คอลัมน์ คุยกับดาว
เรื่อง – อนันต์ ธัญญ์รัตน์ / ภาพ – วิวิศน์วรดร จันทรวงศ์
เมื่อพูดถึง หนุ่มหน้าสวย วัยขบเผาะ ในช่วงนี้ เห็นจะนึกถึงใครอื่นเป็นไม่ได้ นอกเสียจากนางเอกจากภาพยนตร์รักสุดโรแมนติกระหว่างพี่ชายและน้องชายเรื่อง “พี่ชาย My Bromance” กับบท “แบงค์” น้องชายที่รักพี่ชายสุดหัวใจแบบไม่มีเงื่อนไข แถมยังมีฉากกุ๊กกิ๊กให้ได้จิ้นกันอีกด้วย จนทำเอาบรรดาเก้งกวาง สาววาย ทั้งหลาย ฟินกันไปถ้วนหน้า
การที่ “ฟลุ๊ค-พงศธร” เปิดตัวเข้าวงการด้วยการรับบทสาวประเภทสองในภาพยนตร์เรื่อง เกรียนฟิคชั่น แล้วยังต้องมารับบทเกย์ในหนังสั้นออนไลน์รักจริงปิ๊งเก้อ และ พี่ชาย My Bromance อีกครั้ง ซึ่ง “ฟลุ๊ค” แสดงได้สมบทบาทมาก ทำให้หลายคนสงสัยว่าฟลุ๊คจะเป็นเกย์แบบบทบาทที่ได้รับหรือเปล่า…
แม้ว่า พี่ชาย My Bromance ได้ออกจากโรงไปแล้ว แต่กระแสของ “ฟลุ๊ค” ยังคงแรงไม่หยุด จนแฟนๆ หลายคนอยากรู้จักหนุ่มน้อยคนนี้ให้มากกว่าในจอหนัง ล่าสุด “Star Talk” สัปดาห์นี้ จึงตอบสนองแฟนๆ ด้วยการคว้าหนุ่ม “ฟลุ๊ค” มาเปิดอกคุย ทุกเรื่องราว แบบเจาะลึกถึงชีวิต และตัวตนที่แท้จริงของเขาแบบหมดเปลือก รวมถึงเรื่องราวความรักว่า 4ห้องหัวใจดวงเล็กๆ นี้ว่ามีใครมาจับจองแล้วหรือยัง ว่าแล้วก็มาเปลือยใจเขากันเล้ยยย
ฟลุ๊ค: เริ่มเข้าวงการจากการแคสติ้งหนังเรื่องพี่ชาย แต่เรื่องแรกที่ได้เข้าฉายก่อนจะเป็นเรื่องเกรียนฟิคชั่นครับ
มาร่วมงานกับทางเวิร์คพอยท์มีอะไรที่เปลี่ยนไปจากเดิม?
ฟลุ๊ค: ฟลุ๊คเพิ่งเข้ามาอยู่กับทางเวิร์คพอยท์ได้ประมาณ 3-4 เดือนครับ การเปลี่ยนแปลงตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยเห็นอะไร เพราะว่าเราก็เพิ่งเข้ามา อย่างมากก็จะมีเรียนการแสดง เพิ่มทักษะการร้องเพลงอะไรอย่างนี้ครับ
รู้สึกยังไงบ้างกับชีวิตนักแสดง?
ฟลุ๊ค: ตอนแรกฟลุ๊คไม่ได้คิดเลยว่า อยากจะเข้าวงการบันเทิง แต่เมื่อมีโอกาสมาถึงตัวเราแล้ว ก็อยากจะลองใช้โอกาสตรงนั้น พอเราได้มีโอกาสลองทำงานตรงนี้ก็รู้สึกว่าสนุกดี เราชอบมัน เรารักมัน เพราะว่าเราก็มีความสุขกับสิ่งที่เราทำไปครับ
เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น รับมือกับความไม่เป็นส่วนตัวยังไง?
