พี.โอ.พี
P.O.P (Period of Party) คือ วงดนตรีที่เติบโตขึ้นมาในยุคที่วงการเพลงไทยเริ่มปฏิวัติตัวเองจากค่ายใหญ่มาเป็นค่ายเพลงอิสระ โดยพวกเขาเซ็นสัญญากับสังกัดเบเกอรี่ มิวสิค ซึ่งถือว่าเป็นค่ายเพลง ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างทิศทางเพลงที่แตกต่างให้กับวงการเพลงไทยในพ.ศ.นั้น
พี.โอ.พี ก่อตั้งวงขึ้นมาในช่วงต้น พ.ศ. 2541 โดยเด็กหนุ่มไฟแรง 3 คน ที่รักการเล่นดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ คือ ก้อ-ณฐพล ศรีจอมขวัญ, โต้ง-มณเฑียร แก้วกำเนิด และ นภ พรชำนิ ช่วงแรกพวกเขารวมตัวกันในนาม TNK ซึ่งย่อมาจากชื่อเล่นโดยไล่อักษรตามความสูงของทั้ง 3 คน ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น P.O.P อย่างเป็นทางการตอนที่เริ่มวางอีพีชุดแรก “Era” (2541) ตามด้วยอัลบั้มเต็ม P.O.P (2543) มีเพลงฮิตที่ยังกลายเป็นเพลงที่ทำหน้าที่ยาวนานมาจนถึงวันนี้ อาทิ “แค่ได้พบเธอ”, “ที่แห่งนี้”, “รักของเธอมีจริงหรือเปล่า”, “ไม่มี” ฯลฯ และตามมาด้วยอัลบั้มอคูสติก “In The Room” (2543) จากนั้นสมาชิกแต่ละคนต่างได้แยกย้ายกันไปทำโปรเจ็คท์ส่วนตัว เริ่มจาก ก้อ เริ่มก่อตั้งวง Groove Riders ส่วน นภ มีอัลบั้มเดี่ยว “The Beginning” โต้ง ยังเล่นดนตรีอยู่ทั้งเบื้องหน้าและ เบื้องหลัง
หลังจากแยกกันไปพักใหญ่ๆ พี.โอ.พี กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อทำอัลบั้มสุดท้ายใน “S” (2546) ซึ่งย่อมาจากคำว่า Summary พร้อมประกาศยุติการทำงานของวงอย่างเป็นทางการในคอนเสิร์ต “An Era Has Been Completed” วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2547 ณ อิมแพค อารีนา เมืองทองธานี
8 ปีให้หลัง ตัวตนของสมาชิกแต่ละคนใน พี.โอ.พี ยิ่งชัดเจนขึ้นไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทของ นักร้อง นักดนตรี หรือ โปรดิวเซอร์ พวกเขาคือศิลปินที่ยืนอยู่แถวหน้าของวงการเพลงไทย และชื่อของ พี.โอ.พี ก็เสมือนเป็นตัวแทนของมิตรภาพที่ยังอยู่ในห้วงคำนึงของสมาชิกทุกคน
จากจุดเริ่มต้นของความคิดถึง ก้อ โต้ง และ นภ ตัดสินใจกลับมารวมตัวกันเพื่อปลุกมิตรภาพของเพื่อนเก่าและเสียงดนตรีที่คุ้นเคยของ พี.โอ.พี ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง พร้อมเพิ่มความต่างในรสชาติให้จัดจ้านขึ้นด้วยการชวนสมาชิกใหม่เข้ามาเพิ่มอย่างเป็นทางการ 2 คน คือ เจอรี่-ศศิศ มิลินทวนิช อดีตมือกีตาร์จากวง 2 Days Ago Kids และ สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์ หรือ Mr.Z ร่วมเป็นสมาชิกของวงในคราวนี้ ด้วยทางดนตรีที่เข้มข้นขึ้น ไม่ว่าจะด้วยเมโลดี้ ซาวน์ดดนตรี หรือเนื้อหา ที่เติบโตตามวัยวุฒิและคุณวุฒิของสมาชิกทุกคน
