ปี 2538
คือยุคที่ดนตรีอัลเทอร์เนทีฟดังลั่นทุกแผงเทป
วัยรุ่นทุกคนกระโดดโยกหัวไปกับเพลงของวงพราว อรอรีย์ สไมล์บัฟฟาโล่
จะจีบใคร…ก็บอกให้รู้ด้วยบัตรจีบ
คิดถึงใคร…ก็หยอดตู้โทรศัพท์โทรไปหา
แอบรักใคร…ก็บอกรักด้วยเพจเจอร์
ชักช้า… แต่ลึกซึ้ง
นิยามรักวัยรุ่น 2538:ความรักก็เหมือนฟังเทป รักแล้วต้องรอ ไม่ใช่กรอไปฟังเพลงไหนก็ได้
ปี 2558
คือยุคที่ดนตรีทุกแนวโด่งดังอยู่ในยูทูบ
วัยรุ่นทุกคนฟังเพลงผ่านไอโฟน
จะจีบใคร…ก็แอดเฟรนด์ในเฟซบุ๊ก
คิดถึงใคร…ก็ทักไลน์ไปหา
แอบรักใคร…ก็บอกรักด้วยสติกเกอร์
เร็วปรี๊ด… แต่ไม่ลึกซึ้ง
นิยามรักวัยรุ่น 2558:ความรักก็เหมือนเล่นไลน์ รักแล้วไม่ต้องรอ ส่งสติกเกอร์เดี๋ยวเดียวรู้เรื่อง
Mono Film
Featuring
ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์
เนตั้น – แดนอรุณ รามณรงค์
แวน – ชนินทร จิตปรีดา
โฟน – ชลกาญจน์ พวงน้อย
ชวนมาสัมผัสความรักสองยุคสองสมัยของคนหัวใจอัลเทอร์ฯ
แล้วจะรู้ว่า…ไม่ว่ายุคไหนความรักก็ทันสมัยเสมอ
2538 อัลเทอร์มาจีบ
ภาพยนตร์โดย ยรรยง คุรุอังกูร
กรอเทปฟังเพลงรักอัลเทอร์ฯ พร้อมกัน
19 มีนาคมนี้
เรื่องย่อ
ปี 2558 ในยุคที่ทุกอย่างดูรวดเร็วไปหมด ก้อง (เนตั้น – แดนอรุณ รามณรงค์)เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่มีเฟซบุ๊กเป็นบ้านหลังที่สอง มีสมาร์ทโฟนเป็นปัจจัยที่ห้า เขามองว่าความรักก็เหมือนการเล่นไลน์ รักแล้วไม่ต้องรอ ส่งสติกเกอร์เดี๋ยวเดียวรู้เรื่อง แน่นอนว่าเขาไม่เคยเข้าใจความรักของพ่อแม่ที่กว่าจะรักกันได้ต้องใช้เวลาขนาดไหน แต่ไม่ทันไร ก้องก็ได้รู้เรื่องสมใจ เมื่อเขาไปเจอเพจเจอร์เก่ากึ๊กของพ่อที่อยู่ดีๆ ก็มีข้อความส่งมาให้โทรกลับ แต่บังเอิญสมาร์ทโฟนคู่ใจแบตหมด เขาจึงไม่รอช้าควักเหรียญหยอดตู้โทรศัพท์โทรไปเบอร์นั้นทันที!
ก้องลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าตัวเองอยู่ในปี 2538 ปีที่วัยรุ่นทุกคนยังฟังเพลงผ่านเทปคาสเซ็ท วงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟอย่างวงพราว อรอรีย์ สไมล์บัฟฟาโล่ กำลังโด่งดังแบบสุดๆ และที่สำคัญวัยรุ่นยังจีบกันผ่านเพจเจอร์อยู่เลย ก่อนที่เขาจะได้พบกับพ่อหรือ ตั้มวัยหนุ่ม (แวน – ชนินทร จิตปรีดา) และแม่หรือ แหม่มวัยสาว (โฟน – ชลกาญจน์ พวงน้อย) ที่ยังเป็นวัยรุ่นอัลเทอร์ฯสุดจี๊ดแต่นั่นยังไม่จี๊ดเท่ากับได้เจอ ส้ม (ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) เด็กสาววัยรุ่นสุดเปรี้ยวสมชื่อที่เขาตกหลุมรักเธอรวดเร็วราวกับส่งสติกเกอร์ไลน์ จนอยากเอาเธอมาจีบเสียเหลือเกิน แต่ดูเหมือนจะผิดที่ผิดทางผิดเวลาไปหน่อย เพราะส้มคือมือที่สามที่จะมาแย่งตั้มไปจากแหม่ม พูดง่ายๆ ส้มคือตัวแปรสำคัญที่จะทำให้เขาไม่ได้เกิดมา!