ฟลุ๊ค: ตั้งแต่คนรู้จักเยอะ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป แต่ก็ยังมีผู้จัดการที่คอยดูแล ช่วยตักเตือน เวลาจะทำอะไรก็ต้องระวังตัวไว้เยอะเหมือนกันครับ ค่อนข้างที่จะไม่เป็นส่วนตัวเท่าไหร่ บางทีเวลาจะไปที่ไหนก็จะมีคนตามไปเยอะเหมือนกัน (รู้สึกอึดอัดบ้างไหม?) ไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ เพราะว่าแฟนคลับส่วนมากเขาจะไม่ได้เยอะขนาดนั้น เขาก็จะให้เกียรติเราบ้าง แต่เวลาเราจะทำอะไรก็ต้องระวังตัวดูแลภาพลักษณ์ของตัวเองด้วยครับ
คนมักจะพูดว่าเราเข้าถึงตัวยาก จริงหรือเปล่า?
ฟลุ๊ค: ไม่รู้เหมือนกันนะ เพราะว่าบางคนถ้าฟลุ๊คไม่รู้จัก ฟลุ๊คก็จะไม่ค่อยได้คุยเท่าไหร่ ฟลุ๊คเป็นคนขี้อายไม่ค่อยกล้าเข้าหาคนอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดใครเข้ามาหาเรา เราก็จะเฟรนด์ลี่กับเขาเลย แต่ส่วนมากกับแฟนคลับฟลุ๊คก็จะคุยหมดทุกคนนะครับ ใครเข้ามาก็คุยหมด แต่กับบางคนที่เขาไม่กล้าเข้ามา เราก็ไม่กล้าทักเค้ากลับเหมือนกัน บางคนอาจจะคิดว่าเราเข้าหายาก แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ครับ
อะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เราคิดว่าอยากจะเข้ามาทำงานตรงนี้?
ฟลุ๊ค: แรงบันดาลใจของฟลุ๊ค คือ คุณพ่อคุณแม่ครับ สำหรับฟลุ๊คนักแสดงก็คืออาชีพหนึ่งที่เราสามารถทำและก็หาเงินไปช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวได้ครับ
งานสายไหนที่อยากทำเป็นพิเศษ?
ฟลุ๊ค: สายนักแสดงครับ เพราะ เรารู้สึกว่าถนัด มันได้เล่นเป็นคนอื่น ได้เล่นหลายบทบาท มันทำให้สนุกและมีความสุขครับ
ถ้าไม่ได้ทำงานตรงนี้ อยากจะทำอะไรต่อ?
ฟลุ๊ค: ฟลุ๊คอยากทำธุรกิจส่วนตัวครับ เพราะว่าฟลุ๊คไม่ชอบงานประจำ ไม่ชอบงานที่ต้องเข้าตามเวลา ตอกบัตร ฟลุ๊คชอบงานที่เป็นอิสระ ธุรกิจส่วนตัวสามารถดูแลได้ครับ
แบ่งเวลาเรียนกับเวลาทำงานยังไง?
ฟลุ๊ค: ถ้าเกิดว่ามีงานมา เราก็จะคุยกันก่อนว่าถ่ายยังไงช่วงไหนครับ ถ้าเขาเลี่ยงมาเป็นช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ได้ก็โอเค แต่ถ้าเกิดว่าเลี่ยงไม่ได้ เราก็ต้องขอให้ทางคนจ้างเรามาออกใบลาให้ไปยื่นกับทางโรงเรียน จะได้ไม่ขาดเรียน เพราะมีใบลาครับ
วางแผนเรื่องการเรียนในอนาคตยังไงบ้าง?
