“แป้น นรินทร์” ทุ่มทั้งตัวและหัวใจ ให้ “สมิง” หนังไทยฝีมือคนไทย

6              จากวันที่เริ่มต้นเตรียมงาน   ถึงเสร็จสิ้นกระบวนการผลิตผมใช้เวลากว่า 10 ปี  จนถึงวันนี้  “ ผม “ และ “ สมิง “ พร้อมแล้ว    ที่จะนำตำนานให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง  !!!  คุณล่ะพร้อมที่จะ ผจญภัย ไปกับ “  สมิง “ ตำนานแห่งป่าเอเซีย หรือยัง ???   คำพูดจากปากของ    “แป้น  นรินทร์  วิศิษฎ์ศักดิ์”  ผู้กำกับ / เจ้าของบริษัท ฟาสท์ไทม โปรดักชั่น   :  หัวหน้าแผนกคอมพิวเตอร์กราฟฟิค  และผู้ถือหุ้นส่วน บริษัทเดอะโพสท์ บองกอก จำกัด

เริ่มจากเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้วครับ   ที่ผมมีความคิดอยากจะทำหนังไทยซักเรื่อง”

        “จากวันที่เริ่มต้นเตรียมงาน   ถึงเสร็จสิ้นกระบวนการผลิตผมใช้เวลากว่า 10 ปี  จนถึงวันนี้   ผมและ สมิง พร้อมแล้ว    ที่จะนำตำนานให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง  ตัวละครของผม  ต้องเอกลักษณ์ โดดเด่น  มีความน่าสนใจ  มีความเป็นไทย  และเป็นอมตะ  ผมอยากให้ตัวละครนี้มีศักยภาพเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก   ไม่แตกต่างจาก แวมไพร์ หรือมนุษย์หมาป่า   ผมจึงเริ่มทบทวนและหาข้อมูล ว่ามีตัวละครอะไรบ้างที่มีศักยภาพ มีความแข็งแกร่งพอ  ที่จะทำให้คนทั้งโลกเห็น เลยนึกย้อนกลับไปถึงวัยเด็ก จำได้ว่าพ่อเคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับป่าและเสือให้ฟังครับ   และเราเองก็ชอบอ่านหนังสือลี้ลับเป็นทุนเดิม  สุดท้ายเลยมาลงตัวที่ “สมิง” ผมคลิกเลย เพราะมันเป็นตำนานที่เล่ากันมาอย่างยาวนานในเขตป่าทั่วเอเซียครับ

  ในระหว่างทางที่พัฒนาบทผมก็คิดเรื่องการผลิตตลอดว่าจะทำอย่างไรให้ภาพในหัวผมที่คิดไว้ออกมาให้สมจริงที่สุด  สุดท้ายผมตัดสินใจต้องพึ่งเทคโนโลยี่ เนื่องจากผมเป็นคนที่ถ้าจะทำอะไรแล้วต้องทำให้ดีที่สุด ถึงขั้นหมกมุ่น เลยคิดต่อว่าเราคงไม่กล้าจ้างหรือหาคนที่เหมาะจะมาทำงานรองรับความต้องการของตัวผมเองได้ เพราะผมรู้ตัวว่าเป็นคนความต้องการสูง บวกกับเรื่องค่าใช้จ่าย ผมจึงควรที่จะมีความรู้และสามารถทำได้เองก่อนจะหาคนมาร่วมทีมทำ นั้นเป็นเหตุผลให้ผมตัดสินใจเริ่มศึกษาหาความรู้เรื่องการทำเทคนิคพิเศษต่างๆ และการทำคอมพิวเตอร์กราฟฟิคที่เขาเรื่องกันว่า 3D อย่างจริงจัง ผมบอกได้เลยว่า   ถ้าผมจะทำสมิงเมื่อ 20 ปี ที่แล้วก็คงยากมาก  เพราะเรื่องเทคโนโลยีในสมัยนั้น  ก็คงไม่พร้อมเหมือนในทุกวันนี้ และอีกเรื่องคือเวลาการทำงานด้านโฆษณาผมค่อนข้างรัดตัว    จนถึงวันที่ผมมั่นใจแล้วผมและทีมที่ผมสร้างขึ้นสามารถทำสมิงให้มีชีวิตจริงได้ ผมคิดว่าผมพร้อมแล้วครับ” 

