ใกล้คิวเข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้วกับภาพยนตร์เรื่อง “กรรไกร ไข่ผ้าไหม สองบาทห้าสิบ” กำกับฯและเขียนบทโดย บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ฟันธงหนังเรื่องนี้ขอเป็นผู้สร้างแต่เพียงผู้เดียว
บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ กล่าวว่า “ภาพยนตร์เรื่อง กรรไกร ไข่ผ้าไหม สองบาทห้าสิบ เรื่องนี้ผมตัดสินใจลงทุนเอง โดยมี สหมงคลฟิล์ม เป็นพันธมิตรช่วยจัดจำหน่ายให้ และเป็นที่ปรึกษาเรื่องการจองสื่อโฆษณา เราก็ทำงานร่วมกันมา 2 เรื่อง คือ ปัญญา เรณู 2 ,ปัญญา เรณู 3 ตอน รูปู รูปี แต่พอมาหนังเรื่อง กรรไกร ไข่ ผ้าไหมฯ ตอนแรกสหฯก็จะหุ้นกับผมเหมือนเดิม แต่มีสิ่งหนึ่งที่เค้าอยากขอร้องผมก็คือเรื่องชื่อหนัง กรรไกร ไข่ ผ้าไหมฯ ขอเปลี่ยนชื่อได้ไหม ผมคิดว่าผมไม่เปลี่ยน พอมีความคิดเห็นต่างกันเรื่องชื่อหนังขึ้นมา ผมก็เลยบอกว่าเอาอย่างนี้แล้วกันผมขอทำคนเดียวก็แล้วกัน ทางสหฯเค้าก็โอเคไม่เป็นไรลองทำดูแต่จะเป็นที่ปรึกษาให้ในทุกๆเรื่อง บริษัทผมเอง(บริษัท บิณฑ์ บูม บิสซิเนส จำกัด)จะได้โตก็อยากให้เค้าสบายใจในเมื่อเค้าไม่สบายใจในเรื่องชื่อหนัง แต่บางคนบอกว่าชื่อหนังน่ารักดีนะ คิดได้ยังไง ผมก็รู้สึกว่าบางคนก็เห็นด้วยบางคนก็ไม่เห็นด้วย ผมก็ว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปเป็นชื่ออื่น เพราะผมทำเพลงมา 2 เพลงมันก็ใช้ชื่อว่า กรรไกร ไข่ ผ้าไหมฯ อยู่แล้ว ถ้าเค้าให้เปลี่ยนเป็นชื่ออื่นก็คงไม่ได้ หนังเรื่องนี้ผมคิดว่าเป็นอะไรที่ทำตามใจผมเองมากกว่า ผมเป็นคนมีจุดยืนของตัวเอง ถ้าใครไม่พอใจอะไรก็ไม่เป็นไร เรื่องนี้ก็เหมือนกันผมบอกว่าเปลี่ยนไม่ได้นะ ถ้าให้ผมเปลี่ยนไม่เป็นไรผมขอทำเองแล้วกัน เค้าก็ไม่ได้โกรธอะไรก็โอเคเข้าใจกันดี ผมก็เข้าใจนะคนทำหนัง คนลงทุน ต่างคนต่างต้องการตอบสนองในสิ่งที่ตัวเองต้องการมันเป็นเรื่องธรรมดา
ชื่อหนังเรื่องนี้ กรรไกร ไข่ ผ้าไหมฯ ผมว่ามันเป็นอะไรที่น่ารักดี ผมชอบตั้งแต่เห็นหลานๆมาที่บ้านลูกเอกพัน บรรลือฤทธิ์ ลูกพี่ชายคนโต ศิกษก บรรลือฤทธิ์ เค้ามาเล่น กรรไกร ไข่ผ้าไหม ไข่หนึ่งใบสองบาทห้าสิบฯ เราก็มาคิดดูว่าถ้าจะทำหนังเรื่อง กรรไกร ไข่ผ้าไหมฯแล้วมันจะดำเนินเรื่องยังไง ก็เลยคิดว่าเอาเป็นแค่ไตเติ้ลของหนังก็พอ ก็จะเป็นบ้านนี้ตัดผ้าขึ้นด้วยกรรไกร บ้านนี้ขายไข่ บ้านนี้รวยก็ขายผ้าไหม สองบาทห้าสิบก็เป็นชื่อของราคาไข่ไป เรื่องนี้ก็มีเด็กจากเรื่อง ปัญญา เรณู บวกกับเด็กนักแสดงที่แคสติ้งเข้ามาใหม่มาร่วมกันอยู่ในโรงเรียนนานาชาติ และเมื่อเด็กมาอยู่ด้วยกันรวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน มันก็ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมา ก็จะเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับพวกเค้า เรื่องนี้จะไม่มีการพูดอีสานเลย จะพูดภาษากลาง และมีภาษาอังกฤษเข้ามานิดหน่อยให้ตรงกับว่าปีหน้าประเทศไทยจะเข้าสู่ความเป็นอาเซียน ซึ่งก็ทำให้หลายโรงเรียนตื่นตัวเกี่ยวกับการพูดภาษาอังกฤษ
ผมขอฝากภาพยนตร์เรื่อง “กรรไกร ไข่ผ้าไหม สองบาทห้าสิบ” ด้วยนะครับ หนังแนวคอมเมดี้มีดราม่านิดหน่อยตามสไตล์บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ คิดว่าดูเพื่อความบันเทิงเริงรมย์ สบายใจ ดูกับครอบครัวดูให้มันสนุกสนาน เฮฮา เพราะกำไรผมก็เอาไปช่วยเหลือคนยากคนจนเท่านั้นเองอย่าคิดอะไรมาก หนังเข้า9 มกราคม 2557 นี้แน่นอนครับ”