คลิป # 1 เบื้องหลังและบทสัมภาษณ์ วิน ดีเซล และผู้กำกับ
คลิป # 2
คลิป # 3
ข้อมูลการผลิตภาพยนตร์
หลังจากประสบความสำเร็จไปทั่วโลกกับผลงานเรื่องล่าสุดของเขา the Fast & Furious ซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกและผู้ผลิตภาพยนตร์ วิน ดีเซล ก็หวนกลับมารับบท ริดดิค ภาพยนตร์ไซไฟ ยอดฮิต ในตอนใหม่ หลังจากประสบความสำเร็จจากภาพยนตร์สองภาคแรก คือ Pitch Black และ epic The Chronicles of Riddick.
ในภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่องนี้ เขาได้นักเขียน / ผู้กำกับ เดวิด ทูอี้ (A Perfect Getaway, The Fugitive) โดยดีเซล รับบทบาทเดิม คือ แอนเตอร์ริโอ ริดดิค นักโทษวายร้ายที่นักล่าค่าหัวทุกคน ในจักรวาลต้องการตัว
จากภาคที่แล้วริดดิค โค่นล้มลอร์ดมาร์แชลจนกลายเป็นลอร์ดคนใหม่ของชาวนีโครมังเกอร์ ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ที่ปลายนิ้วเขา ห้อมล้อมด้วยสาวรับใช้ และพลังอำนาจที่ไร้ขีดจำกัด แต่ทุกอย่าง ดูแปลกแยกสำหรับเขาและมันทำให้เขาเบื่อชีวิตแบบนี้ และเมื่อวาโก้ (คาร์ล เออร์เบิลในซีรี่ย์ Star Trek) เปิดเผยว่าเขาพบดาวของชาวฟิวเรี่ยน ดาวเคราะห์ที่สูญหายไปนานของริคดิค ตัวริคดิคเอง ต้องการที่จะค้นหาบ้านเกิดของเขา เขาจึงออกเดินทางพร้อมกับทหารคู่กายเพียงไม่กี่คน ริคดิคไม่นึกเอะใจเลยที่จะนำยานขึ้น เขาพร้อมจะทิ้งความสุขสบายไว้เบื้องหลัง
และเมื่อดาวร่อนลงที่สถานที่ที่น่าจะเป็นบ้านของเขา แต่ดาวเคราะห์นั้นดูว่างเปล่าไร้ซึ่ง สิ่งมีชีวิต ริดดิกกลับถูกหักหลังและถูกทิ้งให้ตายบนดาวดวงนั้น การมีฐานะเป็นลอร์ดมาแชลคนใหม่ ทำให้เขาอ่อนแอลงและขาดความกระตือรือร้น ตอนนี้เขาจะต้องปลุกสัญชาตญานดิบ ให้พร้อมที่จะ ต่อสู้ และเอาชีวิตรอดจากพวกนักล่าที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์คนไหนที่เขาเคยพบหนทางเอาชีวิตรอด อาจจะ เต็มไปด้วยอันตรายแต่ก็ดีกว่าการรออยู่เฉยๆ เขาต้องตื่นตัวและพร้อมรับกับพวกนักล่าค่าหัว ที่พร้อมใจกันร่อนยานลงที่ดาวนี้เพื่อตามล่าเขา
ยานลำแรกที่มาถึงบรรทุกพวกนักล่าค่าหัวรุ่นใหม่มาเต็มลำ ซึ่งมีความโหดเหี้ยมและกระหาย เลือดมากกว่าที่ริดดิกเคยพบมา นำทีมด้วยจอมซาดิสต์ ซานตานา (จอร์ดี้ โมลล่า จากโคลอมเบียน่า) และลูกเรือของเขา ไดแอซ (เดฟ บิวทิสต้า จาก Guardians of the Galaxy ) ลูน่า (โนแลน ฟังค์ จากภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ เรื่อง Aliens in America) วาร์กัส (คอนราด เพียจาก Immortals) นูเนซ (โนอาห์ แดนบี จากภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เรื่อง Defiance) รูบิโอ (นีล นาเพียร์ จาก White House Down) และ ฟัลโก (แดนนี่ บลังโก ฮอล จากภาพยนตร์เรื่อง Immortals) นักโทษของพวกเขา (เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ อวอร์ด ถึง 2 ครั้ง เครี่ ลินน์) ตัวประกันที่ถูกกระทำอย่างโหดเหี้ยม
แต่ลูกเรือซานตานาก็ไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มเดียวในเกมนี้ กลุ่มที่สองที่ร่อนยานลงคือ กัปตัน บอส จอห์นส์ (แมตต์ เนเบิล จาก Killer Elite )ผู้ที่มีความแค้นกับริดดิกเป็นการส่วนตัว ลูกทีมที่ฝึกมา อย่างดีและมีประสิทธิภาพของเขา คือ ดาห์ล(เคธี แซคอฟฟ์ จาก Battlestar Galactica) นักแม่นปืน หรือ ล็อกสเปอร์ (ราอูล ทรูฮิลโล จาก Apocalypto) นักแกะรอย และ มอสส์ ( โบคีม วูดไบน์ จาก Total Recall) ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์
พวกเขาตั้งแคมป์กันภายนอกยานซึ่งดูไม่ค่อยสบายนัก ซานตานาเริ่มสำรวจรอบๆ เพื่อให้ แน่ใจว่าพวกเขาทั้งสองกลุ่มเป็นกลุ่มนักล่าชุดแรกที่มาถึง จริงๆ แล้วจอห์นส์ไม่ได้สนใจในการเป็น อันพาลหรือนักล่าแต่อย่างใดเขาแค่อยากจะสอบถามบางเรื่องที่คาใจกับริดดิคเท่านั้น ส่วนซานตานา เห็นว่าจะมาจับริดดิค ชาวฟิวเรียนคนสุดท้ายเขาจึงยอมให้จอห์นส์ซึ่งเป็นอีกกลุ่มร่วมในการล่าครั้งนี้ เพื่อกันพลาด อย่างไรสองหัวก็ดีกว่าหัวเดียว
เมื่อเวลากำลังจะหมดลงและพายุสุริยะที่น่าหวาดหวั่นกำลังจะมา แต่นักล่าฆ่าหัวต่างไม่ยอม ออกจากดวงดาวโดยไร้ซึ่งหัวของริดดิคที่เป็นเสมือนชัยชนะของพวกเขา แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ เตรียมตัวรับถึงสัญชาตญานสัตว์ป่าที่กำลังจนมุมในตัวคนของริดดิก รวมถึงสิ่งอื่นที่ควรจะหลีกให้ห่าง ด้วย
ริดดิค ผลิตโดย วิน ดีเซล และ เทด ฟิล์ด (Pitch Black, The Chronicles of Riddick) ในนามเรดาห์ พิจเจอร์ ร่วมกับ ซาแมนธา วินเซนต์ (Fast & Furious 6, Fast Five) จาก วัน เรซ ฟิล์ม ไมค์ เดรกส์ (A Nightmare on Elm Street, Dream House) และ จอร์จ ซากก์ (xXx, Casino Jack).
ตัวแสดงริดดิคถูกออกแบบโดย จิม และ เคน วีท (The Chronicles of Riddick, Pitch Black) และเบื้องหลังความสำเร็จของภาพยนตร์จากผู้กำกับ เนเม็ก ทรี (A Perfect Getaway, Terminator 2: Judgment Day), คนเขียนบท เทรซี่ อดัมส์ (Limitless, A Perfect Getaway), เทคนิคภาพ กันนาร์ ฮันเซ่น (The Grey, Quantum of Solace), ออกแบบเครื่องแต่งกาย ไซมอนเนทต้า มาเรียโน (Immortals, Death Race) และเพลงประกอบโดย แกรมม์ รีเวลล์ (Street Kings, Pineapple Express).