5           “สมิง คือ เสือ ที่สร้างภาพลวงจากวิญญาณเหยื่อที่มันกิน เพื่อหลอกฆ่าเหยื่อรายต่อไป ผมได้ยินตำนานความลี้ลับนี้มากมาย      รวมถึงการมีพลังเหนือธรรมชาติของสมิง   ที่ไม่มีใครพิสูจน์ได้   ผมคิดว่านี่แหละ คือความโดดเด่นและน่าสนใจ ผมก็เริ่มศึกษาข้อมูลอย่างจริงจังทั้งข้อมูลจากหนังสือและข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต   รวมถึงตามหาพรานจริงๆ   ที่เคยล่าสัตว์มาอย่างยาวนานและไปพูดคุยขอข้อมูลจากเขา ไปตามสถานที่และป่าสวยๆ ต่างๆ มากมาย เพื่อรวบรวมมาใช้เป็นข้อมูลและแรงบรรดาลใจ แล้วเริ่มเขียนสมมุติขึ้นเป็นโครงเรื่อง ในมุมมองที่ผมอยากนำเสนอ แต่คงยังอยู่ในหลักความเป็นจริง    ผมใช้เวลาเขียนและพัฒนาบทเรื่องนี้มาเป็น 10 ปี     มีคนค่อยช่วยเหลือและแนะนำ แก้แล้วแก้อีกอยู่หลายครั้งเพราะผมอยากทำให้ดีที่สุด และไม่อยากให้คนดูติดภาพสมิงแบบเก่าที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นเชิงลบมากกว่าเชิงบวก แต่ผมตั้งใจจะทำมันให้ออกมาดี สร้างภาพบวก ลบล้างภาพลบเก่าๆให้กับสมิง ให้เขากลายเป็นตำนาน ที่น่าจดจำให้ได้ครับ”        

“แต่หนังเสือไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะก่อนอื่นคือต้องสนุก ทำให้คนดูทั้งอยากลุ้นอยากติดตามไปด้วย กระตุ้นให้เกิดความสนใจกับคำว่าสมิง ไม่ให้เหมือนที่แล้วมา ขณะเดียวกันก็ต้องมีเนื้อหาที่กินใจด้วย และยิ่งเป็นหนังป่า ยิ่งต้องมีสไตล์การเล่าเรื่องและตัวเรื่องที่เชื่อมโยงกันได้”

พระเอกคนสำคัญของหนังอีกอย่างคือ สถานที่ถ่ายทำ    ก่อนถ่ายทำ  ทีมงาน ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์  ตระเวนหาโลเคชั่นที่สวยๆ   ทุกหนทุกแห่งที่อยู่ในประเทศไทย   ไม่ว่าจะเป็น  เหนือ ใต้ ออก ตก   พวกเขาเดินทางไปมาหมด    แต่สุดท้ายที่สวยๆ  ก็มักมีข้อจำกัดในการถ่ายทำค่อนข้างเยอะ   เพราะในหนังต้องมีฉากไฟไหม้   เผาป่า  สร้างหมู่บ้าน  มีเสียงปีน มีการต่อสู้    แล้วก็ต้องสร้างฉากบ้านเรือนหลายสิบหลัง    จึงมีข้อจำกัดค่อนข้างเยอะ   ผกก. ตัดสินใจไม่ได้ระหว่าง  เขาใหญ่ หรือ นครนายก   เพราะทั้งสองโลเคชั่นเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบ       แต่สุดท้ายก็มาจบที่จังหวัดนครนายก    ซึ่งนครนายกเป็นป่าที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองสูง    สะดวกแก่การทำงาน มีมนต์ขลัง   เขาให้เหตุผลที่ชอบป่าแห่งนี้  เพราะสะดวกแก่การทำงานถึงแม้ว่ามันจะไม่สวยมาก หรือมากที่สุด   แต่ก็สามารถ  เติมแต่ง ปรับเพิ่ม เสริม และออกแรงให้ได้มาซึ่งความสวยงาม ตามที่ต้องการได้   โดยที่มีทีมศิลป์ที่ไปอยู่กินกันเป็นเดือนๆ  ที่พยายามและตั้งใจดีไซน์ป่าออกมาให้ตรงกับใจและความคิดของเขา

