นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้าน ตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ททท.พัฒนาแอพพลิเคชั่น “Lifestyle Thailand” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ภายใต้กลยุทธ์ “ดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง” ในรูปแบบของแอพพลิเคชั่นสำหรับผู้ที่ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟน ซึ่งสามารถดาวโหลดฟรีได้ที่ App store หรือ Android Market โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตส์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกรุ่นใหม่ที่นิยมใช้สมาร์ทโฟนและหาข้อมูลด้านการท่องเที่ยวผ่าน Lifestlyle Thailand Application เพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆในประเทศไทย โดยปีนี้คาดว่าจะมียอดดาวน์โหลดรวมกว่า 100,000 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มียอดดาวน์โหลดกว่า 50,000 ครั้ง
“ททท.ได้มีการปรับโฉมแอพพลิเคชั่นให้ดูทันสมัยขึ้นและพัฒนาต่อยอดจากปีที่ผ่านมา พร้อมเพิ่มเติมโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหารและกิจกรรมที่ทันสมัย อยู่ในความสนใจของนักท่องเที่ยวมากขึ้น โดยนำเสนอด้วย ภาพสวยโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร กิจกรรมต่างๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาดู และจัดโปรแกรม Exclusive trip ของตัวเอง ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการสำนักงานททท.ทั่วโลกประชาสัมพันธ์ผ่าน Thailand Fan Club ซึ่งมีอยู่กว่า 150,000 คนทั่วโลก”
สำหรับแอพพลิเคชั่น “Lifestyle Thailand” จะแบ่งออกตามประสบการณ์ท่องเที่ยวและความชอบของแต่ละคน ประกอบด้วย 1.Chic : กลุ่มคนที่ชอบความทันสมัย นำเสนอสินค้า แหล่งช้อปปิ้ง Night Life ที่ทันสมัย ซึ่งกลุ่มนี้จะมีบริการพิเศษนอกเหนือจากกลุ่มอื่น (Excusive service) อาทิ Personal Stylist บริการที่ปรึกษาด้านแฟชั่น การแต่งกาย , Hands-Free Shopping บริการถือของเวลาช๊อปปิ้ง หรือแม้กระทั่งบริการเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว บริการรถลีมูซีน เป็นต้น 2. Romantic : สำหรับคู่รักที่ต้องการมาฮันนีมูนในเมืองไทย 3.Breezy: กลุ่มผู้ที่ชื่นชอบชายทะเล สายลม แสงแดด 4.Thainess : กลุ่มคนที่นิยมวิถีชีวิตแบบไทยๆ 5.Adventure: กลุ่มผู้ที่ชื่นชอบความท้าทาย กีฬาทางบก ทางน้ำ 6.Wellness : กลุ่มผู้นิยมสุขภาพและความงาม 7. Easy n’ Slow: กลุ่มผู้ที่นิยมวิถีชีวิตธรรมชาติ และท่องเที่ยวสีเขียว (Green Tourism) 8. Family: กลุ่มครอบครัว ซึ่งสามารถเลือกสินค้าให้เหมาะสมกับการท่องเที่ยวแบบครอบครัว
ล่าสุดได้เพิ่มเติมในหมวดของ “EXPERIENCE THAINESS” โดยนำเสนอให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ จากเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่สัมผัสได้ในประเทศไทยเท่านั้น แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ Discovery the other you นำเสนอประสบการณ์แปลกใหม่ที่นักท่องเที่ยวไม่เคยได้สัมผัสมากก่อน เช่น เรียนมวยไทย เรียนทำอาหารไทย เรียนปลูกข้าว เรียนรำไทย เรียนนวดไทย เป็นต้น ซึ่งจะมีข้อมูลที่เรียนให้เลือก พร้อมเว็บไซต์ และเบอร์ติดต่อ ให้เข้าไปหาข้อมูลต่อได้โดยตรง Festivals & Celebrations นำเสนอข้อมูล และภาพ จากเทศกาล งานเฉลิมฉลองต่างๆ ในเมืองไทยไม่ว่าจะเป็นเทศกาลลอยกระทงที่จะมีความโดดเด่นในแต่ละพื้นที่ เช่น กระทงสายยี่เป็ง ลอยกระทงสุโขทัย สงกรานต์ งานไหว้ครูมวยไทย เป็นต้น และ Not to Miss นำเสนอกิจกรรมเด่นที่เราไม่อยากให้นักท่องเที่ยวพลาด โดยจะมีการอัพเดทกิจกรรมทุกๆ 3 เดือนในช่วงเวลานั้น เช่น ช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2556 จะมีการจัดงาน Countdown , กิจกรรมคอนเสิร์ตต่างประเทศในไทย งานช้างสุรินทร์ และ งานเทศกาลบอลลูน เป็นต้น
โดย ททท.จะคัดเลือกสินค้าการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มไฮเอนท์ ซึ่งถูกคัดสรรและถูกจัดแบ่งให้เหมาะสมตามสไตส์ครอบคลุมทุกความต้องการ รวมกว่า 300 แห่ง ได้แก่ โรงแรมที่พัก (Accommodation) ร้านอาหาร (Restaurant) แหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย (Attraction) รวมถึง กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดในเมืองไทย (Thing to do) พร้อมฟังชั่นพิเศษ อาทิ 360° Visual Tour เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านโลกออนไลน์ เพียงแค่เปิดแอพพลิเคชั่นก็สามารถท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวไฮไลท์ที่คุณไม่ควรพลาดในมุมมอง 360 องศาเสมือนอยู่ในสถานที่จริง ทั้งยังสามารถสร้างตารางเวลาการเดินทางของตัวเอง ค้นหาเส้นทางการท่องเที่ยวผ่านทาง Google map พร้อม interactive maps ให้แชร์ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมต่อกับโซเชียลเน็ตเว็คผ่าน FaceBook , Twister เป็นต้น