บทบาท-คาแร็คเตอร์
สวัสดีครับ ผม “เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา” มีหนังใหม่มาอีกแล้วครับ เป็นหนังรักหฤโหด โคตรมหาฮา “ทาสรักอสูร” กำกับด้วย แสดงเองด้วย เหมือนเคยครับ
เรื่องนี้รับบทเป็น “นายหัวเพิ่ม” ครับ เป็นเจ้าของเกาะ รักศิลปะ เป็นอาร์ติสท์ เป็นคนที่จริงจังแต่ว่าก็มีความจริงใจนะ แต่ด้วยความที่มีอดีตฝังใจเรื่องการตายของพี่สาว ก็เลยทำให้เป็นคนเคร่งขรึม ก็ถือว่าเป็นบทที่เครียดเหมือนกันนะ ทั้งเรื่องไม่ได้ยิ้มเลย
ในเรื่องนี้ต้องมีการปรับลุคหรือเตรียมตัวอะไรบ้าง
ลุคก็จะเข้มๆ เป็นอาร์ติสท์ ศิลปินหน่อยๆ ต้องใส่หนวดใส่เครา ใส่วิกผมยาว เป็นคนเกาะ ออกแนวเถื่อนๆ อารมณ์เจ้าของเกาะ ต้องเป็นคนขรึมนอกนุ่มใน ต้องดูน่าเชื่อถือ เพราะว่าเป็นนายหัวเพิ่ม แล้วหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ใต้ ก็เลยต้องมีพูดใต้กันบ้าง ปกติก็พูดใต้ได้ประมาณนึงอยู่แล้ว โชคดีที่เคยไปอยู่ใต้มาก่อน ไปอยู่กับแม่ที่พังงา ก็พอได้อยู่
จุดเริ่มต้นของ “ทาสรักอสูร”
มันมาจากการที่เราอยากเปลี่ยนสไตล์ อยากตลกแบบดราม่า ซีเรียสนิดๆ ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบดูหนังไทยเก่าๆ ละครก็ดูบ้าง ก็เลยมาปิ๊งที่สไตล์หนังของพี่เปี๊ยกพิศาล ก็ถือเป็นแรงบันดาลใจของการทำหนังเรื่องนี้นะ ก็เลยคิดว่าเอามาทำเป็นแบบฮาๆ ดีมั้ย เราไม่ต้องใช้คำหรูๆ ใช้คำง่ายๆ ให้อารมณ์เป็นภาพยนตร์รักหฤโหด โคตรมหาฮา ซึ่งเราไม่ได้ตบจูบๆ เหมือนเขา แต่ของเราเป็นคิวแอ็คชั่นเวอร์ๆ สวยๆ แทน
ฟังจากชื่อ “ทาสรักอสูร” หลายคนคิดว่าคงเป็นการเอาละครหลังข่าวมาล้อเลียนหรือเปล่า
ไม่นะ ผมว่าคนละอย่างกันเลย อันนี้มันก็จะทางของเรา ตอนไปเสนอเสี่ยเจียง (สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) เสี่ยเห็นชื่อแล้วถามว่าเป็นหนังชีวิตหรือเปล่า ผมบอกไม่ๆ เป็นหนังตลก ดราม่า มีโรแมนติกด้วย เนื้อเรื่องอาจมีอิงจากในละครบ้าง แต่ผมจะเล่าใหม่ในทางของผม เราก็มานั่งไล่เรียงว่าจะทำยังไงดี ก็เลยมานั่งคุยกับทีมงานว่าบทมันน่าจะเป็นแบบนี้นะ เราอยากจะทำอะไรให้แตกต่าง คือถ้าเราจะทำให้มันเหมือนเป็นละคร มันก็ไม่ได้ เราต้องทำฟีลภาพยนตร์ที่มันต้องดูหนาๆ กว่านั้น
เรื่องราวใน “ทาสรักอสูร”
