ส่องสัมพันธ์สองสาว “เอม & น้ำ”

คอลัมน์ คุยกับดาว
เรื่อง – อนันต์ ธัญญ์รัตน์ / ภาพ – วิวิศน์วรดร จันทรวงศ์

IMG_4292นับตั้งแต่วันแรกที่ผมประกอบอาชีพนี้ ผมมีโอกาสได้พบเจอนักร้องนักแสดง มาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่เคยมีครั้งไหน ที่ทำให้ผมรู้สึกขนลุกซู่ได้เท่ากับวินาทีที่นักร้องสาวแสนสวยอย่าง “เอม-สาธิดา ปิ่นสินชัย” และ “น้ำ-กัญญ์กุลณัช ปัญญากิตตินันท์” มายืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าเช่นนี้

แรกพบพวกเธอ ผมรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่เห็นทั้งสองสาวเดินเคียงกันผ่านประตูบานเล็กเพื่อตรงดิ่งเข้ามาหาผม ด้วยความที่ไม่ค่อยได้ให้โอกาสตัวเองมาพบเจอกับสิ่งที่สังคมไทยเรียกขานว่า คู่จิ้น โดยเฉพาะกับเพศเดียวกันสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่น่าแปลกไปกว่านั้นก็คือ ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด จนคำถามต่างๆ ก็เกิดขึ้นมากมายในสมองของผม

พวกเธอไม่ได้เป็นคู่รักกันมิหนำซ้ำยังเพิ่งรู้จักกันได้เพียงไม่นาน แต่ทั้งสองกลับพึงพอใจที่จะร่วมไปบนเส้นทางที่มีระยะห่างซึ่งอาจไม่เคยปรากฎขึ้นระหว่างคู่ไหนมาก่อนก็เป็นได้

“หนูตามหาเค้านะ มีคนวิเคราะห์ว่าหนูอ่ะคาแรคเตอร์ตรงกับคนนี้ ถ้าสมมุติว่าคนนี้ได้หนูอาจจะไม่ได้ หนูก็เลยรอดูว่าคนนี้คือคนไหน แต่ดูจากรูป 30 คน หนูก็รู้สึกว่าทุกคนหน้าเหมือนกันไปหมด (หัวเราะ) แต่เค้าเป็นคนเจอหนูก่อนเพราะว่าหนูใส่เสื้อสีเด่นมาก” น้ำเริ่มต้นเล่าถึงจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเธอกับเอมให้แก่ผมฟัง ด้วยแววตาที่มุ่งมั่น

“วันนั้นเค้าใส่เสื้อสีเหลือง ยืนเข้าแถวอยู่ เราก็หันไปมองเพราะว่าเค้าหน้าตาดี สักพักก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนนึง พูดมาว่า พี่คะๆ ใบสมัครอยู่ไหน แล้วหนูหันไปก็เป็นเค้า เสียงเหมือนผู้ชาย ด้วยความที่เราหันไปเราก็ถามว่า ทำไมเสียงเธอเป็นแบบนี้ เราก็เลยเริ่มคุยกัน คือมันสงสัยว่าทำไมเป็นผู้หญิงแต่เสียงถึงเป็นแบบนี้ เค้าก็เล่าให้ฟังว่าตั้งแต่เด็กๆ ก็เป็นแบบนี้เลย” เอมเสริมด้วยถ้อยคำของตัวเองเพื่อเติมเต็ม

IMG_4290ในสายตาของผมน้ำออกจะเป็นสาวที่ค่อนข้างห้าว ซึ่งตรงกันข้ามกับเอมที่มีระดับความอ่อนหวานค่อนข้างสูง ผมไม่แน่ใจว่าสองสาวที่อยู่ตรงหน้าผมนี้จะคิดว่าตัวตนของแต่ละฝ่ายเป็นอย่างไร

เอม “เป็นคนกินจุ ถ้าได้กินก็จะกินไม่หยุด”
น้ำ “เป็นคนเงียบๆ ถ้าเค้ายังไม่รู้จักใคร ก็จะเงียบๆ ไม่คุยกับใครเลย”

