หากคุณอยากจะลองสัมผัสถึงรสชาติอาหารฮ่องกงแท้ สูตรต้นตำหรับแบบ Home Cooking สไตล์คุณแม่แล้วล่ะก็ ขอท้าให้มาลองลิ้มชิมรสได้ที่ร้าน “Little Hong Kong (ลิตเติ้ลฮ่องกง)” ซึ่งความแปลกและแตกต่างของลิตเติ้ลฮ่องกงจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น “คุณเวฟ คูเปย จง” เจ้าของร้านอาหารและพิธีกรหนุ่มลูกครึ่งจีน-มาเลเซีย ทางช่องแบงแชนแนล จะพาเราไปทำความรู้จักร้านอาหารแห่งนี้พร้อมๆ กันค่ะ

จุดเริ่มต้นของร้านลิตเติ้ลฮ่องกง : ร้านอาหาร Little Hong Kong เกิดจากการที่บางครั้งผมคิดถึงที่บ้าน อาหารจีน ฮ่องกงฝีมือของคุณแม่ ซึ่งหาทานได้ยากที่ประเทศไทย เพราะส่วนมากภัตตาคารจีนที่ประเทศไทยพอทานแล้วมันจะเลี่ยน คือใส่ผงชูรสเยอะไป ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพเท่าฝีมือของคุณแม่ เราก็เลยเกิดความคิดว่าน่าจะทำร้านอาหารที่เป็นรสชาติของคุณแม่ เป็น Home Cooking ที่เป็นอาหารฮ่องกงแท้ๆ เลย ซึ่งฝีมือของคุณแม่ของผม ไม่ใส่ผงชูรส เน้นเพื่อสุขภาพ เรื่องสีผสมอาหารต่างๆ เราจะพยามยามไม่ใช้เลย เหมือนคุณแม่ทำกับข้าวให้ลูกทาน เขาก็จะพิถีพิถันทุกขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นตอนเลือกผัก ผักต้องปลอดสารเคมี การเลือกซอสต่างๆ ก็จะดูตั้งแต่ฉลากว่าใส่วัตถุกันเสียไหม เพราะว่าคุณแม่ของผมท่านคิดว่าอาหารที่อร่อยมันต้องมาจากคุณภาพที่ดี ถ้าคุณภาพดีเราทำยังไงมันก็ยังคงความอร่อย เพราะว่าของมันสดและมันจะได้ความอร่อยโดยธรรมชาติของมัน เพราะฉะนั้นคุณแม่ก็จะใส่ใจในทุกรายละเอียด แล้วเราก็เลยเอาคอนเซปต์ของคุณแม่มาทำเป็น Little Hong Kong ก็คือเป็น Home Cooking สไตล์ของคุณแม่ เป็นอาหารฮ่องกงแท้ๆ เลย อาหารจีนส่วนมากทานแล้วจะเลี่ยน แต่ที่นี่คุณสามารถทานได้ทุกวัน มีลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่อายุราวๆ 40-50 ปี มาทานทุกวันเลย เขาบอกว่าทานแล้วไม่เลี่ยน

สูตรของร้าน : คุณแม่จะไม่ลงมือทำเพราะเป็น executive chef เขาจะเป็นคนตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาแล้วก็ให้เชฟคนอื่นทำตาม โดยที่เราจะทำสูตรมาตรฐานขึ้นมาให้เชฟทุกคนมาทำตามนั้น เราได้เชิญเชฟมาจากฮ่องกงแล้วทดสอบ คุณแม่ก็จะตั้งกฎ เหมือนเกมโชว์ว่าคุณมีสิทธิ์เท่านี้ในการทำอาหารแบบนี้ คุณห้ามใช้สิ่งนั้น ต้องใช้สิ่งนี้เท่านั้น ทำให้มันอร่อย คุณแม่ก็จะสอนและปรับปรุงเทคนิคใหม่ เราจะไม่ใช้เทคนิคภัตตาคารจีนใหญ่ๆ เราจะใช้เทคนิคบ้านๆ เพราะว่าเราเป็น Home Cooking Home Cuisine ทุกอย่างเราพิถีพิถัน ถ้าภาษาจีนเขาเรียกว่า “ซือฝางไช่” ซึ่งแปลว่าห้องครัวส่วนตัวที่บ้าน ทุกอย่างเราไม่ได้เน้นใหญ่โตอลังการ ตั้งแต่บัตรสมาชิก ประตูเข้าร้าน ทุกอย่างเราเล็กหมดเพราะว่าเราเป็นลิตเติ้ล แต่ว่าเราใส่ใจในทุกรายละเอียด

