นอัจฉริยะเลยครับ แต่ในวันแรกในกองถ่าย เธอก็ทุ่มสุดตัวเลย มันงดงามมาก เธอเข้าแถวรับอาหารเหมือนคนอื่นๆ เธอไม่ได้ทำตัวแตกต่างจากนักแสดงคนอื่นๆ เลย เธอเป็นมหาเศรษฐี แต่เธอไม่ได้ทำตัวแบบนั้นเลยตอนอยู่ในกองถ่าย เธอมาทำงานทุกวันโดยไม่มีผู้ติดตาม และให้การสนับสนุนกับกระบวนการทำงานทั้งหมดมากๆ เธออยู่ตรงนั้นในฐานะนักแสดงรับจ้าง และเธอก็มาสวมบทกลอเรียในฐานะนักแสดงด้วย ผมตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับเธออีกครั้งหนึ่งครับ

Q:      การทำงานในภาพยนตร์ที่มีทีมนักแสดงกลุ่มใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง

A:                          การทำงานในหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องยากเพราะปกติแล้ว ผมจะสร้างหนังที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นซัมเมอร์ หรือหนึ่งปี เท่านั้นเอง แต่หนังเรื่องนี้ครอบคลุมเวลาหลายสิบปี มีดาราปรากฏตัวขึ้นคนแล้วคนเล่า เราเริ่มต้นจากโรบิน วิลเลี่ยมส์ ต่อด้วยวาเนสซ่า เรดเกรฟ มารายห์ แครี่ย์และเลนนี่ คราวิทซ์ ก่อนจะมีคิวบา กู๊ดดิ้ง จูเนียร์, โอปราห์ วินฟรีย์,    ฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์และเทอร์เรนซ์ โฮเวิร์ด การดึงเอาการแสดงจากนักแสดงเหล่านี้ คุณจะต้องใช้เวลาร่วมกับพวกเขา ไม่เพียงแต่คุณจะต้องอยู่หน้ากระดาษเดียวกันเท่านั้น แต่จะต้องอยู่ตัวอักษรเดียวกันด้วย เวลาเป็นเงินเป็นทอง ซึ่งเราก็ไม่ได้มีมากด้วย มันก็เลยเป็นเรื่องยากมากๆ แต่นักแสดงจะต้องรักหนังของพวกเขาจริงๆ และผมก็ตื่นเต้นกับพวกเขาทุกคน ผมคิดว่าเจน ฟอนดาวิเศษมากในบทแนนซี่ เรแกน และผมก็คิดว่าอลัน ริคแมนเหลือเชื่อมากในบทโรนัลด์ เช่นเดียวกับอเล็กซ์ เพ็ตติเฟอร์และเดวิด แบนเนอร์

การคัดเลือกนักแสดงสำหรับบทประธานาธิบดีเป็นเรื่องยากเพราะผมไม่อยากใหผู้ชมคิดว่า “ดูจอห์น คูแซ็กรับบทประธานาธิบดีนิกสันสิ หรือดูโรบิน วิลเลี่ยมส์เล่นเป็นไอเซนฮาวเออร์ หรือเจมส์ มาร์สเดนรับบทเคนเนดี้สิ” คุณต้องทำให้พวกเขาหายไป และในการทำแบบนั้น คุณก็ต้องไม่ทำให้พวกเขาเป็นตัวละครล้อเลียน แต่ต้องทำให้พวกเขาเป็นคนที่มีเลือดเนื้อจริงๆ มุมมองที่ผมมีต่อพวกเขาคือการมองว่าพวกเขาเป็นแค่คนธรรมดา ในฐานะผู้ชม ผมอยากให้คนรู้สึกว่าน้ำหนักของโลกใบนี้ทับอยู่บนคนเหล่านี้ในตำแหน่งประธานาธิบดี ไม่ว่าคุณจะเป็นรีพับลิกันหรือเดโมแครท ไม่ว่าคุณจะชอบพวกเขาหรือไม่ก็ตาม พวกเขาเป็นคนที่พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรับใช้ประเทศของเรา เคนเนดี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย นิกสันเองก็เหมือนกัน ทุกคนต่างก็มีข้อดีข้อเสียเหมือนกัน ผมพยายามจะใส่ไอเดียนั้นเข้าไปในหนังทุกเรื่องของผม รวมถึงกับประธานาธิบดีเหล่านี้ด้วย เราทุกคนต่างก็ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่สีเทา และนั่นเองที่เวทมนตร์เกิดขึ้นในตอนที่คุณบอกเล่าเรื่องราวครับ

Q:      มีฉากไหนบ้างไหมที่ถ่ายทำได้ยากเป็นพิเศษหรือโดดเด่นขึ้นมาสำหรับคุณ

A:                          มีฉากหนึ่งที่โอปราห์นั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งและทาลิปสติก เธอกำลังเมาและเธอก็อยากให้สามีเธอร่วมรักกับเธอ ผมกังวลมากกับการถ่ายทำฉากนี้ ผมคิดกับตัวเองว่า “ผมจะทำยังไงไม่ให้คนทั้งโลกจำได้ว่าเธอคือโอปราห์ วินฟรีย์ล่ะ! ผมจะทำให้เธอหายไปได้ยังไง” ในฉากนั้น เธอพูดถึงแจ็คกี้ เคนเนดี้ ว่าแจ็คกี้มีรองเท้ามากมายซักกี่คู่ เธอไม่พอใจที่สามีเธออยู่ในทำเนียบขาว คอยดูแลแจ็คกี้ แทนที่จะดูแลภรรยาตัวเอง แล้วตอนที่เราถ่ายทำฉากนี้ มันก็น่ากลัวมากเพราะผมรู้สึกหวั่นใจกับการวิจารณ์เธอ แต่เธอก็วิเศษสุด เธอแสดงด้วยบทพูดที่ผมเขียนขึ้นมาเพื่อเธอได้อย่างยอดเยี่ยม มันเป็นหนึ่งในฉากโปรดของผมในหนังเรื่องนี้ครับ

Q:      ระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ มีตอนไหนบ้างรึเปล่าที่คุณรู้สึกใกล้ชิดกับประเด็นของเรื่องเป็นพิเศษ

A:                          ช่วงเวลา “อะฮ่า” ของผมในตอนที่ผมเข้าใจว่าพ่อแม่ผมและปู่ย่าตายายผมต้องเจออะไรบ้าง เกิดขึ้นตอนที่เราถ่ายทำฉากการนั่งรถเมล์ของพวกฟรีดอม ไรเดอร์ส ผมกำกับฉากนั้นบนรถเมล์ มันร้อนมาก และไม่มีแอร์เพราะราใช้รถเมล์ในยุคนั้นจริงๆ ที่ฝ่ายอุปกรณ์ประกอบฉากหาให้ นอกจากนั้น ผมยังต้องกำกับพวกเคเคเค แคลนนอกรถเมล์ด้วย ผมเห็นกลุ่มคนในชุดเคเคเคที่โกรธแค้นเป็นร้อยคน และตะโกนว่า “คัท!” แต่พวกเขาก็ยังพุ่งตรงมาที่รถเมล์เพราะพวกเขาไม่ได้ยินผม ตอนนั้นเองที่ผมตระหนักดีว่าการเป็นหนึ่งในพวกเด็กๆ บนรถเมล์ของพวกฟรีดอม ไรเดอร์ให้ความรู้สึกยังไงนะครับ

