เรื่อง – อนันต์ ธัญญ์รัตน์ / ภาพ – วิวิศน์วรดร จันทรวงศ์

หากบอกออกไปตรงๆ ว่าตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ข้างๆ “คชา-นนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์” เชื่อว่า สาวๆ ทั้งหลายในขณะนี้ต้องอิจฉาผมเป็นแน่แท้ เพราะ “คชา” เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มฮอตมากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ หลังออกจากบ้าน เขาผ่านงานมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น เพลง คอนเสิร์ต ละครโทรทัศน์ ละครเวที โฆษณา พิธีกร ผู้คนมากมายรู้จัก คชา-นนทนันท์ ในฐานะศิลปิน ทว่าคนจำนวนไม่น้อยหลงในรูปลักษณ์ หน้าตา และรูปร่าง อีกส่วนหนึ่งติดตามผลงาน และรักในตัวตนของเขา

คชามาพร้อมชุดไปรเวทสบายๆ ตามสไตล์ของเขา ถึงแม้อากาศจะร้อนเพียงใดคชาก็ยังคงสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังพร้อมลุยงานในวันสบายๆ อย่างเต็มที่โดยไม่อิดออด

ปัจจุบันตารางเวลาของพ่อหนุ่มเนื้อหอมคนนี้ ค่อนข้างชุก จะทำอะไรก็ต้องวางแผนไว้ก่อน แต่ถึงคิวจะแน่นยังไง ก็ต้องมีเวลามาดูแลตัวเองอยู่บ้าง

“พอมีวันว่างหรือวันหยุดเราจะมีเวลาส่วนตัวของเราเอง เราก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าเราจะทำอะไร เพราะผมเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่าถ้าวันหยุดอยู่บ้านเฉยๆ นอนอยู่บ้านอย่างเดียว เราก็ดูจะไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่ได้ป่วยจริงๆ ก็จะไม่นอนอยู่บ้าน หากิจกรรมทำ ออกไปข้างนอก ออกไปเล่นกีฬา หรืออะไรก็ตาม ออกไปช่วยแม่ เป็นเรื่องปกติของผมไปแล้ว ถ้าอยู่บ้านเฉยๆ เคยมีวันหนึ่งที่รู้สึกนอยด์ เพราะว่าว่างมาก อยู่บ้านเฉยๆ อยู่แต่หน้าคอมฯ ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังจ้า จนพระอาทิตย์ตกดิน โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย”

เวลาว่างของเขาอาจจะไม่ใช่การออกไปหากิจกรรมทำนอกบ้านเสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขาในแต่ละวันด้วยเช่นกัน แต่ถ้ามีช่วงหยุดยาวล่ะ!?

“ถ้าเรารู้ตารางงานว่าจะได้หยุดยาว เราเตรียมตัวจะไปเที่ยว วันนั้นผมจะรู้สึกสดชื่นมากๆ เราจะได้เก็บกระเป๋าเตรียมตัว ออกไปเที่ยวต่างจังหวัด มันสนุกมากเวลาจัดของ ผมจะเป็นประเภทจัดเยอะไว้ก่อน มีความสุขมากที่ได้จัดเยอะๆ (หัวเราะ)”

คชายิ้มตลอดเวลาการสนทนา รอยยิ้มนั้นกับท่าทีที่เป็นกันเอง(รวมถึงเสียงหวานๆ) ทำให้ยิ่งอยากรู้มากขึ้นว่าหนุ่มอารมณ์ดีคนนี้จะมีเรื่องเครียดบ้างหรือเปล่า

“ความจริงผมว่าคนอารมณ์ดีกว่าผมมีเยอะมากๆ เลยนะ ผมก็ไม่ได้อารมณ์ดีขนาดนั้น แต่ผมว่าทุกคนคงมีเรื่องเครียดกันหมดซึ่งรวมถึงตัวผมเอง เราก็มีเรื่องเครียดอยู่ภายในใจเราแต่เราไม่อยากบอกให้ใครได้รับรู้ อยากจะแก้ไขมันด้วยตัวเอง วิธีคลายเครียดของผมก็มีหลายอย่างนะ อย่างเล่นดนตรี หรือ ชวนน้องๆ ของผมออกไปเล่นกีฬากัน ไปออกกำลังกาย ก็รู้สึกคลายเครียดแล้ว”

