ปิดฉากไปอย่างยิ่งใหญ่กับเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในประเทศไทยของ “JAY B” ศิลปินชาวเกาหลีใต้ชื่อดัง ลีดเดอร์คนชิคของ GOT7 ที่เพิ่งก้าวข้ามความสามารถของตัวเองไปอีกขั้น สู่การเป็นศิลปินเดี่ยวเต็มตัวกับงาน “2022 WORLD TOUR JAY B “TAPE: PRESS PAUSE” in Bangkok” ซึ่งถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 14-16 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5-6 เมืองทองธานี ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากเหล่าแฟนคลับทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เพราะบัตรทั้ง 3 รอบการแสดงถูกจับจองเต็มทุกที่นั่งหลังจากที่เปิดขาย ซึ่งงานนี้ก็เหมือนเป็นการตอกย้ำความคิดถึงของแฟนชาวไทยที่มีต่อ “JAY B” เพราะห่างหายจากการมีเพื่อนรักบนแผ่นดินไทยมานานเกือบ 3 ปี!
ซึ่งงานนี้บริษัทออแกไนซ์ชื่อดังอย่าง BEX (กรุงเทพ เอ็กซิบิชั่น) บริษัทในเครือเวิร์คพอยท์กรุ๊ป ร่วมกับ YJ PARTNERS (วายเจ พาร์ทเนอร์ส) และ PROUD2 (พราวด์ทู) ได้จัดงานภายใต้คอนเซ็ปต์อย่าง “TAPE: PRESS PAUSE” ที่หนุ่มเจบีได้ไอเดียมาจากการคิดถึงการย้อนกลับไปฟังคลาสสิก ‘TAPE’ ซึ่งการ ‘PRESS PAUSE’ ก็เป็นเหมือนการกดปุ่มพอสเพื่อให้หนุ่มเจบีได้มีเวลาพักกลับไปสร้างสรรค์งานดี ๆ กลับมาฝากแฟนคลับ ซึ่งที่เลือกใช้คำนี้เพราะมันจะไม่ใช่การสต็อป ‘STOP’ หรือการหยุดพัฒนาอย่างแน่นอน งานนี้ทีมงานจัดหนักจัดเต็มทั้ง แสง สี เสียง แน่นทั้งเพลงเพราะ ๆ ที่ “JAY B” ตั้งใจฝึกซ้อมเตรียม Performance เด็ด ๆ พร้อมภาพลักษณ์ใหม่ ๆ มาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
การแสดงสดทั้ง 3 รอบการแสดง ได้แก่ วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2565 รอบเวลา 19:00 น. , วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม 2565 รอบเวลา 18:00 น. และ วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม 2565 รอบเวลา 17:00 น. ก็ได้เปิดเวทีด้วยโชว์จากศิลปินน้องใหม่ “JONGHAN” (คิม จงฮัน) ศิลปินแนว R&B ที่มีเสียงร้องคุณภาพ เปิดเวทีด้วยเพลง “Sandbag” ซึ่งแฟน ๆ ก็ให้การต้อนรับจงฮันอย่างอบอุ่น ส่งเสียงกรี๊ดให้น้องอย่างท่วมท้น พร้อมทักทายว่า “สวัสดีครับ ผมจงฮันครับ ดีใจที่ได้เจอทุกคน ขอบคุณโอกาสที่ได้มาโชว์เปิดให้กับพี่ JAY B ในวันนี้” ก่อนจัดเต็มมอบเสียงเพลงเพราะ ๆ สุดโรแมนติกอีก 4 เพลง ทั้ง “Rainy Day” , “그대 내 품에” เวทีพิเศษเพลงภาษาไทยอย่างเพลงฮิต “Please” ของอะตอม ชนกันต์ และปิดท้ายโชว์ด้วย “Don’t”