เหตุผลที่ตัดสินใจเลือกทำเล : สาขาแรกอยู่ที่พระราม 3 สาธุประดิษฐ์ ซอย 19 หรือว่านราธิวาสฯ ซอย 24 เหตุผลก็คือว่าตอนที่เลือกที่ตั้งสาขาแรก เพราะเป็นชุมชนที่มีคนจีนและคนไทยที่เชื้อสายจีนอยู่เยอะมากๆ และส่วนมากเป็นผู้ใหญ่เราก็อยากจะลองดูว่าผู้ใหญ่เหล่านี้เขาชอบหรือเปล่า ตอนที่ผมเปิดร้าน ผมจะไม่โปรโมทกับวัยรุ่นมาก ผมจะลองตลาดดูว่าคนจีนเหล่านี้ ที่เขาเกิดที่ประเทศจีนหรือประเทศฮ่องกง พอเขามาทำธุรกิจที่เมืองไทย เขามาทานอาหารที่นี่เขานึกถึงบ้านเขาหรือเปล่า ถ้านึกถึงแสดงว่าเราประสบความสำเร็จ อันนี้คือขั้นแรก พอประสบความสำเร็จลูกค้ามาเยอะมากต่อคิวกันล้นหลาม ก็เริ่มสำรวจว่าเขาอยากให้เราไปที่ไหน เพราะลูกค้าขับรถมาไกลเพื่อจะมาทานอาหารฮ่องกงของเรา ตั้งแต่เลียบทางด่วนรามอินทราบ้าง ลาดพร้าวบ้าง สายสองบ้าง เพราะเขารู้สึกว่าได้รสชาติแบบฮ่องกง คำพูดหนึ่งที่ลูกค้าส่วนมากจะพูดคือมาทานที่นี่ไม่ต้องบินไปไกลถึงฮ่องกงเลย เพราะฉะนั้นเราก็รู้สึกว่า เราทำมาถูกทางแล้ว เราก็เลยมาตั้งสาขาที่ 2 ที่พระราม9 ตามผลสำรวจที่ลูกค้าบอกมาว่าที่นี่เป็นใจกลางเมืองและลูกค้าก็มาได้ใกล้ สะดวก ลงทางด่วนก็มาถึงได้ง่าย เราก็เลยเลือกมาเปิดที่นี่ตามใจลูกค้าครับ

โครงการขยายสาขาเพิ่ม : มีครับ ที่จริงวางแผนไว้ว่าสิ้นปีนี้ แต่ว่าเนื่องจากเหตุการณ์ทางการเมืองต่างๆ ก็เลยถูกเลื่อนออกไปก่อน ปีหน้าก็จะมีโครงการใหม่ๆ 1-2 โครงการ แต่ว่าตอนนี้ก็กำลังอยู่ในช่วงที่เคาะสถานที่กันอยู่ครับ

ความเป็นไปได้ของธุรกิจแฟรนไชส์ : ตอนนี้ก็มีคนสนใจแฟรนไชส์ค่อนข้างเยอะครับ มีหลายเจ้าที่ติดต่อมาอยากจะซื้อแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย มีทั้งลูกค้าสิงคโปร์ มาเลเซีย ที่อยากจะนำไปเปิด เพราเขารู้สึกชอบทั้งอาหารและรูปแบบในการตกแต่ง ดีไซน์ทั้งหมด เพราะเขาไม่เคยเห็นแบบนี้ที่ไหนมาก่อน เขาก็เลยสนใจจะนำไปเปิดที่ต่างประเทศ

ไปไกลถึงต่างประเทศ : ในฐานะเจ้าของร้านทุกคนก็คงต้องคิด แต่ผมก็ถามตัวเองก่อนว่าเราพร้อมหรือเปล่า ถ้าเราไม่พร้อมแล้วรีบทำไปก็จะเสียชื่อ ถ้าจะไปก็รอให้ชัวร์ก่อน ผมมองว่าความพร้อมเป็นสิ่งสำคัญ อาหารเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทานทุกวัน ถ้าอาหารอร่อยทุกคนก็จะสนใจและพร้อมมาทานเสมอ เราจึงต้องรักษาคุณภาพให้ได้