เมื่อผมค้นตัวตนของเขาต่อไปอีก เพื่อหาเรื่องล่าสุดที่ทำให้หนุ่มอารมณ์ดีคนนี้เสียใจ คชานิ่งพร้อมกับใช้นิ้วมือทั้งสองข้างแตะที่ขมับ พลันทำให้ผมนึกถึงอิ๊กคิวซังเวลาที่ต้องใช้ความคิด

“เรื่องลูกแมว คือ มีลูกแมวอยู่ในบ้านเราตัวนึง เราก็ไม่รู้มาก่อน มีคนมาบอกว่าแม่มันมาคาบไว้ อย่าไปโดนตัวมันนะ เพราะเดี๋ยวมันจะผิดกลิ่น แม่มันจะไม่รู้ว่าเป็นลูกตัวเอง วันนั้นเราก็ยังไม่ได้โดนตัว มีเพื่อนบอกว่าถ้าแม่แมวกลับมามันจะพาลูกมันไปเอง แต่ประเด็นคือคืนนั้นลูกแมวตาย เหมือนแม่แมวมันผิดกลิ่น แล้วเรารู้สึกว่าชีวิตอยู่ตรงหน้าเรา รู้ยังงี้เราเอามาเก็บไว้อีกทีหนึ่งดีกว่า เราไม่น่าปล่อยทิ้งไว้ เป็นเรื่องที่ทำให้เราเสียใจครับ (ร้องไห้ไหม?) ไม่ร้องไห้ คืนนั้นเพิ่งรู้ตอนตีสองกว่าๆ มันก็นอยด์”

หลังจากพูดถึงเรื่องสิ่งที่ทำให้เสียใจด้วยแววตาเศร้าสร้อย ผมก็เหลือบไปเห็นแก้วน้ำเปล่าของคชาที่วางไว้บนโต๊ะ โดยที่ไม่เขาไม่ได้แตะต้องมันเลย

“น้องสาวผมเป็นคนชอบทำขนม แล้วก็เอามาให้ผมชิม” คชาบอกกับผม หลังจากที่ผมถามไปว่า มีเมนูโปรด หรือ เครื่องดื่มในวันสบายๆ ไหม? “ล่าสุดที่ทำเหมือนจะเป็นบานอฟฟี่ ซึ่งก็ดูเป็นบานอฟฟี่อยู่ และก็ลองทำพิซซ่า ส่วนใหญ่ผมจะกำหนดเมนูไม่ได้เลยว่าผมจะได้กินอะไร เขาจะอยากทำอะไรให้ผมกินมากกว่า ผมเองก็ทำอาหารได้นะ แต่ยังไม่เคยทำให้คนอื่นกิน ทำให้ตัวเองกินได้ก็โอเคแล้ว (หัวเราะ)”

ด้วยความที่คชาเป็นคนเปิ่นๆ ในสายตาผม ไม่ว่าคชาจะหยิบจับหรือทำอะไรก็แลดูน่ารักไปเสียหมด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสาวๆ น้อยใหญ่ ต่างพากันหลงเสน่ห์เขามากขนาดนี้ ล่าสุดกำลังจะมีซิงเกิ้ลใหม่ แต่ชื่อออกจะแปลกสักหน่อย แล้วแต่จะคิด ไม่รู้ว่ามีที่มายังไง