“ไม่ว่าข้างหน้าจะเกิดอะไร เราจะก้าวไปด้วยกัน”
คือนิยามของคำว่า “Rock” ที่ พี.โอ.พี เลือกนำมาใช้เป็นชื่ออัลบั้มชุดนี้ นอกจากความหมายดีๆของคำว่า “มิตรภาพ” ที่มีต่อกันมายาวนาน
“Rock” ในชุดนี้ ยังบอกถึงทิศทางของเพลงในอัลบั้ม พร้อมโชว์ศักยภาพและทางถนัด ในความเป็นตัวจริงในวงการดนตรีของแต่ละคนออกมานำเสนออย่างเต็มเปี่ยม โดย ก้อ รับหน้าที่เป็นผู้ดีไซน์ซาวน์ดดนตรี ด้วยการนำซาวน์ดร็อคเก่าๆ ในแบบที่พวกเขาชอบมาผสมผสานเข้ากับการสร้างไลน์กลองใหม่ๆ ของ สมเกียรติ ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าพ่อทางเพลงอีเล็คโทรนิกส์ตัวพ่อของวงการ บวกเข้ากับการเล่นกีตาร์ไลน์ประสานล้ำๆ และหนักหน่วงของ เจอรี่ กับ โต้ง ซึ่งเป็นซาวน์ดกีตาร์ที่หายไปนานสำหรับวงการเพลงไทย และ พี.โอ.พี ได้ปลุกมันคืนชีพกลับมาได้ยินกันอีกครั้ง สำหรับภาคเสียงร้องทุ้มนุ่มของ นภ อันเป็นสัญลักษณ์ของ พี.โอ.พี ที่แฟนๆ คุ้นเคย ก็จะกลับมาได้ยินกันให้หายคิดถึง
“Rock” ของ พี.โอ.พี ในอัลบั้มนี้จึงเต็มไปด้วยซาวน์ดดนตรีที่หนักแน่น ทว่ากลมกล่อมไปด้วยการเรียบเรียงเมโลดี้ที่ไพเราะจับใจ และที่สำคัญกว่าอื่นใด เพราะการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งด้วยมิตรภาพแห่งความคิดถึง ดนตรีของ พี.โอ.พี ในอัลบั้มนี้จึงถูกถ่ายทอดออกมาบนพื้นฐานของความสุขล้วนๆ
All songs Arranged and Produced by P.O.P
เพลงที่ 1 – จนกว่า (Until)
Written by Pairach Nalinthrangkurn and P.O.P
Composed by P.O.P
เพลงนี้ถูกวางไว้เป็นเพลงแรกของอัลบั้ม ที่แต่งออกมาต่างสถานที่ ต่างเวลา โดยเนื้อท่อนแรก นภ แต่งไว้ตอนอยู่เมืองนอก และ เจอรี่ นำมาแต่งต่อในท่อนที่ 2 แล้วก็ถูกทิ้งไว้ก่อน กระทั่ง โต้ง นำมาแต่งต่อ โดยความพิเศษของเพลงนี้จะมีเนื้อหาใจความที่เป็นปรัชญาชีวิตเล็กๆ ผสานกับโครงสร้างดนตรีที่ค่อนข้างหนักแน่นในทางของกีตาร์ยุค 70’s ที่ เจอรี่ และ โต้ง จะโชว์การเล่นในแบบกีตาร์คู่ ซึ่งซาวน์ดดนตรีแบบนี้ห่างหายจากวงการเพลงไปนาน
เพลงที่ 2 – ถึงเวลา (Who moved my cheese?)
Written by Boyd Kosiyabong
Composed by P.O.P
เพลงนี้คือซาวน์ดในแบบ พี.โอ.พี เป็นเพลงช้าแบบดราม่าที่แฟนเพลงของ พี.โอ.พี จะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เนื้อหาของเพลงได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือ ที่ชื่อว่า Who moved my chesse? กับเรื่องราวของคนที่กลัวการเปลี่ยนแปลง เป็นอีกเพลงที่สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องราวการเดินก้าวแรกของ พี.โอ.พี. ในวันวาน
เพลงที่ 3 – ได้ยินความรักบ้างไหม (Can You Hear My Heart?)