Q:      คุณอยากให้ผู้ชมได้รับข้อคิดอะไรจากหนังเรื่องนี้

A:                          การกำกับหนังเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเท่าที่ผมเคยทำงานในแวดวงภาพยนตร์มาเลยล่ะครับ มันเป็นงานที่เหลือเชื่อในการสร้างอีพิคอิงประวัติศาสตร์และมันก็น่าสะพรึงกลัวด้วยเพราะในฐานะผู้กำกับ คุณก็อยากจะแน่ใจว่าคุณถ่ายทอดมันออกมาอย่างถูกต้อง ผมหวังว่าผู้ชมจะเดินกลับออกไปด้วยความรู้สึกที่ว่าจะไม่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น เราควรจะจดจำว่ามีคนพลีชีพเพื่อประเทศของเราและมีฮีโร่ที่ไม่ได้ถูกพูดถึงในบทเรียนด้วย คนเหล่านั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้โอบาม่าได้เป็นประธานาธิบดีครับ

 

เปิดสัมภาษณ์นักแสดงนำ…ฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์

 

Q:      หนังเรื่องนี้ครอบคลุมช่วงเวลายาวนานในประวัติศาสตร์อเมริกันและบอกเล่าเรื่องราวของพ่อลูกคู่หนึ่ง ที่รับบทโดยคุณและเดวิด โอเยลโลโอ ช่วยเล่าให้เราฟังถึงความสัมพันธ์นั้นหน่อยสิ

A:                          ผมคิดว่าสิ่งที่ลี แดเนียลส์ทำกับหนังเรื่องนี้ค่อนข้างทรงพลังเพราะเขาถ่ายทอดเรื่องของการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองผ่านทางตัวละครของผม (เซซิล) และลูกชายผม (หลุยส์) เป็นนักเคลื่อนไหวตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และเขาก็ได้มาทำงานกับมาร์ติน ลูเธอร์คิง ก่อนจะทำงานให้กับมัลคอล์ม เอ็กซ์ มันมีบุคคลหลากหลายประเภทในการเคลื่อนไหวนั้น               ในขณะเดียวกัน คุณจะได้เห็นผมในทำเนียบขาวระหว่างช่วงเวลาเหล่านั้นที่มีการตัดสินใจเบื้องหลังที่เกิดขึ้นโดยประธานาธิบดีเคนเนดี้, จอห์นสัน, นิกสัน, เรแกนและอื่นๆ พวกเขาเป็นผู้ที่ทำให้สิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมืองในประเทศนี้ รวมถึงโลกใบนี้ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

แล้วมันก็เป็นเรื่องราวของพ่อลูกด้วย ตัวละครของผมเป็นตัวแทนของคนรุ่นเก่าที่ยึดติดกับสิ่งเดิมๆ เขาเปลี่ยนความคิดเห็นด้วยการอยู่ในทำเนียบขาวของเขา ด้วยพฤติกรรมและการยอมรับของเขา ในแง่หนึ่ง ผมทำให้ชุมชนผิวสีมีความเป็นมนุษย์ขึ้นมาเพราะประธานาธิบดีและทีมงานของเขาจะต้องปฏิบัติต่อผมในระดับของมนุษย์ด้วยกัน แล้วก็มีลูกชายผมที่รับมือกับประเด็นเดียวกันในท้องถนนกับการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมือง ผ่านทางการเดินขบวนและการนั่งอยู่กับที่ ความขัดแข้งเกิดขึ้นระหว่างเราและรุ่นที่แตกต่างกันของเรา สิ่งที่ผมต้องการสำหรับลูกชายผมคือให้เขาปลอดภัยและมีชีวิตที่ดี นั่นคือสิ่งที่ผมคิดว่าผมทำในตอนที่ผมไม่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของเขา การเติบโตของผมคือการตระหนักว่าผมเองก็สมควรจะได้รับสิทธิบางอย่างเช่นกัน และลูกชายของผมก็ทำให้ผมเข้าใจเรื่องนี้ครับ

Q:      ในฐานะพ่อบ้านของทำเนียบขาว เซซิลได้พัฒนาความสัมพันธ์ส่วนตัวกับประธานาธิบดีและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง คุณคิดว่ามันส่งผลแง่บวกอย่างไรต่อภาพใหญ่บ้าง

A:                          เราต่างก็มีบุคคลต่างๆ เหล่านี้ เช่นโคลิน พาวเวลล์และคอนโดลีซ่า ไรซ์ ผู้ได้รับตำแหน่งที่มีอำนาจก่อนหน้าประธานาธิบดีโอบาม่า ผมไม่คิดว่าโอบามาจะได้เป็นประธานาธิบดีถ้าไม่มีการเคลื่อนไหวของคนเหล่านี้ และการที่ผู้คนเข้าใจและยอมรับว่ามีชาวแอฟริกัน/อเมริกันอยู่ในตำแหน่งของผู้มีอำนาจ คนพวกนี้เปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของสาธารณชน แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องใต้จิตสำนึกก็ตาม ผมเชื่อว่าโอบาม่าถูกฟ้าลิขิตให้รับตำแหน่งนี้ และผมก็ยินดีกับเขาด้วย แต่โชคชะตาก็มีช่วงเวลาของมันและสิ่งต่างๆ ก็ต่อยอดมาจนถึงชั่วขณะที่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้น อย่างที่มัลคอล์ม แกลดเวลว่าไว้ครับ

ในแง่นี้แล้ว ผมคิดว่าเซซิลเป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของการที่คนๆ หนึ่งทำเพื่อเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของคนกลุ่มใหญ่ในเรื่องเชื้อชาติ ในหนังเรื่องนี้ เน็คไทของเคนเนดี้และเข็มกลัดของจอห์นสันเป็นของขวัญที่เซซิลได้รับและเก็บรักษาไว้ ประธานาธิบดีทั้งสองคนได้เปลี่ยนแปลงนโยบายสิทธิพลเมืองในประเทศนี้ โดยเคนเนดี้เป็นคนเริ่มต้น ก่อนที่เขาจะถูกลอบสังหาร จอห์นสันบางครั้งก็ถูกมองว่าเป็นพวกคลั่งเชื้อชาติและถูกมองแง่ลบจากบทบาทของเขาในสงครามเวียดนาม แต่เขาก็ทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับสิทธิมนุษยชนในอเมริกาและทำให้มีการผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ครับ

Q:      เซซิลไม่พอใจในตอนที่ลูกชายเขาบอกว่า ซิดนีย์ โพเทียร์ เป็นแค่คนผิวสีที่ทำตัวอย่างที่คนขาวอยากให้ทำ คุณตีความเรื่องนั้นว่าอย่างไร

A:                          เซซิลโกรธเพราะในความคิดของเขา ซิดนีย์ โพเทียร์เป็นนักเคลื่อนไหวและเป็นผู้บุกเบิก หนังอย่าง A PATCH OF BLUE และ BROTHER JOHN เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้เลยที่คนผิวสีจะได้ร่วมแสดงก่อนที่เขาจะเข้ามา ถนนที่เขาแผ้วทางเอาไว้ยังคงมีผู้เดินตามในปัจจุบัน งานและช่องทางที่เขาสร้างขึ้นยังคงไม่มีใครเทียบได้ เมื่อลูกชายของเซซิลเถียงว่าเราไม่ควรจะเคารพชายผู้นี้ เซซิลก็อยากพูดจาดีๆ ในฐานะพ่อ แต่มันเกินกว่าเขาจะรับได้ครับ