ทั้งสองต่างรู้จักตัวตนของกันและกันเป็นอย่างดี ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าจะมีฉายาเรียกกันด้วยไหม

น้ำ “หนูจะเรียกเค้าว่าเขียว เพราะว่าดำจนเขียว”
เอม “แต่หนูจะเรียกเค้าว่าหมี เพราะเค้าน่ารักเหมือนหมี”

ความเหมือนที่แตกต่างนี้เองทำให้เวลาทั้งสองมายืนเคียงกันความเป็นคู่ของพวกเธอจึงชัดเจนมากยิ่งขึ้น หากจะเปรียบเอมเป็นน้ำผึ้งที่หอมหวาน น้ำก็คงเป็นมะนาวโซดาที่เปรี้ยวซ่าที่มาเติมแต่งรสชาติของน้ำผึ้งได้อย่างลงตัว ถึงตอนนี้เครื่องผมชักเริ่มติด จนอดที่จะไม่ถามไม่ได้ว่าทั้งสองต่างดูแลกันและกันอย่างไร

IMG_4279เอม “เค้าไม่เห็นดูแลหนูเลยนะ มีแต่หนูอ่ะดูแลเค้า เมื่อคืนก็ไลน์ไปหา ด้วยความที่เราเป็นห่วงว่าเค้าจะไม่ตื่น ก็ไลน์ไปบอกว่าจะให้ปลุกไหม เค้าก็เลยตอบกลับมาว่าถ้าไม่ตื่นก็ไม่ไป (หัวเราะ) หนูก็จะรู้ว่าต้องทำยังไง เค้าจะเป็นแบบว่าไม่ค่อยสนใจโลก”
น้ำ “หนูอยู่คนเดียวในกรุงเทพฯ บ้านเค้าจะช่วยดูแลหนูมากกว่า ที่บ้านเค้าก็จะมาส่ง เพราะว่าเราอยู่คนเดียวไม่มีรถ”
เอม “ถ้าอยู่ในบ้านก็จะดูแลเรื่องซ้อมเรื่องเพลง ถ้าหนูร้องไม่ได้ก็จะถามเค้า ท่อนไหนประสานกันได้ก็จะช่วยกัน ประมาณว่าเธอร้องอันนี้ดีกว่านะ และก็ช่วยกันดูเรื่องโชว์มากกว่าค่ะ แต่ในชีวิตประจำวันเค้าเก่งแล้วไม่ต้องดูแลอะไรมากหรอก (หัวเราะ)”

แม้ว่าในเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่ทั้งสองเพียงแค่เอ่ยประโยคสั้นๆ ก็สั่นสะท้านลงไปถึงก้นบึ้งหัวใจ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเรื่องราวแบบผู้หญิ๊งผู้หญิง ซึ่งถูกถ่ายทอดโดยผู้หญิงแท้ๆ สองคนจะเกาะกุมหัวใจของผมได้มากมายเช่นนี้ ผมค่อนข้างมั่นใจว่ายังรวมไปถึงบรรดาแฟนคลับของพวกเธอด้วยเช่นกัน

“เอมเป็นคนเงียบ จนถึงวีคหลังๆ ก็ยังเงียบอยู่ แต่หนูเป็นคนที่เยอะ เค้าก็จะน้อย มันก็เลยเกิดความพอดี พอมาถึงหนูก็จะดึงให้เค้าพูดเยอะขึ้น แสดงตัวออกมาเยอะขึ้น แต่บางครั้งก็เล่นเยอะเกินไป เค้าก็จะนอยด์” น้ำบอกกับผมถึงเรื่องที่แฟนคลับชื่นชอบในตัวของทั้งคู่มากที่สุด

หากไม่นับพลังแห่งจินตนาการที่ล้นเหลือของแฟนคลับของพวกเธอที่ทำให้ขอบเขตความนึกคิดของผม แผ่ขยายไปจนไม่มีที่สิ้นสุด จะบอกว่าพวกเธอคือปรากฎการณ์ใหม่ของคู่แห่งจินตนาการก็คงไม่ผิดนัก เป็นคู่ฮอตที่ซี๊กันขนาดนี้ ผมไม่แน่ใจว่าจะมีโกรธกันบ้างไหม