“ตอนแรกเรารู้ว่าเรามีแพลนที่จะต้องทำเพลงที่มีจังหวะหรือเพลงเร็ว ผมก็คิดว่าถ้าเพลงเร็ว เราอยากจะสื่ออะไรออกไปดี เพราะว่าเราเห็นรุ่นพี่ศิลปินหลายคนมีเพลงเร็วออกมาแล้วไอเดียในเพลงนั้นไม่ธรรมดา เราก็เลยกลับมาคิดกับเพลงตัวเองบ้างว่า แล้วเราล่ะ จะใส่อะไรลงไปในเพลง แล้วก็ดันฉุกคิดขึ้นมาถึงเรื่องจาม คือปกติเวลาคนเราจาม ติดกันสองที ฮัดเช่ยๆ คนโบราณหรือแม่ผมก็จะบอกว่าถ้าจามแบบนี้แสดงว่ามีคนพูดถึงเราอยู่ เราก็เลยกลับมาคิดว่า ถ้าคิดมองในคนที่มีอารมณ์เพ้อฝันหน่อย จามอย่างนี้ คนที่เราแอบชอบคิดถึงเราอยู่แน่ๆ เลย อะไรประมาณนี้ครับ ก็เลยเอาไอเดียนี้ไปเล่าให้พี่แม็ค-ศรัณย์ฟัง ซึ่งเพลงนี้ก็ได้พี่แม็คเป็นโปรดิวเซอร์ให้เหมือนเดิม พี่แม็คก็เลยบอกโอเค เดี๋ยวลองเอาเรื่องของคชามาทำให้เป็นเพลงดู แล้วก็ออกมาเป็นแล้วแต่จะคิด”

แล้วคชามีส่วนร่วมอะไรกับเพลงนี้บ้าง ผมถามต่อ “ส่วนใหญ่ในเพลงนี้เขาให้เอาไอเดียของผม ไปเกือบทั้งหมดเลย เพลงอื่นก็จะมีไอเดียของเราบ้าง เล็กๆ น้อยๆ เหมือนเป็นจิ๊กซอว์ตัวนึงที่เอาไปประกอบให้เพลงนี้มันสมบูรณ์”

“นานเหมือนกัน (หัวเราะ)” คชาบอกกับผม หลังจากที่ผมป้อนคำถามไปว่า กว่าจะมาเป็นเพลงนี้ใช้เวลานานไหม “ปกติอัด แค่ของเลียนแบบ ให้ฉันทนเหงาฯ มันเป็นเพลงช้า เป็นเพลงที่เราถนัดอยู่แล้วฮะ เข้าห้องอัด 2 ครั้ง หรือบางครั้งครั้งเดียวก็เสร็จ แต่เพลงนี้เข้าห้องอัด 4 ครั้ง เพราะว่าอย่างแรกเลยต้องทำความเข้าใจกับเนื้อเพลงก่อน ว่าคนในเพลงเป็นยังไง นิสัยยังไง และอีกอย่างหนึ่งที่บอก มันเป็นเพลงเร็ว เพราะฉะนั้นออกเสียงไม่เหมือนกันอยู่แล้ว จำได้ว่าเข้าห้องอัดไปร้องครั้งแรก อัดเสร็จมานั่งฟังเสียงตัวเอง รู้สึกว่าไอ้นี่มันร้องเพลงช้า ไม่ได้ร้องเพลงเร็ว ก็เลยต้องปรึกษากับพี่แม็ค เขาก็อธิบายให้ฟัง แล้วก็มีพี่แนน-วาทิยา คอยแนะนำว่า ถ้าเราจะร้องเพลงแบบนี้ เราต้องเปลี่ยนวิธีการใช้เสียงนะ หรือต้องใส่ลูกเล่น แนะนำอะไรหลายๆ อย่างจนทำให้เพลงนี้มีสีสันขึ้นมา”

คาดหวังกับเพลงนี้มากน้อยแค่ไหน? ผมถาม

“ความจริงผมคิดเหมือนกันหมดทุกเพลง เหมือนตอนที่เราจะได้ออกแค่ของเลียนแบบใหม่ๆ เราตื่นเต้นพอแล้ว ว่าเราจะได้มีเพลงออกให้ทุกๆ คนฟัง ส่วนมันจะดังหรือไม่ดัง ถ้าดังก็ถือเป็นกำไรชีวิตของเรา แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นเหมือนเพลงก่อนๆ ก็ไม่เห็นเป็นไร อย่างน้อยเราก็มีเพลงออกไปให้คนที่ฟังเรา ผมว่ามันก็ต้องมีบ้างล่ะ อารมณ์ของใครสักคน ที่จะฟังเพลงของผมแล้วรู้สึกว่ามันตรงกับชีวิตเขาตอนนั้น แค่นั้นก็โอเคแล้วครับ”