ถึงกระนั้น สิ่งที่ลีทำกับหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องเยี่ยมจริงๆ ตรงที่เขาได้สำรวจ “ความเป็นลุงทอม” หลุยส์ ลูกชายของตัวละครของผม มองผมในแบบเดียวกับลุงทอม จริงๆ แล้ว บางครั้งเขาอายแทนผมด้วยซ้ำ มาร์ติน ลูเธอร์ คิงบอกเขาว่า จริงๆ แล้ว ตำแหน่งของผมในทำเนียบขาวสำคัญมากๆ คนอย่างบิล “โบแจงเกิลส์” โรบินสันและหลุยส์ อาร์มสตรองถูกมองว่าเป็นลุงทอม ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่ก่อนหน้านั้น ชาวแอฟริกัน/อเมริกันไม่สามารถแสดงบนเวทีบางแห่งหรือเข้าห้องบางแห่งได้เพราะพวกเขาไม่ได้รับอนุญาต พวกเขาเป็นนักเคลื่อนไหวที่เดินไปตามเส้นทางที่ไม่เคยเปิดกว้างมาก่อน เพื่อให้คนอื่นสามารถเดินตามมาได้ ถ้าคุณเดินเข้าป่า แล้วคุณต้องใช้มีดฟันเถาวัลย์ที่อยู่ตรงหน้าคุณ คุณก็จะรู้ว่าคนที่ตัดเถาวัลย์ก่อนหน้าคุณได้แผ้วทางให้คุณได้เดินหน้าต่อไปครับ

Q:      การร่วมงานกับนักแสดงคนอื่นๆ ที่รับบทประธานาธิบดีสหรัฐฯในหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง       

A:                          มันเยี่ยมมากเพราะผมเป็นเหมืองสิ่งที่เชื่อมทุกคนเข้าด้วยกัน นั่นเป็นสิ่งสำคัญเกี่ยวกับคนที่ทำงานในทำเนียบขาว มันเป็นเหมือนบ้านของเขาครับ ตอนที่ผมคุยกับพ่อบ้านจริงๆ บางคนที่เคยทำงานที่นั่น พวกเขาจะบอกว่าพวกเขาทำงานที่นั่นมาเป็นปีๆ แล้วและได้เห็นประธานาธิบดีคนแล้วคนเล่า แต่พวกเขาก็ยังคงทำงานเบื้องหลังต่อไปครับ

ระหว่างการถ่ายทำ มันเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ เมื่อได้นักแสดงคนใหม่มารับบทประธานาธิบดี จอห์น คูแซ็ครับบทนิกสันที่ค่อนข้างเพี้ยน ผมตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับเขาเพราะเขาเป็นนักแสดงคนเก่ง การแสดงฉากที่เขากำลังอยู่ท่ามกลางข่าวอื้อฉาวเรื่องวอเตอร์ เกท ที่เปิดเทปครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เจมส์ มาร์สเดนใส่เอาความผ่อนคลายและความสบายใจเข้าไปในบทเคนเนดี้ ผมชอบที่ได้ร่วมงานกับเขา ตัวละครของเขาเชื่อมโยงกับผมมากๆ ผมเคยร่วมงานกับโรบิน วิลเลี่ยมส์มาก่อน ผมชื่นชอบความนิ่งและความเรียบง่ายของเขาในบทไฮเซนฮาวเออร์ มันละเอียดอ่อนมากๆ เขาแสดงความเจ็บปวดและการครุ่นคิดออกมาได้อย่างงดงามครับ

Q:      นี่เป็นการหวนคืนสู่การแสดงอีกครั้งของโอปราห์ คุณคิดว่าหนังเรื่องนี้มีอะไรเป็นพิเศษที่ทำให้เธอกลับมาล่ะ

A:                          แน่นอนครับว่าเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลีจากการอำนวยการสร้าง PRECIOUS และเธอก็ไว้วางใจเขาในฐานะผู้กำกับ เรายากร่วมงานกันมาพักใหญ่แล้ว แต่ผมคิดว่าเหตุผลหลักๆ คือสิ่งที่เรื่องราวนี้กำลังบอกเล่าในเชิงประวัติศาสตร์และแสดงให้อเมริกาได้เห็นผ่านมุมมองเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเธอ ผมคิดว่าเธอสนใจที่จะสำรวจเรื่องของครอบครัวและความรักด้วยครับ สิ่งหนึ่งที่ตัวละครของเรามีในฐานะสามีภรรยาตลอดทั้งเรื่องคือความรักที่ผูกพันกันลึกซึ้งผ่านมรสุม ผ่านการติดเหล้าของตัวละครของเธอ ผมคิดว่าในฐานะนักแสดง เธอจะต้องสนใจตัวละครตัวนี้เพราะมันทั้งซับซ้อนและทรงพลัง และเธอก็แสดงได้อย่างน่าอัศจรรย์ ผมมีความสุขจริงๆ ที่ได้แสดงหนังเรื่องนี้กับเธอ ผมนึกไม่ออกเลยว่าผมจะแสดงกับคนอื่นได้ยังไง

ประวัตินักแสดง

  • Forest Whitaker (ฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์)  รับบท Cecil Gaines  (เซซิล เกนส์)

ฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์เป็นศิลปินและนักมนุษยธรรมที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เขายังเป็นนักแสดงพรสวรรค์มากความสามารถ และเป็นหนึ่งในบุคคลผู้ประสบความสำเร็จสูงสุดในฮอลลีวู้ด เขาได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย ซึ่งรวมถึง 2007 อคาเดมี่ อวอร์ดสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากการแสดงของเขาใน The Last King of Scotland  นอกจากนี้ เขายังได้รับรางวัลบาฟต้า อวอร์ด, แซ็ก อวอร์ดและลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมอีกด้วย นอกเหนือจากนั้น เขายังได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์จาก Bird อีกด้วย

เขาได้ผลิตสารคดีรางวัลเรื่อง Kassim the Dream ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของทหารเด็กชาวอูกันดาที่ผันตัวไปเป็นแชมเปี้ยนมวยโลก, Rising From Ashes ซึ่งบอกเล่าเรื่องของผู้รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสงครามรวันดา ผู้เติบโตจากการขี่จักรยานไม้ไปสู่การลงแข่งในโอลิมปิค, Serving Life ซึ่งโฟกัสไปที่การดูแลนักโทษคุกแองโกลาในหลุยส์เซียน่า และภาพยนตร์รางวัล   พีบอดี้ ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมีเรื่อง Brick City ซึ่งมองชีวิตในเมืองในนิวอาร์ค, นิวเจอร์ซี่ย์

ในปี 2007 เขาได้รับรางวัลซีเนม่า ฟอร์ พีซ อวอร์ดจากการทำงานอย่างต่อเนื่องและไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตนที่เขาทำเพื่อทหารเด็ก รวมถึงงานของเขาสำหรับเยาวชนในเมืองด้วย นอกจากนี้ เขายังได้รับรางวัลฮิวแมนิทัส ไพรซ์ในปี 2001 ในปี 2008 เขาทำหน้าที่เป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการนโยบายเมืองและปัจจุบัน เป็นหนึ่งในบอร์ดคณะกรรมาธิการศิลปะและมนุษย์ศาสตร์ของประธานาธิบดี (PCAH) วิทเทคเกอร์รับตำแหน่งนักวิชาการวิจัยอาวุโสในมหาวิทยาลัยรัทเกอร์ส เป็นอาจารย์รับเชิญของ      ริง กลิง คอลเลจ ออฟ อาร์ต แอนด์ ดีไซน์ ในปี 2011 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตสันถวไมตรีของยูเนสโก้ในเรื่องสันติภาพและการปรองดอง ในบทบาทนี้ เขาทำงานเพื่อสร้างสันติภาพในโลกผ่านทางการศึกษาที่ต่อต้านการรุนแรง การค้นคว้า การฝึกและการสร้างสังคม เพื่อเป็นการยกย่องความมุ่งมั่นของเขาในฐานะทูตสันถวไมตรียูเนสโก้และคุณูปการที่เขามีต่อองค์กร วิทเทคเกอร์จึงได้รับยูไนเต็ด เนชั่นส์ คอร์เรสพอนเดนท์ แอสโซซิเอชั่น แอดโวเคท ออฟ เดอะ เยียร์ อวอร์ดในเดือนธันวาคม ปี 2012 ในปี 2013 โฮเวิร์ด โกทิลิบ อาร์คิวัล รีเสิร์ช เซ็นเตอร์แห่งมหาวิทยาลัยบอสตัน ได้แต่งตั้งวิทเทคเกอร์ให้รับตำแหน่งมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ เฟลโลว์