เกี่ยวกับการผลิต
ชาวฟิวเรี่ยนคนสุดท้าย :
ริกดิค
ในปี 1999 เมื่อ เดวิด ทูอี้ ผู้กำกับ ได้เรียกนักแสดงที่ยังไม่มีชื่อมาทดสอบบท เขาคือ วิน ดีเซล เพื่อเล่นบทนักโทษหลบหนี ริชาร์ด บี ริดดิค ในปี 2000 ในภาพยนตร์ ไซไฟ เรื่อง Pitch Black และทั้ง ผู้กำกับและนักแสดงเองก็มีไอเดียในการผลิตภาพยนตร์ร่วมกันเพื่ออกสู่ตลาด
หลังจากนั้นความคิดที่ทำหนังก็สำเร็จ ดีเซล และ ทูอี้ ได้ร่วมกันทำงานอีกครั้งในปี 2004 ใน หนังเรื่องนี้ ดีเซล ไม่เพียงแต่ กลับมารับบทบาทเดิม ในบทของคนนอกกฎหมายที่เป็นที่ต้องการของ กาแล็คซี่ แต่ก็ยังคุมบังเหียนของผู้ผลิตภาพยนตร์ร่วม ในของภาพยนตร์ภาคต่อเรื่อง The Chronicles of Riddick ที่ขยายความเพิ่มเติมไปยังจักรวาล โลกใหม่ สิ่งมีชีวิตใหม่ รวมทั้งพวก นีโครมังเกอร์ กลุ่ม คนที่ฆ่าทุกคนที่ต่อต้านพวกเขา
ดีเซลยอมรับว่างานนี้มันยากมาก มีความสับสนเกี่ยวกับตัวละครอยู่บ้าง “ผมหลงรักบทบาท ที่เขียนออกมาในบทนะครับ” เขาบอกว่าตัวละครนี้เข้าถึงแฟนภาพยนตร์ริดดิค ผู้คนเฝ้าดูชะตากรรม ของเขา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนถึงสนใจเขา ผู้คนต่างเฝ้าดูผลร้ายที่เกิดขึ้น ทุกอย่างไม่สามารถ ประเมินหรือคาดเดาได้ ความรู้สึกทั้งหมดที่เรารับมาจากกระแสตอบรับมันคือ ตัว ริดดิก สามารถ เอาชนะใจทุกคน สามารถแสดงบทบาทที่ทุกคนชอบ
กว่าสิบปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาในเรื่องของวีดีโอเกม หรือแม้แต่แอนนิเมชั่นในดีวีดี แต่ความ ปราถนาของผู้สร้างทั้งทูอี้และดีเซลในการทำภาพยนตร์ภาคต่อก็ยังคงอยู่ ซึ่งนั่นก็ทำให้ เกิดภาคที่ สามนี้ ทูอี้อธิบายว่า “เราได้ยินเสียงเรียกร้องของแฟนๆ อยู่ตลอดเวลา หลายเรื่องที่เราผลิต เรื่องที่ ได้รับการเรียกร้องมากที่สุดคือ ริดดิก”
กว่า 45 ล้านคนที่ตามเราในเฟซบุ๊ค พวกเขาอยากให้มีผู้เล่นใหม่ๆ มีผู้ลี้ภัย มีสิ่งมีชีวิตแปลกๆ ซึ่งดีเซลก็เห็นด้วย ดีเซลบอกว่า “ผู้คนต่างเขียนมาในเฟซ ถามว่า “เมื่อไหร่ริดดิคจะกลับมาอีก , คุณ ต้องทำหนังเรื่องนี้ต่อนะ” จากเสียงเรียกร้องพวกนี้พวกเราเลยตัดสินใจว่าถึงเวลาที่ต้องทำแล้ว
โชคดีที่หลายปีที่ผ่านมา ทูอี้และริดดิกได้พูดคุยกันอยู่ตลอดเกี่ยวกับเรื่องราวที่จะสร้างในภาค ต่อ มันเป็นการพูดคุยกันที่ยาวนานแบบมาราธอน พวกเขาขยายความไปถึงจักรวาล นิทานปรัมปรา มหากาพย์ และลักษณะของตัวละคร เพราะว่าทั้งคู่เป็นเหมือนตัวแทนแฟนภาพยนตร์เรื่องนี้ พวกเขา ใส่ใจ ในรายละเอียดทุกๆ ตอน และพวกเขาก็มีเรื่องราวเตรียมไว้สำหรับตัวละครทุกๆ ตัว
จะมีใครในโลกที่จะรู้จักชาวฟิวเรี่ยนได้ดีเท่า ทูอี้และ ดีเซล ซึ่งพิสูจน์ ได้จากการที่พวกเขา เข้าไปดูแลการผลิตในแฟรนไชส์ทั้งหมด พวกเขาค่อนข้างเอาซีเรียสในการผลิตภาคที่สามนี้ ว่าจะผลิต ออกมา ให้ดุดันเหมือนกับ Pitch Black หรือ ลงลึกไปแบบมหากพย์เหมือน The Chronicles of Riddick เพื่อนำเสนอกับสตูดิโอ universal Picture ซึ่งในที่สุดทางสตูดิโอก็ตกลงและ อนุญาตให้ one race film ของดีเซลได้ลิขสิทธิ์ผลิตและดูแลแฟรนไชส์ทั้งหมด ส่วน ยูนิเวอร์แซลก็ตกลงเป็นผู้ส่งหนัง ออกสู่ตลาด
ดีเซลก่อตั้งบริษัทขึ้นในปี 1995 เพื่อรองรับภาพยนตร์เรื่อง Multi facial ซึ่งตอนนี้บริษัทได้ แตกไลน์การผลิตไปหลากหลายทั้งผลิตรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ วีดีโอเกมส์ บริษัท วัน เรส ดำเนินการโดยริดดิค มีผู้ผลิตฝ่ายบริหารคือซาแมนธา วินเซนต์ เป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ภาพยนตร์ ที่ทำรายได้ติดบอกซ์ออฟฟิศของดีเซลหลายเรื่อง อาทิ Fast & Furious, Fast Five และ Fast & Furious 6 ซึ่ง วันเรสเป็นผู้ผลิต และ ยูนิเวอร์แซลเป็นผู้จัดจำหน่าย สำหรับการรอคอยภาคต่อ อันยาวนานนี้ ตอนนี้เดินหน้าเต็มสูบ ดีเซลบอกกับลูกทีมว่า ฉันเป็นหนี้แฟนๆ พวกเขามั่นคงมาก และพวกเขาจะได้ดูหนัง และจะได้ดูซ้ำแล้วซ้ำอีก
ในด้านของการผลิต เท็ด ฟิล์ด , ดีเซล และ ทูอี้ มีความคิดตรงกันในการกลับไปใช้เรท R เหมือนหนังภาคแรก ที่มีความมืดหม่น เป็นมหากาพย์ของชีวิต ดีเซลกล่าวว่า เหมือนกับศิลปิน ที่ต้องการแสดงผลงานโดยไม่มีการปิดกั้น สิ่งที่คุณจะได้ในเรท R ซึ่งมีความตรงไปตรงมา ความดิบ เถื่อน ซึ่งในตลาดตอนนี้ไม่มี เพราะส่วนใหญ่ในตลาดมีแต่ เรท PG มันดีที่จะทำหนังที่ดูรุนแรงในยุคนี้
ใน The Chroniccles of Riddick ได้เปิดเผยว่าฮีโร่ของเราเป็นเลือดผสม ของชาวฟิวเรียน และนีโครมังเกอร์ และมีคำพยากรณ์มากำหนดชะตาชีวิต การล่มสลายของดาวฟิวเรี่ยน มีการบุกฆ่า ล้างเผ่าพันธุ์เมื่อตอนริดดิกเกิด นี่เป็นธีมของหนังที่ทูอี้และดีเซลต้องการใส่ในภาคต่อด้วย ริดดิกจะ เกิดคำถามในใจลึกๆ ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นใคร มันมีเหตุผลหลักๆ ว่าทำไมผมถึงให้ตัวละครมีบุคลิก แบบนี้ ดีเซลบอกว่า พวกเรามีความคิดหลายอย่างในหัวของริดดิคและเขาต้องการรู้มากขึ้นว่าเขามา จากไหน
เมื่อตอนพัฒนาบท ทูอี้เขียนบทของเรื่องนี้ เขาจำได้ว่ามีการวางโครงเรื่องไว้ที่โลกโลกหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ที่ริดดิกถูกทิ้งให้ตาย และเขาต้องต่อสู้กับสภาวะบนดาวรวมถึงต้องหาทางออกไปจากดาว ดวงนั้นให้ได้ เป็นการถูกลอยแพบนดาวปริศนา เขาต้องค้นหาตัวตนของตัวเองให้เจอว่าจริงๆ แล้ว เขาเป็นใคร
ในขณะที่ทูอี้เขียนบทของริดดิค ดีเซลเองก็ทำให้บทบาทนั้นมีตัวตนขึ้น “ผมเชื่อในงานเขียน ของเขา” ดีเซลกล่าว “เขาเป็นนักเขียนที่สุดยอด เขาเชื่อในมุมมองตามความคิดต่างๆ ของผม เราพูด ถึงเรื่องนี้โดยอ้างถึงเรื่องอื่นๆ ประกอบ เราจะเอาส่วนไหนเข้า ส่วนไหนออก ผมมองในฐานะแฟนหนัง แฟนตาซีและตามตำนานต่างๆที่ผมรู้ ผมสามารถเข้าถึงบางอย่าง และผมก็รู้สึกมีส่วนร่วมอย่างมาก”
สำหรับดีเซลเขาคิดว่า หนึ่งในไฮไลท์ที่ถ่ายทำในภาคนี้คือความต่อเนื่องเป็นการแสดงถึง ตำนานตอนแรก ที่เชื่อมไปกับนีโครมังเกอร์ในเหตุการณ์ปัจจุบัน แล้วก็มาถูกปล่อยให้ตายบนดาวร้าง ริดดิค ต้องเอาตัวรอดให้ได้ เขาต้องค้นหาตัวตนเดิมของเขา ตัวตนที่ก่อนจะเป็นลอร์ดมาแชล ริดดิก ต้องคิดทบทวน และหันกลับไปมองตัวตนที่หายไปของเขา และในที่สุด เขาก็ต้องสร้างตัวตนนั้นใหม่ อีกครั้ง “เราตื่นเต้นมากในการเปิดเรื่องแบบนี้ ภาพยนตร์ปัจจุบันไม่ค่อยกล่าวถึงตัวละครจากภายใน และภายนอกไปพร้อมๆกัน มันเห็นถึงพัฒนาการทางจิตของตัวละคร”
ไม่ว่าเขาจะเจาะข้อมูลลงลึกซักแค่ไหน ทูอี้ก็บอกว่าไม่มีใครรู้จักริดดิคดีเท่ากับดีเซลอีกแล้ว “วินเป็นเจ้าของตัวละครตัวนี้ซึ่งเราแลกเปลี่ยนความคิดกันตลอด เพื่อให้แน่ใจว่านั่นคือสิ่งที่ตัวริดดิค จะคิดหรือจะทำ” เขาเสริมว่าเขาใช้เวลาค้นคว้าร่วมกันเป็นปีในห้องสมุดผมเขียนบทภาพยนตร์นี้ ตามแบบที่ผมอยากจะ เห็น และหวังให้มันออกมาโทนมืด เข้มข้น และติดตา
ด้วยประวัติศาสตร์ของการทำงานร่วมกันระหว่างความเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานานก็เป็นหนึ่งใน เหตุผลหลักที่โครงการขนาดใหญ่อย่าง Riddick ผลิตออกมาอย่างราบรื่น “เราค่อนข้างมีวินัยใน การทำงาน และ อยู่ในงบประมาณเพราะเดวิดและผมมีงบจำกัด เราได้มีการพูดคุยกันว่าเราต้องสนใจ เกี่ยวกับงบ ประมาณ ตัวละครและผู้สนับสนุน เราพยามกันอย่างมากในการทำภาคต่อออกมาให้ได้” ดีเซลกล่าว
มันน่าชื่นชมสำหรับการทำงานและการเป็นหุ้นส่วนของพวกเขา พวกเขาทำงานร่วมกันตั้งแต่ pitch back นับเป็นเวลากว่ากว่าทศวรรษที่ผ่านมา พวกเขาทำงานกันอย่างเข้าขา ราบรื่น ซึ่งน้อยมาก ที่จะเห็นนักแสดงและผู้กำกับ สามารถทำงานร่วมกันในทุกแง่มุมของการผลิตภาพยนตร์ เพื่อทำให้ ผลงาน ที่ดีที่สุดออกสู่จอ
นักล่าและ ชาวนีโครมังเกอร์
การคัดตัวนักแสดง
มีการใช้ความคิดสร้างสรรค์อยู่เต็มไปหมดในภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ใช่แต่กับตัวแสดงที่เรา เลือกไว้เท่านั้นแต่รวมถึงความสามารถที่ยังไม่ถูกค้นพบด้วยที่เราต้องดึงออกมา ดีเซลอธิบายว่า: “เราพยามหานักแสดงที่เหมาะสมกับบทบาทในแต่ละบท เราดูความสามารถที่เหมาะกับบทจริงๆ ไม่ได้ดูแค่ว่าเขาเก่งทางด้านไหนเท่านั้น
นักแสดง จอร์ดี้ โมลล่า นักแสดงชาวเสสปนที่โด่งดัง มาสวมบทบาทซานตานา ผู้นำกลุ่ม ที่โหดเหี้ยมของนักล่ากลุ่มแรกที่หมายหัวริดดิก ซึ่งเบื้องหลังของเขาจะสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมเขา จึงเหี้ยมโหด การบอกถึงเรื่องนี้มันไม่ได้ทำให้เนื้อเรื่องของความเป็นหนังไซไฟเสียอรรถรสแต่อย่างใด มันถูกสอดแทรกในการแสดงของซานตานาที่แสดงร่วมกันกับนักแสดงอื่นในแต่ละฉาก “นี่คือภาพ ยนตร์ของนักแสดง” โมลล่าเสริม”ทุกความขัดแย้งทุกอย่างที่ฉันทำคือมันอยู่ระหว่างความเป็น มนุษย์.”
