และแล้ววันที่เหล่า เอ็นเฟีย (N.Fia: ชื่อเรียกกลุ่มแฟนคลับของ “เอ็น.ฟลายอิ้ง” (N.Flying) ชาวไทยรอคอยมานานกว่า 3 ปีก็มาถึงเมื่อคอนเสิร์ต “2022 เอ็นฟลายอิ้ง ไลฟ์ ‘อินทู เดอะ ไลท์’ อิน แบงคอก” (“2022 N.Flying Live ‘Into The Light’ in Bangkok”) ได้ระเบิดความมันส์ขึ้นเมื่อค่ำคืนวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ อัลตร้า อารีน่า ชั้น 6 ศูนย์การค้าโชว์ ดีซี โดยผู้จัดใจดีเจ้าเดิม “อะชิ แอคทิเวชั่น” (A CHI ACTIVATION) และ บริษัท “ชาณ แอคทิเวชั่น จำกัด” (CHAN ACTIVATION CO., LTD.) รู้ใจเหล่าเอ็นเฟีย พา“เอ็น.ฟลายอิ้ง” 5 สมาชิกหนุ่มมากฝีมือ อี ซึงฮยอบ (Lee Seung Hyub : หัวหน้าวง, ร้องนำ, แร็ปเปอร์, กีต้าร์, เปียโน), ชา ฮุน (Cha Hun : กีต้าร์ ), คิม แจฮยอน (Kim Jae Hyun : กลอง), ยู ฮเวซึง (Yoo Hwe Seung : นักร้องเสียงหลัก) และ ซอ ดงซอง (Seo Dong Sung : เบส) จากค่าย“เอฟเอ็นซี เอนเตอร์เทนเม้นต์” (FNC ENTERTAINMENT) กลับมาเจอกับแฟนๆ ชาวไทยอีกครั้งตามสัญญา
เพียงแค่หนุ่มๆ N.Flying ที่เดินขึ้นมาประจำตำแหน่งบนเวที เอ็นเฟีย ก็นั่งไม่ติดเก้าอี้ ลุกขึ้นกรีดร้องต้อนรับความสนุกที่แสนคิดถึงกันสุดเสียง ด้านหนุ่มๆ “เอ็น.ฟลายอิ้ง” หลังจากทักทายก็เข้าประจำที่แล้วเสิร์ฟความร้อนแรงกับเพลงแรก The World is Mine ฟาก เอ็นเฟีย ก็หยิบแท่งไฟสีทองขึ้นมาโบกตามจังหวะเพลงกันอย่างสนุกสนาน แล้วตามติดด้วยเพลง R U Ready? ที่ช่วยเร่งอุณหภูมิให้เลือดสูบฉีด งานนี้ทั้ง “เอ็น.ฟลายอิ้ง” และ เอ็นเฟีย พากันกระโดดและปรบมือไปด้วยกันตลอดทั้งเพลง ก่อนจะปิดเบรกแรกด้วยเพลง Endless Summer(Koren Ver.) ที่พาทุกคนในฮอลล์ไปพบกับความสดใสของท้องทะเลในช่วงฤดูร้อน
“โอ้โห จะเอาตั้งแต่เพิ่งเริ่มกันเลยเหรอ?” ซึงฮยอบ พูดขึ้นก่อนจะทักทายว่า “‘สวัสดีครับ “เอ็น.ฟลายอิ้ง” ครับ’ ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานานเลย มาไทยอีกครั้งในรอบ 3 ปี เรามาสวัสดีกันทีละคนดีมั้ยครับ” เริ่มจากลีดเดอร์สุดเท่ “สวัสดีครับ ผมชื่อ ซึงฮยอบ ครับ” ตามด้วยมือกีตาร์หน้าหวาน “สวัสดีครับ ผมชื่อ ชาฮุน ครับ” แล้วก็ถึงคิวมือกลองขี้เล่น “ผม แจฮยอน ตีกลองใน “เอ็น.ฟลายอิ้ง” สวัสดีค้าบ รักนะ จุ๊บจู๊บ”(แฟนๆ กรี๊ดกันสนั่น) ตามมาติดๆ กับนักร้องนำเสียงทรงพลัง “สวัสดีครับ ผมชื่อ ฮเวซึง ครับ” ก่อนปิดท้ายด้วยมือเบสน้องเล็ก “สวัสดีครับ ผมชื่อ ดงซอง ครับ” แล้ว ซึงฮยอบ ก็พูดต่อทันที “เอ็นเฟีย ของพวกเรา เรากลับมาในรอบ 3 ปี ไม่ลืมพวกเราใช่มั้ยครับ? เดี๋ยวจะโชว์ให้ดูว่า “เอ็น.ฟลายอิ้ง” คือใคร?”