 

  • Oprah Winfrey (โอปราห์ วินฟรีย์)  รับท  Gloria Gaines (กลอเรีย เกนส์)

ในฐานะผู้อำนวยการสร้างควบคุมและพิธีกรรายการ “The Oprah Winfrey Show” ที่มีเรตติ้งสูงสุดและได้รับรางวัลมากมาย เธอได้สร้างความบันเทิง ให้ความรู้ และยกระดับจิตใจของผู้ชมนับล้านๆ มา 25 ปีแล้ว ความสำเร็จของเธอในฐานะผู้นำด้านสื่อของโลกและนักสังคมสงเคราะห์ก็ได้ส่งให้เธอกลายเป็นหนึ่งในบุคคลสาธารณะที่ได้รับการยกย่องและชื่นชมมากที่สุดในปัจจุบัน

ในปี 1984 โอปราห์ย้ายไปชิคาโก้เพื่อเป็นพิธีกรรายการทอล์คโชว์ช่วงเข้าของ WLS-TV “AM Chicago” ภายในเวลาไม่ถึงปี รายการนี้ได้ถูกเพิ่มเวลาเป็นหนึ่งชั่วโมงและถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “The Oprah Winfrey Show” รายการนี้แพร่ภาพทั่วประเทศในปี 1986 และกลายเป็นรายการทอล์คโชว์ที่มีเรตติ้งสูงสุดในประวัติศาสตร์จอแก้ว ในปี 1988 เธอได้ก่อตั้งฮาร์โป สตูดิโอส์ ทำให้เธอเป็นผู้หญิงคนที่สามในแวดวงบันเทิงอเมริกัน ที่มีสตูดิโอเป็นของตัวเอง ในปี 2008 โอปราห์และดิสคัฟเวอรี่ คอมมิวนิเคชั่นส์ได้ประกาศแผนการที่จะสร้าง OWN: Oprah Winfrey Network  เธอเป็นผู้นำทางในการจัดรายการและดึงดูดซูเปอร์สตาร์ให้มาร่วมงานกับเธอในช่วงไพรม์ไทม์ สร้างสังคมของผู้ชมที่มีความคิดอ่านเหมือนกันทั่วโลก และนำไปสู่การเชื่อมโยงของสังคมนั้นผ่านทางโซเชี่ยล มีเดียและวิธีอื่นๆ

ในเดือนเมษายน ปี 2000 เธอและนิตยสารเฮิร์สท์ได้แนะนำ “O, The Oprah Magazine” นิตยสารรายเดือนที่เน้นไลฟ์สไตล์สำหรับผู้หญิงระดับแนวหน้าในปัจจุบันผ่านทางฮาร์โป ฟิล์มส์ ซึ่งเป็นแผนกภาพยนตร์ของบริษัทเธอ ภาพยนตร์ที่แพร่ภาพทางโทรทัศน์ภายใต้แบนเนอร์ “Oprah Winfrey Presents” รวมถึง “Tuesdays With Morrie,” “Their Eyes Were Watching God” และ “Mitch Albom’s For One More Day” ในปี 1998 ฮาร์โป ฟิล์มส์ได้อำนวยการสร้างภาพยนตร์โดยทัชสโตน พิคเจอร์สเรื่อง “Beloved” จากนิยายรางวัลพูลิทเซอร์โดยโทนี มอร์ริสัน ในปี 2007 ฮาร์โป ฟิล์มส์และเดอะ วีนสไตน์ คัมปะนี ร่วมกันจัดจำหน่าย “The Great Debaters” ซึ่งกำกับโดยเดนเซล วอชิงตัน เจ้าของรางวัลอคาเดมี อวอร์ด ซึ่งแสดงประกบฟอเรสท์ วิทเทคเกอร์ นักแสดงเจ้าของรางวัลอคาเดมี่ อวอร์ดในภาพยนตร์เรื่องนี้  “The Great Debaters” ได้รับการเสนอชื่อชิงลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2009 โอปราห์ วินฟรีย์และไทเลอร์ เพอร์รีได้สนับสนุนการจัดจำหน่ายภาพยนตร์เรื่อง “Precious” ที่สร้างขึ้นจากนิยายโดยแซฟไฟร์ของไลออนส์เกท

เธอได้เปิดตัวผลงานการแสดงเรื่องแรกในภาพยนตร์โดยสตีเว่น สปีลเบิร์กปี 1985 เรื่อง “The Color Purple” ซึ่งทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี่ อวอร์ดและลูกโลกทองคำ ผลงานการแสดงอื่นๆ ของเธอรวมถึงภาพยนตร์ที่แพร่ภาพทางโทรทัศน์เรื่อง “Before Women Had Wings” (1997), “There Are No Children Here” (1993) และ “The Women of Brewster Place” (1989) โอปราห์ได้เปิดตัวผลงานบนเวทีบรอดเวย์ในฐานะผู้อำนวยการสร้างมิวสิคัลฮิตรางวัลโทนี่ อวอร์ดเรื่อง “The Color Purple” ซึ่งเปิดตัวในวันที่ 1 ธันวาคม ปี 2005 ที่บรอดเวย์ เธียเตอร์ในนิวยอร์ก ซิตี้

 

  • John Cusack (จอห์น คูแซ็ค) รับบท Richard Nixon (ริชาร์ด นิกสัน)

จอห์น คูแซ็ค ได้รับความสนใจจากผู้ชมเป็นครั้งแรกด้วยการแสดงภาพยนตร์คลาสสิกในยุค 80s หลายเรื่อง เช่น “The Sure Thing,” “Say Anything” และ “Sixteen Candles”  เมื่อปีที่แล้ว เขาได้แสดงใน ดราม่าดังโดยลี แดเนียลส์เรื่อง “The Paperboy ล่าสุด คูแซ็คได้กลับไปร่วมงานกับ นิโคลัส เคจ อีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง “The Frozen Ground” นอกจากนี้ เขายังจะได้แสดงในภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าฉายเรื่อง “Adult World,” “The Numbers Station” และ “No Somos Animales” อีกด้วย

ในปี 2012 คูแซ็คได้แสดงในภาพยนตร์อินดี้ทริลเลอร์เรื่อง “The Raven” เขาได้แสดงในคอเมดี้ปี 2010 เรื่อง “Hot Tub Time Machine”  นอกจากนี้ เขายังได้แสดงในทริลเลอร์หายนะโลก เรื่อง “2012” อีกด้วย ภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ระดับโลกเรื่องนี้ ที่เข้าฉายในเดือนพฤศจิกายน ปี 2009 กวาดรายได้ไปกว่า 766 ล้านเหรียญทั่วโลก

ในปี 2008 คูแซ็กได้นำแสดง เขียนบท และอำนวยการสร้างภาพยนตร์เสียดสีการเมืองเรื่อง “War Inc.” ในปี 2007 เขาได้นำแสดงในภาพยนตร์เรื่อง “Grace Is Gone” ซึ่งเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์         ซันแดนซ์ปี 2007 และได้รับรางวัล “ออเดียนซ์ อวอร์ด” ในปีเดียวกัน เขายังได้แสดงโรแมนติก คอเมดี้เรื่อง “Martian Child” ด้วย และนอกจากนี้ เขายังได้แสดงในทริลเลอร์ยอดนิยมในบ็อกซ์ออฟฟิศเรื่อง “1408” อีกด้วย