ดีเซลอาจจะไม่เห็นด้วยกับการทำงานของมอลล่าเท่าไหร่ เขามีการแนะนำว่า “ภาพในหัวของ
จอร์ดี้เกี่ยวกับซานตานานั้นมันมีมากเกินไป จริงๆ ซานตานาเป็นคนที่ชั่วช้ามาก เขามีความทะเยอทะ
ยาน ซานตานาเป็นตัวละครที่น่าจดจำ ผมไม่สามารถบอกได้ว่าเขาเข้าใจมันดีพอ
การคัดเลือกนักแสดงบทบาทของบอส จอห์นส์ ซึ่งเป็นผู้นำของยานนักล่าค่าหัวลำที่สอง,
มีความท้าทายมากเพราะตัวละครตัวนี้มีความลับบางอย่าง: เขามีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในตัวละคร ที่ตามล่าริดดิกในภาคแรกคือ Pitch Black สิ่งที่จอห์นบอสต้องการมากกว่าเงินรางวัล คือเป็นคำตอบ และเขาจะต้องค้นหาริดดิกเพื่อเอาคำตอบนั้นให้ได้
ทูอี้พบ แมตต์ เนเบิล หลังจากชมรายการโทรทัศน์ออสเตรเลีย “ฉันได้เห็นบทนักแสดงที่ หน้านิ่งมากซึ่งเขาเย็นชามาก และในบทของ บอส จอห์นส์ เขามีความเจ็บปวดกับอดีตและใบหน้า ของแมตต์โดยเฉพาะตาของเขามันสามารถถ่ายทอดตวามเจ็บปวดบางอย่างที่เกิดขึ้นจากอดีตที่ปวด ร้าวได้
สำหรับนักแสดงมันก็ไม่ได้เป็นเพียงโอกาสที่จะเล่นบทบาทตัวละครนี้ยากขึ้น มันเป็นโอกาสที่ จะได้เป็นส่วนหนึ่งของริดดิกส่วนแฟรนไชส์ด้วย “ผมเห็น Pitch Black ตอนเกมออกมามันฮิตมาก ในออสเตรเลีย” เนเบิลบอกว่า “มันตื่นเต้นมาก” ตอนถ่ายทำเนเบิลบอกว่าเขา รู้สึกประทับใจกับความ ทุ่มเทของดีเซลกับงานนี้และเพื่อนนักแสดงของเขามาก “วินทำให้เรื่องนี้และ ตัวละครน่าหลงใหลมาก เขาอยู่ที่นั่นสำหรับทุกคนถ้าหากพวกเขาต้องการที่จะหารือเกี่ยวกับหัวข้อใดๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่ พวกเขารับบทอยู่หรือฉากภายในภาพยนตร์เรื่องนี้. ”
เคธี แซคอฟฟ์ เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับแฟนโทรทัศน์จากบทบาทในฐานะกัปตันคาร่า จากบท “สตาร์บัค” ในซีรีส์ที่ได้รับความนิยมอย่างมหาศาลเรื่อง Battlestar Galactica เธอเหมือนเนเบิล ตรงที่แซคอฟฟ์เป็นแฟนของแฟรนไชส์ริดดิกก่อนที่เธอจะได้อ่านสคริปต์ด้วยซ้ำ “ฉันเติบโตขึ้นมากับ นิยายวิทยาศาสตร์-ไซไฟกับพ่อของฉันในความเป็นจริงหนังเรื่องแรกที่พ่อของฉันให้ฉันดูคือ Predator เมื่อฉันอายุประมาณห้าขวบ” แซคอฟฟ์หัวเราะ “ฉันรักหนังที่มีตัวละครผู้หญิงที่แข็งแกร่งและริดดิก แต่ละภาคก็มีหญิงแกร่งอยู่เสมอ”
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของนักแสดงที่จะต้องรับบทบาทของดาห์ล ลูกทีมของบอส จอห์นส์ มือซุ่มยิง การเป็นดาห์ลคือเป็น”คนที่โหดที่สุดเท่าที่ฉันคยเล่น” แซคอฟฟ์กล่าว “ฉันมองย้อนไปในจุด แข็งของทุกบทบาทที่ฉันเคยเล่นมาในละครทีวี และฉันก็เอามันมารวมกันในตัวละครนี้ในภาพยนตร์.”
สำหรับทูอี้ แซคอฟ์ฟเป็นนักแสดงที่ใช่ตั้งแต่ต้น เขาเล่าว่า “เคธีเป็นคนแรกที่เปิดประตูเข้ามา และอ่านบทสำหรับคัดตัวเพื่อรับบทดาห์ลผมทดสอบนักแสดงหญิงคนอื่นเป็นร้อยหลังจากทดสอบเธอ แล้ว แต่ผมก็ไม่สามารถลืมเธอได้แม้ว่าเธอเป็นคนแรกที่เข้ามาทดสอบก็ตาม ผมแค่ไม่สามารถให้ใคร มารับบทดาห์ลนี้ได้นอกจากเธอ”
เมื่อกล่าวถึงบทบาทของดิแอซ, นักล่าค่าหัวที่ป่าเถื่อนที่รับใช้ซานตานา ซึ่งได้อดีตนักมวยปล้ำ WWE มาร่วมแสดง คือ เดฟ บาร์ติสต้า ผู้รับบทแดร็กซ์นักทำลายล้างจาก Guardians of the Galaxy จากตารางงานที่แน่นมากแต่ก็ยังสามารถรับบทนี้ เขาพูดติดตลกว่า “ผมอยากเล่นหนังแบบนี้ หนังไซไฟ ซุปเปอร์ฮีโร่ มันเข้าทางผมเลย ผมชอบมาก แล้วตอนที่ผมรู้ว่าผมต้องมาคัดตัวในหนัง เรื่องริดดิก ผมก็อัดตารางงานเพื่อให้มีเวลามาคัดตัว ผมนั่งนับนิ้วอยู่หลายเดือนเพื่อรอผล แล้วเมื่อผม ได้รับเล่น มันสุดๆเลยครับ”
โบคีม วู้ดไบน์เป็นนักแสดงที่ดีเซลอยากจะร่วมงานด้วยเป็นเวลาหลายปี และเขายินดีที่จะ เก็บบทนี้ไว้ให้กับวู้ดไบน์ กับบทบาทของทหารที่ถูกฝึกอบรมมาอย่างดี “บทนายช่างมอสส์” หนึ่งใน ลูกทีมของ บอส จอห์นส์ วู้ดไบน์เองก็เป็นหนึ่งในแฟนของแฟนไชส์ริดดิก เขาดีใจมากที่ได้มีส่วนร่วม กับภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาพูดถึงเรื่องนี้ว่า “ ผมรอเป็นเวลานานที่จะได้เห็นภาคที่สามนี้ เพราะภาคที่สอง
ก็มีเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นมาก เมื่อมีโอกาสที่จะได้เล่นหนังเรื่องนี้ผมก็พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่ง ผมรีบคว้า
มันเอาไว้ทันทีเลย”
ทูอี้กล่าวถึงบทของวู้ดไบน์ว่า “ในเวอร์ชั่นแรกๆ ของการเขียนบท ผมให้ริดดิกฆ่ามอสส์ แต่วิน
บอกผมว่าริดดิกฆ่าคนด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่งเสมอ เพราะคนจะไม่หยุดตามล่าเขา ผมเลยแก้บท มอสส์ไม่ได้เป็นภัยต่อริดดิก วินบอกว่าเขาไม่ฆ่ามอสส์แน่ๆ พวกเราเลยตกลงกันว่าริดดิกไม่ฆ่ามอสส์ ในตอนนี้
สำหรับบทบาทของล็อกสเปอร์ สมาชิกคนสุดท้ายของ บอส จอห์น กับบทนักแกะรอย ทูอี้เลือก ราอูล ทรูฮิลโล เขาเป็นที่รู้จักในบทบาทแอ็คชั่นจาก Apocalypto และ Cowboys & Aliens สิ่งที่ทำให้ดูตื่นเต้นสำหรับนักแสดงก็คือว่าเขาไม่แน่ใจว่าเขากำลังจะได้เล่นจนกระทั่งก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มถ่ายทำ ทรูฮิลโลจำได้ว่า: “ผมได้รับอีเมล์จากเดวิดประมาณว่า มันค่อนข้างชัดเจนที่คุณจะ ได้รับบทนักแกะรอย มันค่อนข้างซับซ้อนคุณต้องตั้งใจอ่าน” ผมรู้สึกดีนะที่ว่าเขาต้องการให้ผม ที่จะเข้าร่วมกลุ่มของนักล่าในฐานะลูกทีมที่นำโดย บอส จอห์นส์“
ดีเซลและทูอี้คิดว่า มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะสานต่อตำนานของจักรวาล การดึง คาร์ล เออร์บัน กลับมาในบทบาทที่น่าจดจำกับบทวาโก้ นักรบชาวนีโครมังเกอร์คนที่ริดดิกแย่งบัลลังก์ ลอร์ดมาแชลล์ ไปจากเขาจากภาคที่สอง มีแฟนๆของภาพยนตร์ริดดิก บอกว่า“จะมีสิทธิ์ที่ตัวละครตัวนี้จะกลับมา ในโลกของริดดิกอีกครั้งไหม”
มันน่าสนใจที่ว่าวาโก้จะพยายามทวงคืนบัลลังก์ลอร์ดมาร์แชลคืนจากริดดิกอย่างไร แม้วาโก้หันหลังให้กับสังคมไปแล้ว แต่เขาควรจะกลับมาโดยที่มีความแกร่งภายในใจมากขึ้นและมี ความแม่นยำขึ้น เออร์บันบอกว่า “คราวนี้วาโก้จะห่ามน้อยกว่าเก่า เขาใช้สมอง ใช้ความคิดมากขึ้น และเขาพยามคิดวิธีที่โหดร้ายเพื่อกำจัดริดดิคด้วยแผนการที่ฉลาดแกมโกง”