ฟลุ๊ค: พอได้มาทำงานตรงนี้ ฟลุ๊คคิดว่าอยากเรียนนิเทศ อยากจะต่อยอดความรู้ไปเรื่อยๆ อยากเรียนเรื่องการแสดง ฟลุ๊คอยากเป็นครูอยู่แล้ว ถ้ามีโอกาสก็อยากเป็นครูสอนการแสดง (มหาวิทยาไหน?) มศว. ครับ หรือไม่ก็เป็น ม.เอกชน อย่าง ม.รังสิต หรือ ม.กรุงเทพ ครับ
จากผลงานที่ผ่านมา รู้สึกชอบเรื่องไหนเป็นพิเศษ?
ฟลุ๊ค: ชอบเรื่องพี่ชายครับ เพราะว่าเป็นหนังที่เนื้อบทดีอยู่แล้ว และพอเราได้มาเล่นก็ยิ่งชอบมากขึ้นไปอีก (เพราะตรงกับคาแรคเตอร์ของเราหรือเปล่า?) ตรงที่เรานิ่งๆ เงียบๆ ครับ มันไม่ได้เป็นคาแรคเตอร์ที่เยอะอะไรมากครับ
รู้สึกยังไงที่ตอนนี้กลายเป็นขวัญใจของชาวสีม่วงไปแล้ว?
ฟลุ๊ค: จริงเหรอครับ? (หัวเราะ) รู้สึกดีใจมากที่คนชอบเรา ไม่รู้จะบอกยังไง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำมาทุกคนชอบ มันก็รู้สึกหายเหนื่อยไปเลย
กลัวคนจะมองไหมว่าชีวิตจริงเราจะเป็นแบบในจอ?
ฟลุ๊ค: ฟลุ๊คคิดว่าคนมองก็ต้องมีอยู่แล้วแหล่ะ อันนี้แล้วแต่คนจะคิดครับ แต่ฟลุ๊คว่ามันคือการแสดง มันคือบทบาทในภาพยนตร์มากกว่าครับ
แล้วที่บ้านว่ายังไงบ้างกับเรื่องนี้?
ฟลุ๊ค: พ่อแม่ยังไม่มีโอกาสได้ดูเลยครับ (หัวเราะ) แต่เขารู้อยู่แล้ว เพราะเขาเป็นคนสกรีนบทให้ฟลุ๊คเลย แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนหนึ่งก็คือการแสดง และเราช่วยเขาแบ่งเบาภาระทางครอบครัว ก็คือการทำงานอย่างหนึ่ง อย่างเรื่องเกรียนฟิคชั่น พ่อแม่ก็เห็นอยู่แล้วว่าเราเล่นเป็นตุ๊ดเลย เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็ตลกเฮฮากันไป เป็นการแสดง เป็นอีกบทบาทหนึ่งครับ
เวลาเข้าฉากกุ๊กกิ๊กกับผู้ชาย รู้สึกประหม่าบ้างไหม?
ฟลุ๊ค: เวลาเข้าฉากกับผู้ชายอย่างพี่ฟลุ๊คใหญ่ในเรื่องพี่ชาย ก็จะมีฉากที่ต้องจ้องหน้าใกล้ๆ กัน หรือ ฉากหอมแก้มกัน ฟลุ๊คจะรู้สึกเขินๆ ไม่ค่อยกล้าเล่น ไม่ค่อยกล้าทำ บอกไม่ถูกเหมือนกันครับ ทั้งอาย ทั้งตลก บางทีเวลาเราจะเล่นก็จะหลุดขำตลอดครับ
รู้สึกกดดันบ้างไหม ที่ต้องรับบทแบบนี้เสมอ?
