ประสบความสำเร็จไปอย่างงดงาม กับกิจกรรมการแข่งขัน Dilmah Real High Tea Challenge Thailand 2014 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ณ โรงแรม โซฟิเทล แบงค์กอก สุขุมวิท เมื่อวันที่ 30 กันยายน – 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยมีโรงแรมชั้นนำต่างๆ เข้าร่วมแข่งขัน ทั้งหมด 15 โรงแรม ได้แก่ โรงแรม โฟร์ซีซั่น กรุงเทพ, โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ, โรงแรมโซฟิเทล แบงค์กอก สุขุมวิท, โรงแรมบางกอก แมรีออท โฮเต็ล สุขุมวิท, โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์, โรงแรม เดอะ เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท, โรงแรมเลอ เมอริเดียนสุวรรณภูมิกรุงเทพฯ กอล์ฟรีสอร์ท สปา, โรงแรมมิวส์ กรุงเทพฯ, อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์, โรงแรมเจดับบลิว แมริออท เขาหลัก รีสอร์ท แอนด์ สปา, โรงแรมอังสนา ลากูนา ภูเก็ต, โรงแรมสวิสโซเทล รีสอร์ท ภูเก็ต ออล สวีท,โรงแรมโซฟีเทล กระบี่ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท, โรงแรมซาเซ็น บูติก รีสอร์ท แอนด์ สปา และ โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ เชียงใหม่ โดยโรงแรมที่ได้รับคะแนนการแข่งขันสูงสุดและจะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขัน Dilmah Real High Tea Challenge ระดับโลกที่ประเทศศรีลังกาในเดือนพฤษภาคม ปี 2558 คือ โรงแรมแชงกรี-ลา โดยมี เชฟเรนอฟ มูสเซอ เชฟบริหารด้านขนมอบ และ วิไล ตั้งประเสริฐสุข Team Leader ในส่วน ล็อบบี้เลานจ์ ของโรงแรม เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงาน ซึ่งมาในคอนเซป Pink Royal ที่เน้นความเป็นไทย หรูหราและเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทั้งในเรื่องของการจัดโต๊ะที่ทุกอย่างออกสีโทนแนวชมพู ไม่ว่าจะเป็นจาน ถ้วยชาม ที่ใช้เสิร์ฟ หรือแม้แต่ดอกไม้ ผสมผสานกันอย่างลงตัว
โดยคณะกรรมการผู้ตัดสินการแข่งขัน ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิในวงการอาหารและเครื่องดื่ม คือ มร. ดิลฮาน ซี เฟอร์นันโด เป็นบุตรชายคนเล็กของ มร. เมอร์ริล เจ เฟอร์นันโด ผู้ก่อตั้งชาดิลมา, เชฟเบิร์น อูเบอร์ เชฟเหรียญทองจากออสเตรเลีย และ เชฟจำนงค์ นิรังสรรค์ นายกสมาคมเชฟแห่งประเทศไทย โดยทั้ง 3 ท่าน กล่าวชื่นชมผู้ชนะการแข่งขันว่า “สามารถจัดอาหารและชาเข้ากับธีมในการแข่งขันได้เป็นอย่างดี โดยตัวเชฟซึ่งดูแลเรื่องอาหาร และคุณวิไลรับหน้าที่ดูแลเรื่องเครื่องดื่มในการแข่งขันนี้ มีการอธิบายการจับคู่ของอาหารและชาได้เป็นอย่างดี เรียงลำดับการเสิร์ฟได้ถูกต้อง รวมทั้งมีการทำงานเป็นทีมที่ดีอีกด้วย” เชฟเบิร์นกล่าวปิดท้ายว่า “ทีมนี้ชงชาดำได้ถูกวิธีและได้รสชาติดีที่สุดทีมนึง ตัวผมเองไม่ได้ชิมชาดำที่ผู้เข้าแข่งขันชงได้ดีอย่างทีมนี้มานานมากแล้วในการแข่งขันหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา”
ผู้เข้าแข่งขันจากโรงแรมแชงกรี-ลา กล่าวด้วยน้ำเสียงดีใจว่า เราเตรียมตัวกันมากกว่า 3 อาทิตย์ เพื่อการแข่งขันครั้งนี้ มีการคุยกันก่อนในเรื่องของคอนเซป หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างไปคิดเมนูและเครื่องดื่ม มาลองฝึกทำและชิมดูว่าแต่ละจานไปด้วยกันได้หรือไม่ มีอันไหนที่ต้องปรับปรุง พอได้รสชาติที่แน่นอนแล้ว ก็ลงมือทำและเตรียมการบรรยายด้วยกัน วันนี้จึงทำออกมาได้ค่อนข้างดีเหมือนกับที่เตรียมตัวไว้ ส่วนการแข่งขันระดับโลกในเดือนพฤษภาคม ปี 2558 ที่จะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งที่ศรีลังกา คงต้องฝึกซ้อมฝีมือกันอย่างเต็มที่ เพื่อไปสร้างชื่อเสียงให้กับโรงแรมและประเทศไทย
การแข่งขันสร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าแข่งขันทุกโรงแรม เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันครั้งแรกของประเทศไทยแล้ว ทุกทีมยังได้รับประสบการณ์ที่ดี ได้รับฟังความคิดเห็นจากผู้มากประสบการณ์ในด้านชาและอาหารระดับโลก ในขณะที่ตัดสินด้วย ซึ่งทุกทีมสามารถนำความคิดเห็นเหล่านี้ไปพัฒนาวิชาชีพในเรื่องอาหารและเครื่องดื่มของตนเอง ในวงธุรกิจการโรงแรมและการบริการให้ดียิ่งขึ้นไป