เออร์บันเข้าใจแฟนหนังว่าทำไมถึงยังติดตามภาพยนตร์เรื่องนี้ มันไม่ใช่แค่สิ่งที่ทูอี้เขียนหรือ จินจนาการของเขาเท่านั้นแต่รวมถึงบทบาทที่ดีเซลแสดงด้วย เขากล่าวว่า “ผมค้นหาความตื่นเต้นใน ริดดิคภาคนี้ที่วิลนำมาจากตอนเก่าๆ ผมได้ร่วมทำงานกับหลายคนแต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมปฎิเสธไม่ได้เกี่ยว กับวิล และบทบาทที่เขาเล่น ผมเชื่อว่า เขาเล่นออกมาได้เยี่ยมจริงๆ และมันส่งผ่านจากจอไปสู่คนดู ได้แน่ๆ”
ริดดิคได้คัดเลือกนักแสดงหน้าใหม่ด้วย อาทิ นักร้อง แนว R&B เคอร์นี่ ลินน์ ฮิลล์สัน เพื่อทดสอบสำหรับบทบาทของดาห์ลที่แซคอฟฟ์ได้ไป ทูอี้และดีเซลประทับใจในบทบาทการแสดง ของเธอ ทูอี้เลยเสนอว่า “คุณสามารถบอกได้ว่ามีความพิเศษอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่แล้วและเรา คิดว่าเราจะเขียนบทเพิ่มให้คุณในภาพยนตร์เรื่องนี้ ตอนนี้เรามีคนอยู่ 12 คนบนดาว เราคงเพิ่ม ตัวละครหลักไม่ได้แล้ว แต่ผมจะเขียนส่วนของนักโทษของซานตานาเพิ่มให้คุณ นักโทษเพียงคนเดียว ในยานตอนที่มาตามล่าริดดิกเพื่อคุณเลยนะ”
การออกแบบและสถานที่:
การสร้างโลกของริดดิก
มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับดีเซล, ทูอี้และฟิลด์ ที่จะสร้างบรรยากาศให้น่าสะพรึงเหมือนกับ ภาคแรก เมื่อถึงเวลาที่จะต้องกำหนดสถานที่ถ่ายทำ มันก็มีความคิดเกี่ยวกับการเดินทางที่ไม่คาดคิด ของริดดิกเกิดขึ้น ฟิลด์กล่าวว่า”เราโชคดีที่จะสามารถถ่ายภาพในสตูดิโอเดียวกันที่ ภาพยนตร์เรื่อง 300 ใช้ถ่ายทำ เดวิดได้สร้างสตอรี่บอร์ดสำหรับลำดับเหตุการณ์หนังเรื่องนี้เพื่อใช้เป็นเครื่องมือให้ ทีมงานทุกคนรู้และเข้าใจ อย่างชัดเจนว่าจะถ่ายแบบไหน เราต้องไม่ผิดพลาดในการถ่ายทำ”
เมื่อมันมาถึงขั้นตอนการถ่ายทำภาพยนตร์ทางทีมผู้สร้างเลือกที่จะนำ เดวิด เอ็กบี้ กลับมา ซึ่งเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่อง DP ใน Pitch Black “เขาเป็นผู้ชายที่ผมมีความสุขกับการทำงานด้วย เพราะเราท้าทายกันและกันเสมอ” ทูอี้พูดว่า “เราผลักดันซึ่งกันและกันเพื่อให้เกิดทางเลือกที่ ใน Pitch Black และอีกครั้งผมท้าทายเขาที่นี่ในระดับเทคนิค ผมพูดว่า เราจะสร้างโลกที่มีมนุษย์ต่างดาว แต่ผมจะขอให้คุณถ่ายทำในสถานีรถไฟในทรีออล”
ทีมงานชอบสไตล์ของภาพและเสียงที่เอ็กบี้ได้สร้างขึ้นใน Pitch Black มันให้แสงที่สวยกับ หนัง ซึ่งในภาคต่อนี้เอ็กบี้และทูอี้ได้สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่
สิ่งแรกนี้จะพิจารณาแหล่งกำเนิดแสงอยู่บนดสวเคราะห์ สำหรับทูอี้เขามีความสนใจ
ในดาราศาสตร์ การกำหนดหรือการจัดเรียงดาวเคราะห์เขาจึงเป็นคนเริ่มเสมอ ใน Pitch Black ทูอี้
เลือกระบบเลขฐานสอง ดาวเคราะห์ที่มีดวงอาทิตย์สองดวงซึ่งอาจะบางชี้ถึงความไม่แน่นอนของดาว
เคราะห์ได้ สำหรับริดดิคในภาคนยี้เขามองไปที่ดาว “ผมเริ่มต้นด้วยดาราศาสตร์และฟิสิกซ์ดารา ศาสตร์ เพราะนั่นคือหนึ่งในความสนใจของผม” เขาบอกว่า “ สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ หนึ่งในสิ่งที่ ติดตาผม คือดาวสีน้ำตาลดวงโตในท้องฟ้าที่มีลักษณะเหมือนดาวพฤหัสที่มีขนาดใหญ่มาก ผมพยาม ที่จะไม่เพ้อฝันจนเกินไป เพราะจักรวาลแปลกมากพอโดยที่คุณไม่ต้องเพิ่มอะไรให้กับมันอีก”
เพราะหลายฉากของริดดิคถ่ายทำโดยใช้สถานที่ด้านนอกของดาวเคราะห์,เอ็กบี้จึงต้องจัดแสง
ภายในสตูดิโอให้ออกมาสมจริง นอกจากนี้ทั้งเขาและทูอี้ไม่ต้องการแสงจากทางด้านบน แต่อยากได้ แสงที่ตัดกัน แก้ปัญหาอย่างไร? บนแผ่นฟิล์มก่อนหน้านี้เอ็กบี้ ใช้รีเฟล็กอันยักษ์ซึ่งเขามีความคิดที่จะ นำมันกลับมาใช้อีก “ผมรู้ว่านั่นเป็นวิธีที่ดีที่จะสร้างแสง คุณไม่ต้องใช้เงา แสงมันอ่อนเกินไป มันเหมือนลูกกลมๆใหญ่ๆ เราเลยสังซื้อรีเฟล็กที่เป็นสีทอง เราติดมันบนเพดานเราวางไฟเป็นจุดๆ เราสามารถกลับด้านมันให้เกิดการสะท้อนแสงสีขาวหรือสีทองของพระจันทร์ได้”
ในเรื่องของเสียง ผู้ออกแบบการผลิต โจเซฟ เนเม็ก ที่สาม เขา สร้างภูมิทัศน์ที่เต็มไปด้วยเสียง ในฉาก ทูอี้เคยใช้งานเนเม็กในภาพยนตร์เรื่อง A Perfect Gataway , the Terminator 2: Judgment Day และเมื่อเขาพูดถึงความเป็นไปได้ของริดดิค ที่จะทำให้เป็นภาพยนตร์ไซไฟ ทีมงานก็พบว่า เนเม็กนั้นตอบโจทย์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนปริศนาที่ต้องเอามาวางรวมกันของภาพ ยนตร์เรื่องนี้
ริดดิคจำเป็นต้องใช้เทคนิคทางด้านภาพเป็นจำนวนมาก มันเป็นสิ่งสำคัญมากที่ทีมงานทุกคน จะต้องทำงานกับฉากสีเขียว ซึ่งนักแสดงต้องอาศัยจินตนาการอย่างสูงในการแสดงภายใต้สภาพ แวดล้อม เช่นนั้น หลังจากที่คุยกับทูอี้ ดวงอาทิตย์ทั้งสองดวงจะมีผลต่อสภาพแวดล้อมของโลก เนเม็กจึงสร้างภาพของสภาพแวดล้อมที่แปลกตาที่ริดดิกและนักล่าเงินรางวัลเคยพบมาก่อน
ภูมิทัศน์ภาพแสดงให้เห็นลักษณะที่แตกต่างของภูมิประเทศบนดาวเคราะห์จากที่รกร้างว่าง เปล่าที่เต็มไปด้วยไอน้ำที่มีสระว่ายน้ำกำมะถันและหาดทรายสีเหลืองและกำแพงหินสีแดงที่มีหลุม โคลนขนาดใหญ่ ซึ่งพื้นที่ดูกว้างใหญ่รกร้าง หลังจากคุยกับนักออกแบบการผลิตทูอี้ก็เสริมว่า “โจเซฟเป็นศิลปินที่ทำงานเร็วและไม่กี่คนที่จะสามารถทำได้อย่างเขา”
เราจัดฉากไว้ใช้งานจนจบ เนเม็กสร้างสถานีอวกาศให้ริดดิกใช้เป็นที่ส่งสัญญาณ และสร้าง ยานอวกาศ “ส่วนใหญ่ถ่ายทำด้านนอกดาวซึ่งเป็นที่กลางแจ้ง เราหาสิ่งที่เป็นสถาปัตยกรรมทาง ธรณีวิทยาโดยทั่วไปอะไรที่แห้งตายหรืออนุสาวรีย์” เนเม็กพูดว่า “ภูมิประเทศที่เราเลือกสำหรับ รูปลักษณ์ของภายนอกทางสถานีคือในภาคเหนือของควิเบก มันเรียกว่า คูเจ็ค มีตะไคร่น้ำ สีหินแกรนิตซึ่งคนไม่ค่อยได้เห็น”
เนเม็กอธิบายถึงสิ่งที่ที่เขาต้องการจากทีมงานในการสร้างทุ่นยักษ์ในฉาก”มันใช้ประมาณ เก้า คันรถที่ขนสิ่งสกปรกและเศษหินหรืออิฐเพื่อก่อสร้างรูปร่างพื้นดิน จากนั้นเราก็กลับมาและเทคอนกรีต ทับจากนั้นเราก็กลับมาอีกครั้งเพื่อเสริมสิ่งสกปรกมากให้ขึ้นโปรยกรวดและวัสดุบนพื้นดินและเริ่มต้นทำทุ่น จะให้เสร็จเราใช้โฟมเคลือบด้วยพลาสเตอร์, โครงสร้างไม้อื่น ๆ ที่มีไฟเบอร์กลาสและ ปูนปลาสเตอร์เทลงด้านบน สุดท้ายเราให้พวกเขาจะได้ โขดหินของคูเจ็ต”