มันเป็นเรื่องราวของนายหัวเพิ่ม ที่มีความแค้นอยู่ในใจ เพราะพี่สาวเขาฆ่าตัวตายไป เพราะโดนผู้ชายที่กรุงเทพฯ หลอก นายหัวเพิ่มก็เลยไปจับลูกสาวเขามาเป็นตัวประกัน ก็ใช้งานเป็นทาส สนองความแค้นกันไป แต่เรื่องนี้มันจะต่างจากในละครเลยนะ คาแร็คเตอร์อู้อี้ที่พิ้งกี้เล่นเนี่ย ไม่ใช่นางเอกในละครเลย เป็นผู้หญิงขี้วีน ชอบพูดหยาบคาย แต่พระเอกนี่จะขรึมๆ ไม่พูด ไม่ยิ้มเลย คือตัวละครสองตัวก็ห้ำหั่นกันไป จนเกิดเป็นความรักที่ไม่รู้ตัว แต่ก็มีสองตัวร้ายคือ คุณนายดอกอ้อ กับ เจ็ทสกี ที่หวังเคลมนายหัวเพิ่ม ก็เลยกลั่นแกล้งนางเอก คือนายหัวเพิ่มหล่อมากไง ก็ต้องแย่งกัน ก็สุดท้ายหนังจะลงเอยด้วยความแค้นหรือความรักต้องไปดูกัน
เป็นไงมาไงถึงได้ “พิงกี้-สาวิกา ไชยเดช” มาเป็นพลิกคาแร็คเตอร์แบบคนดูต้องเซอร์ไพรส์ พอดีเขาเป็นเพื่อนกับน้องเอ็มลูกสาวผม (โปรดิวเซอร์เรื่องนี้) ตอนคิดจะทำเรื่องนี้ก็คิดว่าจะไปหาใครมาดีนะ ลูกสาวก็มาบอกว่าพ่อลองคุยกับพิ้งกี้มั้ย เราก็บอกว่าต้องบอกไปนะว่าจะมาเล่นต้องเจอจัดหนัก ต้องเล่นเป็นคนหยาบคาย หยาบกระด้าง เขาจะยอมรึเปล่า แต่คุยไปคุยมาพิ้งกี้ก็โอเค ยอมมาเล่น ผมยังเคยถ่ายเอ็มวีกับพิ้งกี้เลยนะ ตั้งแต่เขายังเด็กๆ อยู่เลย แล้วพอมาทำงานด้วยกันเรื่องนี้ พิ้งกี้มีความเป็นมืออาชีพสูงมาก ให้ทำอะไรก็ทำ ให้เป็นอะไรก็เป็น ทั้งเรื่องเขาไม่ได้สวยเลยนะ มีแต่งเป็นขอทานด้วย มาสวยตอนเกือบจะจบแล้ว คนดูจะต้องตกใจกับพิ้งกี้เรื่องนี้กับบทอู้อี้แน่ๆ
ในเรื่องต้องมีการเข้าฉากเลิฟซีนกันด้วย เบื้องหลังการทำงานเป็นไงบ้าง
ต้องบอกว่าเกร็ง เขินมากฉากนี้ ก็คุยกับทีมงานว่าไม่เอาได้มั้ย ทีมงานก็รู้ว่าถ้าถ่ายฉากนี้เนิ่นๆ ผมไม่เอาแน่ ก็เลยเอาไว้วันสุดท้ายเลย เราก็ไม่คอยอยาก เพราะเกรงใจพิ้งกี้ แต่ทีมงานบอกมันต้องมี ตัวพิ้งกี้เค้าเฉยๆ ไม่ได้อะไรอยู่แล้ว แต่เราไม่ชอบกอดชอบเล่นฉากอะไรแบบนี้กับนางเอกอยู่แล้ว คือพอมันกอดแล้วมันไม่มั่นใจในตัวเอง มันอาย พิ้งกี้ก็บอกว่าน้าหม่ำเต็มที่เลย เราอ๊ายอายที่พิ้งกี้พูดแบบนี้ เราก็บอกน้าขอทีเดียว เทคเดียวเลย ให้พิ้งกี้ตั้งใจนะ ก็เทคเดียวผ่านเลย
สองดาวร้ายขวัญใจแม่ค้า “อ๋อม สกาวใจ – อุ้ม ลักขณา” ที่สวมบทขวากหนามหัวใจของพระนางในเรื่องนี้