ในปี 2005 คูแซ็คได้แสดงในคอเมดี้ตลกร้ายเรื่อง “The Ice Harvest” ปีก่อนหน้านี้ “Runaway Jury” ในปี 2003 คูแซ็กได้ร่วมแสดงกับอแมนด้า พีท, อัลเฟรด โมลินาและเรย์ ลิออตตาในทริลเลอร์เรื่อง “Identity”   คูแซ็คได้แสดงในภาพยนตร์อื้อฉาวเรื่อง “Max” ที่กำกับโดยเมนโน เมย์เยสในปี 2002 ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เขาอำนวยการสร้างด้วย ก่อให้เกิดปฏิกิริยาอย่างรุนแรงในงานเทศกาลภาพยนตร์โตรอนโตปี 2002        ในปี 2001 เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประเภทภาพยนตร์-       คอเมดี้หรือมิวสิคัล จากผลงานของเขาใน “High Fidelity”

ในปี 1999 คูแซ็คได้แสดงคอเมดี้ตลกร้ายเรื่อง “Being John Malkovich” ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ในปีนั้น เขายังได้ร่วมแสดงใน “Cradle Will Rock” ดราม่ารวมดารา นอกจากนั้น เขายังได้แสดงประกบบิลลี่ บ็อบ ธอร์นตัน, แองเจลินา โจลีและเคท บลังเช็ตต์ในคอเมดี้เรื่อง “Pushing Tin” ด้วย  ปัจจุบัน เขากำลังอยู่ระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “Maps to the Stars” หลังจากนั้น เขาจะเริ่มถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “Love and Mercy” ซึ่งเขาจะรับบทเป็นนักแต่งเพลงบีช บอยส์คนดัง ประกบอลิซาเบธ แบงค์และพอล จิอาแมตติ

 

  • Jane Fonda (เจน ฟอนดา) รับบท Nancy Reagan (แนนซี่ เรแกน)

ผลงานละครเวทีและจอเงินของเธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลและได้รับรางวัลมากมาย ซึ่งรวมถึงรางวัลออสการ์ (สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในปี 1971 จาก Klute และในปี 1978 จาก Coming Home) และรางวัลเอ็มมี่จากการแสดงของเธอใน The Dollmaker นอกจากการแสดงนำในภาพยนตร์ดังหลายสิบเรื่อง ฟอนดายังได้รับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างโปรเจ็กต์จอแก้วและจอเงินหลายเรื่อง โดยผลงานของเธอรวมถึง Coming Home, The China Syndrome, Nine to Five, Rollover, On Golden Pond, The Morning After และ The Dollmaker

ในปี 2008 ฟอนดาได้รับรางวัลปาล์มทองคำเกียรติยศจากงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ซึ่งเธอเป็นหนึ่งในสามคนที่ได้รับเกียรติจนถึงตอนนั้น ฟอนดาได้หวนคืนสู่เวทีบรอดเวย์ในเดือนมีนาคม ปี 2009 และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลโทนี่ อวอร์ดจากการแสดงของเธอในละครโดยมัวเสส คอฟแมนเรื่อง 33 Variations ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2011 เธอได้กลับมารับบทเดิมที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลโทนี่ของเธอใน 33 Variations ที่อาห์แมนสัน เธียเตอร์ในลอสแองเจลิส

ในเดือนพฤษภาคม ปี 2005 แรนดอม เฮาส์ได้ตีพิมพ์อนุทินของฟอนดาเรื่อง My Life So Far ซึ่งติดอันดับหนึ่งในลิสต์เบสต์เซลเลอร์ของนิวยอร์ก ไทม์ ในฤดูใบไม้ผลิปีนั้น Monster-in-Law ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอในรอบ 15 ปี กลายเป็นอันดับหนึ่งในบ็อกซ์ออฟฟิศ ซึ่งทำให้ฟอนดากลายเป็นบุคคลแรกที่มีทั้งหนังสืออันดับหนึ่งและผลงานภาพยนตร์อันดับหนึ่งพร้อมๆ กัน  Prime Time หนังสือเล่มล่าสุดของเธอ ได้ตีพิมพ์ในปี 2011 เป็นคู่มือการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสำหรับคนที่เลยจากวัยกลางคนไปแล้ว

ปี 2009-2010 เป็นปีที่เหลือเชื่อสำหรับฟอนดา เธอได้ปล่อยดีวีดีฟิตเนสภายใต้แบนเนอร์ใหม่ Prime Time ซึ่งตั้งเป้าหมายไว้ที่คนสูงอายุและผู้ใหญ่และจัดจำหน่ายโดยไลออนส์เกท ดีวีดีฟิตเนสอื่นๆ จาก Prime Time วางจำหน่ายในปี 2011  ในปี 2011 ฟอนดาได้แสดงใน Et Si On Vivait Tous Ensemble คอเมดี้ฝรั่งเศสตามด้วย Peace, Love & Misunderstanding ที่ร่วมแสดงโดยแคทเธอรีน คีนเนอร์ หลังจากนั้น เธอจะแสดงประกบโอลิเวีย ไวลด์และแซม ร็อคเวลใน Better Living Through Chemistry

 

  • Cuba Gooding Jr. (คิวบา กู๊ดดิ้ง จูเนียร์) รับบท Carter Wilson (คาร์เตอร์ วิลสัน)

คิวบา กู๊ดดิ้ง จูเนียร์เป็นที่รู้จักดีที่สุดจากการแสดงที่ได้รับรางวัลออสการ์ของเขาในบทนักฟุตบอลมือโปรผู้ทะนงตน ในภาพยนตร์เรื่อง Jerry Maguire

ในปี 1991 เขาได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมจากการแสดงบทเทร สไตลส์ในภาพยนตร์คลาสสิกเกี่ยวกับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่โดยจอห์น ซิงเกิลตันเรื่อง Boyz in the Hood ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่จากโชเวสต์ หลังจากความสำเร็จครั้งนี้ เขาก็ได้แสดงในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หลายเรื่อง เช่น As Good as It Gets, What Dreams May Come และภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงอคาเดมี อวอร์ดเรื่อง A Few Good Men

ในปี 1997 กู๊ดดิ้งได้รับรางวัลอคาเดมี่ อวอร์ดสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากการแสดงของเขาในภาพยนตร์เรื่อง Jerry Maguire และยังได้รับรางวัลแซ็ก อวอร์ด, รางวัลนักวิจารณ์ภาพยนตร์บรอดคาสต์, รางวัลคริติกส์ ชอยส์ อวอร์ดและรางวัลสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์ชิคาโก้

นอกจากนี้ เขายังได้แสดงภาพยนตร์รางวัลที่แพร่ภาพทางโทรทัศน์ ซึ่งรวมถึง   Gifted Hands: The Ben Carson Story และ Firelight ที่เป็นภาพยนตร์ที่มีเรตติ้งสูงสุดของฮอลมาร์ค ฮอล ออฟ เฟม หลังจากนี้ เขาจะได้แสดงในผลงานกำกับเรื่องแรกของโจเซฟ กอร์ดอน เลวิทท์เรื่อง Don Jon’s Addiction และ Machete Kills ภาพยนตร์โดยโรเบิร์ต โรดริเกซที่เป็นซีเควลของเรื่อง Machete นอกจากนี้ในปี 1993 เขาได้ร่วมอำนวยการสร้างและนำแสดงในทริลเลอร์ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเรื่อง A Murder of Crows ในปี 2002 กู๊ดดิ้งได้รับดาวบนฮอลลีวูด วอล์ค ออฟ เฟม เพื่อเป็นเกียรติแก่ความสำเร็จที่พิเศษสุดของเขา

 

  • Terrence Howard (เทอร์เรนซ์ โฮเวิร์ด) รับบท Howard (โฮเวิร์ด)