ฟลุ๊ค: หลังๆ มาเริ่มกดดันแล้วนะ (หัวเราะ) ทำไมงานหลังๆ มามีแต่บทแบบนี้ตลอดเลย ตั้งแต่เรื่องแรกจนมาถึงปัจจุบันก็ยังจะมีติดต่อเข้ามาเป็นบทแบบนี้อยู่ กลัวว่าถ้าเรายังรับบทแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อนาคตก็จะได้เล่นแต่บทแบบนี้ตลอด ทางผู้จัดการก็จะช่วยสกรีนบทให้ หลังๆ มาก็จะไม่ค่อยรับงานบทนี้แล้ว ให้เปลี่ยนบทบาทบ้าง
ถ้าในอนาคต ทางผู้ใหญ่มองเห็นว่าเรามีศักยภาพในตรงนี้ และมอบแต่บทนี้ให้ จะรับไหวไหม?
ฟลุ๊ค: ถ้าผู้ใหญ่เขาเล็งเห็นว่าเรามีศักยภาพในตรงนี้ เราก็สามารถเล่นได้ ฟลุ๊คไม่ได้ซีเรียสว่าคนจะมอง คือ อย่างน้อยเขาก็เห็นว่าเรามีศักยภาพในตรงนี้ เราสามารถทำในตรงนี้ได้ ฟลุ๊คก็ยินดีที่จะรับบทนี้ครับ
เห็นว่ามีแฟนคลับชาวต่างชาติด้วย ดูแลแฟนคลับที่นั่นยังไง?
ฟลุ๊ค: ชาวต่างชาติที่มีมาคุยด้วย ก็จะมีชาวเวียดนามกับจีน คงจะรู้จักจากหนังเรื่องพี่ชายครับ ส่วนมากเขาจะคุยกับเราทางเฟสบุ๊คหรืออินสตาแกรมมากกว่า เรามีวิธีการจัดการคือคุยกับเขาผ่านเฟสบุ๊ค บางทีเขาทักแชทเรามาเราก็ตอบเขากลับไป เขาก็ไม่ได้จะเยอะอะไรกับเรา ส่วนมากเขาจะไปคุยกับทางผู้จัดการมากกว่า แล้วเขาก็จะมีการจัดกิจกรรมที่ประเทศของเขาครับ (แล้วมีเดินทางมาที่ไทยบ้างไหม?) มีครับ อย่างที่เวียดนามก็จะมีเดินทางมา เขามาเพื่อดูหนัง ขอถ่ายรูป พูดคุยกับนักแสดง (เวลาจะสื่อสารกัน ต้องทำยังไง?) อย่างชาวเวียดนามเขาก็จะพูดภาษาอังกฤษ เราก็ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร แต่เราก็ไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษเท่าไหร่ คำไหนไม่รู้เรื่องก็จะให้ทางผู้จัดการหรือพี่ๆ ที่เก่งอังกฤษ พูดอังกฤษได้ เป็นล่ามให้เราคุยกับเขาครับ (แล้วตอนนี้พูดได้กี่ภาษา?) ภาษาหลักเลยคือภาษาอังกฤษครับ (หัวเราะ) แต่ก็ยังถือว่าไม่ค่อยเชี่ยวชาญ ไม่เก่งเท่าไหร่ เอาจริงๆ แล้วก็ได้แค่ภาษาไทยกับภาษาเหนือครับ (หัวเราะ)
มีแพลนจะโกอินเตอร์บ้างหรือเปล่า?
ฟลุ๊ค: ตอนนี้ยังไม่มีครับ แต่ในอนาคตก็ยังไม่แน่ เพราะว่าเคยมีคนมาคุยเหมือนกันว่ามีหนังของจีน แต่ก็ต้องรอดูกันต่อไปครับ
ไอดอลในชีวิตของฟลุ๊คคือใคร?
ฟลุ๊ค: ไอดอลของฟลุ๊คคือคุณพ่อครับ เพราะว่า คุณพ่อเป็นคนที่อดทน ต่อสู้กับชีวิตมา ถึงแม้ปัญหาจะรุมเร้าขนาดไหนเขาก็ยังผ่านมาได้ครับ อย่างคุณพ่อก็จะเจอปัญหามาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ครอบครัวฟลุ๊คจะไม่ใช่ครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่ก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่น เพราะว่าเขาเป็นคนเก่ง
เสน่ห์ของฟลุ๊คอยู่ตรงไหน?