2    ส่วนนักแสดงเรื่องนี้ อย่างคุณวิทย์ ภูธฤทธิ์ พรานบุญ    พระเอกของเรื่อง ผกก.เล่าว่า   “เราเห็นเค้าผ่านโมเดลลิ่งที่เลือกรูปมาให้เราดู เค้าเคยเล่นละครมามากมาย  ผมและทีมงานเราตอบได้ทันทีว่า คือเค้า  เราตามหาพระเอกที่มีอายุ 40 กว่า คนไทย มีความกำยำ  และที่สำคัญมีภาพลักษณ์ความเป็นฮีโร่และผู้นำ  จึงไม่มีใครจะเหมาะกับบทบาทนี้เท่า  คุณวิทย์ ภูธฤทธิ์ อีกแล้ว  ก่อนหน้านั้นเราเลือกมามากมายแต่ก็ไม่เคยเห็นใครที่เหมาะกับบทบาทนี้ เราจึงให้โมเดลลิ่งเชิญคุณวิทย์มาพบปะพูดคุยเกี่ยวกับการเล่นภาพยนตร์ สมิง ตอนแรกที่เจอคุณวิทย์ เหมือนเขาก็สนใจแต่ไม่ให้การตอบรับมาก ดูเหมือนเขาไม่อยากเล่นด้วยซ้ำเพราะดูเขากลัวกับคำว่า สมิง   กลัวจะออกมาไม่ดี เหมือนกับภาพสมิงสำหรับเขาคงคล้ายๆแบบเดิมที่เคยดูมา สุดท้ายเราก็อธิบายเรื่องราว บทต่างๆและการถ่ายทำ คุณวิทย์ก็ตอบตกลง เราก็ได้ร่วมงานกัน”

ส่วน กระต๊อบ เจ้าหน้าที่ป่าไม้หนุ่ม ก็คล้ายๆกับคุณวิทย์    “เราเลือกจากการที่เค้าเหมาะสมกับบทบาทและดูภาพลักษณ์ที่ใกล้เคียงกับหนัง เราคัดเลือกนักแสดงมาเยอะมาก ต๊อบผ่านงานหนังและโฆษณามามากกมาย เค้ามีหลายคาแรกเตอร์ในตัวเอง จะเปลี่ยนเป็นหนุ่มที่มาจากกรุงเทพมีความมั่นใจหรือจะเปลี่ยนเป็นบทเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เข้าป่ามาใหม่ๆก็ได้ไม่ยาก ดูแล้วเราอินกับตัวเค้า เค้ามีความสามารถในทางการแสดงค่อนข้างสูง เวลาเข้าฉากเราแค่อธิบายสิ่งที่เราต้องการไม่กี่ครั้ง และให้เค้าคิดเอาเองเลย ว่าเป็นชาติ เค้าก็ทำได้ดีมากเป็นธรรมชาติ และมีความเป็นมืออาชีพสูงครับ  เราคิดว่าเราเลือกเค้ามาเป็น ชาติไม่ผิดจริงๆ

