ผู้พิการสายตาเลือนรางคือบุคคลที่มีการมองเห็นหลงเหลือบางส่วน แต่ยังมีลักษณะดวงตาเหมือนคนทั่วไป คนภายนอกจะมองไม่เห็นว่าผิดปกติ เช่น เห็นภาพพร่ามัวถาวรมีลานสายตาแคบ มองไม่เห็นภาพด้านข้าง หรือไม่สามารถมองเห็นมิติของภาพที่จะกะระยะความลึกหรือสูงได้ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวัน หรือการเข้าไปมีส่วนร่วมกิจกรรมทางสังคม สามารถเกิดได้ในทุกช่วงวัยตั้งแต่กำเนิดไปจนถึงผู้สูงอายุ ในประเทศไทยพบมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี
“สมาคมคนสายตาเลือนราง” ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกิดจากการรวมกลุ่มของผู้พิการทางสายตาเลือนราง ที่คอยให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูสมรรถภาพด้านร่างกายและจิตใจ ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ก่อตั้งในปี 2553 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีให้ตั้งสำนักงานของสมาคมในมูลนิธิราชสุดา
นางอารยา ประโมจนีย์ นายกสมาคมสายตาเลือนราง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในปี 2549-2550 พบว่าประชากรไทยมีความชุกของตาบอดร้อยละ 0.59 หรือประมาณ 369,013 คน และความชุกของสายตาเลือนรางร้อยละ 1.57 หรือประมาณ 987,993 คน ประกอบกับการที่สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ บุคคลอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปที่มีความเสี่ยงการเกิดโรคตา ที่ทำให้เกิดความพิการเช่น ต้อหิน เบาหวานขึ้นจอประสาทตา จอประสาทตาเสื่อมรวมถึงการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น ซึ่งบ้านเรายังไม่มีการรองรับปัญหาของคนกลุ่มนี้ที่เพียงพอและเหมาะสม
สมาคมฯ ได้จัดตั้งศูนย์บริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มสำหรับเด็กพิการทางการมองเห็น อายุ 0-6 ปี (Joy Center) เพื่อเป็นศูนย์พัฒนาการและกระตุ้นการมองเห็นให้แก่เด็กเล็กที่พิการสายตาเลือนราง เป็นการช่วยยืดอายุสายตาและการมองเห็น อีกทั้งยังช่วยลดอัตราการตาบอดในเด็ก และศูนย์บริการคนสายตาเลือนรางถาวรแบบครบวงจร ประกอบด้วย “ศูนย์เพื่อนช่วยเพื่อน” เป็นหน่วยให้คำแนะนำปรึกษา (Call Center) สำหรับคนสายตาเลือนราง หน่วยสาธิตอุปกรณ์ช่วยการมองเห็นและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก หน่วยบริการด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและห้องสมุดคนสายตาเลือนราง ซึ่งมีเป้าหมายจะดำเนินการให้แล้วเสร็จในปีนี้
คุณปัทมา สิริภัทรวณิช ประธานศูนย์ Joy Center กล่าวว่า จอยเซ็นเตอร์เป็นองค์กรสาธารณกุศลไม่แสวงหาผลกำไร ให้บริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็นอายุ 0-6 ปี อาทิ ให้คำแนะนำและฟื้นฟูเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น ฝึกกระตุ้นการเห็นและฝึกอบรมทักษะที่จำเป็นแก่เด็ก เป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนแบ่งปันความรู้ ดูแลโดยครูการศึกษาพิเศษที่ชำนาญการ ขณะนี้เรามีเด็กบกพร่องทางการเห็นประมาณ 11 คน มีครูประจำ 1 คน ถือว่าวัยแรกเกิดถึงหกปีเป็นเวลาทองของเด็กที่ควรจะฝึกพัฒนาการเป็นอย่างมาก โดยมีกิจกรรมเสริมพัฒนาการต่างๆ อาทิ การทำขนม ดนตรี ศิลปะ ฯลฯ
