เอ็ม พิคเจอร์ส เผยปฏิบัติการลับขั้นสุดยอด ในการสังหารอาชญากรที่ได้ชื่อว่าอันตรายที่สุดในโลก ในภาพยนตร์แอ็คชั่น-ทริลเลอร์เรื่อง “Zero Dark Thirty” (ซีโร่ ดาร์ก เธอร์ตี้) หรือที่มีชื่อภาษาไทยว่า “ยุทธการถล่มบิน ลาเดน” กับการติดตามไล่ล่า โอซาม่า บิน ลาเดน แบบพลิกแผ่นดินทั่วโลกตามหานานกว่า 10ปี แต่กลับใช้เวลาเพียง 40นาที เท่านั้นในการจู่โจมเพื่อสังหารโดยใช้รหัสลับในปฏิบัติการนี้ว่า “Zero Dark Thirty” ภายใต้การร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ CIA(ซีไอเอ) และหน่วยรบพิเศษหน่วย SEALs 6(ซีลส์) แห่งกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาในการสะสางปิดบัญชีแค้นอาชญากรคนสำคัญ งานนี้ลองมาฟังนักแสดงหนุ่มชื่อดังชาวออสเตรเลีย Jason Clarke (เจสัน คลาร์ค) ผู้ที่สวมบทบาท DAN (แดน) เจ้าหน้าที่ CIA(ซีไอเอ) ผู้มีส่วนร่วมในแผนปฏิบัติการครั้งสำคัญ เล่าถึงบรรยากาศถ่ายทำให้ฟังว่า…

“…ชื่อของหนัง Zero Dark Thirty(ซีโร่ ดาร์ก เธอร์ตี้) เป็นศัพท์เฉพาะที่ใช้ทางการทหาร โดยเป็นเวลาในการปฏิบัติการของหน่วย SEALs(ซีลส์) ที่เข้าจู่โจมเพื่อสังหาร บิน ลาเดน ในคฤหาสน์อับบาตาบัด ชานกรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน ตอนเวลาเที่ยงคืนครึ่ง ซึ่งเป็นการร่วมมือปฏิบัติภารกิจของสององค์กรยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ หน่วยสืบราชการลับ CIA (ซีไอเอ) หน่วยงานที่เชี่ยวชาญทางด้านการแกะรอยเบาะแสต่างๆ ที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับ บิน ลาเดน รวมไปถึงหน่วยจู่โจมพิเศษหน่วย SEALs(ซีลส์) ทีม 6 แห่งกองทัพเรือสหรัฐ อเมริกา ซึ่งเป็นกองกำลังที่เชี่ยวชาญในการปฏิบัติการรบแบบซุ่มโจมตี เป็นหน่วยที่ลงมือในการจู่โจมครั้งนี้ โดยถูกจำกัดเวลาในการปฏิบัติการเพียงแค่ 40 นาทีเท่านั้น ซึ่งการถ่ายทำฉากต่างๆ นอกจากทีมงานจะลงพื้นที่เพื่อหาข้อมูลเองนานเป็นปีๆแล้ว ทีมนักแสดงอย่างพวกผมทุกคนยังได้พบกับอดีตเจ้าหน้าที่ CIA(ซีไอเอ) ผู้ที่เคยมีส่วนร่วมในปฏิบัติการครั้งสำคัญมาให้ข้อมูลกับพวกเราอย่างละเอียด อย่างในฉากการจู่โจมในคฤหาสน์ของ บิน ลาเดน ที่ถือว่าเป็นจุดไคลแมกซ์ของเรื่อง ผู้กำกับเลือกที่จะถ่ายทำฉากนี้ถึงสองรอบโดยรอบแรกผมและ Kathryn(แคธริน) จะเน้นไปที่การถ่ายแสงจริงตอนกลางคืน และในครั้งที่สองเป็นการถ่ายจัดแสงแบบไนท์วิชั่น ที่ทีมงานได้เซ็ทเอาไว้เป็นอย่างดี แต่พวกเรากันเจออุปสรรคในระหว่างการถ่ายทำทั้งสองฉากนี้ เพราะอยู่ๆ ดันมีพายุทะเลทรายพัดกระหน่ำเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งผมและทีมงานก็ช่วยกันเก็บของอย่างจ้าละหวั่น แต่ในที่สุดเราก็สามารถถ่ายฉากนั้นได้อย่างสมบูรณ์ และที่สำคัญคือในคืนที่เราถ่ายทำฉากนี้ดันตรงกับวันครบรอบหนึ่งปีของการบุกจู่โจมพอดีเป๊ะ พวกเราทุกคนคงไม่มีวันลืมฉากหฤโหดนี้ได้

ผมโชคดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์นี้ที่เชื่อว่าคนอเมริกันทุกคนจะไม่มีวันลืม ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ผมได้รู้ถึงเบื้องลึกและเบื้องหลังของการปฏิบัติงานอันยากลำบากของเจ้าหน้าที่ CIA(ซีไอเอ) และ หน่วย SEALs (ซีลส์) ผมว่ามันเป็นหน้าที่และการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของเจ้าหน้าที่ทุกคนในการตามล่าตัว บิน ลา เดน อย่างไม่ลดละถึงแม้ว่าจะกินเวลานานกว่าทศวรรษก็ตาม แต่กลับไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนท้อถอยหรือหันหลังให้กับการปฏิบัติหน้าที่เลยแม้แต่คนเดียว การได้ร่วมงานกับทีมงานมืออาชีพและได้รู้จักกับอดีต CIA(ซีไอเอ) ตัวจริงเสียงจริงที่เคยร่วมในปฏิบัติการ Zero Dark Thirty จริงๆ มันเป็นประสบการณ์ที่ผมไม่สามารถหาได้จากภาพยนตร์เรื่องอื่น อยากให้ทุกคนได้ลองติดตามกันดู แล้วคุณจะรู้ว่ากว่าจะมาเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้มันไม่ง่ายเลย…”

Kathryn Bigelow (แคธริน บิเกโลว์) ผู้กำกับคนเก่ง ขอกล่าวเสริมว่า…
“…ฉันโชคดีที่นักแสดงและทีมงานทุกคนทุ่มเทให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างตั้งใจ จนทำให้มันออก มาเสร็จสมบูรณ์และเฟอร์เฟ็ค ฉันกล้าพูดอย่างเต็มปากว่า Zero Dark Thirty(ซีโร่ ดาร์ก เธอร์ตี้) คือภาพยนตร์ที่ รวบรวมเอาข้อมูลจริงในเชิงลึก ที่ไม่เคยมีใครล่วงรู้มาก่อนเกี่ยวกับปฏิบัติการปลิดชีพครั้งสำคัญนี้ เพื่อที่ทุกคนจะได้หายสงสัยว่า บิน ลาเดน ยังอยู่หรือไม่? รวมไปถึงจะได้เห็นถึงความยากลำบากในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้า หน้าที่ทุกคนและบทสรุปสุดท้ายของ บิน ลาเดน จะเป็นอย่างไรฉันอยากให้ทุกคนไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ทุกคำ ตอบที่พวกคุณสงสัยจะอยู่ในหนังเรื่องนี้…”

“Zero Dark Thirty ยุทธการถล่มบิน ลาเดน” ภาพยนตร์จากผลงานการกำกับของ Kathryn Bigelow (แคธริน บิเกโลว์) เขียนบทโดย Mark Boal (มาร์ค โบล) นำแสดงโดย Jessica Chastain (เจสสิก้า แชสเทน) , Jason Clarke (เจสัน คลาร์ค) , Joel Edgerton (โจเอล เอ็ดเกอร์ตัน) , Kyle Chandler (ไคล แชนเลอร์) ฯลฯ พร้อมเปิดให้ชมก่อนใครตั้งแต่วันนี้-30มกราคมนี้ รอบ20.00น. เป็นต้นไป และฉายจริงพร้อมกันทั่วประเทศ 31 มกราคม 2556 ทุกโรงภาพยนตร์