เพื่อขยายสิ่งที่เนเม็กทำกับภูมิทัศน์ในภาพยนตร์, ผู้กำกับภาพ กุนเนอร์ เฮนเซน ซึ่งเคยทำงาน ให้กับฉากภาพยนตร์ที่ท้าทาย อาทิ The Grey “เราอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ในพื้นที่ที่ไม่มีมนุษย์คนไหน เคยเหยียบย่างมาก่อน พื้นผิวของแผ่นดินค่อนข้างหยาบเกินไปที่จะขับรถผ่าน เราไม่เห็นสัตว์ป่าใด ๆ เป็นพื้นที่ที่รกร้าง” ผู้กำกับภาพVFXกล่าว สำหรับการถ่ายทำพิเศษนี้ทีมของแฮนเซนสร้างแท่น ขุดเจาะที่ซับซ้อน ซึ่งใช้กล้องที่มีความละเอียดสูงสามตัวในการจับภาพ เพื่อรวมภาพให้อยู่ในมุม180 องศา ซึ่งมุมมองแบบนี้จะช่วยให้ชาวฟิวเรี่ยนเห็นชัดขึ้น
หลังจากที่ริดดิกถูกปล่อยทิ้งให้ตายบนดาวเคราะห์ร้าง, เขาหลบภัยอยู่ในซากปรักหักพังที่เป็น ฝังศพโบราณ เนเม็กวาดภาพซากปรักหักพังที่เขาคิดว่าจะมีอิทธิพลต่อพวกเขา “เรารู้สึกซากปรักหักพัง ที่ฝังศพจะต้องมีสภาพแวดล้อมทางสถาปัตยกรรมอยู่” นักออกแบบพูดเสริมว่า “เราตัดสินใจที่จะใช้ สถาปัตยกรรมเพทราในประเทศจอร์แดน มันเป็นความคิดที่ดีในการเจาะภูเขาให้เป็นสถาปัตยกรรม ในบางอารยธรรมโบราณจะมีการแกะสลักศาลเจ้าหรือสถานที่พระราชพิธีที่ให้ความเคารพต่อสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ดวงนี้” มีการค้นคว้าการแกะสลักและหินที่ถูกใช้ในเพทราแผนกศิลป์ใช้สีส่วนใหญ่เป็น สีจากดินเผาโชคดีที่มันเป็นความลงตัวที่สมบูรณ์แบบที่เนเม็กค้นพบและเลือกใช้
การสร้างบรรยากาศให้น่ากลัว
สถานีและยานพาหนะ
ที่ปลายอีกด้านของฉากที่ถูกสร้างขึ้น เนเม็กสร้างโขดหินและสถานีที่พวกนักล่าใช้พักเมื่อร่อน ลงมายังดาวดวงนี้ เขาออกแบบเหมือนกับว่ามันถูกทิ้งมากว่าเป็นสิบปี เป็นสถานีมีรูปร่างแบน มันเป็นการสร้างให้ดูเหมือนจะไม่มีใครใช้ชีวิตรอดได้นานบนดาวเคราะห์ ทั้งศูนย์บัญชาการ, แผนที่, ห้องครัว, ห้องน้ำ และพื้นที่สันทนาการ
สถานีนี้ถูกใช้โดยวิทยาศาสตร์ในการทำการวิจัย นักสำรวจ และทหารรับจ้างที่ตกค้าง “มันถูกออกแบบให้ใช้ประโยชน์ทางการทหาร มีความเก่าและใช้การอะไรไม่ค่อยได้” เนเม็กกล่าว “มันไม่ใช่สถานที่ที่เข้าพักอย่างสะดวกสบาย เราใช้สีที่ทำให้สถานที่ดูเก่า ใช้สีเหลือง หรือสีส้ม เราอยากให้รู้สึกถึงผลกระทบที่สภาพแวดล้อมกระทำต่อสถานที่ ทุกอย่างเสื่อมโทรม”
ภายนอกสถานีสถานที่ที่นักล่าค่าหัวจอดยานอวกาศไว้ เราต้องการให้ห่างจากคำว่าพื้นที่ สีเขียวเนเม็กสร้างยานอวกาศที่สมบูรณ์ด้วยประตูที่มีทางลาดลงมามันเหมือนกับที่ใช้งานกับเครื่องบิน 747 ส่วนภายในสถานีต้องมีเครื่องมือใหญ่ๆ ดูล้าสมัยทำให้รู้สึกแตกต่างระหว่างยานอวกาศกับสถานี
การออกแบบยานขนส่งสินค้า มันถูกสร้างโดยการติดตั้งอุปกรณ์ทุกอย่างมีอุปกรณ์ควบคุม ในห้องนักบิน มีสายรัดขณะนอนหลับ “เราใ้พัชคณิตในการคิดคำนวน” นักออกแบบกล่าว “เราเริ่มออกแบบและหาสมดุลของมัน เรากลับไปมองยานรบของพวกนีโครมังเกอร์ แต่เราไม่ได้รู้สึกว่า
มันจะต้องเป็นแบบนั้น เราต้องการอยู่กับความเป็นจริงให้มากที่สุด ยานจะต้องดูบินได้สามารถบินขึ้น และร่อนลงในทุกๆที่ในอวกาศ
นักแสดงหลายคนชอบที่ได้เล่นบนในยานอวกาศ ยานสำรวจ ยานอวกาศของ บอส จอห์นส์ ลูกเรือจะต้องออกไปจากยานแม่เพื่อเดินทางไปสำรวจดาว การรักษาธีมภาพของเรื่อง เนเม็กต้องออก แบบ ยานสำรวจให้ดูเหมือนกับมอร์เตอร์ไซค์ช็อปเปอร์ แต่ไม่มีล้อ “ในตอนแรกผมมีความคิด ที่จะใช้ระยามาฮ่า แต่ว่ามันดูไม่เข้ากัน” เนเม็กพูด “
เอเลี่ยนและปีศาจโคลน
สิ่งมีชีวิตในดาวรกร้าง
ในโลกซึ่งพระเอกของเราต้องเผชิญมีสิ่งมีชีวิตอยู่สองแบบ คือ เอเลี่ยนและปีศาจโคลน ทูอี้ กล่าวว่า “ในแง่ของสิ่งมีชีวิต ผมทำตามสิ่งที่ผมเคยทำใน Pitch Black ซึ่งหมายความว่า ผมผลิตชิ้นส่วนบางอย่างออกมาเป็นหุ่นเชิดเพื่อนักแสดงจะได้แสดงไปพร้อมกับมัน แต่ส่วนใหญ่เรา จะใช้ CGหรือไม่ก็ใช้ทั้งคู่ ผมพยามจะไม่ใช้แอนนิเมชั่นกับการกรอกตาหรือขยับปากเพื่อความสมจริง”
เอเลี่ยนถูกนำเสนอไปในตอนต้นเรื่องริดดิคพบมันเหมือนกับลูกสุนัขและเขาสร้างความผูกพัน
จนมันเติบโตเป็นสัตว์ที่ดุร้าย ซึ่งถูกออกแบบโดย Mokko สตูดิโอ ในมอนทรีล และถูกสร้างโดย Tinsley สตูดิโอในลอสแองเจอลิส เอเลี่ยนพวกนี้ถูกสร้างจากโฟมยางและไฟเบอร์กลาสที่ใส่กลไก เอาไว้ข้างใน และตกแต่งด้วยขนหมูป่า ขนเม่น และฟันที่เป็นอคีลิค มันกลายเป็นปีศาจ ร้ายที่น่ากลัว
ริดดิคพบว่าเอเลี่ยนบนดาวดวงนี้อาศัยและเจริญเติบโตในน้ำ และเพราะดาวแห้งแล้งมาก พวกมันจึงนอนอยู่ใต้พื้นโลกขุดรูอยู่ในที่ที่มีน้ำ และเมื่อฤดูฝนมาถึงพวกมันจะตื่นขึ้นมาและสร้าง ความหายนะ ริดดิกจะต้องสู้กับตัวนี้ด้วยการอาศัยในหลุมโคลนยักษ์ ซึ่งท้าทายการคนที่เป็นหุ่นเชิด มาก คนที่เป็นหุ่นเชิด อีริค ฟิลด์เลอร์ กล่าวว่า“โคลนเป็นสถานที่ที่ทำงานยากมาก แต่เราต้องอยู่ใน โคลนประมาณสองอาทิตย์มันทั้งเหนียว ทั้งร้อน ทั้งเหงื่อตก แถมมีตุ่มขึ้นตามตัวด้วย”
การใส่ชีวิตให้หุ่นเชิด ทูอี้เลือกที่จะใช้บริษัทในแคนนาดา “Mokko สตูดิโอเป็นสถานที่ที่ดีมาก พวกเขาพร้อมที่จะทำตัวละครที่เป็รแอนิเมชั่น 3มิติ “
ในส่วนของการผลิต ดีเซลสะท้อนความฝันของเขาผ่านบทภาพยนตร์ภาคต่อนี้ “ทุกคนหวังว่าเขาจะมีผลกับภาพยนตร์ ผมต้องการให้คนดูปลดปล่อยตัวเอง” การไปต่อของริดดิค ”เขาแค่ต้องการกลับบ้านและค้นพบตัวตนของเขา เหมือนกับคนส่วนใหญ่ที่ดู Pitch Back พอดูจบ จะมีคำถามว่า ริดดิคมาจากที่ไหนและเขาจะไปที่ไหน” ไม่มีคำตอบแต่สิ่งหนึ่งที่รู้คือ มันถึงเวลาที่จะ กลัวความมืดแล้ว
****
ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ และ วัน เรส ฟิล์ม นำเสนอ วันเรส ฟิล์มผลิต ร่วมกับ เราดาห์ พิจเจอร์ ของเดวิด ทูอี้ วิน ดีเซล นำแสดง ร่วมด้วย จอร์ดี้ มอลล่า ,แมตต์ เนเบิล, เคธี แซคอฟฟ์, เดฟ บาติสต้า, โบคีม วู้ดไบน์, ราอูล ทรูฮิลโลและ คาร์ล เออร์บัน ในบท วาโก้ คัดเลือกตัวแสดงโดย แอนนี่ แมคคาธี เพลงประกอบโดย เกรแฮมม์ รีเวลล์ ริดดิค ตัดต่อโดย เทรซี่ อดัม และ ออกแบบการผลิตโดย โจเซฟ นาเม็ก ที่สาม ผู้กำกับภาพ โดย เดวิด เอ็กบี้ ผู้ผลิตฝ่ายบริหาร ซาแมนธา วินเซนต์ , ไมค์ เดร็ก, จอร์จ ซากก์ ริดดิคผลิตโดยวิล ดีเซล, เท็ด ฟิล์ด และออกแบบตัวละครโดย จิมและเคน วีช ภาพยนตร์เขียนและกำกับโดย เดวิด ทูอี้ © 2013 ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ www.riddickmovie.com
เกี่ยวกับนักแสดง
วิน ดีเซล เป็นชาวนิวยอร์ค (ริดดิค /ผู้ผลิต) กลายเป็นดาราฮอลลีวู้ดที่น่าจับตามอง เขาทำ รายได้ถล่มบ๊อกออฟฟิศ เขาเป็นทั้งผู้ผลิตและคนทำหนัง ล่าสุดเขาสร้างหนังที่ทำรายได้ ถล่มทลาย จาก Fast & Furious 6 ที่ทำรายได้มากกว่า 670 ล้านดอลล่าทั่วโลก.