คุณนิริตชลา นันตา ผู้ปกครองของน้องตี๋- ด.ช.นพเก้า นันตา ผู้มีสายตาเลือนราง อายุ 6 ขวบ เล่าให้ฟังว่า น้องตี๋คลอดเมื่ออายุครรภ์แค่ 6 เดือนกับ 2 สัปดาห์ โดยมีน้ำหนักตัว 1,110 กิโลกรัม ตาบอดสนิทตั้งแต่อายุ 4 เดือน ซึ่งคุณหมอแจ้งว่าจอประสาทตาหลุดแล้วมีพังผืดเยอะแต่เมื่อผ่าตัดแล้วกลับไม่มีอะไรดีขึ้น ซึ่งคุณแม่ดูแลเหมือนเด็กปกติทั่วไป แต่เน้นเรื่องการช่วยเหลือตัวเองมากกว่า เพราะน้องมีพัฒนาการช้า พูดได้ตอนอายุสี่ขวบ แต่เมื่อพาน้องเข้ามาฟื้นฟูส่งเสริมพัฒนาการของศูนย์จอยเซ็นเตอร์ขณะเมื่ออายุ 3 ขวบ น้องมีพัฒนาการดีขึ้นมาก จนปัจจุบันสามารถเปลี่ยนมาเรียนชั้นป.1 ที่โรงเรียนสอนคนตาบอดได้แล้ว
“ศูนย์จอยเซ็นเตอร์ช่วยได้เยอะมาก เพราะตอนช่วงน้องสามขวบคุณแม่อยู่แต่บ้านเลี้ยงลูกอย่างเดียว ไม่มีความรู้ในการเลี้ยงดู ได้รู้จักศูนย์จอยเซ็นเตอร์และพามาเสริมพัฒนาการสัปดาห์ละสองวันตั้งแต่น้องอายุสามขวบจนถึงสองขวบ ซึ่งศูนย์ได้แนะนำเรื่องต่างๆ มากมาย แต่จะเน้นเรื่องพัฒนาการเรียนรู้มากกว่า ทำให้น้องดีขึ้นเป็นลำดับ อาทิ สามารถใส่เสื้อผ้าเองได้ กินข้าว เข้าห้องน้ำได้ และสื่อสารกับคุณแม่ได้ ฯลฯ หลังจากที่พามาครั้งแรกคือนอนดิ้นและร้องอย่างเดียว ซึ่งปัจจุบันได้เรียนที่โรงเรียนสอนคนตาบอดแล้ว ซึ่งการจะเข้ามาเรียนได้เด็กจะต้องช่วยตัวเองได้แล้วในระดับหนึ่ง ซึ่งน้องก็พัฒนาการดีขึ้นอีกขั้นหนึ่ง คือสามารถปรับตัวเล่นและพูดคุยกับเพื่อนๆ ได้และถามคำถามกับคุณครูมากขึ้น คาดหวังเพียงแค่น้องได้มีพัฒนาการดีขึ้นเรื่อยๆ ได้เรียนหนังสือได้เข้ากับกลุ่มเพื่อนอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขก็พอใจแล้ว ฝากถึงพ่อแม่ทุกคนว่าอย่าสิ้นหวัง การมีลูกตาบอดหรือสายตาเลือนรางไม่ใช่หมายถึงหมดสิ้นทุกอย่าง เพราะเด็กสามารถเรียนรู้ได้ มีอนาคตได้มากกว่านี้ แต่หากเราไม่สนใจเด็กจะมีพัฒนาการที่ถอยลงแน่นอน ดังนั้นพ่อแม่ต้องใส่ใจ พาลูกมาฝึกพัฒนาการอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะเด็กเล็ก แม้เด็กจะมองไม่เห็นแต่เขาสัมผัสได้”
เพื่อช่วยระดมทุนสนับสนุนการดำเนินงานของสมาคมคนสายตาเลือนราง (ประเทศไทย) บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จึงร่วมกับ สมาคมคนสายตาเลือนราง (ประเทศไทย) ภายใต้การดูแลของมูลนิธิราชสุดา และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดงาน “มูลนิธิราชสุดา – บิ๊กซี เดิน-วิ่ง มินิมาราธอน ปีที่ 2 เฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อคนพิการสายตาเลือนราง” กิจกรรมจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม 2558 เวลา 05.00-10.00 น. ณ บิ๊กซี พระราม 4