IMG_4265เอม&น้ำ “อูยยย! นับไม่ถ้วนค่ะ”
น้ำ “คือมันมีความต่างตรงที่มันเหมือนกันคือเราเป็นผู้หญิงที่ห้าวๆ เหมือนกัน แล้วเราต่างก็ไม่ยอม”
เอม “แต่เรายอมเธอนะ”
น้ำ “เว่อร์!!”
เอม “จริงๆ ในบ้านเวลาโกรธกันแต่ทำอะไรกันไม่ได้ พอออกนอกบ้านก็เลยจัดเต็มค่ะ (หัวเราะ) แต่เราก็รู้สึกว่าเป็นฝ่ายยอมเค้ามากกว่า ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน”

อาจเพราะนิสัยกินจุที่ติดตัวมา จึงทำให้น้ำง่วนอยู่กับบานอฟฟี่ชิ้นโปรดของตัวเอง เอมยังคงพูดจ้อถึงน้ำต่อไปอย่างได้อรรถรส น้ำคล้ายจะรู้ตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมาทำตาค้อนใส่เอมแล้วก็ยิ้มบางๆ ก่อนที่จะเถียงกลับไปในนาทีต่อมา ทันใดนั้นเองรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของพวกเธอก็อบอวลไปทั่วห้อง

“เค้าเป็นคนหน้ามึน สมมุติว่าหนูโกรธมาก เค้าก็จะหน้ามึนเดินเข้ามาหาเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เค้าจะไม่สนใจว่าหนูจะโกรธมากน้อยแค่ไหน บางทีหนูก็ขำนะไม่รู้จะโกรธกันไปทำไม ในเมื่อสุดท้ายแล้วก็ต้องทำงานด้วยกัน” เอมบอกกับผมถึงวิธีการง้อของน้ำ

IMG_4283เอมใช้หัวไหล่สะกิดน้ำอยู่บ่อยครั้ง คล้ายต้องการจะเปลี่ยนความสนใจของน้ำที่กำลังง่วนกับบานอฟฟี่มาเป็นตน น้ำหันมาลูบหัวเอมเบาๆ ก่อนที่จะกลับไปสนใจบานอฟฟี่ชิ้นโปรดของเธอต่อ

เพราะชอบให้เอมเข้าถึงแบบตรงไปตรงมานี่เองที่ทำให้ใครหลายคนมองว่าทั้งสองเป็นคู่จริง ผมคิดเล่นๆ ว่าหากจะขออะไรก็ได้จากอีกฝ่ายจะขออะไร…หลังจากที่นิ่งคิดกันไปหลายวินาที คำตอบที่ทั้งสองสาวมีให้ผมก็คือ

เอม “อยากให้เค้าเชื่อใจหนูมากขึ้น เวลาทำงานด้วยกันความเห็นไม่ตรงกันก็ต้องมีทะเลาะกันบ้าง ด้วยความที่เราสนิทกันมาก ถ้าเราเชื่อใจกันเวลาทำงานก็จะทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีค่ะ”
น้ำ “ขอให้เราคุยกันมากขึ้น คือเราต้องทำงานด้วยกันตลอด แต่เรื่องสาระจะไม่ค่อยได้คุยกัน (หัวเราะ) เวลาทำงานหรือไปไหนด้วยกันจะได้ง่ายขึ้น”

อากาศที่ร้อนอบอ้าวไม่ได้ทำให้ทั้งสองดูเหนื่อยแต่อย่างใด กลับทำให้ความซุกซนของพวกเธอเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก เอมเปรยขึ้นมา ในขณะที่เรากำลังสนทนากันในเรื่องของวันหยุด น้ำส่งยิ้มเล็กๆ แทนคำตอบกลับไป คล้ายจะบอกอะไรบางอย่างให้เอมได้รับรู้ ผมคงไม่สามารถหาคำตอบของภาษากายที่ผมได้เห็นเมื่อสักครู่ แต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามีเพียงพวกเธอสองคนเท่านั้นที่รู้ อย่างไรก็ตามผมก็ได้เปิดโอกาสให้สองสาวฝากอะไรถึงกันบ้าง