ผมลองตั้งคำถามที่ใช้จินตนาการกับเขาดูว่า มีโมเม้นท์แล้วแต่จะคิดบ้างหรือเปล่า!? คชาเอ่ยค่อยๆ ว่า ขอนึกก่อนนะ พร้อมกับใช้ท่าอิ๊กคิวซังอีกครั้งหนึ่ง

“เคยมีตอนมัธยมต้น แอบชอบเพื่อนที่อยู่ชมรมดนตรีไทยด้วยกัน แล้วแต่จะคิดของเราคือแบบเขามาสอนเราเล่นตรงที่เราเล่นไม่ได้ คิดอะไรกับเราหรือเปล่าว้า อะไรประมาณนี้ แต่ก็แค่นั้นอ่ะ ทำให้เราเพ้อเจ้อไปได้ทั้งวัน ต่อยอดอะไรไปได้เรื่อยเปื่อย (ถือว่าเป็นรักแรกของเราหรือเปล่า?) จำไม่ได้เหมือนกัน (หัวเราะ) แต่ช่วงนั้นก็ว่าเป็นความรู้สึกที่มองทุกอย่างเป็นสีชมพู ทำอะไรก็มีความสุข ฟังเพลงไหนก็เพราะ”

ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ามีคนส่วนหนึ่งสงสัยถึงคอนเซ็ปต์เสื้อผ้าแต่ละเพลงของเขาว่ามาจากอะไร

“ความจริงมันเกิดจากการคุยกับพี่ๆ ที่ทำให้คชา หยิบมาดู หยิบมาเลือกกันเลยว่าแบบนี้โอเคไหม ส่วนเพลงแล้วแต่จะคิด เราก็เห็นว่าเพลงออกในช่วงซัมเมอร์พอดี เพราะฉะนั้นถ้าสีจะออกมาเป็นโทนเขียวหรือโทนฟ้าแบบเพลงสองเพลงที่ผ่านมา ก็จะดูแบบเบาไปนิดนึง ด้วยตัวชุดก็จะมีสีสันสดใสตลอดต้อนรับซัมเมอร์ มันก็ถือว่าเป็นอะไรที่น่าลุ้นอีกอย่างหนึ่งนะ สำหรับชุดคอนเซ็ปของแต่ละเพลง ผมก็ลุ้นเหมือนกันว่าจะเป็นยังไง (เห็นส่วนใหญ่บอกว่าแปลก?) สำหรับคนอื่นผมไม่รู้เหมือนกันนะ แต่สำหรับผม ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ ผมไม่ได้วางไว้ว่าตรงกับตัวเองหรือเปล่า เราอยากลองมากกว่า เพราะว่าถ้าแก่ไปกว่านี้เราอาจจะใส่ชุดแบบนี้ไม่ได้แล้วก็ได้นะ ใครจะไปรู้ ขอลองก่อนล่ะกัน (หัวเราะ)”

“ขอฝากซิงเกิ้ลล่าสุด แล้วแต่จะคิด ที่ทุกคนจะได้ฟังเร็วๆ นี้ เพลงนี้จะปล่อยให้ได้ฟังกันในวันที่ 26 มีนาคม พร้อม MV ครับ นอกจากซิงเกิ้ลแล้วจะมีเป็นแขกรับเชิญของคอนเสิร์ตพี่แม็ค-ศรัณย์ รักเต็มแม็กซ์ ในช่วงเดือน กรกฎาคม แล้วก็จะมีละครเวทีช่วงปลายปี กับเพื่อนผม เต๋า-เศรษฐพงศ์ เป็นละครเวทีแนวคอมเมดี้แน่นอน ก็ฝากติดตามด้วยครับ” คชาฝากทิ้งท้าย ก่อนจากกัน

ผมอวยพรให้เพลงนี้ดังติดชาร์ตเพลงทั่วประเทศ คชายกมือไหว้ขอบคุณผม ดวงตาและคำตอบของเขาส่งข้อความบอกว่า “สาธุ…”