นางสาววารุณี กิจเจริญพูลสิน ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บมจ. บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ กล่าวว่า “ในโอกาสเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนม์พรรษาครบ 60 พรรษา ปีนี้ จึงมีความพิเศษยิ่งกว่า เพราะได้รับเกียรติจากร้านภูฟ้าในการนำเสื้อวิ่งสีม่วงตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา มอบให้แก่ผู้สมัครวิ่งในราคา 360 บาท นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมจับคู่คนสายตาเลือนรางและคนสายตาปกติ 60 คู่ ร่วมเดินการกุศล 999 ก้าว โดยทุก 999 ก้าวนั้น บิ๊กซีจะเปลี่ยนเป็นเงินร่วมบริจาคแก่สมาคมสายตาเลือนราง (ประเทศไทย) จำนวนคู่ละ 999 บาท อีกด้วย โดยรายได้จากการจัดงานฯ หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานมูลนิธิราชสุดา เพื่อพระราชทานให้สมาคมคนสายตาเลือนรางต่อไป”
น้องแก้ว น.ส.อรปรียา มงคลสิทธิ์ชัย อายุ 19 ปีนักกีฬาโกลบอลไปแข่งได้เหรียญทองในกีฬา Asianparagame ที่ประเทศพม่า เล่าว่าเธอพิการสายตาเลือนรางมาตั้งแต่กำเนิด มองเห็นบางในช่วงกลางวัน อ่านหนังสือได้ ส่วนกลางคืนก็อาจจะมองไม่เห็น แต่ก็ไม่ได้มีอุปสรรคในการใช้ชีวิต ซึ่งทุกวันนี้เธอไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระและถ้ามองไม่เห็นก็จะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนหรือคนรอบข้าง และเป็นคนชอบเล่นกีฬา ความพิการไม่ได้กีดกั้นการเล่นกีฬาของทุกคน จึงอยากให้ทุกคนเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ เพราะนอกจากได้ช่วยเหลือผู้พิการแล้ว ยังได้เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯอีกด้วย
แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ ดาราสาว กล่าวว่าอยากให้ทุกคนได้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการครั้งนี้ เพราะนอกจากจะได้ออกกำลังกายและทำกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกับครอบครัวและเพื่อนฝูงแล้ว กิจกรรมนี้ยังเป็นโอกาสอันดีที่คนไทยจะได้ร่วมกันสร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ด้วยการมีส่วนสนับสนุนกิจกรรมของสมาคมฯ โดยเฉพาะการดำเนินงานศูนย์ Joy Center เพื่อช่วยเหลือระยะแรกเริ่มสำหรับเด็กพิการทางการมองเห็น จึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมกิจกรรมกันมากๆ
การแข่งขันแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ วิ่งมินิมาราธอน 10 กม. เดินเพื่อสุขภาพ 3 กม. และเดินการกุศล 1.2 กม.ร่วมกับผู้พิการทางมองเห็น ผู้วิ่งมินิมาราธอนทั้งชายและหญิงที่เข้าเส้นชัยเป็นลำดับแรก จะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากนี้ ยังมีถ้วยรางวัลสำหรับผู้วิ่งมินิมาราธอนที่เข้าเส้นชัยอันดับ 1-5 จากทุกกลุ่มอายุ และผู้เดิน-วิ่งที่เข้าเส้นชัยทุกคน จะได้รับเหรียญรางวัลตราสัญลักษณ์มูลนิธิราชสุดาเป็นที่ระลึกด้วย ผู้สมัครเข้าร่วมงานจะได้รับเสื้อวิ่งสีม่วงตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพฯ ออกแบบโดยร้านภูฟ้า ค่าสมัครเพียง 360 บาท สมัครได้ที่บิ๊กซี ราชดำริ บิ๊กซี พระราม 4 บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า รัชดาภิเษก และบิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า แจ้งวัฒนะ 2 หรือที่สมาพันธ์ชมรมเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพไทยและสมาคมสายตาเลือนราง (ประเทศไทย) สอบถามโทร.1756