IMG_4280น้ำ “เค้าไม่ค่อยน่าห่วงอ่ะ เค้าจะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการใช้ชีวิตเค้าก็มีวินัยของเค้าอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรแล้วสำหรับคนนี้”
เอม “เค้าเป็นคนถ่ายรูปแล้วค่อนข้างอ้วน ก็ฝากให้ดูแลตัวเองดีๆ เพราะเค้าอยู่กรุงเทพฯ คนเดียว อยู่คอนโด แล้วก็กลับดึกๆ หนูก็เป็นห่วง ถึงหนูจะไปส่งบ้าง แต่ก็ขึ้นห้องคนเดียว อยู่คนเดียวทุกวัน มีเรื่องอะไรก็คุยกันได้ และถ้าสนใจก็เอาหมาเราไปเลี้ยงได้นะ (หัวเราะ)”
น้ำ “ไม่ๆๆ เด็ดขาด!!”
เอม “ก็นั่นแหล่ะ ผู้หญิงตัวคนเดียวอายุแค่ 20 เอง มาอยู่กรุงเทพฯ เมืองใหญ่ เค้าก็ยังไม่รู้จักคนเยอะ เพื่อนก็ไม่ค่อยมี เพราะเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ ก็ฝากดูแลตัวเองดีๆ ทำอะไรก็คิดเยอะๆ แต่ก็อาจจะไม่ต้องห่วงมากก็ได้ เค้าอาจจะดูแลตัวเองได้เนอะ”
น้ำ “…..”

เมื่อเสียงฮาสร่างซาลง การเดินทางของการสนทนาในครั้งนี้ก็มาถึงจุดสิ้นสุด แต่สุดท้ายก่อนจากกันทั้งสองสาวก็ไม่ลืมที่จะฝากถึงแฟนๆ อันเป็นที่รัก

“ขอบคุณที่ชื่นชอบ และคอยเป็นกำลังใจให้พวกเราตลอด แต่ที่สำคัญคือเราห่วง เราพูดทุกครั้งที่ได้ฝากถึงเค้าว่าเราห่วงเค้ามากกับการที่ตามมาไกลหลายจังหวัด ห่วงเรื่องงาน เรื่องสุขภาพ ถ้าถามว่ารู้สึกดีไหมที่เค้ามารอเรา ต้องบอกเลยว่ารู้สึกดีมากๆ ค่ะ กับการที่เราไม่ได้เป็นคนที่ดังขนาดนั้น แต่ว่ายังมีกลุ่มคนที่ชื่นชอบและก็มาให้กำลังใจเราตลอดเวลากับการที่เราไปออกงาน ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ก็ไปหมด เค้าก็จะไปรอเราก่อนเราไปถึงและก็อยู่รอจนเลิกเพื่อส่งเรา อยากให้ดูแลตัวเองกันด้วยนะจุ๊บ”

สองสาวพูดพร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่แต้มระบายบนใบหน้าของพวกเธอมาตลอดเวลาที่เรานั่งสนทนากัน บางทีผมก็แอบคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีสถานะหรือเพศมาเป็นตัวกำหนดคนเราก็สามารถคู่กันได้อย่างสองสาว “เอม-น้ำ” ที่อยู่ตรงหน้าผมนี้เอง

หมายเหตุ: ขอขอบคุณ ร้านกาแฟ Beyond Cafe สาขาสนามกีฬากลาง ที่เอื้อเฟื้อสถานที่

ติดตามชมเรื่องราวอัพเดทของศิลปินได้ที่ คอลัมน์: คุยกับดาว น้องๆ คนไหนที่อยากอัพเดทเรื่องราวของศิลปินดาราสุดที่รักของคุณแบบนี้ ส่งมาได้ที่ startalk@prsociety.net หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.prsociety.net และ www.facebook.com/PRSocietyNews