ได้สองคนนี้มาเล่นถือว่าลงตัวเลย คือตัวละครของ “ดอกอ้อ” กับ “เจ็ทสกี” จะพยายามแย่งนายหัวเพิ่มกัน อย่าง อ๋อม-สกาวใจ รับบทเป็นดอกอ้อ เป็นแฟนเก่าที่กลับมาง้อขอคืนดี จะร้ายแบบจอมวางแผนหน่อย อ๋อมถึงจะมาจากสายละคร แต่พอมาเล่นหนังเขาก็ทำได้ดี คือร้ายออกตาออกหน้าเลย ส่วนอุ้มในเรื่องชื่อเจ็ทสกี เป็นหลานคนใช้ในเกาะ เจ็ทสกีก็จะร้ายแบบน่ารักๆ ใช้เสน่ห์ยั่วยวนนายหัวเพิ่ม เพราะอยากเป็นเจ้าของเกาะ แต่อุ้มเขาทุ่มสุดตัวจิงนะ ก็จะมีถึงเนื้อถึงตัว บางทีก็เอาหน้าอกมาถูหลังอย่างเนี่ย เราก็อุ้ยตายๆ ผมว่าเวลาอุ้มกับอ๋อมเข้าฉากกัน เวลาต่อปากต่อคำกันมันดูเข้าขากันดีนะ
ใน “ทาสรักอสูร” ยังมีเหล่านักแสดงมาสร้างเซอร์ไพรส์อีกคับคั่ง
มีเพียบเลย อย่าง “น้ำฝน สรวงสุดา” ก็เล่นเป็นแม่ของอู้อี้ คือคาแร็คเตอร์จะเหมือนนางเอกเลย เหมือนกันเด๊ะ เป็นคนกระด้างหยาบคาย เขาแสดงไปขำไป คือเขาไม่เคยแสดงอะไรแบบนี้มาก่อน “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” เล่นเป็นพ่อนางเอก ก็สุภาพนิ่มนวลแตกต่างจากภรรยาเลย แล้วก็ยังมี “พัน พลุแตก” เล่นเป็นคู่หมั้นนางเอก โผล่มาฮาแน่นอน ยังมีอีกหลายคนนะ แต่ไว้ไปดูในหนังกันดีกว่า
โดดเด่นด้วยฉากหฤโหดลีลา 360 องศา นี่เป็นยังไง
ยกตัวอย่างซักฉากละกัน มันเป็นฉากที่ดอกอ้อกับเจ็ทสกีจะมารุมตบอู้อี้ เราก็ดีไซน์ไม่ให้ออกมาเป็นฉากตบธรรมดา อารมณ์เหมือนหนังโจวชิงฉือนิดๆ มีขึ้นสลิง กระโดดตบเหมือนแข่งวอลเล่ย์บอลเลย ก็ทั้งพิ้งกี้, อุ้ม, อ๋อม เขาก็ต้องมีขึ้นสลิง แล้วแต่ละคนนี่ไม่เคยต้องมาแอ็คชั่นอะไรแบบนี้เลย แล้วถ่ายกันตั้งแต่เช้ายันเย็น ถ่ายยากนะฉากนี้ ลองดูในหนังกัน ส่วนผมกับพิ้งกี้ก็มีปะทะคารมกันตลอด ก็โดนเขาด่าต่างๆ นานา แต่ละคำนี่ อื้อหือ แล้วเวลาทะเลาะกันอยากให้นึกถึงหนังพี่พันนาไว้ แบบนั้นเลย ลองไปดูกัน
“ทาสรักอสูร” ผลงานกำกับลำดับที่ 11 ในชีวิต หนังเรื่องนี้จะมีรสชาติออกมาแบบไหน
ผมคิดไว้นานแล้วว่าอยากจะทำหนังรักสไตล์ใหม่ซักเรื่อง เราเคยทำหนังรักๆ แบบคุณชายมาแล้วใน “วงษ์คำเหลา” เราเคยทำหนังรักบ้านๆ ใน “แหยมยโสธร” มาแล้ว อันนี้ก็จะออกแนวรักโหดๆ ดูบ้าง คือมีความเป็นหนังรักสไตล์โหดแบบสมัยก่อนอยู่ แต่ก็ใส่ความตลก เพิ่มสีสันของคาแร็คเตอร์ตัวละครไป มีฉากแอ็คชั่น ฉากดีไซน์ให้มันมีมิติ ด้วยเนื้อเรื่องแล้วผมว่าครบรสนะ โหด มันส์ ฮากันเลย
ก็อยากฝากหนังเรื่องนี้ให้เข้าไปฮาน้ำตาเล็ดกันครับพี่ๆ น้องๆ ภาพยนตร์รักหฤโหด โคตรมหาฮา “ทาสรักอสูร” 10 กรกฏาคมนี้ โหด มันส์ ฮา ทุกโรงภาพยนตร์ครับ