เมนูแนะนำของลิตเติ้ลฮ่องกง : เมนูที่นิยมที่สุดคือ ห่านย่างฮ่องกง เพราะในกรุงเทพของเราหาทานยากมาก เป็นเมนูที่ทำยากเลยไม่ค่อยมีคนทำ ทำให้เมนูนี้เป็นเมนูที่ทุกคนมาที่ร้านนี้ต้องทานและกลับมาทานอีก ต้องบอกว่าเราโชคดีที่ได้เชฟฮ่องกงที่ขึ้นชื่อในการทำห่านย่างฮ่องกง ทำให้ลูกค้าชมว่าห่านย่างฮ่องกงที่นี่อร่อยกว่าที่ฮ่องกง ต้องบอกก่อนว่าที่ฮ่องกงมีการแข่งขันกันสูง ค่าเช่าที่แพง ต้องจำกัดเวลาในการนั่งทานอาหาร รวมถึงเชฟก็จะถนัดกันคนละแบบ เชฟติ่มซำก็จะทำอาหารผัดไม่เป็น เชฟย่างก็จะทำติ่มซำไม่เป็น ซึ่งนั่นทำให้เชฟแต่ละคนเชี่ยวชาญเฉพาะทางอาหารที่ได้ออกมาจึงมีรสชาติอร่อย

กลุ่มลูกค้า : กลุ่มเป้าหมายหลักก็จะเป็นผู้ใหญ่ซึ่งจะมาเป็นครอบครัว เพราะอาหารจีนมักจะดึงดูดลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่า ดังนั้นผมจึงพยายามออกแบบให้วัยรุ่นมากขึ้น ภัตตาคารอาหารจีนส่วนใหญ่จะน่าเบื่อสำหรับวัยรุ่น พยายามจะทำให้วัยรุ่นรู้สึกว่าเข้ามาแล้วไม่รู้สึกอึดอัดเกินไป จึงออกแบบมาให้มีเอกลักษณ์และที่สำคัญแต่ละมุมเราออกแบบเพื่อที่จะสามารถถ่ายรูปโพสลงอินสตาแกรมได้เลย

โปรโมชั่น : โปรโมชั่นสำหรับสาขาที่ 2 สาขาพระรามเก้า เป็ดย่างฮ่องกงลด 50% และทุกๆ เดือนเราจะมีโปรโมชั่นสำหรับลูกค้า สามารถโทรสอบถามกับทางร้านได้ เดือนหน้าเรามีโปรโมชั่นซาลาเปา ซื้อ 1 เซตแถม 1 เซต ครับ

หลังจากที่พูดคุยกับคุณเวฟเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางทีมงานเราไม่รอช้าที่จะพาไปพิสูจน์รสชาติและกลิ่นอายความเป็นฮ่องกงของร้าน Little Hong Kong ที่คุณเวฟการันตีคุณภาพและความอร่อยไว้ว่าจะจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน

เมื่อเดินเข้ามาถึง ร้านลิตเติ้ลฮ่องกง ในโครงการเดอะช็อปส์ แกรนด์ พระราม9 จะพบแมสคอตสุดเฟี้ยว ที่เป็นจักรยานปั่น ตั้งเด่นตระหง่านอยู่หน้าร้าน ภายในร้านตกแต่งด้วยโคมไฟจำนวนที่ห้อยลงมาจากเพดาน ของตกแต่งอื่นๆ ภายในร้านถูกออกแบบมาเป็นแบบจีนโบราณ ไม่ว่าจะเป็นปิ่นโตหรือถ้วยชาม ผสมผสานกลิ่นอายความเป็นฮ่องกง ทำให้บรรยากาศในร้านดูเรียบง่ายและลงตัว และตรงที่เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ คุมโทนด้วยสีแดงเขียวและน้ำตาล เข้ากับคอนเซ็ปต์ของความเป็นฮ่องกงได้เป็นอย่างดี มีห้องรับรองแขกสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวด้วยเช่นกัน

หลังจากที่ได้ฟังเสียงการันตีความอร่อยของคุณเวฟไปแล้ว ทางเราก็ไม่นิ่งนอนใจที่จะพิสูจน์รสชาติความอร่อยว่าจะเป็นดังที่คุณเวฟการันตีหรือเปล่า