ก่อนจะส่งต่อเวทีให้กับ “JAY B” เจ้าภาพของงาน โดยไม่ให้แฟน ๆ ได้พักกันเลย หนุ่มสุดชิคเลือกเปิดเวทีด้วยความเซ็กซี่และแข็งแรงกับ 3 บทเพลงจังหวะดี ๆ ที่ทรงพลังกับเพลง “Switch it Up” , “Ride” และ “AM PM” เป็นการอุ่นเครื่องให้แฟนคลับได้กรี๊ดกันตั้งแต่เริ่มต้น ก่อนจะแวะทักทายแฟน ๆ “สวัสดีครับ ผมอิมแจบอม” เป็นภาษาไทย ด้วยลุคสูทสีเทาสุดกระแทกใจ โดยหนุ่ม JAY B ได้กล่าวต้อนรับทุกคนว่า “วันแรกที่ถึงประเทศไทย เห็นแฟนไทยมารอรับที่สนามบินกันเยอะมาก ๆ รู้สึกตกใจมากที่มีคนรักและรอคอยเยอะขนาดนี้ ขอบคุณและขอโทษที่อาจจะไม่ได้ไปทักทายทุกคนที่สนามบินอย่างทั้งถึง และถึงแม้รอบนี้ผมจะมาคนเดียว ไม่ค่อยชินเท่าไหร่ แต่ไม่ต้องห่วง ผมจะตั้งใจทำโชว์วันนี้ออกมาให้ดีที่สุดเลยนะครับ” โดยได้เกริ่นบอกแฟน ๆ ที่อยู่ข้างหลังทุกที่นั่งว่า “ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไปหาทุกคนแน่นอน!” ก่อนส่งเข้าเพลงต่อไปอย่าง “In To You” เพลงช้า ๆ ที่โชว์ความแพรวพราวและความเซ็กซี่ของหนุ่มเจบีกันอย่างต่อเนื่อง และเบรกด้วยเพลงช้าสุดหวาน “Dive into you” เพลงประกอบซีรีส์ Crazy love สุดไพเราะ ต่อด้วยเพลงจังหวะโยก ๆ อย่าง “Count On Me” และ “Sunrise” ก่อนจะเบรกความฮอตด้วย VTR เบื้องหลังการถ่ายทำมิวสิควิดีโอเพลง “go UP” ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนให้แฟน ๆ ได้ดูเป็นที่แรกกลางคอนเสิร์ต
ก่อนที่ “JAY B” จะไปเปลี่ยนเป็นลุคเสื้อยืดขาวคลุมด้วยเสื้อยีนส์สบาย ๆ เริ่มด้วยเพลง “B.T.W.” และ “FAME” ที่โชว์เสน่ห์เล่นหูเล่นตาเรียกเสียงกรี๊ดได้แบบถล่มทลาย ก่อนส่งต่อให้กับ Special Stage ที่ตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อเป็นเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนชาวไทยโดยเฉพาะ ซึ่งได้เลือกบทเพลงฮิตอย่าง “ซูลูปาก้า ตาปาเฮ้” ของ THEMOONWILLALWAYSBEWITHME กับความหมายสุดโรแมนติกที่ตั้งใจเลือกมาบอกทุกคนว่า “ฉันขอแค่เธอได้โปรดฟังไว้ ว่าฉันไม่เคยที่จะหายไปหายไป คิดถึงเพียงแต่เธอรู้ไหม ขอให้เธอรับรู้เอาไว้ ว่าฉันไม่เคยที่จะสนใจผู้ใด หมดทั้งใจแค่เธอไม่เคยเปลี่ยน” เรียกเสียงกรี๊ดฮอลล์แทบแตก! ตามด้วยอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์แบบไม่ให้แฟนคลับได้พัก เพราะ “JAY B” ได้ขึ้นรถเลื่อนไปทักทายแฟน ๆ ทั่วทั้งฮอลล์อย่างใกล้ชิด พร้อมร้องเพลง “Hush” และ “Fade Away” ซีนนี้ชนะใจแฟนคลับไปเต็ม ๆ เพราะแม้จะอยู่ไกลแค่ไหนก็คุ้มค่าทุกที่นั่งแน่นอน! ก่อนกลับขึ้นเวทีด้วยเสตจ เพลง “Rainy” โดยมาพร้อมขาตั้งไมค์ ยืนร้องนิ่ง ๆ แต่เอาใจแฟนคลับแบบอยู่หมัด เพราะไม่ว่าเพื่อนรักจะเคลื่อนไหวร่างกายในท่อนไหน แฟนไทยตายเรียบ!
