เราอาศัยอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยมลพิษ อากาศที่เราหายใจ น้ำที่เราดื่ม อาหารที่เรารับประทาน หรือแม้กระทั่งสบู่ที่เราใช้ล้วนแล้วแต่นำพาสารพิษเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งสิ้น สารพิษเหล่านี้ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายลดต่ำลง เจ็บป่วยง่ายขึ้น และเร่งให้เราร่วงโรยก่อนวัยอันควร
การหลีกเลี่ยงไม่ให้สารพิษเข้าสู่ร่างกายนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ๆ ด้านพิษวิทยาช่วยให้การตรวจหาและขับสารพิษออกจากร่างกายนั้นเป็นไปได้ในปัจจุบัน
สารพิษคืออะไร
คำจำกัดความที่ง่ายที่สุดสำหรับสารพิษก็คือ สิ่งแปลกปลอมที่ปกติแล้วจะไม่พบในร่างกายมนุษย์และสามารถก่อให้เกิดโรคหรือสร้างความเสียหายต่อเนื้อเยื่อได้ โดยทั่วไป เมื่อเราได้ยินคำว่า “สารพิษ” ก็มักจะนึกไปถึงสารเคมีอย่างยาฆ่าแมลง โลหะหนักหรือมลพิษจากอุตสาหกรรมต่างๆ แต่สารเคมีอีกนับแสนชนิดที่ใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน หรือข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันต่างก็นับเป็นสารพิษเช่นเดียวกัน
การรับพิษเข้าไปด้วยไม่รู้ตัวจึงเป็นสิ่งที่ง่ายมาก เรารับสารตะกั่วจากรถยนต์และรถเมล์ รับอลูมิเนียมที่ห่อมาพร้อมกับอาหาร รับสารปรอทที่อาจปนเปื้อนมากับอาหารทะเล เช่นเดียวกับที่เรารับชิ้นส่วนขนาดจิ๋วของพลาสติกที่บรรจุน้ำและอาหาร หรือแม้แต่สบู่หรือแชมพูก็สามารถนำพลาสติกเข้าไปในร่างกายผ่านทางผิวหนังได้เช่นเดียวกัน
สารพิษที่สะสมในร่างกายจะบั่นทอนทั้งสุขภาพกายและใจ โดยอาจก่อให้ความผิดปกติต่อร่างกายได้หลายอย่าง เช่น อาการล้าเรื้อรัง น้ำหนักเพิ่ม นอนไม่หลับ ความไวต่อการตอบสนองต่ออาหารหรือสารเคมีเพิ่มขึ้น อาหารไม่ย่อย มีปัญหาสุขภาพผิว ความจำบกพร่อง และปวดศีรษะ
ในกระบวนการกำจัดสารพิษนั้นร่างกายยังมีความเสี่ยงต่ออาการอักเสบอีกด้วย สารพิษบางชนิดทำให้ฮอร์โมนเสียความสมดุล ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือนและเกิดโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ในผู้หญิง ส่วนในผู้ชายนั้นอาจทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มมากขึ้นจนจำนวนสเปิร์มลดน้อยลง
ร่างกายคุณมีสารพิษมากแค่ไหน
ดร.เทอรี่ กรอสส์แมน ผู้อำนวยการด้านการแพทย์นานาชาติของศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ แนะนำว่า “ทางที่ดีเราควรจำกัดการรับสารพิษเข้าสู่ร่างกายให้ได้มากที่สุด และควรเข้ารับการตรวจว่าร่างกายมีสารพิษชนิดใดอยู่บ้างเพื่อที่จะดำเนินการขับออกได้อย่างทันท่วงที”
“การตรวจนั้นมีทั้งการตรวจเลือด เส้นผม และปัสสาวะ การตรวจเลือดก็เพื่อจะดูว่าคุณมีเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาว และเซลล์เกล็ดเลือดเพียงพอหรือไม่ เพราะการสั่งสมของสารพิษนั้นจะส่งผลต่อไขกระดูกซึ่งมีหน้าที่ในการผลิตเลือด ขั้นตอนการตรวจนี้ยังช่วยให้เราระบุโรคได้อีกหลายโรค เช่น โรคโลหิตจาง ภาวะเลือดออกผิดปกติ และมะเร็งเม็ดเลือดขาว”