ในปี 2011ดีเซลแสดงใน Fast Five ซึ่งก็โด่งดังทำรายได้ถล่มทลายช่นเดียวกันกับ The Fast and the Furious series เขาควบตำแหน่งทั้งในเรื่องของการผลิตและเป็นนักแสดงในบทบท ของ โดมินิก โตเร็ทโต โดยมีการผลิตร่วมกับ นีล เฮช โมริชส์ เขาเขียนและกำกับภาพยนต์สั้นเรื่อง Los Bandoleros. ที่ใส่ไว้ในดีวีดี Fast & Furious ที่เป็นการบอกเรื่องราวภูมิหลังของตัวละครก่อนนำ มาสู่การปล้นรถบรรทุกน้ำมันในภาพยนตร์
ดีเซล เคยแสดงร่วมกับ มิเชลล์ โหย่วในเรื่อง Babylon A.D ที่กำกับโดย แมทธิว คาสโซวิทซ์ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ดีเซลเล่นเป็นทหารรับจ้างที่เสี่ยงเอาผู้หญิงข้ามพรมแดจากรัสเซียไปยังประเทศจีน
ดีเซลเคยรับบทในภาพยนตร์ดราม่าเรื่อง Find me Guilty ที่กำกับโดย ซิดนีย์ ลูเม็ท ซึ่งย้อน ไปในยุค 80 ยุคของมาเฟีย ดีเซลแสดงเป็น แจ็คกี้ ไดนอร์ซิโอโดยมีข้อหาติดตัวแต่เขาก็จ้าง ทนายแก้ต่าง สุดท้ายดีเซลก็ ปลอมแปลงเป็นนักเลงชาวอิตาลีอายุ 47 ปีโดยการใช้เงินเพียง 20 ปอนด์
ดีเซลเล่นภาพยนตร์เรื่อง Hannibal the Conqueror เล่าเรื่องราวของนายพล ชาวคาร์เธจที่ขี่ช้างข้ามเทือกเขาแอลป์สเพื่อโจมตีโรมในศตวรรษที่สาม นอกจากนี้แล้ววันเรซฟิล์มยัง ผลิตการ์ตูนสำหรับเด็กให้กับ บริษัท เบ็ท เน็ตเวิร์คที่เล่าเรื่องราวของ Hannibal the Conqueror อีกด้วย
ผลงานในอนาคตของดีเซลยังรวมถึงภาพยนตร์ของทัชสโตน เรื่อง Player’s Rule ภาพยนตร์ เรื่องนี้ที่เขียนบทโดย รอน แบสส์ และเจน สโมลก้า ถือเป็นบทบาทแรกของดีเซลในภาพยนตร์ตลก โรแมนติค ดีเซลยังจะแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง The Wheelman (ผลงานการสร้างของเอ็มทีวี ฟิล์มส์/ พาราเม้าต์ พิคเจอร์ส/ วัน เรซ ฟิล์มส์ โปรดักชั่นส์) บริษัทไทก้อน สตูดิโอส์ และมิดเวย์ เกมส์จะร่วมกัน เปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ พร้อมกับวิดีโอเกมส์ในเวลาเดียวกัน
ดีเซลมีผลงานการแสดงนำในภาพยนตร์ตลกเป็นครั้งแรก โดยเป็นภาพยนตร์ของค่ายดิสนีย์ อย่างเรื่อง The Pacifier ซึ่งเขาประกบบทกับ เฟธ ฟอร์ด, แบร็ด แกร์เร็ทท์, ลอร่า แกรห์ม และ บริทตานี่ย์ สโนว์ ในปี 2005 กำกับโดย อดัม ชังก์แมน เรื่องราวของเจ้าหน้าที่หน่วยปฎิบัติการพิเศษ หลังจากล้มเหลวในการคุ้มครองนักวิทยาศาสตร์เขาทำให้ครอบครัวของนักวิทยาศาสตร์ท่านั้นตกอยู่ ในอันตราย เขาจึงต้องอุทิศตัวเองเพื่อปกป้องครอบครัว ซึ่งมีแต่เด็กๆ ซึ่งเขาก็ตระหนักได้ว่าการดูแล เด็กเป็นภาระกิจที่หินสุดๆ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำรายได้ถล่มทลายเช่นกัน
ในภาพยนตร์ไซไฟที่ทุกคนตั้งตารออย่าง The Chronicles of Riddick ดีเซลกลับมารับบท ริชาร์ด บี ริดดิค ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่อำนวยการสร้างโดย วัน เรซ ฟิล์มส์ โปรดักชั่นส์ เป็นภาคต่อของ ภาพยนตร์คัลท์ขวัญใจแฟนๆ อย่างเรื่อง Pitch Black ก่อนหน้านี้ ดีเซลแสดงนำในภาพยนตร์แอ็กชั่น ทริลเลอร์ เรื่อง A Man Apart ซึ่งเขาทำหน้าที่อำนวยการสร้างด้วย
ภาพยนตร์อันโดดเด่นในบรรดาผลงานที่ผ่านมาของเขา ได้แก่ The Fast and the Furious
ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลเอ็มทีวี อวอร์ด สาขา Best On-Screen Team ซึ่งเขาได้รับรางวัลนี้ร่วมกับ พอล วอล์กเกอร์ เขายังแสดงนำในภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เรื่อง xXx ซึ่งเขาทำหน้าที่ผู้อำนวยการ สร้างบริหารด้วย นอกจากนี้ เขายังร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Saving Private Ryan ซึ่งทำให้เขา ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจากสมาคมนักแสดง ในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในทีมนักแสดงของ ภาพยนตร์เรื่องนั้น ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขา ได้แก่ Boiler Room, Knockaround Guys และการให้เสียงพากย์กับตัวการ์ตูนใน The Iron Giant ซึ่งคว้ารางวัลแอนนี่ สาขาภาพยนตร์ การ์ตูนยอดเยี่ยม
และเร็วๆนี้ ดีเซลมีแผนที่จะอำนวยการสร้างและแสดงภาพยนตร์ให้กับ ยูนิเวอร์แซล พิจเจอร์ กับภาคใหม่ของ Fast &Furious อีก เขาจะกลับมาร่วมทีมกับแชงก์แมน
ดีเซลเขียนบท อำนวยการสร้างกำกับและแสดงภาพยนตร์อิสระเรื่อง Multi Facial ในภาพยนตร์เล่าเรื่องราว ของดีเซลที่มีแม่เป็นชาวผิวขาวและพ่อเป็นชาวแอฟริกัน เขาพูดถึงเรื่องของ คนที่ขาวเกินไป หรือ ดำเกินไป หลังจากภาพยนตร์นี้เปิดตัวในเทศกาลหนังสั้นในเมืองคานส์ ผู้กำกับ สตีเว่น สปีลเบิร์ก ก็ได้ออกแบบตัวแสดงในบท กัปตัน แอนเดรียน คาร์ปาโซ ในภาพยนตร์เรื่อง Saving Private Ryan ให้กับดีเซลโดยเฉพาะ ดีเซล เขียน ผลิต กำกับในสารคดีเรื่องยาว เรื่อง multicultural Saturday Night Fever ซึ่งก็ได้รับเลือกให้สามารถแข่งขันได้ในปี 1997 ในซันแดนซ์ฟิล์มเฟสติวัล
ความพยายามในการเป็นผู้ประกอบการของดีเซลอีกประการหนึ่งคือการสร้างวิดีโอเกมของ บริษัท ในนาม ไทกอน สตูดิโอซึ่งสร้างและผลิต 2004 ครองอันดับต้นๆ ของยอดขายเกม Xbox The Chronicles of Riddick: Escape From Butcher Bay
การเป็นนักแสดง, ผู้กำกับ, จิตกร และนักเขียน จอร์ดี้ โมลล่า (ซานตานา) ศิลปินชาวเสปนที่ได้รับการยอมรับ เขาเข่าเรียนการแสดงที่สถาบัน Barcelona’s Institut del Teatre, ซึ่งเรียนการแสดงจากทั้งอิตาลี่ ฮังการี และ อังกฤษ ผลงานของเขามีมากมายอาทิ Bigas Luna, Pedro Almodóvar, Peter Greenaway, Montxo Armendáriz, Ricardo Franco and Fernando Colomo.