ก่อนเข้าสู่ช่วงที่ 2 ของคอนเสิร์ตด้วย VTR คอนเซ็ปต์ของเวิลด์ทัวร์ในครั้งนี้ซึ่งยังไม่เคยได้อัพโหลดลงสื่อที่ไหนมาก่อน พร้อมกลับมาด้วยลุคใหม่ในแบบสปอร์ตแมนคนชิคสุดคูล! เปิดเวทีด้วยเพลงใหม่ล่าสุดอย่าง “go UP” เพลงจังหวะสนุกสนานที่ครองใจแฟน ๆ ให้ลุกขึ้นเต้นตามทั้งฮอลล์ ต่อด้วย “The way we are” , “Livin’” , “Fountain of youth” วิ่งทักทายแฟน ๆ ด้วยเอเนอจี้ที่ไม่มีดรอปลงเลยแม้แต่น้อย โดย “JAY B” ได้อธิบายว่าโชว์ครึ่งแรกอยากเน้นเพลงที่ทุกคนร้องตามได้ ส่วนครึ่งหลังอยากเล่นเพลงใหม่ ๆ ที่อยากให้ทุกคนรู้จักมากขึ้น ก่อนส่งต่อเข้าเพลงจังหวะสนุกสนานอย่าง “Break it Down” และ “Holyday” เพลงกรู๊ฟเท่ ๆ โชว์เสียงและไลน์เต้นสุดแข็งแรง ซึ่งในรอบวันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม 2565 รอบการแสดง 18:00 น. ได้มี แขกรับเชิญสุดพิเศษคุณแม่ของ “JAY B” และคุณแม่ของ “แบมแบม” ศิลปินไทยในวง GOT7 เข้าร่วมชมการแสดงด้วย โดยหนุ่มเจบีได้กล่าวทักทายและขอบคุณว่า “ผมและเมมเบอร์ทุกคนรู้สึกเหมือนกันเสมอว่า เพราะแบมแบมถึงทำให้พวกเรามีโอกาสได้มาเล่นคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยแบบนี้ ทุกครั้งที่ได้มาที่นี่ผมจะรู้สึกอบอุ่นอยู่เสมอ และสัญญาว่าครั้งหน้าจะกลับมาพร้อมกับแบมแบมนะครับ” ก่อนส่งเข้าโชว์สุดท้ายที่ไม่ท้ายสุดอย่าง “Rocking Chair” เพลงช้าความหมายดี ๆ ที่ JAY B อยากส่งต่อกำลังใจให้แฟนคลับทุกคน
ซึ่งแฟน ๆ ก็ตะโกนอังกอร์เรียก “อิมแจบอม” กันทั้งฮอลล์ ซึ่งเพื่อนบีก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังกลับขึ้นเวทีด้วยลุค ALL BLACK สุดกระแทกใจ! กับเสื้อยืดสีดำซึ่งเป็นลายสกรีนของงานเวิลด์ทัวร์ในครั้งนี้ ก่อนกลับขึ้นรถเลื่อนไปทักทายแฟนคลับทั่วทั้งฮอลล์อีกครั้ง โดยครั้งนี้มาพร้อมกับ GOT7 MEDLEY (“Page” , “Teenager” , “Breath” , “Thursday” และ “NaNaNa”) พร้อมโยนลูกบอลที่มีลายเซ็นต์ให้แฟนคลับได้เก็บเป็นที่ระลึกอีกด้วย โดยหลังจากกลับขึ้นเวที ก็ถึงเวลาที่แฟนคลับชาวไทยจะได้เซอร์ไพรส์ JAY B กลับบ้างด้วยการเตรียมโปรเจกต์มาให้เพื่อนรักแบบ 3 วันไม่ซ้ำกันเลย! โดยได้บอกความรู้สึกว่า “หลังจากคอนเสิร์ตครั้งนี้จบไป ผมก็ยังต้องให้ทุกคนรออีกพักนึงเลยรู้สึกขอโทษ แต่ก็รู้สึกมั่นใจว่าอากาเซ่ทุกคนจะต้องรอผมใช่มั้ยครับ ผมสัญญาว่าจะทำผลงานดี ๆ มาให้ทุกคนอย่างแน่นอน ขอบคุณสำหรับการรอคอยและการต้อนรับ ผมหวังว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้จะสมการรอคอย เพราะผมตั้งใจเตรียมและฝึกซ้อมมาอย่างดีมาก ๆ เพื่อแฟนไทยทุกคนจริง ๆ ครับ”