เราประเดิมด้วยของทานเล่นเบาๆ อย่าง “ซาลาเปาลาวา ไส้งาดำ ชาเขียว” และ “ซาลาเปาลาวาทอด ไส้ครีม” ไส้เยิ้มทะลักสมชื่อลาวาค่ะ สีสันสดใสน่ารับประทาน เนื้อแป้งนุ่ม รสชาติละมุนลิ้นสมชื่องาดำและชาเขียว แต่ไส้ครีมรสชาติจะออกหวานเล็กน้อย

เมนูหลักของร้านมีมากมายให้เลือกอิ่มอร่อยกันได้หลากสไตล์ ซึ่งใช้วัตถุดิบคุณภาพที่คัดสรรเป็นอย่างดี นำมาปรุงรสอย่างพิถีพิถัน ทุกเมนูเรียกได้ว่ารสชาติเข้มข้นถูกใจคออาหารฮ่องกง

เรามาเริ่มอาหารจานหลักด้วยรสชาติต้นตำรับอย่าง “ห่านย่างฮ่องกง” และ “เป็ดย่างฮ่องกง” เมนูเด็ดที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน หนังห่านย่างมีความกรอบสดใหม่ กลิ่นและรสชาติไม่เหมือนร้านอื่นๆ จะได้ความหอมของเครื่องเทศจากหนังห่านติดปลายลิ้น เนื้อห่านย่างจะเหนียวกว่าเนื้อเป็ดเล็กน้อย ส่วนเป็ดย่างนั้นเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ ไม่แห้ง ไม่เหนียว ถ้าได้ทานคู่กับ “ข้าวผัดหอยเชลล์ผัดซอส XO” ที่รสชาติหอมหวานพร้อมหอยเชลล์ตัวโตๆ ก็จะยิ่งอร่อยมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าทานกันเพลินจนไม่อยากจะวางตะเกียบเลยจริงๆ

ถ้าคิดถึงอาหารฮ่องกง ต้องคิดถึงบะหมี่ฮ่องกง ที่งานนี้ทางร้านนำเสนอ “บะหมี่เกี๊ยวกุ้งลิตเติ้ลฮ่องกง” น้ำซุปที่หอมหวาน บวกกับเส้นหมี่ที่เหนียวนุ่ม และเกี๊ยวที่ห่อด้วยเนื้อกุ้งเต็มๆ คำ ทำให้นึกถึงกลิ่นอายของความเป็นฮ่องกงได้เป็นอย่างดี

และพิเศษกับ “บะหมี่กรอบกุ้งเสือใหญ่ผัดซอส XO” ถือได้ว่าเป็นเมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาดมากๆ การันตีความอร่อยได้เป็นอย่างดี เนื้อกุ้งที่หวานกรอบและเส้นหมี่ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยซอส เป็นการจับคู่ที่ลงตัวมากๆ ค่ะ

ตบท้ายกันด้วย “ผัดถั่วแขกหมูสับ” ซึ่งไม่มีน้ำมันเยิ้ม เป็นการผัดแบบแห้งๆ ถั่วกรอบมัน ไม่เหม็น เมื่อคลุกเคล้ากับหมูสับแล้ว อร่อยมากๆ ค่ะ

หลังจากที่ทีมงานลิ้มรสอาหารจานอร่อยของทางร้านแล้ว คอนเฟิร์มค่ะ ว่ารสชาติอาหารฮ่องกงของร้านลิตเติ้ลฮ่องกงถูกปากคนไทยแน่นอน นอกจากจะอร่อยแล้วยังปราศจากผงชูรสอีกด้วย สำหรับใครที่สนใจสามารถไปสัมผัสรสชาติด้วยตัวเอง ได้ที่ร้าน “ลิตเติ้ลฮ่องกง” ทั้ง 2 สาขา ได้แก่

• สาขาพระราม9 เปิดทุกวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 11.00 – 21.00 น. ร้านอยู่ในโครงการ The Shoppes BELLE Grand Rama9 ติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ใกล้กับ MRT สถานีพระราม 9 ทางออก 2
• สาขาพระราม3 เปิดทุกวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 11.00 – 22.00 น. ร้านอยู่ในโครงการ NARA PLACE ซอยสาธุประดิษฐ์ 19 แขวงช่องนนทรี

หากใครขับรถมาก็สามารถจอดในโครงการ The Shoppes BELLE Grand Rama9 และ โครงการ NARA PLACE ได้เช่นกัน

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/LittleHongKongBKK