โมลล่าเปิดตัวในฮอลีวู้ดด้วยบทนักลักลอบขนยาเสพติดชาวโคลัมเบีย เดโก้ เดลกาโด้ จากภาพยนตร์ Blow อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับ จอห์นนี่เดปป์ และ เพเนโลเป้ ครูซ และ Bad Boy II เอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับมาร์ติน ลอว์เรนซ์ และ วิล สมิธ ภาพยนตร์เรื่อง The Alamo ฝ่ายตรงข้ามกับ เดนนิส เควส บิลลี่ บ๊อบ ทรอนตัน และ เจสัน แพ็ททริค นอกจากนั้นยังมี Colombiana, Elizabeth: The Golden Age,
โมลล่า รับบท เดเยี่ยล ใน La Buena estrella กับนักแสดงร่วม มาริเบล เวอร์ดู เขาได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก โกย่า อวอร์ด และ บัสตาคา อวอร์ด
โมลล่าแสดงในภาพยนตร์ซีรีย์ทั้งสามภาคเรื่อง The Tulse Luper Suitcases series; Colomo’s Los Años Bárbaros; Daniel Calparsoro’s Ausentes; Antonello Belluco’s Anthony, Warrior of God and Mateo Gil’s Nobody Knows Anybody
และล่าสุดเขาได้รับรางวัล in Cesc Gay จาก Gun in Each Hand และเราจะเห็นเขา ในหนังอิสระ เรื่อง I Brake for Gringos และ Geography of the Heart เร็วๆ นี้
แมตต์ เนเลิล (บอส จอห์นส์) เป็นนักแสดงและนักเขียนชาวออสเตรเลีย ในปี 2007 เนเบิลเขียนบทและแสดงนำในพาราเมาส์พิคเจอร์ ที่ถือเป็นนักแสดงชาวออสเตรเลียคนแรกในภาพ ยนตร์ เรื่อง The Final Winter. หลังจากนั้นเขาก็มาทำงานในสหรัฐ โดยการแสดงนำในบทของนักบิน SIS ทางโทรทัศน์ เนเบิลแสดงภาพยนตร์เรื่อง Killer Elite กับ เจสัน สเตธแฮม ไคล์ฟ โอเว่น และ โรเบิร์ต เดอนิโร ในภาพยนตร์ เรื่อง Postcards และ K-11.
ในภาพยนตร์เล็กๆ เนเบิลแสดงบท ทราวิส ในซีซั่นที่สามของภาพยนตร์ East West 101 ที่ชนะรางวัล อินเตอร์เนชั่นแนล ออสเตรเลีย ดราม่า เขาเล่นเป็นจ่าแกรี่ จูบีลิน ในซีรีย์อาชญากรรมของออสเตรเลียเรื่อง Underbelly. และ ไม่นานนี้เขาเพิ่งรับบท จ็อค รอส ในภาพยนตร์เรื่อง in Bikie Wars: Brothers in Arms เรื่องฉาวๆ ของแก๊งนักขี่จักรยาน
ผลงานอื่นๆ ของเขา อาทิ Around the Block แสดงร่วมกับ คริสติน่า ริชชี่ ภาพยนตร์ สยองขวัญสั่นประสาทเรื่อง In Cold Light; Son of a Gun แสดงร่วมกับ ยวน แม็คเกรเกอร์ และ ภาพยนตร์อิสระเกี่ยวกับนักเขียนชาวออสเตรเลีย ทิม วินตัน ใน The Turning แสดงร่วมกับ ฮูโก้ เวฟวิ่ง เคธ เบลนเชต และ โรส เบิร์น
ในฐานะนักเขียน เนเบิล มีการตีพิมพ์หนังสือสองเล่ม We Don’t Live Here Anymore และ Faces in the Clouds และเขากำลังจะปล่อยนวนิยายเรื่องที่สามของเขา It Happened to Us ในช่วงปลายปีนี้
เคธี แซคฮอฟฟ์ (ดาห์ล) เป็นที่รู้จักกันดีในบทบาทนักบิน Starbuck จากซีรี่ย์ Battlestar Galactica ซึ่งเธอได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมทางโทรทัศน์ ในปี 2006 นอกจากจะชนะรางวัลแล้วภาพยนตร์ที่เธอแสดง Battlestar Galactica ยังได้รับการยอมรับว่าเป็น ภาพยนตร์ดีเด่นหนึ่งในสิบจากสถาบันภาพยนตร์อเมริกัน (AFI) ถึงสองปีซ้อน ตอนนี้เคธียังแสดง ในภาพยนตร์ซีรีย์เรื่อง Longmire ในบทเจ้าหน้าที่ วิค มอเรตตี้
ในปีนี้แซคฮอฟฟ์ มีภาพยนตร์กับทาง สตูดิโอ Lionsgate เรื่อง The Haunting in Connecticut 2: Ghosts of Georgia ภาพยนตร์สยองขวัญของครอบครัวที่ถูกคุกคามด้วยสิ่งเหนือ ธรรมชาติ ในบ้าน ของพวกเขาเอง เรื่อง Sexy Evil Genius ภาพยนตร์ตลกร้าย เป็นการผสมผสานกัน ของคนแปลกหน้า ได้รับเชิญไปที่บาร์ในเมืองโดยอดีตคนรักไม่นานนี้แซคฮอฟฟ์เพิ่งเสร็จจากการถ่าย ทำ Oculus เรื่องเหนือธรรมชาติที่บอกเล่าเรื่องราวของสองพี่น้องที่ได้รับความเสียหายรวมตัว เป็นผู้ใหญ่ ที่จะทำลายผู้กระทำผิดจากการตายของพ่อแม่ซึ่งพวกเขาเห็นตอนเป็นเด็ก
หลังจากจบการศึกษา แซคฮอฟฟ์ก็เข้ามาอยู่ที่ ลอส แองเจอลิส เธอมีบททางซีรี่ย์โทรทัศน์ หลายเรื่อง เธอแสดงในช่อง MTV อาทิเรื่อง Locust Valley, The Fearing Mind ,The Education of Max Bickford Halloween: Resurrection, White Noise 2: The Light และ The Last Sentinel.
เดฟ บาติสต้า (ดิแอซ) นักแสดงและอดีตนักมวยปล้ำ WWE เขาเริ่มต้นอาชีพนักแสดง ตั้งแต่ปี 2010 บาติสต้า มีผลงาน อาทิ The Man With the Iron Fists, The Scorpion King 3: Battle for Redemption, House of the Rising Sun, Wrong Side of ผลงานทางโทรทัศน์ อาทิChuck , Head Case , Smallville ,Iron Chef America (เป็นผู้ตัดสิน), Extreme Makeover: Home Edition, MTV Cribs และอีกไม่นานเราจะเห็นเขาในภาพยนตร์เรื่อง Guardians of the Galaxy จาก มาเวลสตูดิโอ รับบท เดร็ก นักทำลายล้าง
ราอูล ทรูฮลโล (ล็อคสเปอร์) นักแสดง ผู้กำกับ ผู้ฝึกสอน นักเต้นเขาทำงาน ในวงการมากว่า 30 ปี มีภาพยนตร์หลายเรื่อง อาทิ Cowboys & Aliens, Love Ranch, Apocalypto, The New World นอกจากนั้นเขายังแสดงมินิซีรี่ย์และภาพยนตร์ อาทิ Neverland, Moby Dick, Into the West, Tin Man, Lost Girl, CSI: NY, True Blood. ถ้าไม่มีการถ่ายทำ เขาจะใช้เวลาท่องไปตามตอเรนโต้ ลอสแองเจอลิส และทะเลทราย แม็กซิโก
ตอนอายุ 19 โบคีม วู้ดไบน์ (มอสส์) เขารับบทนำในช่อง HBO เรื่อง Strapped เขาเข้ามา อยู่ในลอสแองเจอลิส หลังจากจบการถ่ายทำ Jason’s Lyric ทุกวันนี้เขาเป็นนักแสดงและผู้กำกับ แถวหน้า ผลงานที่ผ่านมาของเขา อาทิ Ray, Life, Devil, The Host ,Total Recall, Black Dynamite, Dead Presidents, Saving Grace
คาร์ล เออร์บัน (วาโก้) เขาเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทที่นำแสดงในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ หลายเรื่อง อาทิ The Lord of the Rings ทั้งสามภาค ภาพยนตร์เรื่อง Star Trek และ 2013’s Star Trek Into Darkness และ The Bourne Supremacy เขาเกิดที่เวลลิงตัน นิวซีแลนด์ เขาผลิตสารคดีที่มีชื่อว่า Heaven เขาเคยแสดงในภาคที่สองของริดดิก The Chronicles of Riddick and Priest 3D โดยรับบทวาโก้ ผลงานอื่นอาทิ Out of the Blue ที่กวาดรางวัลมามากมาย Red, Dredd.
เกี่ยวกับผู้สร้าง
ทั้งเขียนบทและกำกับ เดวิด ทูอี้ (เขียนบทและกำกับ)เขามีความถนัดในเรื่องของ การผจญภัย วิทยาศาสตร์ แฟนตาซี ซึ่งนันมีส่วนช่วยในการผลิตภาพยนตร์ เขาได้รับการจัดอันดับจาก Entertainment Weekly ให้เป็นหนึ่งในร้อยนักคิดของฮอลลีวู้ด
ทูอี้เริ่มงานแรกด้วยภาพยนตร์เรื่อง The Fugitive (เรื่อง และภาพ) นำแสดงโดย แฮริสัน ฟอร์ด และ ทอมมี ลี โจนส์ เขาได้รางวัล ในปี 1993 ในสาขาภาพยอดเยี่ยม จาก WGA
เขาเขียนบทภาพยนตร์คลาสสิคอย่าง Warlock; Terminal Velocit ที่รับบทโดย ชาร์ลี ชีน ภาพยนตร์เรื่อง Waterworld (เขียนบท) G.I. Jane (ดูแลการผลิตภาพ) Impostor (ดูแลการผลิตภาพ)
ทูอี้เริ่มงานกำกับภาพยนตร์ในปี 1992 Timescape ซึ่งได้รับรางวัล Golden Raven จาก the Brussels International Fantastic Film Festival และ a Saturn Award nomination สำหรับ ภาพยนตร์แนววิทยาศาตร์ยอดเยี่ยม และภาพยนตร์เรื่อง The Arrival 1996 ที่เขากำกับและเขียนบท ก็ได้รับรางวัล Saturn Award.