ก่อนจะส่งต่อเวทีให้กับ “Def.” (เดฟ) ซึ่งเป็นชื่อในวงการอีกชื่อหนึ่งที่ “JAY B” ใช้ในการทำเพลง โดยทั้ง 3 วันได้มี Special Stage ที่ไม่เหมือนกันเลย โดยรอบวันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2565 ได้โชว์เพลง “Ring” และ “Sunset With You” รอบวันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม 2565 เลือกเพลง “Don’t Touch Me” และ “Pray” ส่วนรอบวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม 2565 ได้เลือกอีก 2 บทเพลงส่งท้ายอย่าง “Bad Habit” และ เพลงใหม่ล่าสุดอย่าง “Right” ที่เปิดตัวให้ฟังครั้งแรกที่นี่! โดยทั้ง 3 รอบการแสดงได้ปิดท้ายคอนเสิร์ตด้วยเพลงจังหวะสนุก ๆ อย่าง “Go Higher” ที่ทำให้ผู้ชมทั้งฮอลล์ลุกขึ้นเต้นโดยพร้อมเพียงกัน เดือดจนถึงนาทีสุดท้ายจริง ๆ โดยสำหรับรอบวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม 2565 “JAY B” ได้แถมสเตจสุดพิเศษเพิ่มอีก 3 เพลงทั้ง “My Home” , “Before The Moon Rises” และ “Bounce” พร้อมลงจากเวทีไปทักทายแฟน ๆ แบบใกล้ชิดสุด ๆ ก่อนจะกลับขึ้นมาโชว์สเต็ป B-BOY ส่งท้ายบนเวทีอีกด้วย ก่อนจะจบประโยคสุดท้ายด้วยข้อความถึงแฟนคลับว่า “ผมจะกลับบ้านมานะ”
เรียกได้ว่างานทั้ง 3 รอบการแสดงประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาก เสียงกรี๊ดเกิดขึ้นตลอดระยะเวลาการแสดง ถือว่าเป็นการประเดิมงานคอนเสิร์ตเดี่ยวในประเทศไทยในฐานะศิลปินเดี่ยวของ “JAY B” ไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้ก็เหมือนเป็นการตอกย้ำว่าแม้ “JAY B” จะไม่ได้กลับไทยนานแค่ไหน หรือจะต้องห่างหายจากการสร้างสรรค์ผลงานไปซักระยะ แต่แฟนคลับชาวไทยจะยังอยู่ตรงนี้ รอสนับสนุนในทุกเส้นทาง และพร้อมจะเป็นเก้าอี้ให้เจบีได้หันกลับมาพักพิงได้เสมอ จนกว่าจะพบกันใหม่จะไม่ไปไหนอย่างแน่นอน
และหากไม่อยากพลาดทุกความเคลื่อนไหวของผู้จัดงาน สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทุกช่องทางออนไลน์ที่ Official Facebook : BEXConcert / Twitter: @BEX_Concert