ญี่ปุ่นชื่นชมผลงาน “หม่อมน้อย” “อุโมงค์ผาเมือง” ร่วมฉาย “เทศกาลหนังนานาชาติกรุงเกียวโต”

27 December 2012 14:07  /  534 ผู้ชม - no comments
1 Star2 Stars3 Stars4 Stars5 Stars (No Ratings)
Loading...Loading...

ใน “เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ Kyoto Historica International Film Festival ครั้งที่ 4” (KHIFF) ที่จัดขึ้น ณ กรุงเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 1-9 ธ.ค.ที่ผ่านมานี้ ภาพยนตร์เรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” (The Outrage) อีกหนึ่งผลงานคุณภาพของผู้กำกับมากฝีมือ “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” เป็นภาพยนตร์ไทยเพียงเรื่องเดียวที่ได้รับเชิญให้ไปฉายโชว์ในเทศกาลนี้โดยคณะกรรมการจัดงานชาวญี่ปุ่น พร้อมกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากนานาชาติอีก 11 ประเทศทั่วโลกคือ อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, สเปน, อิตาลี, รัสเซีย, สหรัฐอเมริกา, จีน, เกาหลี, ฮ่องกง และญี่ปุ่นประเทศเจ้าภาพ

โดยภาพยนตร์เรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” ได้รับเกียรติฉายที่ Museum of Kyoto อันเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งกรุงเกียวโตเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. โดยหม่อมน้อยและ “นิว-ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต” ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานในฐานะตัวแทนของประเทศไทย

หม่อมน้อยเปิดเผยว่า “เทศกาลนี้เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองภาพยนตร์พีเรียดหรือภาพยนตร์ย้อนยุคจากทั่วโลกซึ่งเน้นคุณค่าทางศิลปะและวัฒนธรรมของแต่ละภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งกิจกรรมของเทศกาลนี้มีทั้งการสัมมนาการสร้างภาพยนตร์ย้อนยุคและเวิร์คช็อปการสร้างภาพยนตร์ย้อนยุคโดยนักศึกษาและผู้สร้างภาพยนตร์รุ่นใหม่จากนานาชาติ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทภาพยนตร์ Toei Studio, บริษัท Shochiku Studio และเทศบาลกรุงเกียวโต

สำหรับภาพยนตร์เรื่อง อุโมงค์ผาเมือง ได้รับความสนใจจากศิลปิน, นักแสดง และผู้สร้างภาพยนตร์ รวมทั้งสื่อมวลชนชาวญี่ปุ่นเป็นพิเศษ เพราะเราได้ดัดแปลงจากภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Rashomon ของ Akira Kurosawa บรมครูแห่งวงการภาพยนตร์โลกชาวญี่ปุ่น เขารู้สึกทึ่งในการดัดแปลงเรื่องญี่ปุ่นให้เป็นวัฒนธรรมไทยได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เป็นทูตวัฒนธรรมที่สร้างความเข้าใจอันลึกซึ้งในขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวไทยแก่สังคมโลก”

ในเทศกาลนี้ หม่อมน้อยได้กล่าวสุนทรพจน์ใน Reception Party ซึ่งจัดขึ้นที่โรงถ่าย Shochiku Studio ที่กรุงโอซาก้า และชมการถ่ายทำภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ Toei Studio รวมทั้งชมศาสนสถานสำคัญในกรุงเกียวโต นับเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างผู้สร้างภาพยนตร์ไทยและผู้สร้างภาพยนตร์จากนานาชาติได้เป็นอย่างดี