เหลืออีกไม่ถึงสองสัปดาห์แล้วก่อนที่จะถึงงาน มินิคอนเสิร์ต Crayon Pop Live in Bangkok เพื่อเปิดตัวโครงการ The 7 % Project เด็กไทยซ้อนท้ายใส่หมวก จัดโดย มูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย Asia Injury Prevention (AIP) Foundation และองค์การช่วยเหลือเด็ก Save the Children
โดยในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ 5 สาว Crayon Pop จะเดินทางมาถึงประเทศไทยพร้อมนัดสื่อมวลชนแถลงข่าว อย่างเป็นทางการ ณ โรงแรมคอร์ทยาร์ด โดย แมริออทกรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 16.00น. เป็นต้นไป
นอกจากเกิร์ลกรุ๊ปสุดเกรียนอย่าง Crayon Pop ที่จะมาสร้างสีสันในงานแล้ว ก็ยังมีน้องเกล โสพิชา หนูน้อยอูคูเลเล่ เจ้าของรางวัลรองชนะเลิศจากรายการ Thailand’s Got Talent ซีซั่น 2 พร้อมขึ้นเวทีอีกด้วย โดยน้องเกลเปิดเผยว่าตัวเองก็เป็นแฟนตัวจริงของ Crayon Pop แล้วก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นเวทีพร้อมกับพวกเธอ ส่วนเพลงที่จะนำมาร้องนั้น น้องเกลบอกว่าขอเก็บเป็นความลับไว้ก่อน
จีรภัทร์ สุกางโฮง หรือคุณครูนกเล็ก เจ้าของคลิปสื่อการสอนสุดฮาที่ยอดวิวทะลุล้าน จนได้รับฉายา “ครูพันธุ์ใหม่ หัวใจโซเชียล” จะมาพร้อมกับเพื่อนครูจากโรงเรียนบางมด เพื่อแสดง ‘ครูยอนป๊อป คัฟเวอร์แดนซ์’ สดๆ ให้ดูอีกด้วย
ปิดท้ายด้วย บีบอย กรุ๊ป SaCrew (สาคู) เจ้าของรางวัลชนะเลิศ ‘Battle’ มากมายจากทั่วประเทศเตรียมการแสดงขั้นเทพพร้อมกับหมวกกันน็อคมาโชว์ในงาน
“การที่มีศิลปินระดับโลกและศิลปินไทยให้ความสำคัญและร่วมสนับสนุนโครงการถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ เราคาดหวังว่าจะเห็นคนมาร่วมงานในวันที่ 23 พฤศจิกายนเป็นจำนวนมาก โดยภายในงานจะมีการเชิญชวนให้ประชาชนทุกคนร่วมลงชื่อสนับสนุนการรณรงค์ให้เด็กๆ มีหมวกกันน็อคสวมทุกครั้งที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ โดยเราจะรณรงค์เรื่องนี้อย่างต่อเนื่องและจริงจัง และจะนำรายชื่อส่งมอบให้กับผู้มีอำนาจต่อไปในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า” อลิสัน เซลโควิทซ์ ผู้อำนวยการองค์การช่วยเหลือเด็กประจำประเทศไทยกล่าว
ด้านนางรัตนวดี เหมนิธิ วินเธอร์ ผู้อำนวยการประเทศไทย มูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เด็กจำนวนมากต้องเสียชีวิตจากสาเหตุที่สามารถป้องกันได้ การสวมหมวกกันน็อคที่ได้มาตรฐานสามารถลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตได้ 42% และลดโอกาสบาดเจ็บที่ศีรษะได้ถึง 69% เราหวังว่าโครงการ The 7% Project นี้จะช่วยสร้างความตระหนักให้ ครอบครัว ชุมชน โรงเรียน ผู้บังคับใช้กฎหมาย และผู้มีอำนาจ เห็นความสำคัญของการสวมหมวกกันน็อค และในที่สุดจะช่วยลดจำนวนเด็กที่บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนได้
Campaign Hashtag: #helmetpop
https://www.facebook.com/7percent.org/
http://thailand.savethechildren.net/
http://asiainjury.org/our-reach/thailand/
รายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ
ทุกๆ วันมีน้องๆ วัยเรียนราว 1.3 ล้านคนเดินทางโดยการซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ แต่มีเพียง 7% เท่านั้นที่สวมหมวกกันน็อค แม้ว่าจะมีกฎหมายบังคับใช้ก็ตาม