ลำดวน ในเรื่องเราไม่ได้เน้นนักแสดงที่มีชื่อเสียงมาก   หรือเป็นที่รู้จักกันมากในวงกว้าง  จนเรามาเจอน้องเนโก๊ะ  ที่รับบทเป็นลำดวน “ตอนแรกที่เราเจอเค้า ผมเห็นเด็กคนนี้หน้าไทยมาก ดูภาพลักษณ์น่าจะเหมาะกับบทบาทนี้ แต่เราก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าจะเป็นน้องเขา เราเจอคนที่มาแคสมากมาย มีทั้งความน่ารักและความสวย แต่เราไม่พบความเป็นไทยมากเท่าน้องเนโก๊ะที่เหมาะกับบทบาท เราเจอเค้าตอนแรกเค้ายังไม่ค่อยมีผลงานมากเท่าไหร่ผ่านการเล่นโฆษณามาบ้าง ในใจก็คิดว่าจะเล่นได้หรอ แต่พอถึงก่อนถ่ายทำเรามีการสกรีนเทสต์จริง น้องเค้าเล่นได้อย่างน่าเหลือเชื่อ  ไม่ทำให้ผิดหวังที่เลือกมากคัดมาก จนมาเป็นน้องเนโก๊ะ เราส่งเค้าไปเรียนยิงธนูก่อนการถ่ายทำ น้องเค้ามีความตั้งใจมากในการเรียน เพราะลำดวนในเรื่องต้องยิ่งธนูได้ อยากให้สมบทบาท น้องเค้าก็ทำได้ดี จนถึงวันถ่ายทำจริง เรียกว่า เก่งจริงๆเด็กคนนี้” 

บีบีคิน หรือที่เราเรียกเค้าว่า  คิน กับบทบาท อาฟง น้องเล็กสุดในกลุ่มพรานจีน

8“ตอนแรกคินมาแคสเป็นบทพระเอก   แต่เราเห็นเค้าหน้าจีนเกินไปหรือตี๋มาก   เราคิดว่าเค้าไม่เหมาะกับบทบาท แต่เราเห็นอะไรในตัวเค้าซึ่งน่าจะเป็นพระเอกหรือพระรองได้ พอได้คุยกับเค้าเกี่ยวกับชีวิตและการแสดง เค้าเป็นคนที่น่าสนใจมาก เค้าไปเรียนอยู่ประเทศจีนเป็นเวลาหลายปี และยังชอบเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้อีก เค้าชอบฝึกฝนเรื่องพวกนี้ เราจึงคิดว่าเค้าคงเหมาะกับบท น้องเล็กในหมู่พรานจีนมาก เค้ามีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เราปรึกษากันในทีมงานกันว่าจะเอายังไง ทุกคนตอบแบบไม่ลังเล สุดท้ายก็ได้คินมารับบทบาท น้องเล็กในเรื่อง”

พรานหลง เค้าก็ผ่านจากโมเดลลิ่งอีกนั้นแระ   “แต่ตอนแรกเราแคสมาเยอะเหมือนเดิม แต่เจอคนที่พูดภาษาจีนไม่ได้มาตลอด พอเรามาเจอเขา นัท เขาทำให้เราอึ้ง เพราะเราให้เขาแนะนำตัวเป็นภาษาจีนได้คล่อง บวกกับลุคเข้าทีดูสมวัยที่เราอยากได้ และเขาก็ชอบศิลปะการต่อสู้ เขามีความดูเป็นหนุ่มใหญ่ที่มีความเป็นอินเตอร์สูง พอจะเป็นพี่ใหญ่ของน้องๆได้ และดูมีความเป็นผู้นำ เราจึงตัดสินใจเลือกเขาเค้ามารับบท”

สำหรับพรานหลง และพรานฟง หรือนัทกับคิน   ผกก. และทีมได้ส่งเขาไปเรียน ศิลปะการต่อสู้กับเสาหลินไทยแลนด์   ซึ่งต้องฝึกอยู่ 3 เดือนกว่า  โดยให้อาจาร์ยเสาหลินเป็นคนฝึก   .ซึ่งผู้กำกับบอกว่าอยากให้พวกเขาสมกับบทบาทมากที่สุด ต้องเล่นเป็นจริงและในเรื่องยังมีพี่น้องพรานจีนอีกสามคนซึ่งพวกเขาคือ อาจาร์ยที่มาจากเสาหลิน ที่มารับบาทด้วยในครั้งนี้    