ก้องจึงต้องพยายามทำทุกทางเพื่อให้พ่อกับแม่ได้สมหวังกัน ขณะเดียวกันหัวใจเขาก็ได้เทให้ส้มไปหมดแล้ว เพราะเธอคือคนที่ทำให้เขารู้ว่า ความรักก็เหมือนฟังเทป รักแล้วต้องรอ ไม่ใช่กรอไปฟังเพลงไหนก็ได้
งานนี้ได้แต่ร้องเพลงรอลุ้นว่าก้องจะทำอย่างไรกับปัญหาหนักใจในครั้งนี้ แล้วเขาจะกลับมายุคปัจจุบันเพื่อมาอัพสเตตัสเฟซบุ๊กได้อีกครั้งหรือไม่?
คาแรกเตอร์
ก้อง รับบทโดย เนตั้น – แดนอรุณ รามณรงค์
เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กมากกว่าใช้ชีวิตจริง คิดไว ทำไว อยากจะรักใครก็รัก จะเลิกกับใครก็เลิก ไม่แคร์ใครแม้กระทั่งพ่อกับแม่ มองความรักเป็นเรื่องเล่นๆ จนได้มาพบกับส้มที่ทำให้เขามองความรักเปลี่ยนไป
ส้ม รับบทโดย ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์
เด็กสาววัยรุ่นสุดเปรี้ยว เป็นคนเปิดเผย มีอะไรไม่เคยเก็บไว้ในใจรักก็บอกรัก เกลียดก็ด่าจัดเต็ม รักตั้มสุดหัวใจจนยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ความรักมา
ตั้ม (วัยหนุ่ม)รับบทโดย แวน – ชนินทร จิตปรีดา
หนุ่มเซอร์สุดกวน เต็มที่กับทุกเรื่อง เพื่อนเฮไหนตั้มเฮนั่นแต่เกรงใจทุกความหวังดีของสาวๆ โดยเฉพาะส้ม ถึงแม้ในใจจะมีแหม่มเพียงคนเดียวก็ตาม
แหม่ม (วัยสาว)รับบทโดย โฟน – ชลกาญจน์ พวงน้อย
สาวหวานขี้น้อยใจ มีปัญหามักเก็บไว้ในใจ ไม่ค่อยแสดงออก ทำให้ดูเป็นคนขี้เหวี่ยงตลอดเวลา เป็นแฟนกับตั้มโดยที่ไม่เคยมั่นใจในความรักของตั้มเลย
ตั้ม (ปัจจุบัน) รับบทโดย อิงค์ – อชิตะ ปราโมช ณ อยุธยา
สถาปนิกหนุ่มพ่อของก้องที่ไม่ค่อยเข้าใจลูกนัก แต่ก็พยายามทำให้ลูกเข้าใจถึงความรักที่แท้จริงผ่านความหลังเก่าๆ เงียบขรึมจนไม่เหลือเค้าความกวนตอนวัยรุ่น เพราะติดกับความหลังเรื่องความรัก
แหม่ม (ปัจจุบัน) รับบทโดย วิชุดา พินดั้ม
แม่ของก้องที่คอยดูแลทุกอย่างภายในบ้าน สนิทสนมกับก้องเป็นพิเศษ มักจะทะเลาะกับตั้มถึงเรื่องความรักในอดีต
กรอความหลังปลุกประสบการณ์รักยุคอัลเทอร์เนทีฟให้รุ่งเรืองอีกครั้ง
จากไอเดียแรกของผู้กำกับรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง เสือ - ยรรยง คุรุอังกูร ที่ต้องการนำเรื่องราวเกี่ยวกับการสื่อสารในยุคปัจจุบันที่ทุกคนใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กติดต่อสื่อสารกันอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้ส่งผลไปยังเรื่องความรักของคนยุคนี้ที่ทุกอย่างรวดเร็วไปหมด “ตอนแรกเราอยากทำภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารของคนยุคนี้ มันคือการที่เราก้มหน้าคุยกัน สื่อสารกัน รักใครก็แอดกัน เลิกกับใครก็ดีลีตทิ้งไป เริ่มด้วยไอเดียง่ายๆ แต่ก็ถูกขยายไปอีกว่า แล้วการสื่อสารเก่าๆ ยุคไหนมันน่าสนใจ”
แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่น่าสนใจเท่ากับความน่าสนใจของการสื่อสารในอดีต ในยุคที่หนุ่มสาวยังส่งข้อความจีบกันผ่านทางเพจเจอร์ ยังโทรหากันผ่านตู้โทรศัพท์สาธาณะและโทรศัพท์บ้าน “ตัวเราก็เติบโตมากับยุคดนตรีอัลเทอร์เนทีฟ ในปี 2538 ซึ่งกระแสตอนนั้นดังมาก ก็เลยมาคิดว่า การสื่อสารในตอนนั้นมีอะไรบ้าง มีเพจเจอร์ มีการหยอดเหรียญตู้โทรศัพท์คุยกัน หรืออย่างโทรศัพท์บ้านก็ฮิต เขียนกลอนส่งกัน มีบัตรจีบ อัดเพลงให้สาว เราเลยเอายุคนี้กับยุคปัจจุบันมาเปรียบเทียบกันว่า อะไรที่มันคล้ายกัน และมันถูกเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างไร”
เรื่องการสื่อสารของหนุ่มสาวในปี 2538 จึงเป็นที่มาของภาพยนตร์ที่ผู้กำกับได้นำบรรยากาศของดนตรีในยุคอัลเทอร์เนทีฟรุ่งเรือง วัยรุ่นทุกคนยังกระโดดโยกหัวไปกับวงอัลเนอร์เนทีฟในตำนานอย่างวงพราว อรอรีย์ หรือสไมล์บัฟฟาโล่ให้หวนกลับมาในจอภาพยนตร์อีกครั้ง “อัลเทอร์เนทีฟจริงๆ มันคือบรรยากาศของหนังเรื่องนี้ ซึ่งเรากำลังจะบอกว่า การสื่อสารในยุคนั้นมันอบอวลไปด้วยบรรยากาศแบบนี้แหละ แฟชั่น เสื้อผ้า หน้าผม การฟังเทปหรือการสื่อสารหรือการใช้เพลงจีบผู้หญิง ยุคนั้นจะเป็นอัลเทอร์เนทีฟหมด”
และแน่นอนว่าบทเพลงอัลเทอร์เนทีฟที่เคยโดนใจหรืออยู่ในความทรงจำของใครหลายคน จะหวนกลับมาประกอบภาพยนตร์ให้ได้ฟังกัน ไม่ว่าจะเป็น แล้วเธอ– อรอรีย์ และ องศาที่ต่างกัน–The Must “ในยุคนั้น เวลาเราฟังเพลงไหน เคยได้ยินคำว่า ฟังเพลงไหนก็โดนไหม มันเหมือนกับว่า พอเราอยู่ในห้วงอารมณ์อารมณ์หนึ่ง แล้วเราฟังเพลงนี้เข้าไป มันก็โดนขึ้นมา เพลงแต่ละเพลงจึงทำหน้าที่ของมันในแต่ละฉาก หรืออย่างเวลาฟังเพลงเก่าๆ แล้วเรานึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นซึ่งสิ่งนี้แหละที่เราพยายามทำให้เป็นแบบนั้นในหนัง”
มาร่วมอินไปกับเพลงยุคอัลเทอร์เนทีฟและความรักสองยุคสมัยในภาพยนตร์รักย้อนวัย แต่ทันสมัยในความรู้สึก 2538 อัลเทอร์มาจีบ