เทอร์เรนซ์ โฮเวิร์ด เป็นที่รู้จักสูงสุดจากการแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อชิงลูกโลกทองคำและอคาเดมี่ อวอร์ดของเขาใน Hustle & Flow และบทสมทบใน Crash ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลสมาพันธ์นักวิจารณ์แห่งชาติสาขาการแสดงแจ้งเกิดยอดเยี่ยม   เขาเริ่มต้นอาชีพนักแสดงด้วยบท แจ็คกี้ แจ็คสัน ในมินิซีรี่ส์ABCเรื่อง The Jacksons: An American Dream ตามมาด้วยซีรี่ส์ต่างๆ เช่น Living Single และ NYPD Blue โฮเวิร์ดเปิดตัวในภาพยนตร์ปี 1993 เรื่อง Who’s the Man? ซึ่งตามมาด้วยภาพยนตร์พีเรียดเรื่อง Dead Presidents ในปี 1995 โฮเวิร์ดได้รับการยกย่องจากการแสดงใน Mr. Holland’s Opus และเขาก็ได้รับบทนำในซีรี่ส์ยูพีเอ็นเรื่อง Sparks ในปี 1999 โฮเวิร์ดได้รับรางวัลเอ็นเอเอซีพี อิเมจ อวอร์ด สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดและรางวัลสมาพันธ์นักวิจารณ์ภาพยนตร์ชิคาโกจากการแสดงในบท เควนติน ในภาพยนตร์เรื่อง The Best Man

ล่าสุด เขาได้แสดงใน Law and Order: Los Angeles ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลเอ็นเอเอซีพี อวอร์ดสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในซีรีส์ดรามา ซีรีส์นี้แพร่ภาพในระยะเวลาจำกัด แต่ตัวละครของเทอร์เรนซ์ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์และแฟนๆ ของซีรีส์นี้อย่างมาก เมื่อเร็วๆ นี้ โฮเวิร์ดได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง Red Tails นอกจากนี้ยังมีผลงานเรื่อง Winnie , On the Road , The Company You Keep , Dead Man Down , House of Bodies , Lullaby , Movie 43 , Breachers เมื่อเร็วๆ นี้ มีการประกาศว่าเทอร์เรนซ์ โฮเวิร์ดจะแสดงในทริลเลอร์ใหม่เรื่อง A Girl And A Gun

 

  • Lenny Kravitz  (เลนนี่ คราวิทซ์) รับบท James Holloway (เจมส์ ฮอลโลเวย์)

เลนนี่ คราวิทซ์  ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในศิลปินร็อคที่โด่งดังที่สุดในยุคของเรา ได้ทำงานที่ข้ามขอบเขตในเรื่องแนวเพลง สไตล์ เชื้อชาติและชนชั้นตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการทำงานของเขาได้รับอิทธิพลจากดนตรีโซล ร็อคและฟังค์ในยุค 60s และ 70s อย่างมาก

พรสวรรค์ของเขาในฐานะนักแต่งเพลง ผู้อำนวยการสร้างและนักดนตรีที่เล่นเครื่องดนตรีได้หลากหลายชนิด ได้ปรากฏอยู่ในอัลบั้มสตูดิโอทั้งเก้าชุด ที่ขึ้นหิ้งอัลบั้มอมตะ เขาได้รับสี่รางวัลแกรมมี อวอร์ดติดต่อกัน  ซึ่งกลายเป็นสถิติของศิลปินในสาขา “การร้องเพลงร็อคยอดเยี่ยมของศิลปินชาย” นอกเหนือจากนั้น เขายังได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลแกรมมี่อีกหกรางวัลด้วย เสน่ห์ของคราวิทซ์ได้รับการยอมรับจากเพื่อนศิลปินด้วยกัน          ในปี 2003 เขาได้ก่อตั้งบริษัทครีเอทีฟ คราวิทซ์ ดีไซน์, อิงค์. ซึ่งรับโปรเจ็กต์ไฮคอนเซ็ปต์มากมายสำหรับบริษัทเชิงพาณิชย์ ที่พักอาศัยและการออกแบบผลิตภัณฑ์

 

  • James Marsden  (เจมส์ มาร์สเดน) รับบท John F. Kennedy (จอห์น เอฟ. เคนเนดี้)

ปัจจุบัน เขาได้แสดงในภาพยนตร์ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ ชื่นชม เรื่อง “Robot & Frank” นอกจากนี้ เขายังได้แสดงในคอเมดี้ยอดนิยมเรื่อง “Bachelorette” ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้จัดจำหน่ายทาง iTunes และ Video on Demand และไต่ถึงอันดับ 1 ใน iTunes อย่างรวดเร็ว “Robot & Frank” และ “Bachelorette” ได้รับการตอบรับอย่างดีจากงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ในปีนี้

เมื่อเร็วๆ นี้ เขาเพิ่งถ่ายทำทริลเลอร์เรื่อง “Loft” ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากทริลเลอร์สัญชาติเบลเยี่ยมปี 2008 บอกเล่าเรื่องของเพื่อนห้าคนที่ใช้ลอฟท์ร่วมกันเพื่อทำกิจกรรมนอกใจ และพวกเขาก็เริ่มตั้งคำถามกันและกันหลังจากมีการพบศพของผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งที่นั่น และเขาเสร็จสิ้นจากการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “As Cool As I Am”

 

มาร์สเดน ได้แสดงในภาพยนตร์รีเมกโดยโซนี่ สกรีน เจมส์เรื่อง “Straw Dogs” นอกจากนี้ เขายังได้แสดงในภาพยนตร์ฮิตในบ็อกซ์ออฟฟิศโดยยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สและอิลลูมิเนชั่น เอนเตอร์เทนเมนต์เรื่อง “Hop” ภาพยนตร์ที่ทำรายได้ไปกว่า 180 ล้านเหรียญทั่วโลกในปี2011 มาร์สเดนได้รับรางวัลสปอตไลท์ อวอร์ดจากงานเทศกาลภาพยนตร์ซาวันนาห์ ร่วมกับโอลิเวอร์ สโตน, ลิลลี ทอมลินและเอลเลน บาร์คิน

ในปี 2007 มาร์สเดนได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมจากการร้องเพลงและเต้นในภาพยนตร์ฮิตในบ็อกซ์ออฟฟิศเรื่อง “Enchanted” และในมิวสิคัลฮิตในบ็อกซ์ออฟฟิศโดยอดัม แชงค์แมนเรื่อง “Hairspray” นอกจากนี้ เขายังได้ร่วมแสดงใน “Superman Returns” ผลงานภาพยนตร์ที่หลากหลายเรื่องอื่นๆ ของมาร์สเดนได้แก่ X-Men ไตรภาค, The Notebook, Sex Drive, Disturbing Behavior,10th and Wolf และ Sugar and Spice

 

  • David Oyelowo  (เดวิด โอเยลโลโอ) รับบท Louis Gaines (หลุยส์ เกนส์)

เดวิด โอเยลโลโอ กลายเป็นหนึ่งในนักแสดงที่เป็นที่ต้องการตัวสูงสุดของฮอลลีวู้ดอย่างรวดเร็ว เขาเพิ่งปิดกล้องภาพยนตร์เรื่อง NINA ดราม่าชีวประวัติเกี่ยวกับนีน่า ซิโมน ศิลปินผู้ล่วงลับ และความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับผู้จัดการ นอกจากนี้ เขายังจะได้แสดงในทริลเลอร์ใหม่เรื่อง DEFAULT อีกด้วย  ล่าสุด เขาได้แสดงในดราม่าที่ได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์เรื่อง LINCOLN  นอกจากนั้น เขายังได้แสดงในดราม่าอินดี้ดังเรื่อง THE MIDDLE OF NOWHERE ที่ได้รับเสียงชื่นชมล้นหลามจากงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์และเทศกาลภาพยนตร์โตรอนโตปี 2012 เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล “นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม” จากเวที 2013 เอ็นเอเอซีพี อิเมจ อวอร์ดและรางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดจากผลงานของเขาในภาพยนตร์เรื่องนั้น เมื่อฤดูหนาวที่ผ่านมา เขาได้แสดงใน JACK REACHER และ  เขาได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์โดยลี แดเนียลส์เรื่องTHE PAPERBOY