แล้วเพลง Awesome ดังกระหึ่มพร้อมกับความร้อนแรงที่ไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถนั่งดูได้อีก เอ็นเฟียทุกคนพร้อมใจกันลุกขึ้นกระโดดตาม 5 หนุ่มกันทั้งฮอลล์ ก่อนเสิร์ฟความฮอตกับเพลง Monster ที่ทำเอาหนุ่ม ซึงฮยอบ ถึงกับต้องถอดเสื้อตัวนอกออก แล้วไปสนุกสุดเหวี่ยงกับเพลงใหม่อย่าง Video Therapy ที่ไม่ว่าใครก็ต้องโยกตาม จบเพลง ฮเวซึง ชวนคุยต่อ “เพลงที่ร้องไปเมื่อกี้เป็นเพลงใหม่นะครับ เป็นยังไงบ้าง? พวกเราซ้อมด้วยความตื่นเต้นเพื่อจะให้ทุกคนได้ชมกัน พอมาเห็นทุกคนชอบ ก็รู้สึกดีใจมากเลยครับ” ซึงฮยอบ ถามขึ้นว่า “พอจะรู้แล้วใช่มั้ยครับว่า“เอ็น.ฟลายอิ้ง” คือใคร? ถึงเวลาแล้วละ ที่ เอ็นเฟีย ต้องบอกบ้างว่า เอ็นเฟีย คือใคร?” ก่อนจะถาม ดงซอง ว่าเป็นยังไงบ้าง? “สำหรับผมเมืองไทยคือครั้งแรกครับ ครั้งแรกกับพี่ๆ วง “เอ็น.ฟลายอิ้ง” ผมตื่นเต้นมากจริงๆ ครับ ตอนช่วงซ้อมผมได้เจอ เอ็นเฟีย แล้วรอบหนึ่ง ก็เลยทำให้ตอนนี้สนุกได้อย่างเต็มที่ และอยากให้ เอ็นเฟีย ร่วมสนุกให้เต็มที่ด้วยครับ” ซึงฮยอบพูดถึงความหมายของคอนเสิร์ตครั้งนี้ “เรากลับมากับธีม Into The Light สิ่งแรกที่อยากทำคือได้เล่นคอนเสิร์ตต่อหน้าทุกคน ดังนั้นถ้าเราเข้าไปในแสงสว่างได้ ณ ที่นั้นก็คือคอนเสิร์ต และจุดๆ นั้นก็มีกรุงเทพฯ อยู่ด้วย” จึงทำให้เพลงที่จะร้องต่อไป เป็นเพลงที่ ซึงฮยอบ บอกว่าเป็นเพลงที่ พวกเขาคิดถึงกรุงเทพฯ มาโดยตลอด เพราะเมื่อร้องเพลงนี้ทีไร ความรู้สึกนั้นก็จะกลับมาทุกที พร้อมเอ่ยปากให้ช่วยกันร้องอีกครั้ง
แล้วเพลงน่ารักๆ อย่าง Blue Scene ก็เปลี่ยนบรรยากาศในฮอลล์ให้เต็มไปด้วยความสดใสแสนโรแมนติก ต่อด้วยความสนุกที่ร้อนระอุขึ้นอีกครั้งกับเพลง Preview และเพลง I Like You ทำเอาเหล่าเอ็นเฟีย ลุกขึ้นกระโดดกันอีกครั้ง “สนุกมั้ยครับ? เพลงเหล่านี้เป็นเพลงที่โชว์ว่าเราคิดถึงเมืองไทยมากแค่ไหน?” ฮเวซึงขอทำซึ้ง ก่อนที่ซึงฮยอบจะชวนคุยว่า “ก่อนจะมาเมืองไทยเราได้เข้าร่วม Concert Festival ต่างๆ มากมายที่เกาหลี ทำให้เราเล่นสดได้แน่นขึ้น มาถึงเพลงต่อไปเป็นเพลงที่ทำให้นึกถึงพลังงานเวลาที่อยู่บนเวที Festival ต่างๆ นะครับ” ระหว่างนี้ แจฮยอน มีคำถามบ้าง “ถ้าให้เลือกระหว่าง N.Flying Concert