ดร.กรอสส์แมนยังกล่าวอีกว่า “การตรวจนี้จะตามด้วยการทดสอบฮีโมโกลบิน A1c ซึ่งจะวัดสิ่งที่เรียกกันว่า Advanced Glycosylated End Products หรือ AGEs ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพสำหรับการวัดกระบวนการชราวัยโดยรวม นอกจากนี้การทดสอบฮีโมโกลบิน A1c ยังสามารถบอกได้อีกด้วยว่าใน 3 – 4 เดือนที่ผ่านมานี้ร่างกายสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีเพียงใด ซึ่งนับเป็นตัวทดสอบอย่างดีสำหรับโรคเบาหวาน”
นอกจากนี้แล้ว ยังมีการวัดระดับของจุลสารอาหาร (Micronutrients) ในเลือด ซึ่งจุลสารอาหาร เช่น แร่ธาตุอย่างแคลเซียม ทองแดง และแมกนีเซียม รวมไปถึงกรดโฟลิก วิตามินบีและซี ฯลฯ นั้นเป็นส่วนสำคัญในระบบการทำงานหลายอย่างของร่างกาย
“เราจะตรวจการทำงานของตับและไตเพื่อดูว่ามีการอักเสบภายในเกิดขึ้นหรือไม่” ดร. กรอสส์แมนกล่าว
“การตรวจเลือดจะบอกเราได้ว่าระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานผิดปกติโดยมีสาเหตุจากสารพิษหรือไม่ และในการตรวจขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการระบุว่าเป็นสารพิษชนิดใดกันแน่”
“เส้นผมบริเวณใกล้หนังศีรษะสามารถบ่งบอกได้ว่าคุณรับสารเสี่ยงต่อการเป็นพิษอะไรเข้ามาบ้าง เช่น ปรอท, สารหนู, ตะกั่ว, แคดเมี่ยม และอลูมิเนียม ในการตรวจนี้เราใช้หลักการที่ว่าสารพิษเหล่านี้จะพยายามหาทางออกจากร่างกายผ่านทางผิวหนังและเส้นผม การตรวจผมจึงเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดในการตรวจหาสารพิษนั้นๆ”
สำหรับการตรวจปัสสาวะนั้น ก็เพื่อจะช่วยให้ทราบว่าคุณสัมผัสกับมลพิษอะไรมาบ้าง เช่น สารพทาเลทในพลาสติก, สารพาราเบนส์ในโลชั่นสำหรับทาผิว, สารสไตรีนจากโฟม, สารเบนซีน และสารโทลูอีน เป็นต้น
“ทั้งนี้กระบวนการทดสอบทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 3 – 4 สัปดาห์ “เมื่อเราได้รับผลการทดสอบกลับมา เราก็จะทราบได้ทันทีว่ามีสารพิษอะไรบ้างอยู่ในร่างกายของคุณ ก่อนจะเริ่มขั้นตอนการกำจัดสารพิษนั้นๆ ออกไป” ดร.กลอสส์แมน กล่าว
ล้างพิษจากร่างกาย
โดยปกติร่างกายของเรามีกระบวนการขับสารพิษผ่านระบบต่างๆ อยู่แล้ว แต่จะเป็นการดีต่อสุขภาพยิ่งขึ้นหากเราจะช่วยให้ระบบเหล่านี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าเดิม คำแนะนำที่เรามักจะได้ยินโดยทั่วไปคือ ดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารอย่างถูกสุขอนามัย และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม ยังมีวิธีกำจัดสารพิษอื่นๆ อีก เช่น การบำบัดโดยคีเลชั่น หรือการล้างสารพิษทางหลอดเลือด ซึ่งเป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่มีทั้งการรับประทานและฉีดกรดอะมิโนที่เรียกว่า EDTA เข้าไปในกระแสเลือดเพื่อกำจัดโลหะหนักอันเป็นพิษ นอกจากนี้ยังมีการใช้ผลิตภัณฑ์อื่นร่วมด้วยเพื่อให้กระบวนการกำจัด และขับสารพิษที่สั่งสมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันนั้นหลีกเลี่ยงการรับสารพิษได้ยาก แต่การตรวจหาและขจัดสารพิษอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะช่วยให้คุณสุขภาพดี รู้สึกอ่อนเยาว์และสดชื่นแล้ว ยังช่วยให้ผิวพรรณและรูปลักษณ์ภายนอกดูเปล่งประกายมากขึ้นอีกด้วย
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจหาสารพิษและการรักษา ติดต่อศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โทร 02-667-2340