เขาได้เปิดตัวในอเมริกาด้วยผลงานเอชบีโอสองเรื่อง เขาเริ่มต้นจากการแสดงในภาพยนตร์ที่กำกับโดยเคนเนธ บรานาห์เรื่อง AS YOU LIKE IT ซึ่งเขารับบทออร์ลันโด้ประกบไบรซ์ ดัลลัส โฮเวิร์ด และออกอากาศในเดือนสิงหาคม ปี 2006 ในเดือนตุลาคม ปีเดียวกัน เขาได้แสดงบทนำในมินิซีรี่ส์เอชบีโอเรื่อง FIVE DAYS ที่เขาได้รับรางวัลแซทเทิลไลท์ อวอร์ดสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในมินิซีรี่ส์หรือภาพยนตร์ที่แพร่ภาพทางจอแก้วจากการแสดงของเขา ในปี 2008 เขาได้แสดงในภาพยนตร์ดังที่ดัดแปลงจากนิยายโดยอเล็กซานเดอร์ แม็คคอล สมิธเรื่อง THE NO.1 LADIES DETECTIVE AGENCY

 

  • Vanessa Redgrave (วาเนสซ่า เรดเกรฟ) รับบท Annabeth Westfall (แอนนาเบธ เวสต์ฟอล)

วาเนสซ่า เรดเกรฟ  ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการรับเชิญของเทศกาลไบรท์ตันในปี 2012 ระหว่างนี้ เธอได้กำกับและให้เสียงบรรยายละครเวทีกับนาดิม ซาวัลฮาและนัจลา ซายิด ที่สร้างขึ้นจากอนุทินเรื่อง Wadad Makdisi Cortas ละครเรื่องนี้เปิดการแสดงที่เธียเตอร์ รอยัล, ไบรท์ตันในเดือนพฤษภาคม ปี 2012

ในเดือนมิถุนายน ปี 2012 ในดับลิน เธอได้ท่องบทกวีของซีมัส ฮีนนีย์ The Republic of Conscience สำหรับคอนเสิร์ตองค์กรนิรโทษกรรมสากลที่จัดขึ้นเพื่ออองซานซูจี ผู้ได้รับรางวัลแอมบาสเดอร์ ออฟ คอนเชียนซ์ อวอร์ดจากโบโน

ล่าสุด วาเนสซ่า  ได้ร่วมแสดงละครบรอดเวย์กับเจมส์ เอิร์ล โจนส์และบอยด์ เกน์ในเรื่อง DRIVING MISS DAISY ซีซันปี 2010/2011 ที่เขียนบทโดยอัลเฟรด เออห์รีและกำกับโดยเดวิด เอสบียอร์นสันในซีซั่นปี 2007 เธอได้แสดงในละครโดยโจน ดิเดียนเรื่อง THE YEAR OF MAGICAL THINKING ที่กำกับโดยเซอร์เดวิด แฮร์ เมื่อเร็วๆ นี้ เธอได้แสดงใน UNFINISHED SONG รวมถึง CORIOLANUS , เรื่อง LETTERS TO JULIET  และใน THE WHISTLEBLOWER

 

  • Alan Rickman  (อลัน ริคแมน) รับบท Ronald Reagan (โรนัลด์ เรแกน)

เขาเปิดตัวในโลกภาพยนตร์ด้วยผลงานเรื่อง DIE HARD เมื่อปีที่แล้ว และเขาได้แสดงใน DEATHLY HALLOWS, PART TWO ซึ่งเป็นบทสรุปของแฟรนไชส์ HARRY POTTER ซึ่งเขาได้ร่วมแสดงในทุกภาค ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ GAMBIT , เรื่อง ALICE IN WONDERLAND และ SWEENEY TODD, SNOWCAKE, BOTTLE SHOCK (รางวัลเทศกาลภาพยนตร์ซีแอตเติล), NOBEL SON, THE HITCHHIKER’S GUIDE TO THE GALAXY, PERFUME, LOVE ACTUALLY, PLAY, BLOW DRY, GALAXY QUEST, DOGMA, DARK HARBOR, JUDAS KISS, ROBIN HOOD: PRINCE OF THIEVES ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลบาฟต้า อวอร์ด, SENSE AND SENSIBILITY, MICHAEL COLLINS และ TRULY, MADLY DEEPLY ซึ่งทั้งสามเรื่องทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลบาฟต้า, AN AWFULLY BIG ADVENTURE, BOB ROBERTS, MESMER (รางวัลเทศกาลภาพยนตร์มอนทรีอัล), CLOSE MY EYES ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลอีฟนิ่ง สแตนดาร์ด อวอร์ด, QUIGLEY DOWN UNDER, CLOSETLAND และ THE JANUARY MAN ริคแมนได้กำกับภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจาก THE WINTER GUEST ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลซีเนม่า อาเวนเร และรางวัลโอซีไอซี อวอร์ดจากงานเทศกาลภาพยนตร์เวนิสและได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากงานเทศกาลภาพยนตร์ชิคาโก้

  • Liev Schreiber (ลีฟ ชไรเบอร์) รับบท Lyndon B. Johnson (ลินดอน บี. จอห์นสัน)

ลีฟ ชไรเบอร์ ได้รับการยกย่องว่าเป็น “นักแสดงละครเวทีชาวอเมริกันที่ฝีมือยอดเยี่ยมที่สุดในรุ่นของเขา” จากนิวยอร์ก ไทม์ ทำให้เขาได้รับเสียงยกย่องทั้งในแวดวงจอแก้ว จอเงินและละครเวที

ปัจจุบันเขากำลังอยู่ระหว่างการแสดงในภาพยนตร์คอเมดี้เรื่อง Clear History  นอกจากนี้ เขายังได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง The Reluctant Fundamentalist ซึ่งเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิสครั้งที่ 69 และเข้าฉายในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโตปี 2012

ผลงานภาพยนตร์มากมายของเขา ได้แก่ Goon , Salt , X-Men Origins: Wolverine, Defiance , Repo Men , The Painted Veil, The Manchurian Candidate , The Sum of All Fears ,  Taking Woodstock, Kate & Leopold, Every Day, Hamlet, Spring Forward, The Hurricane, A Walk on the Moon, The Daytrippers, Mixed Nuts และไตรภาคโดยเวส คราเวนเรื่อง Scream , RKO 281 , Lackawanna Blues , The Sunshine Boys , Mantle, :03 from Gold, A City on Fire: The Story of the ‘68 Detroit Tigers, Nova และ Nature

ในปี 2010 เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลโทนี่ครั้งที่สามจากการแสดงในละครโดยอาร์เธอร์ มิลเลอร์เรื่อง A View from the Bridge การแสดงของเขาในบทริคกี้ โรมาในละครบรอดเวย์ปี 2005 ทำให้เขาได้รับรางวัลโทนี่ อวอร์ดครั้งแรก เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลโทนี่ อวอร์ดอีกครั้งจากละครบรอดเวย์ปี 2007

 

  • Robin Williams (โรบิน วิลเลี่ยมส์) รับบท Dwight D. Eisenhower (ดไวท์ ไอเซนฮาวเออร์)

เมื่อเร็วๆ นี้ วิลเลี่ยมส์ นักแสดงเจ้าของรางวัลอคาเดมี่ อวอร์ดและเอ็มมี อวอร์ด รวมถึงหลายรางวัลแกรมมี่ อวอร์ด เพิ่งปิดกล้องภาพยนตร์เรื่อง Boulevard รวมถึง A Friggin’ Christmas Miracle และ The Angriest Man in Brooklyn ในเดือนกันยายนปีนี้ เขาได้กลับสู่จอแก้วเพื่อแสดงใน The Crazy Ones