Written by Zentrady and P.O.P
Composed by P.O.P
เพลงนี้มีความพิเศษตรงที่ได้บอย ตรัยมาเขียนเนื้อให้ เป็นเพลงที่สมาชิก พี.โอ.พี ช่วยกันแต่งทำนองขึ้นมาในช่วงที่เกิดสถานการณ์น้ำท่วม เลยอยากได้มุมมองในเชิงบวกและการให้กำลังใจ ซึ่งเป็นเพลงฟังสบายในแบบ feel good
เพลงที่ 4 – คนที่ไม่บอกผ่าน (Non Passer By)
Written and Composed by P.O.P
เป็นเพลงแรกที่สมาชิกทั้ง 5 ร่วมกันแต่งขึ้นมาในนามของ พี.โอ.พี เพลงนี้ถือเป็นเพลงที่โชว์ศักยภาพในทางถนัดทางด้านดนตรีของแต่ละคน จนเกิดเป็นซาวน์ดแปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเพลงของ พี.โอ.พี มาก่อน กับการนำเสนอซาวน์ดที่หนักแน่น แต่สนุกด้วยการวางเมโลดี้ที่ฟังง่ายไม่ซับซ้อน เป็นเพลงที่เป็นตัวแทนของการบอกเล่าเรื่องราวระหว่างทางของ พี.โอ.พี ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ที่สำคัญเพลงนี้เป็นเพลงที่ นภ บอกว่าฟังกี่รอบก็ไม่มีเบื่อ
เพลงที่ 5 – ชอบอ่ะ (Rock It Like It)
Written by Boyd Kosiyabong, Pairach Nalinthrangkurn, and P.O.P
Composed by P.O.P
เป็นเพลงที่มีกลิ่นความเป็นร็อคชัดที่สุดในอัลบั้ม เกิดจากการที่ เจอรี่ และ โต้ง ช่วยกันสร้างเมโลดี้ขึ้นมา เมื่อสมเกียรติ ได้มาฟังแล้วชอบเพลงนี้มาก เลยอาสาเอามาทำไลน์กลองให้ ความยากของเพลงนี้อยู่ที่การวางคอร์ดให้ตรงกับแพทเทิร์นในทางร็อคให้ได้มากที่สุด โดยผสานไลน์กลองที่ล้ำสมัยให้กลมกลืน เพลงนี้จึงออกมาเป็นร็อคที่ให้จังหวะจะโคนสนุกๆ ของเนื้อร้องและทำนอง เป็นการนำเสนอตัวตนที่แตกต่างของ พี.โอ.พี ที่แฟนๆสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน
เพลงที่ 6 – P.O.P (ร่วมทาง)
Written by P.O.P
Composed by Boyd Kosiyabong and P.O.P
เพลงนี้ถูกเลือกเอาไว้ให้เป็นเพลงล้างหูในอัลบั้ม กับการใช้กีตาร์อะคูสติกเป็นพื้นหลัก เป็นเพลงฟังสบาย ที่ให้อารมณ์การฟังที่ผ่อนคลายและไพเราะ
เพลงที่ 7 – ลมหายใจ (You’re My Everything)
Written and Composed by Boyd Kosiyabong
เพลงเก่าของ บอย โกสิยพงษ์ นำมาคัฟเวอร์ใหม่ ในท่วงทำนองที่ทันสมัยมากขึ้น เพลงนี้เป็นซิงเกิลแรกที่พวกเขาทั้ง 5 ร่วมกันทำออกมาเพื่อเปิดตัว พี.โอ.พี ในวันนี้ เป็นอีกนัยยะที่อยากบอกกับแฟนๆว่า แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหน ลมหายใจของการเป็นคนดนตรียังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
เพลงที่ 8 –อยากให้เธอรู้ – No Matter What
Written and Composed by Boyd Kosiyabong and P.O.P
เพลงสุดท้ายในอัลบั้มที่เสมือนเป็นบทส่งส่งท้ายของอัลบั้มชุดนี้ ที่ บอย โกสิยพงษ์ ยังรับหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดเนื้อเพลงเหมือนหลายเพลงที่ผ่านมา โดยเพลงนี้ บอย ได้ดึงคาแร็กเตอร์ของแต่ละคนออกมาเขียนเป็นเนื้อ เพื่อบอกกับคนฟังว่าเส้นทางของ พี.โอ.พี ก้าวนี้จะเป็นก้าวเดินต่อที่ไม่ซ้ำทางเดิม และพวกเขาก็จะสร้างอะไรใหม่ๆสู่คนฟังต่อไปตราบที่ยังมีลมหายใจอยู่