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยในแต่ละปี มีเด็กกว่า 2,600 คนเสียชีวิต หรือมากกว่า 7 คนต่อวัน และอีกเกือบ 200 คนต่อวันได้รับบาดเจ็บหรือพิการ หรือกว่า 72,000 คนต่อปี ความสูญเสียเหล่านี้สามารถป้องกันได้ ด้วยการให้เด็กๆที่เดินทางด้วยการซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์สวมหมวกกันน็อคทุกครั้ง
เครือข่ายองค์กรผู้เชี่ยวชาญด้านคุ้มครองเด็กและป้องกันอุบัติภัยบนท้องถนน นำโดย มูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย Asia Injury Prevention (AIP) Foundation และ องค์การช่วยเหลือเด็กประเทศไทย Save the Children in Thailand จึงได้ร่วมมือกันริเริ่มโครงการ The 7% Project โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มอัตราการสวมหมวกนิรภัยของเด็กจาก 7% ให้เป็น 60% ทั่วประเทศภายในปี 2560
เนื่องจากการเดินทางจากบ้านไปกลับโรงเรียนคือเส้นทางหลักสำหรับครอบครัว และจักรยานยนต์คือยานพาหนะหลักที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ใช้ในการรับ-ส่ง บุตรหลานในแต่ละวัน ในปีแรก จึงเริ่มต้นการทำงานร่วมกับโรงเรียนประถมศึกษา เพื่อรณรงค์ให้หมวกกันน็อคเป็นส่วนหนึ่งของชุดนักเรียน โดยจะทำงานร่วมกับชุมชน เด็กๆ ผู้ปกครอง ครู และประชาชนทั่วไปที่สนใจ เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์วัฒนธรรมความปลอดภัย
ในปีต่อๆ ไป โครงการนี้จะขยายไปสู่จังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ พร้อมกับขยายขอบข่ายการร่วมงานกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อเพิ่มการณรงค์ให้ครอบคลุมทุกเส้นทางการเดินทางของเด็กๆ
รูปแบบโครงการ
เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง The 7% Project จะมุ่งเน้นการปรับทัศนคติและพฤติกรรมของเด็กรุ่นใหม่ เกี่ยวกับการใช้หมวกกันน็อค พร้อมกับสนับสนุนให้ครูและผู้ปกครองมีส่วนร่วมกับโครงการอย่างเต็มที่ โดยจะดำเนินงานควบคู่กันใน 4 ด้าน ได้แก่
การศึกษา – เสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้และประโยชน์ของหมวกกันน็อค ทั้งในวิชาพื้นฐานและกิจกรรมนอกหลักสูตร จัดอบรมสำหรับคุณครูและผู้ปกครอง เพื่อให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงผลกระทบของอุบัติเหตุ
การสื่อสารกับมวลชน – จุดประกายความคิด จัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ และรายงานทุกความเคลื่อนไหวของโครงการ ตลอดจนเปิดให้ทุกฝ่ายร่วมกันผลักดันการรณรงค์ให้ไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ยั่งยืน
การบังคับใช้ – ร่วมมือกับโรงเรียนในการออกกฎให้เด็กที่เดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ต้องสวมหมวกกันน็อค โดยมีคุณครูประจำชั้นคอยดูแลและแนะนำอย่างใกล้ชิด และขอการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในการผลักดันกฎหมายหมวกกันน็อค ให้มีผลบังคับใช้ครอบคลุมทุกเส้นทาง
การสร้างนวัตกรรม – จัดหาหมวกกันน็อคที่มีดีไซน์โดนใจเด็กและวัยรุ่น มีขนาดที่พอดีกับศีรษะ และราคาไม่แพง รวมทั้งเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้แสดงตัวตนของพวกเขาผ่านหมวกกันน็อค