กับ N.Flying Festival จะเลือกอะไร? (แฟนๆ เสียงแตก) งั้นเอาเป็น Festival ที่สนุกใน Concert ก็แล้วกันนะครับ” จากนั้นเพลง You เพลงสุดน่ารักที่มีจังหวะให้โยกตามจน เอ็นเฟียพร้อมใจกันชูป้ายแบนเนอร์ที่มีข้อความว่า “우리는 서로에게 80살까지 빛이 되는 거야“ (เราต่างก็จะเป็นแสงที่ส่องสว่างให้แก่กันไปจนอายุ 80 ปี) ทำเอาหนุ่มๆซึ้งกันไป และเอ็นเฟียก็ได้เห็น แจฮยอน รัวกลองอย่างเมามันส์ในเพลง Leave It ทำเอาทุกคนลุกขึ้นมากระโดดตามหนุ่มๆ บนเวทีที่ใส่สุดเต็มพลัง ก่อนจะต่ออีกเพลงกับ Pardon? ที่หนุ่มๆ วิ่งวุ่นกันทั่วเวที แถมด้วยช็อตเด็ด ดงซอง มือเบส กับ ชาฮุน มือกีตาร์ ประชันฝีมือกันอยู่ข้างๆ แจฮยอน มือกลอง แบบไม่มีใครยอมใคร
ฮเวซึง พาเข้าช่วงพูดคุย “พวกเรามาถึงเมืองไทยกันเมื่อวาน ตอนที่ถึงสนามบิน สารภาพเลยว่าตอนแรกลืม พอออกมาถึงสนามบินปุ๊บ เอ็นเฟีย ของพวกเราให้การต้อนรับที่รุนแรง ทำให้จำสิ่งที่ลืมไปแล้วได้อีกครั้ง อา…ผมได้มาเมืองไทยจริงๆ แล้วนี่นา ว้าว… อบอุ่นเหลือเกิน อากาศมันดีต่อสุขภาพคออย่างมาก แล้วก็มองขึ้นไปบนฟ้า ท้องฟ้าสวยงามมาก ทำให้อารมณ์ดีคูณสามไปเลยครับ สรุปก็คือเมืองไทยดีจริงๆ” ด้าน ซึงฮยอบ ขอดูป้ายโปรเจ็คท์จากแฟนๆ “ปกติแล้วเค้าต้องโชว์กันตอนเพลงสุดท้ายไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมมันถึงขึ้นมาก่อนล่ะครับ? ผมอยากบอกว่าหลังจากจบ Encore Tour แล้วก็กลับมากับ Into The Light ตอนที่จบ Encore Tour รู้สึกว่ามันขาดอะไรไป ก็เลยอยากเป็นกำลังใจให้กับ เอ็นเฟีย ผมกับ ฮเวซึง ไปเดินเล่นกันแล้วก็ได้เห็นภาพตอนกลางคืน มันสวยมาก เราก็เลยถ่ายรูปมาให้ได้ดูกัน พอพูดถึงท้องฟ้าเมืองไทย แล้วแฟนๆ ทำโปรเจ็คท์นี้ให้เลยอยากขอบคุณที่เป็นดวงดาวที่สวยงามให้กับพวกเรานะครับ ทุกครั้งที่มาเล่นสดที่เมืองไทย ลืมไม่ลงจริงๆ วันนี้มาทำให้เป็นค่ำคืนที่ลืมไม่ลงกันเถอะนะครับ”
มาถึงเซ็ทเพลงแสนไพเราะที่เหมาะกับยามค่ำคืนเพราะทั้งซึ้ง เศร้าและเหงากันบ้าง เริ่มจาก GOOD BAM ต่อด้วย Fate ตอกย้ำความเศร้ากันอีกเพลง Sober ก่อนปิดท้ายๆด้วยเพลงเหงาของคนเท่กับเพลง Autumn Dream “ยังจำได้อยู่ใช่มั้ยครับ?” ซึงฮยอบ ถามขึ้น“มีสิ่งที่เราเตรียมมาเกือบ 3 ปีแล้ว ตอนนั้นเป็น Up Light ทัวร์ ครั้งนี้กลับมากับ Into The Light เราคิดหนักมากเลยว่าจะหาเพลงไหนมาเป็นของขวัญให้ เอ็นเฟีย ดี? เพลงนี้เตรียมมาเพื่อทำให้ เอ็นเฟีย ไทยละลายกันไปเลย คิดว่า เอ็นเฟีย น่าจะรู้จักเพลงนี้กันหมดนะครับ งั้นไปฟังกันเลยครับ ‘ร้องด้วยกัน’(พูดเป็นภาษาไทย)” แล้วเพลง ชอบตัวเองตอนอยู่กับเธอ(บิวกิ้น) ในเวอร์ชั่น น้องฮเวซึง ร้อง พี่ซึงฮยอบดีดกีตาร์ ก็ดังขึ้นพร้อมเสียงกรี๊ดและร้องคลอตามของเหล่า เอ็นเฟีย พอจบเพลงปุ๊บ ซึงฮยอบ ถามว่า“ทุกคนรู้จักเพลงนี้กันใช่มั้ยครับ? เนื้อเพลงประมาณว่า ฉันชอบตัวเองเวลาที่อยู่กับเธอ คิดว่า เอ็นเฟีย น่าจะชอบ เลยเตรียมเพลงนี้มาครับ” ด้าน ฮเวซึง โยนคำถามไปที่ ชาฮุน ที่ยืนหน้านิ่งอยู่ข้างๆ “แล้วพี่ฮุนคิดว่าตัวเองเป็นยังไงเวลาอยู่กับ เอ็นเฟีย ครับ?” ชาฮุน ตอบว่า “ผมไม่ได้มีความมั่นใจในตัวเองขนาดนั้นน่ะครับ แต่ขอบคุณ เอ็นเฟีย ที่ทำให้ผมมีความมั่นใจมากที่สุดในโลกเลยครับ” แจฮยอน ที่นั่งคิดคำตอบอยู่หลังกลองโดนถามบ้าง “สำหรับผมแค่ถุงพลาสติกปลิวไปตามสายลมผมก็ยังขำได้ แต่เวลาที่เห็น เอ็นเฟีย มันยิ่งกว่าเห็นถุงพลาสติกครับ ทำให้ยิ้มตลอดเวลา ทุกๆ คนทำให้ผมยิ้มไม่หยุดเลยครับ” ถึงคิว ดงซอง ที่ยืนกดดันสุดๆ อยู่บ้าง “ได้ยินเสียงหัวใจของผมมั้ยครับ แต่คิดว่าไม่น่าจะได้ยินกันหรอกครับ เพราะหัวใจของผมมันอยู่ข้างหน้าโน้น” ทำเอาเสียงกรี๊ดสนั่น ซึงฮยอบ ปิดท้ายว่า “ทุกคนสุดยอดมากเลย พวกเราเปล่งประกายมากที่สุดก็ตอนอยู่กับ เอ็นเฟีย นี่ละครับเรารักเมืองไทยเสมอ เราจะกลับมาเรื่อยๆ จนกว่าจะอายุ 80 เลย สัญญาครับ พวกเราก็จะรักษา เอ็นเฟีย จนถึงที่สุด” ฮเวซึง บอกก่อนเริ่มเพลงว่า “เดี๋ยวจะโชว์พลังที่อั้นไว้ 3 ปีให้ได้ดูกันนะครับ”
เข้าสู่ช่วงเวลาที่เดือดที่สุดในคอนเสิร์ตครั้งนี้ เพราะหนุ่มๆ ขนเพลงมันส์ๆ มาเสิร์ฟกันแบบจุใจ ไล่ตั้งแต่ UP ALL NIGHT เพลงจังหวะชวนโดด จนถึงเพลง 4242 กับ The Real ที่เปิดโอกาสให้ ชาฮุน และ ดงซอง ได้ประชันสกิลการดีดกีตาร์ กับ เดินเบส กันอย่างสุดมันส์ ส่วนมือกลองหน้าทะเล้นอย่าง แจฮยอน ก็ตีกลองแบบสุดพลัง ฟากสองนักร้องนำ ฮเวซึง กับ ซึงฮยอบ ก็โชว์พลังเสียงแบบจัดเต็มไม่มีใครยอมใคร เรียกได้ว่า 3 ปีที่ห่างหายกันไป “เอ็น.