ปิดกล้องเรียบร้อยแล้วสำหรับภาพยนตร์แนวแฟนตาซี คอมเมดี้เรื่อง กระสือครึ่งคน เป็นเรื่องราวการผจญภัยของคนตัวเล็ก(คนแคระ)ที่เรียกได้ว่ารวมนักแสดงคนแคระไว้มากที่สุดในประเทศไทย ผลงานการกำกับฯเรื่องล่าสุดของ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ที่ขอนำเสนอความคิดแปลกๆใหม่ๆมาให้คอหนังคนไทยได้ชมกัน
โดยงานนี้ผู้กำกับฯ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ลงทุนปิดร้าน Blossom de ย่านศรีนครินทร์ 42 พร้อมกับประกาศข่าวดีที่ได้รับประทานปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ปริญญาเอก) สาขาวิชาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย งานนี้ก็เลยเป็นการเลี้ยงฉลองปริญญาเอกพร้อมกับเลี้ยงปิดกล้องด้วยเลย ภายในงานมีทั้งญาติสนิท พี่ๆ น้องๆ แฟนคลับ ทีมงาน นักแสดง ร่วมแสดงความยินดีมากมาย บรรยากาศภายในงานเปิดตัวด้วยการแสดงกลองไทโกะและชมวีทีอาร์ภาพยนตร์เรื่อง “กระสือครึ่งคน” ให้ได้เฮฮาพอเรียกน้ำย่อยของความสนุก ต่อด้วยไฮไลท์ของงานคือการแสดงเต้นประกอบเพลง ขอใจเธอแลกเบอร์โทร จากนักแสดงนำในเรื่องกระสือครึ่งคน นำทีมโดย มดตะนอย-วรวรรณ กันจร (นางเอก),เกตุ –เกตุ สายเจริญ (พระเอก) จิ๋ว- ประจักษ์ แนวพิลา,ต้า-คมจิตร ใต้คีรี ,บอล-ชัยพร ศักดิ์ศร ,แบต-พรหมลิขิต กระทชเพชร เรียกเสียงกรี๊ดอย่างสนุกสนาน ปิดท้ายด้วยการคว้าไมค์โชว์พลังเสียงของเหล่านักแสดงคนแคระ ที่ตัวเล็กแต่เสียงไม่เล็ก ร้องเก่ง ร้องเพราะ เต้นกันสู้ตายงานนี้
บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เผยถึงหนังเรื่อง กระสือครึ่งคน ว่า “หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่น่ารักมากเป็นแนวแฟนตาซี คอมเมดี้ เป็นหนังครอบครัวดูได้ทุกเพศทุกวัย เป็นเรื่องที่ผมคิดว่ายังไม่เคยมีใครทำมาก่อน ผมรวบรวมนักแสดงคนแคระทั้งเรื่องก็ประมาณ 70 คน เรียกได้ว่ารวมคนแคระทั่วประเทศมาเลย ต่างคนต่างมากันด้วยความเต็มใจ และดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในหนังเรื่องนี้ ผมคัดเลือกพระเอก-นางเองจากคนแคระที่มาสมัครเลย เค้าแสดงกันได้น่ารักมาก ผมอยากให้ผู้ชมเห็นถึงความสามารถ ความน่ารักของพวกเค้ามากกว่า อย่าไปมองถึงปมด้อยของเค้าอย่างเดียว พวกเค้ามีชีวิตที่ปกติ มีความสุขตามอัตภาพมีสามีมีลูก ผมไม่ได้เอาพวกเค้ามาทรมานมาดูถูกแต่อย่างใด อย่าวิตกว่าจะเอาคนแคระมาหากิน ตอนถ่ายทำผมและทีมงานดูแลเค้ากันเป็นอย่างดี เรื่องนี้ลงทุนค่อนข้างเยอะก็ประมาณ 25 ล้าน เพราะต้องสร้างหมู่บ้านคนแคระ ทำโลเกชั่นให้เหมาะและสะดวกสำหรับนักแสดง ทุกอย่างต้องย่อส่วนอาทิ ห้องน้ำ โต๊ะ เก้าอี้ และจัดทีมงานให้มีหน้าที่ดูแลนักแสดงเป็นพิเศษ ผมยืนยันว่าไม่สนใจคำวิจารณ์อะไรที่ไม่ดีทั้งเรื่องหนังและเรื่องการช่วยเหลือคน อะไรที่ไม่ดีเดี๋ยวมันก็ผ่านไป เป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งเจอคำวิจารณ์ก็ยิ่งอยากทำมากขึ้น ส่วนเรื่องการช่วยคนผมคิดว่าถ้าสักวันคนที่ด่าผมแล้ววันนั้นผมเข้าไปช่วยเหลือเค้าวันนั้นเค้าก็จะรู้เองว่าเป็นยังไง ส่วนอนาคตหนังเรื่องต่อไปก็อยากทำหนังสาวประเภทสอง ถ้าท่านใดสนใจก็ติดต่อมาที่บริษัท บิณฑ์ บูม บิสซิเนส จำกัด แต่ตอนนี้ก็ขอฝากหนังเรื่อง “กระสือครึ่งคน” ด้วยนะครับ เข้าฉายประมาณปลายปีนี้รับรองว่าดูแล้วต้องรักพวกเค้าครับ”