วิลเลี่ยมส์   เริ่มต้นการทำงานจากการเป็นนักแสดงตลกสแตนด์อัพ คอเมดี้ และใน ปี 2012 เขาก็ได้รับรางวัลสแตนด์อัพ ไอคอน อวอร์ดจากเวที 2012 คอเมดี้ อวอร์ด ในปลายปี 2008 เขาก็กลับมาแสดงสแตนด์อัพ คอเมดี้อีกครั้ง ด้วยการแสดงทัวร์     คอเมดี้โซลด์เอาท์ ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชม  Weapons of Self Destruction ก่อนหน้านั้น  Robin Williams: Live On Broadway รายการคอเมดี้พิเศษปี 2002 ของวิลเลี่ยมส์กลายเป็นทัวร์คอเมดี้ที่มีรายได้สูงสุดตลอดกาลและได้รับการเสนอชื่อชิง5รางวัลเอ็มมี่ อวอร์ด

วิลเลี่ยมส์  ได้รับความสนใจจากทั่วโลกเป็นครั้งแรกจากบท ‘มอร์คจากออร์ค’ ในซีรี่ส์ฮิตเรื่อง Mork & Mindy เขาเปิดตัวในโลกภาพยนตร์ด้วยบทนำในภาพยนตร์เรื่อง Popeye ผลงานภาพยนตร์ช่วงเริ่มแรกของเขายังรวมถึงภาพยนตร์เรื่อง Moscow on the Hudson และ The World According to Garp อีกด้วย

วิลเลี่ยมส์  เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในภาพยนตร์เรื่อง Good Will Hunting ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลออสการ์และแซ็ก อวอร์ด ก่อนหน้านี้ อคาเดมี่ได้เสนอชื่อวิลเลี่ยมส์ให้เป็นนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก The Fisher King, Dead Poets Society และ Good Morning  Vietnam เขาได้รับเกียรติพิเศษจากสมาพันธ์นักวิจารณ์แห่งชาติใน Awakenings ในปี 2004 วิลเลียมส์ได้รับรางวัลความสำเร็จแห่งอาชีพจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติชิคาโก และในปี 2005 เอชเอฟพีเอยังได้มอบรางวัลเซซิล บี. เดอมิลล์ อวอร์ดสาขาคุณูปการต่อโลกบันเทิงให้กับเขาอีกด้วย

 

  • Clarence Williams III  (คลาเรนซ์ วิลเลี่ยมส์ ที่สาม) รับบท Maynard (เมย์นาร์ด)

วิลเลี่ยมส์  เริ่มต้นอาชีพนักแสดงจากการแสดงใน DARK OF THE MOON นอกจากนี้เขาได้แสดงละครบรอดเวย์เรื่อง GREAT OUTDOORS และ เรื่องSLOW DANCE ON THE KILLING GROUND ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลโทนี่และรางวัลเธียเตอร์ เวิลด์ อวอร์ด นอกจากนี้ บนเวทีบรอดเวย์ เขายังได้ร่วมแสดงเรื่อง NIGHT AND DAY เขามีผลงานมากมายในงานเทศกาลเชคสเปียร์นิวยอร์ก เขาได้แสดงใน KING JOHN ที่เดอลาคูร์ เธียเตอร์

วิลเลี่ยมส์  เป็นที่รู้จักในวงกว้างจากบทลิงค์ เฮเยสในซีรีส์คัลท์คลาสสิกเรื่อง MOD SQUAD  ระหว่างการแสดงภาพยนตร์ที่ยาวนาน เขาได้ร่วมมือกับจอห์น แฟรงค์เกนไฮเมอร์หลายครั้ง เริ่มต้นจาก 52 PICKUP ตามด้วย AGAINST THE WALL, GEORGE WALLACE และ REINDEER GAMES นอกจากนั้น เขายังได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง THE GENERAL’S DAUGHTER, PURPLE RAIN, SUGAR HILL, HALF BAKED, DEEP COVER, HOODLUM, LIFE และ AMERICAN GANGSTER ผลงานภาพยนตร์อินดี้ของเขารวมถึง THE BRAVE ผลงานการกำกับเรื่องแรกของจอห์นนี่ เด็ปป์, HAPPY HERE AND NOW และภาพยนตร์ดราม่าคอสตูมเรื่อง THE LEGEND OF 1900

ประวัติผู้กำกับ

  • Lee Daniels (ลี แดเนียลส์)   ผู้กำกับ/ผู้อำนวยการสร้าง

ลี แดเนียลส์ เป็นที่รู้จักดีที่สุดจากภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลอคาเดมี่ อวอร์ดของเขาเรื่อง PRECIOUS: BASED ON THE NOVEL PUSH BY SAPPHIRE ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนิยายเบสต์เซลเลอร์ในนิวยอร์ก ไทม์เรื่อง Push โดยแซฟไฟร์ (หรือราโมนา ลอฟตัน) PRECIOUS ได้รับการเสนอชื่อชิงหกรางวัลอคาเดมี่ อวอร์ด ซึ่งรวมถึงการที่แดเนียลส์ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมและภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รางวัลในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมและบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม

แดเนียลส์ เป็นชาวแอฟริกัน/อเมริกันคนแรกที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลสมาพันธ์ผู้กำกับสาขากำกับภาพ ยนตร์ยอดเยี่ยมจาก PRECIOUS ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับทั้งแกรนด์ จูรี่ ไพรซ์และออเดียนซ์ อวอร์ดในสายประกวดดราม่าอเมริกันจากงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 2009 ซึ่งเป็นเพียงเรื่องที่สามในประวัติของงานเทศกาลนี้ที่ได้รับเกียรติเช่นนั้น นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้รับการเสนอชื่อชิงสามรางวัลลูกโลกทองคำ ซึ่งรวมถึงสาขา “ภาพยนตร์ดรามายอดเยี่ยม” และได้รับการเสนอชื่อชิงแปดรางวัลเอ็นเอเอซีพี อิเมจ อวอร์ด และได้รับรางวัลมาหกสาขา รวมถึง “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” และ “กำกับภาพยนตร์ โทรทัศน์หรือละครเวทียอดเยี่ยม” นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้รับห้ารางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดปี 2010 ซึ่งรวมถึงสาขา “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” และ “ผู้กำกับยอดเยี่ยม”

ลี แดเนียลส์ เอนเตอร์เทนเมนต์ บริษัทโปรดักชันของแดเนียลส์ ได้เปิดตัวผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกด้วย MONSTER’S BALL ซึ่งทำให้แดเนียลส์เป็นผู้อำนวยการสร้างแอฟริกัน/อเมริกันคนแรกของภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ นอกจากนี้ เขายังได้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง THE WOODSMAN ซึ่งได้รับการเสนอชื่อชิงสามรางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ด ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลซิเซย์ อาร์ตเฮาส์ ไพรซ์จากงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์, รางวัลจูรี ไพรซ์จากงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโดวิลล์และรางวัลสเปเชียล เมนชัน ฟอร์ เอ็กซ์เซลเลนซ์ อิน ฟิล์มเมคกิ้ง จากสมาพันธ์นักวิจารณ์แห่งชาติ

                    SHADOWBOXER เป็นผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของแดเนียลส์ หลังจากการเปิดตัวรอบปฐมทัศน์โลกของภาพยนตร์เรื่องนี้ในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต เขาก็ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลผู้กำกับหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากงานเทศกาลภาพยนตร์ซาน เซบาสเตียนปี 2006  และล่าสุด แดเนียลส์ได้เขียนบทและกำกับ THE PAPERBOY สร้างจากนิยายปี 1995 โดยพีท เด็กซ์เตอร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2012 และจัดจำหน่ายโดยมิลเลนเนี่ยม เอนเตอร์เทนเมนต์ในปี 2012