ฟลายอิ้ง” พัฒนาฝีมือไปได้ไกลมากจริงๆ แต่ที่กรี๊ดสุดต้องยกให้ช็อตที่ ซึงฮยอบกับ ฮเวซึง วิ่งลงมาหาแฟนๆ ถึงที่นั่งเลย ก็อย่างที่กล่าวขวัญกัน “เอ็น.ฟลายอิ้ง” เซอร์วิสแฟนๆจัดเต็มทุกครั้ง เผลอแป๊บเดียวคอนเสิร์ตมาถึงช่วงท้าย “เอ็น.ฟลายอิ้ง” หายเข้าไปหลังเวทีก่อนจะกลับมาอีกครั้งกับเสื้อธีมคอนเสิร์ต Into The Light ก่อนพาทุกคนกระโจนเข้าสู่ช่วงอังกอร์กับเพลง Just One Day ที่แฟนๆ พร้อมใจกันชูเบรนเนอร์ที่พิมพ์ข้อความว่า “만나지 못하면서도 기억해줘 함께 했던 시간들“(ช่วงเวลาที่ไม่ได้พบกันก็ช่วยจดจำช่วงเวลาที่เคยมีร่วมกันไว้ด้วยนะ) ซึงฮยอบ เห็นแล้วก็บอกว่า“จากข้อความในเบรนเนอร์ที่ว่า ให้คิดถึงกันตอนไม่ได้อยู่ด้วยกัน อันนี้ผมว่ามันใช้ไม่ได้นะครับ เพราะว่าทุกคนอยู่ในใจของพวกเราตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่ต้องบอกว่าช่วยคิดถึงหน่อย แต่เรามาอยู่ด้วยกันไปนานๆ เลยนะครับ” ทำเอา เอ็นเฟีย ซึ้งฟินสิค่ะ
จากนั้น “เอ็น.ฟลายอิ้ง” ก็ขอถ่ายรูปร่วมกับเหล่า เอ็นเฟีย เป็นที่ระลึก พร้อมขอเผยความในใจอีกครั้ง เริ่มจาก ดงซอง พูดก่อนบ้าง“วันแรกที่พวกเรามาถึง ผมได้พูดไปตอนวันแถลงข่าวว่ามาเล่นคอนเสิร์ตในรอบ 3 ปีที่เมืองไทย มีเพลงที่อยากจะร้องให้ฟังเยอะมากแต่ด้วยข้อจำกัดของเวลา พวกเราจะกลับมาอีกบ่อยๆ เพื่อที่จะร้องเพลงที่ยังไม่ได้เล่นและเพลงที่จะปล่อยออกมาอีกในอนาคตนะครับ” ต่อด้วย ฮเวซึง ” เอ็นเฟีย ของพวกเรา นับวันรอเลยครับว่าจะได้เจอกันแบบนี้เมื่อไหร่ ทุกโมเม้นท์ตอนเล่นคอนเสิร์ต เล่นไปก็คิดไปว่าไม่อยากให้เวลาแบบนี้ผ่านไปเลย วันนี้เป็นวันที่มีค่าและมีความหมายมากๆ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม ภาพ เอ็นเฟีย ที่คอยยิ้มต้อนรับเหมือนเดิมแบบนี้ มีค่ามากสำหรับพวกเรา เรามาเจอกันไปอีกนานๆนะ….รักนะครับ”
ถึงคิว แจฮยอน พูดบ้าง “เมื่อวานที่แถลงข่าว ผมได้บอกไปว่าวันนี้อุณหภูมิเมืองไทยจะร้อนขึ้นประมาณ 2 องศา แต่ผมรู้สึกว่าวันนี้อุณหภูมิมันเพิ่มขึ้นประมาณ 15 องศาแน่ๆ! ผมขอขอบคุณครอบครัว FNC ที่ลำบากกับพวกเรามาตั้งแต่อยู่ที่เกาหลี ขอบคุณสต๊าฟไทยที่ทำให้พวกเราได้มาเจอกับ เอ็นเฟีย ไทยในวันนี้ ขอบคุณล่าม (คุณยูคอนยอง) ด้วยนะครับ และขอบคุณเมมเบอร์ของพวกเราที่ซ้อมกันแบบไม่ได้หลับได้นอนเพื่อเตรียมคอนเสิร์ตในวันนี้ และรัก เอ็นเฟีย มากๆ ขอบคุณครับ” ถึงคิว ชาฮุน หนุ่มหล่อหน้านิ่งกันบ้าง “เมื่อวานช่วงแถลงข่าว มีคำภาษาไทยที่ผมรู้มาโดยบังเอิญ ไม่รู้ว่าผมจะพูดถูกรึเปล่านะครับ ‘คิดถึงมาโดยตลอดครับ’ เป็นคำที่อยากจะบอกจริงๆ พวกเรามาเมืองไทยในรอบ 3 ปี เสียงกรี๊ดและการต้อนรับบนเวทีที่ร้อนแรงแบบนี้เมื่อเทียบกับ 3 ปีที่แล้วมันดูดีขึ้นเยอะเลย นั่นทำให้รู้สึกว่าไม่ใช่พวกเราอย่างเดียวที่คิดถึง แต่ เอ็นเฟียไทย ก็คิดถึงพวกเรามากๆๆ เช่นกัน ทำให้รู้สึกได้จริงๆ สงสัยต่อไปต้องมาบ่อยๆ แล้วครับ ขอบคุณที่สร้างความทรงจำที่สวยงามแบบนี้ให้ รักจริงๆ นะครับ” มาถึง ซึงฮยอบ กล่าวปิดท้าย “ขอบคุณมากๆ นะครับ เอ็นเฟียไม่ใช่เฉพาะ เอ็นเฟีย ไทยเท่านั้น ผมรู้อยู่นะครับว่ามี เอ็นเฟีย มาจากหลายที่ พวกเราจะไปหา เอ็นเฟีย ที่อยู่ทั่วโลกเลย เรามาเจอกันไปอีกนานๆ นะครับ ขอเสียงปรบมือให้กับทีมงานที่มาเตรียมงานแต่เช้าด้วยครับ “เอ็น.ฟลายอิ้ง” ก็จะพัฒนาต่อไป ทั้งในเรื่องเล่นสด และงานเพลง ส่วน เอ็นเฟีย ก็สู้ๆ ด้วยนะครับ ไฟส์ติ้ง… เพลงสุดท้ายแล้วนะครับ รักมากๆจริงๆ ครับ ไปกันเถอะ”
เพลง Rooftop ดังก้องทั่วฮอลล์พร้อมกับความร้อนแรงที่โหมกระหน่ำขึ้นอีกระลอก แต่ถึงจะเป็นเพลงสนุกๆ แต่นักร้องนำก็พยายามบอกรักแทรกเข้าไปในเพลงอยู่ตลอด จบเพลงสุดท้ายแต่ยังไม่ท้ายสุด เพราะ เอ็นเฟีย ไม่ยอมให้หยุดง่ายๆ แจฮยอน กับ ซึงฮยอบ จึงต้องปรึกษาหาเพลงอังกอร์สุดท้าย ก่อนจะได้ข้อสรุปว่าเป็นเพลงที่เคยร้องตอนมาไทยครั้งก่อนอย่าง Don’t Forget This น่าจะเหมาะสุด แล้วความสนุกสุดมันระลอกสุดท้ายก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง ความรัก ความคิดถึง ที่ “เอ็น.ฟลายอิ้ง”และ เอ็นเฟีย ไทยมีให้ต่อกันตลอด 3 ปี ถูกปลดปล่อยออกมาจนหมดสิ้นในเพลงสุดท้าย แต่นี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน ตลอดเวลาในคอนเสิร์ตที่พวกเขาเผยความในใจ แล้วการโชว์แบบไม่กลัวเหนื่อย บวกกับสายตาอาลัยอาวรณ์ของหนุ่มๆทั้ง 5 พร้อมคำสัญญาว่าจะกลับมาอีกจนกว่าจะอายุ 80 ปี ดูท่าจะเป็นเรื่องจริง แต่งานนี้คงต้องรออีก 2 ปี หวังว่าเมื่อวันนั้นมาถึง เอ็นเฟีย จะกลับมารวมพลังความร้อนแรงแบบนี้กันอีก