ภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมสู่การพลิกบทบาทครั้งสำคัญของ “สกาเล็ตต์ โจแฮนสัน”
จินตนาการสุดล้ำ เสน่หาเกินบรรยาย  สะกดทุกสายตา 24 เมษายนนี้

ดัดแปลงจากนิยายไซไฟชื่อเดียวกันของ ไมเคิล เฟเบอร์ เรื่องราวของ ลอร่า (รับบทโดย สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน) เอเลี่ยนในร่างมนุษย์  ที่ใช้เสน่ห์เพื่อล่อลวงผู้ชายมากินเป็นอาหาร แต่เมื่อเธออาศัยอยู่บนโลกเป็นระยะเวลานานขึ้นเรื่อยๆ ลอว์ร่า ก็ได้ค้นพบถึง “ความรู้สึก” และ “สัมผัส” ของมนุษย์ที่สิ่งมีชีวิตนอกโลกเช่นเธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน

เกร็ดภาพยนตร์

• สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน นักแสดงสาวที่แจ้งเกิดกับ Lost in Translation ก่อนที่กลายเป็นขวัญใจหนุ่มๆเมื่อรับบท นาตาชา โรมานอฟ ในหนังซุปเปอร์ฮีโร่ Iron Man 2, The Avengers และล่าสุด Captain American: Winter Soldier โดยเธอเพิ่งมีผลงานในการให้ “เสียง” ในเรื่อง Her อีกด้วย สำหรับบทบาทใน Under the Skin ก็ถือว่าบทที่เธอต้องเปลืองตัวมากที่สุดแล้ว โจแฮนสัน พูดถึงการเข้ามารับบทนี้ว่า “นี่คือบทบาทที่ท้าทายที่สุดของฉัน เพราะนอกจากที่ฉันต้องสบายใจกับการไม่ใส่อะไรเลยแล้ว ลอร่า ตัวละครของฉันก็ต้องแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการ ที่เริ่มต้นจากการแตกต่างจากมนุษย์อย่างสิ้นเชิง จนเธอค่อยซึมซับถึงความรู้สึกต่างๆ ทั้งอารมณ์ ความเกลียดชัง และความรัก ซึ่งทั้งหมดก็ถูกถ่ายทอดผ่านดวงตาและการกระทำ มันเป็นบทที่ทั้งยากและท้าทาย แต่ก็ช่วยให้ฉันเติบโตอย่างมากกับการแสดง”

• Under the Skin เป็นผลงานของผู้กำกับ โจนาธาน เกรเซอร์ ที่ผลงานเรื่องก่อน Birth ได้ชิงรางวัลสิงโตทองคำของ Venice Film Festival และส่งชื่อ นิโคล คิดแมน เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ รวมถึงเป็นยอดเยี่ยมแห่งของนักวิจารณ์ชื่อดัง โรเจอร์ อีเบิร์ต โดยเขาหายหน้าหายตาไปถึง 10 ปี ก่อนที่จะกลับมาทำเรื่องนี้ ซึ่งเขาใช้เวลาในการเขียนบทนานกว่า 3 ปี เกรเซอร์ พูดถึงสิ่งที่ทำให้เขาต้องการทำเรื่องนี้ว่า “ผมชอบหนังสือเล่มนี้ มันมีไอเดียของการมองโลกผ่านมุมมองของมนุษย์ต่างดาว ชีวิตของผู้คนที่ใช้ชีวิตตามปกติในแต่ละวัน ลอร่า ที่เริ่มต้นในช่วงแรกเป็นผู้ล่าชั้นบนสุดของห่วงโซ่อาหาร เธอค่อยๆเรียนรู้องค์ประกอบที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ ก่อนที่ความรู้สึกเหล่านั้นจะทำให้เธอสูญเสียสถานะของผู้ล่าไป”

• Under the Skin เปิดฉายใน Venice Film Festival (เข้าชิงรางวัลสิงโตทองคำ) และ Toronto Film Festival ซึ่งก็ได้รับคำชื่นชมอย่างหนาแน่น เจสัน อเล็กซานเดอร์ นักวิจารณ์จาก The Grid เขียนไว้ว่า “ความรู้สึกมันเหมือนกับคุณค้นพบสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุด เช่นเดียวกับตอนดูหนังของ สแตนลี่ย์ คูบริค” ในขณะที่ วิลเลี่ยม กอส จาก Film.com ก็เขียนไว้ว่า “มันมีสิ่งที่ถูกซ่อนไว้ระหว่างบรรทัดมากมาย ที่ทั้ง เกรเซอร์ และ สการ์เล็ตต์ ตั้งใจซ่อนไว้ภายในเรื่องราว มันสนุกมากกับการได้เข้าไปค้นหาและพบสิ่งเหล่านั้น”