คนสุดท้ายที่ลืมไม่ได้ แดง หรือ น้องยูนิค ธันยาบูลย์     “ตอนแรกที่เราเห็นเขา บอกได้เลยว่าเด็กคนนี้ดูซื่อๆดี และดูมีความเป็นเด็กชาวบ้านซนๆกวนๆมีเอกลักษณ์เป็นตัวของตัวเองมาก มีเด็กมาแคสบทนี้รวมเป็น100 คน หลายโฟร์เดอร์มากๆที่เราเปิดดู แต่พอเรามาเจอน้องยูนิค เราเห็นเขาเล่นและแสดงบทเป็นแดง เขาเล่นได้ดีอย่างเหลือเชือ ไม่คิดเลยว่านี่เด็กเล่นหรอ ทำไมแสดงได้สมบทบาทถึงขนาดนี้ เรารู้สึกเลยว่าใช่เขา น้องยูนิคตรงใจเราทุกอย่าง เขาดูเหมาะสมกับบทบาทนี้มาก  ทั้งหน้าตา บุคคลิก พอถึงเวลาถ่ายทำจริง เขาก็ทำให้เรารู้ว่าการถ่ายทำกับเด็กไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เขาเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบสูงเกินกว่าเด็กที่เราเคยผ่านงานมาทั่วไป เราคิดถูกแล้วที่เลือกเขามารับบทเป็น แดง”

ฉากที่ชอบและความยาก      “การกำกับภาพยนตร์ของผมถือว่าเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เข้ามาในวงการนี้ ที่แล้วมาผมผ่านงานโฆษณามา 20 กว่าปี ผ่านมาก็หลายร้อยชิ้น การทำงานโฆษณาแตกต่างจากการทำหนัง โฆษณาถ่ายทำวันสองวันก็จบ แต่หนังเราต้องอยู่กันเป็นเดือนเป็นปีๆเพราะแบบนั้นผมถึงชอบทุกฉากที่ผมทำ ตื่นเต้นทุกครั้ง มันถึงค่อนข้างยากมากที่จะให้เลือกฉากที่ชอบ ถ้าชอบจริงๆก็คงเป็นฉากสุดท้าย ตอนจบของเรื่อง แต่ก็ไม่สามารถบอกได้อยู่ดี เดี๋ยวจะเฉลยซะหมด ทุกอย่างมันลงตัวมาก นักแสดง อารมณ์ คิวถ่าย มุมกล้อง ภาพ มันลงตัวมากๆ อยากให้ทุกคนได้ดู แล้วผมจะมาบอกอีกทีว่าชอบฉากไหน”

ทำไมถึงต้องดูหนังเรื่องนี้   “ผมเริ่มจากการไม่เดินรอยตามใคร ไม่เชื่อในสิ่งที่คนอื่นทำมา  มีคนพูดกับผมตลอดทำไมถึงทำหนังสมิง พวกเขาว่ามันผิดตั้งแต่เริ่ม แต่ผมก็ทำมาตลอด  ผมมีความศรัทธาที่จะทำมัน อยากให้ผู้ชมมีอะไรใหม่ๆบ้าง รวมถึงตัวเองผมที่ใหม่มากกับวงการนี้ อยากได้การต้อนรับที่ดีและมีกำลังใจทำต่อไป ผมพยายามเดินสายส่งต่างประเทศ อยากให้คนต่างชาติได้ดูและรับรู้ว่าเรามีเสือที่มีเอกลักษณ์ของเรา ต่างประเทศเองก็ให้ความสนใจเรื่องเกี่ยวกับเสือ พวกเขามีตำนานเกี่ยวกับเสือที่คล้ายๆเรา และผมเองคิดว่าคนไทยดูแล้วน่าจะชอบ สุดท้ายดูแล้วคุ้มค่ากับการเสียเงิน แย่ที่สุดก็สนุกออกมา  เราพยายามทำทุกอย่างให้อินเตอร์ ระบบการทำงานต่างๆและทำให้ดีที่สุด ผมคิดว่าใครที่ไม่เคยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ เสือสมิง การเป็นมาของเสือสมิง ทำไม่เสือธรรมดาถึงกลายเป็นเสือสมิง ดูแล้วจะลบล้างภาพสมิงเก่าๆที่แล้วมา เสือทำไมถึงทะเลาะกับคน แล้วคนทำไมไปทะเลาะกับเสือ ตำนานที่บางคนไม่เคยรู้หรืออาจลืม  ไปแล้วบ้างกำลังจะกลับมา มีชีวิตอีกครั้ง”  

unnamed SMING_V2_TH SMING_V1_TH