ในปี 2000เขาเขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่อง Pitch Black สตูดิโอ ยูนิเวอร์แซล ภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้ดารานำอย่าง วิน ดีเซล มาร่วมงานด้วย
ในปี 2003 เขามีผลงาน Below ในฐานะคนเขียนบทร่วม กับ ดาเรน อาโรนอฟสกี้
ในปี 2004 เขาเขียนบทและกำกับภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง Pitch Black เรื่อง The Chronicles of Riddick ร่วมกับวิน ดีเซล
เดือนสิงหาคมปี 2009 ทูอี้มีผลงาน เรื่อง A Perfect Getaway โดยยูนิเวอร์แซล พิจเจอร์ เป็นผู้ทำตลาดให้
ทูอี้ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย แคลิฟอเนีย ลอง บีช ได้รับปริญญาทางด้าน ภาพยนตร์และ อิเล็คทรอนิกส์ อาร์ท สาขาทางภาพยนตร์
จิมและเคน วีช เกิดและโตในแคลิฟอเนียเหนือ (ออกแบบตัวละคร) เริ่มจากการถ่ายหนัง ด้วยกันในวัยรุ่น หลังจากจบการศึกษาจากอ็อกซิเดนทัล ลอส แองเจอลิส
พี่น้องวีชก็หันมาศึกษาทางด้านภาพยนตร์ ผลิตภาพยนตร์สารคดี ในปี 1978 เรื่อง American Boy: A Profile of Steven Prince ต่อจากนั้นพวกเขาก็ผลิตและเขียนสคริปต์ภาพยนตร์ทุนต่ำ เรื่อง Silent Scream ซึ่งได้อันดับ 1 ติดบ็อกซ์ออฟฟิศตอนนั้น
พี่น้องตระกูลวีช กำกับภาพยนตร์เรื่องแรก ในปี 1985 เรื่อง Lies หลังจากนั้นผลงานเข้าตา จอร์จ ลูคัส เขาจึงดึงพี่น้องคู่นี้มาเขียนและกำกับภาพยนตร์เรื่อง Ewoks: The Battle for Endor
ในยุค 80 และ 90 สองพี่น้องหันไปทำภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ อาทิ The Fly II , A Nightmare on Elm Street 4: The Dream Master ติดอันดับบอกซ์ ออฟฟิศ ตั้งแต่อาทิตย์แรกที่ออกอากาศ พวกเขากำกับและดูแลภาพให้กับ MGM เรื่อง After Midnight ในปี 1989.
เท็ด ฟิล์ด (Producer) เขาอยู่ในธุรกิจบันเทิงมากว่า 30 ปี เขาอำนวยการสร้างภาพยนตร์กว่า 60 เรื่อง ทำรายได้รวมกว่า 7 พันล้านสหรัฐ ผลงานของเขา อาทิ The Last Samurai, Runaway Bride, Jumanji, Three Men and a Baby, Mr. Holland’s Opus, The Hand That Rocks the Cradle, Bill & Ted’s Excellent Adventure, Cocktail และ The Texas Chainsaw Massacre
ในด้านเพลง เขาเปิดห้องอัด และอยู่เบื้องหลังนักร้องดังหลายคน แผ่นเสียงที่เขาผลิตขายได้ กว่า 300ล้านก็อปปี้ นักร้องดังที่เขาปั้น อาทิ Dr. Dre, Eminem, Tupac Shakur, Snoop Dogg, Nine Inch Nails, The Wallflowers, No Doubt, Limp Bizkit และ Marilyn Manson
ฟิล์ด เป็นนักธุรกิจ นักลงทุน เขาประสบความสำเร็จมากในธุรกิจภาพยนตร์และเพลง เขาเป็นเจ้าของ ฟิล์ด เอ็นเตอร์ไพร์ส เจ้าของห้างมาร์แชล ฟิล์ด ในชิคาโก้ รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรพัย์ และ สถานีโทรทัศน์บางช่องด้วย
ซานแมนธา วินเซนต์(Executive Producer) เขาเป็นประธานบริษัท วันเรซ ฟิล์ม และ ไทกอนสตูดิโอ วิน ดีเซล ฟิล์ม และบริษัทผลิตวีดีโอเกมส์ เขาก่อตั้งบริษัทวันเรซฟิล์มในปี 1995 ผลิตภาพยนตร์อาทิ Strays, xXx , The Pacifier ส่วนไทกอนสตูดิโอ ก่อตั้งปี 2002 ผลิตวีดีโอเกมออกสู่ตลาด สินค้าของบริษัทคือเกมส์ The Chronicles of Riddick: Escape From Butcher Bay และ Wheelman
วินเซนต์มีประสบการณ์ทางด้านการค้าหนังอิสระ เขาดูแลการผลิต ภาพยนตร์สุดฮิตอย่าง
Fast & Furious, Fast Five and Fast & Furious 6.
ไมค์ เดร็ก (Executive Producer) เริ่มอาชีพที่โรงเรียนสอนทำภาพยนตร์ ที่ Cal State Northridge. หลังจากจบการศึกษาเขาเริ่มทำหนังอินสระด้วยทุนที่สูงบ้างต่ำบ้าง
เขาอำนวยการสร้างภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง ทั้งนี้รวมภาพยนตร์ของค่าย Warner Bros. วอร์เนอร์ อาทิ The Whole Nine Yards ค่าย Paramount Pictures เรื่อง Against the Ropes, Driven
ในปี 2004 เขาเข้าไปผลิตให้กับช่อง HBO เรื่อง Something the Lord Made ซึ่งได้รับรางวัล Emmy Award, Golden Globe Award , Peabody Award , NAACP Image Award และ an American Film Institute Award
เขามีภาพยนตร์ออกมาในปี 2007 ของนิวไลน์ ซีนีมา เรื่อง Martian Child , The Number 23 และในปี 2009 เขามีผลงาน อาทิ A Nightmare on Elm Street และ Repo Men ปี 2011 Dream House จากค่ายยูนิเวอร์แซลพิจเจอร์
จอร์จ ซากก์ (Executive Producer)เขาอำนวยการผลิตภาพยนตร์ที่ทำรายได้มหาศาลหลาย เรื่องอาทิ XXX, The Pacifier , The Chronicles of Riddick ที่ทำรายได้รวมถึง 550 ล้านดอลลาห์ และ 910 ล้านทั่วโลก
เขาเป็นประธานบริษัท วันเรซ ฟิล์ม กว่า สิบปี ทำทำงานในส่วนการสร้างแบรนด์ของวิน ดีเซล เขาอำนวยการสร้าง Pitch Black, The Fast & the Furious และซ๊รี่ย์ The Iron Giant. หนังเรื่องแรกที่เขาอำนวยการสร้างคือ Strays มี ดีเซล กำกับ เขาอำนวยการสร้าง Find Me Guilty ในปี 2006 และ A Man Apart ให้กับNew Line Cinema และอีกหลายเรื่อง อาทิ Casino Jack, The Philosophers, The Girl Who Invented Kissing
เทรซี่ อดัมส์ (Edited by) เริ่มทำงานกับ เดวิด ทูอี้ เมื่อปี 2004 ในภาพยนตร์เรื่อง The Chronicles of Riddick. และ เรื่อง A Perfect Getaway ล่าสุด อดัมส์ทำงานให้กับ โรเบิร์ต ลุคเคติก ในภาพยนตร์เรื่อง Paranoia ผลงานอื่นๆ ของอดัมส์ อาทิ Limitless, The Flock, An Empress and the Warriors
เดวิด เอ็กบี้ , เอซีเอส (Director of Photography) เริ่มทำงานกับ เดิวิด ทูอี้มาตั้งแต่ต้น กับภาพยนตร์ไตรภาคเรื่องริดคิด ตั้งแต่ Pitch Black เขาได้ชื่อว่าเป็น ช่างภาพทางภาพยนตร์ เขาชนะ รางวัล เอซีเอส ACS Golden Tripod ในสาขาการผลิตภาพยนตร์
กว่า 30 ปีที่เขาทำงานกับ จอร์จ มิลเลอร์ เขามีผลงานการันตีฝีมือหลายเรื่องอาทิ เรื่อง Mad Max , Quigley Down Under, Lighting Jack , Dragon: The Bruce Lee Story, DragonHeart, Daylight, Predator, The Secret of Moonacre, Underdog, Racing Stripes and Scooby-Doo, Harley Davidson and the Marlboro Man, Blue Streak, Virus, Ironclad and the popular comedy EuroTrip.
โจเซฟ นาเม็ก ทรี (Production Designer) เขาร่วมงานกับทูอี้ ในภาพยนตร์เรื่อง Riddick ก่อนหน้านี้เขาเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ทริลเลอร์ เรื่อง A Perfect Getaway
กว่า ยี่สิบปีเขาดูแลการผลิตให้กับภาพยนตร์และผู้กำกับหลายต่อหลายคน ตัวอย่างภาพยนตร์ที่เขา ดูแล อาทิ The Saint ให้ผู้กำกับ ฟิลลิป นอยส์ เรื่อง Patriot Games, Twister และ Speed 2: Cruise Control ให้เจมส์ คาเมรอน เรื่อง James Cameron’s Terminator 2: Judgment Day, Alexandre Aja’s Mirrors and The Hills Have Eyes, The Medallion, Wild Bill, Another 48 Hrs., Safe; Ironclad; The Little Vampire; Mad Cows; The Shadow; The Getaway; และ Judgment Night.
ไซมอนเน็ตต้า มาเรียโน (Costume Designer) ก่อนที่เธอจะมาเป็นดีไซน์เนอร์ ออกแบบเครื่องแต่งกายนั้นเธอมีประสบการณ์ทางด้านการตัดเย็บ ออกแบบเสื้อผ้า ผลงานที่ผ่านมา ของเธอ คือเครื่องแต่งกายในภาพยนตร์เรื่อง The Words Immortals, Tous les autres, sauf moi, Mack Sennett, roi du comique และ The Best Bad Thing ซีรี่ย์ series Defiance และมินิซีรี่ย์ Ben Hur.
แเกร์แฮม รีเวล (Music by) เขาทำเพลงให้กับภาพยนตร์เรื่องแรกคือ เรื่อง Dead Calm เขาทำงานร่วมกับผู้กำกับดังหลายท่าน อาทิ จอห์น วูห์ , วิม เวนเดอร์ส, โรเบิร์ต รอดิแกรซ เท็ด ดีมม์ และ ไมเคิล มานน์ ผลงานของเขาอาทิ The Experiment, Unthinkable, Days of Wrath and Pineapple Express, Blow, Grindhouse, The Chronicles of Riddick, Daredevil, Lara Croft: Tomb Raider, The Insider, The Siege, The Negotiator, From Dusk Till Dawn, The Crow and The Hand That Rocks the Cradle. ภาพยนตร์ซ๊รี่ย์ทางโทรทัศน์ CSI: Miami.