ฟลุ๊ค: ฟลุ๊คว่าอยู่ที่รอยยิ้มครับ ฟลุ๊คเป็นคนชอบยิ้ม คนส่วนมากจะทักว่ายิ้มหวานตลอดเลยครับ (ยิ้มโชว์)
พูดถึงเรื่องความรักบ้าง เรื่องราวความรักในวัยเรียนมีบ้างไหม?
ฟลุ๊ค: คงปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า วัยรุ่นแต่ละคนต้องมีความรักกันอยู่แล้ว ของฟลุ๊คก็เคยมีความรักในวัยเรียนครับ แต่เราก็ไม่ได้โฟกัสไปที่ตรงนั้นมากกว่า เพราะว่าพ่อแม่หรือคนในครอบครัวจะตักเตือนตลอดว่า ความรักในวัยเรียนมันไม่มั่นคงหรอก เรียนให้จบก่อนแล้วค่อยหาดีกว่า ความรักในวัยเรียนก็จะรักๆ เลิกๆ เขาก็เลยไม่อยากให้โฟกัสตรงนี้ อีกอย่างหนึ่งเราก็ต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยครับ
มีแบบที่คุยๆ กันอยู่หรือเปล่า?
ฟลุ๊ค: ตอนนี้ยังไม่มีครับ เพราะว่าเราก็กลัว เราเป็นคนอ่อนไหวอยู่แล้วในเรื่องความรัก เวลาเรารักใครไปแล้วเรากลัวว่าเราจะเสียใจ มันจะทำให้เสียทั้งการเรียนและการทำงาน มันจะเสียอะไรหลายๆ อย่าง เราก็เลยคิดว่ายังไม่ดีกว่า
สเป๊กในใจล่ะ?
ฟลุ๊ค: ถ้าเรื่องสเป๊กหน้าตา ฟลุ๊คไม่มีสเป๊กหน้าตาอยู่แล้ว เพราะว่าแต่ละคนที่ฟลุ๊คชอบจะต่างกันไปครับ แต่ส่วนมากเราจะโฟกัสตรงที่นิสัยใจคอกันมากกว่า ชอบคนที่พูดคุยกันแล้วถูกคอไปกันได้ เป็นคนชอบคนที่มีเหตุผลครับ
หน้าหวานๆ แบบนี้ ถามจริงๆ เคยมีหนุ่มๆ มาขายขนมจีบบ้างไหม?
ฟลุ๊ค: ก็มีอยู่บ้างครับ บางคนเข้ามาแต่เราไม่รู้ว่าเขามาจีบหรือเปล่า บางคนก็เข้ามาคุย แต่บางคนเขาก็เข้ามาบอกเลยว่าชอบนะ ขอจีบนะ อะไรแบบนี้
แล้วอย่างเน็ตไอดอลคนหนึ่ง พอจะมีสิทธิลุ้นบ้างหรือเปล่า?
ฟลุ๊ค: คือพี่คนนี้เรามีโอกาสได้เจอเขาในงานวันเกิดพี่ชิ ฟลุ๊คก็ติดตามเขามานานแล้วตั้งแต่เขามีคู่จิ้นกัน เราก็ติดตามเขามาตลอด แต่พอมีโอกาสได้คุยกันกับเขา เราก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลย เพราะว่าอย่างน้อยเราก็ไม่ได้ชอบเขาด้วย เราก็คิดกับเขาเป็นแค่พี่ เราคุยกับเขาเฉยๆ คุยกันเป็นพี่น้อง ทักทายกันตามปกติ แต่ไม่ได้คุยกันแบบมีกุ๊กกิ๊ก ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน คอนเฟิร์มว่าไม่มีครับ
แล้วกับฟลุค-ธีรภัทรล่ะ?
ฟลุ๊ค: กับพี่ฟลุคใหญ่ เรารู้จักกันมา 2 ปีแล้ว เรากินนอนอยู่ด้วยกันเป็นพี่น้องมาตลอด ก็คงเป็นแค่พี่น้องแหล่ะมั้ง เพราะว่าเราก็สนิทสนมเป็นพี่น้องมากกว่า (มีโอกาสจะพัฒนาความสัมพันธ์หรือเปล่า?) มีหรือไม่มี ก็ต้องรอดูอนาคต แต่เราก็คิดว่าเราเป็นพี่น้องกันน่าจะโอเคกว่า (หัวเราะ)
สุดท้ายนี้อยากให้ฝากผลงานตัวเอง…
ฟลุ๊ค: เร็วๆ นี้จะมีซีรีส์ LOL ชีวิตคิดบวก ของช่องทรู จะเริ่มถ่ายทำเดือนเมษายนครับ ส่วนผลงานภาพยนตร์หรือละครก็คอยติดตามเร็วๆ นี้เช่นกันครับ
Star Talk สัปดาห์นี้ เรียกได้ว่าแซ่บมากๆ
นอกจากจะน่ารัก ขยัน กตัญญู แถมยังโสดสนิทแบบนี้
จะมีหนุ่มๆ..เอ๊ย!! สาวๆ คนไหน มาจับจองเป็นเจ้าของหัวใจทั้งสี่ห้องดวงนี้กันหนอ…
ประวัติ ฟลุ๊ค-พงศธร
ชื่อเล่น: ฟลุ๊ค
ฉายา: ฟลุ๊คเล็ก (เพราะเป็นคนตัวเล็ก)
วันเดือนปีเกิด: 1 มิถุนายน 2539
อายุ: 18 ปี
ส่วนสูง: 171 เซนติเมตร
น้ำหนัก: 54 กิโลกรัม
การศึกษา: มัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ ลำพูน กำลังย้ายเข้ามาศึกษาต่อที่โรงเรียนสารวิทยา กทม.
งานอดิเรก: เล่นคอมพิวเตอร์ ช็อปปิ้ง ดูหนัง
บุคลิกส่วนตัว: ขี้อาย ขี้เขิน ยิ้มเก่ง พูดน้อย มีโลกส่วนตัวสูง
กีฬาสุดโปรด: แบดมินตัน ปิงปอง (เป็นอดีตนักกีฬาวิ่ง)
สีที่ชอบ: ฟ้า, เขียว
สัตว์เลี้ยงที่ชอบ: สุนัข กระต่าย (ปัจจุบันเลี้ยงทั้ง 2 ประเภท)
สิ่งที่ไม่ชอบ: แมลงทุกขนิด โดยเฉพาะแมลงสาบ
ภาพยนตร์เรื่องโปรด: ผีชีวะ (ทุกภาค)
แนวภาพยนตร์ที่ชอบ: แอคชั่น, โรแมนติก คอมเมดี้
แนวเพลงที่ชอบ: สตริง
ศิลปินในดวงใจ: เบิร์ด ธงไชย
นักแสดงในดวงใจ: ป๋อ-ณัฐวุฒิ
เป้าหมายสูงสุดในชีวิต: สามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ให้สบายได้
ผลงานที่ผ่านมา:
- ภาพยนตร์ เรื่อง เกรียนฟิคชั่น (พ.ศ. 2556)
- ภาพยนตร์ เรื่อง ตีสาม คืนสาม 3D (พ.ศ. 2557)
- ภาพยนตร์ เรื่อง พี่ชาย My Bromance (พ.ศ. 2557)
- หนังสั้นออนไลน์ รักจริงปิ๊งเก้อ ตอน Change รักไม่เปลี่ยน
- โฆษณาเมล็ดทานตะวัน ชาช่า