The Richman Toy (วีรณัฐ ทิพยมณฑล) ผู้พากย์เสียง “ก๊อก” ในภาพยนตร์แอนิเมชั่น เรื่อง “ยักษ์”

จากนักร้องขวัญใจวัยรุ่น สู่นักพากย์มือใหม่
แจ๊ป – The Richman Toy ร่วมสร้างสีสันกับโปรเจ็คต์ “ยักษ์”
สวมบท “ก๊อก” พ่อค้าเจ้าเล่ห์ผู้ทำให้เกิดเรื่องราวทั้งหมด

Q: ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้พากย์เสียงภาพยนตร์แอนิเมชั่น และยังเป็นการร่วมงานกับพี่จิก-ประภาส ชลศรานนท์ ที่แจ๊ปนับถืออีกด้วยรู้สึกอย่างไรบ้าง
J: เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกนะครับที่แจ๊ปได้มามีส่วนร่วมในการพากย์แอนิเมชั่นครับ ผมได้รับการทาบทามมาจากพี่จิก เขาโทรมาชวนที่สมอลล์รูมเลยก็ตื่นเต้นมาก ด้วยความที่พี่จิกเป็นนักเขียนด้วยครับ ผมอ่านหนังสือของเขามาบ้างครับ และเขาเป็นนักแต่งเพลง ซึ่งแจ๊ปเองแต่งเพลงเหมือนกัน ก็เลยถือว่าเป็นครูด้านเขียนเพลงท่านหนึ่ง พี่จิกเขียนเพลงของเฉลียงเป็นผลงานที่ผมชอบมาก พอพี่จิกมาชวนก็รู้สึกว่าก็โอเคเลยครับ พร้อมที่จะมาทำทันที ก็รู้สึกดีมากเพราะว่าจริงๆเป็นโปรเจ็คต์หนังเรื่อง “ยักษ์” ก็เป็นโปรเจ็คต์ยักษ์ด้วยครับที่คนไทยได้มีโอกาสผลิตการ์ตูนแอนิเมชั่นค่อนข้างที่จะมีคุณภาพดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งครับ

Q: อยากให้ช่วยแนะนำความน่าสนใจและเสน่ห์ของตัวละคร ที่พากย์สักนิด
J: ในภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องยักษ์ ผมพากย์เป็น “ก๊อก” ครับ เขาเป็นพ่อค้าครับขายหุ่นยนตร์ที่เป็นซากหุ่น เขาคอยไปหาหุ่นเก่าแก่อายุหลายล้านปีก็ขุดขึ้นมาเพื่อนำมาขายโก่งราคา เจ้าก๊อกก็เป็นพ่อค้าที่ค่อนข้างจะเจ้าเล่ห์ มีเล่ห์เหลี่ยม ถ้าเกิดเป็นหุ่นทหารหุ่นสงครามก็จะยิ่งมีราคาแพง เพราะว่าเนื้อเหล็กมันจะดี และก๊อกนี่เองก็เป็นคนขุดเจ้ายักษ์และก็เผือกขึ้นมา ซึ่งเป็นตัวละครหลักในเรื่องนี้ครับ ตัวก๊อกนี่ก็รูปร่างประหลาดเขาจะมีไฝอยู่แถวๆ ปากนี่แหละ แล้วชอบเอาตัวหุ่นแมลงมาเปลี่ยนเป็นไฝก็แปลกดีครับ เหมือนคนเราเปลี่ยนฟันปลอม แต่นี่เปลี่ยนไฝ เขาเป็นพ่อค้าก็เลยค่อนข้างจะโชว์กร่างแต่ในสมองก็แอบจะงงๆ หน่อยๆ นะครับจะดูไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวหรอกแต่โชว์ว่าตัวเองฉลาด และมีจุดขี้กลัวหน่อยๆครับ เขาเป็นตัวละครที่มีสีสันตัวหนึ่งครับ เป็นตัวดำเนินเรื่องเชื่อมโยงก่อให้เกิดเรื่องตั้งแต่ต้นครับ

Q: ปกติเคยแต่ร้องเพลงมาตลอด แล้วงานพากย์เสียงครั้งนี้ยากสำหรับเราไหม
J: ก็เป็นครั้งแรกในการพากย์แอนิเมชั่นนะครับถือว่ายากครับ ยากมาก (หัวเราะ) เพราะว่าจริงๆ แล้วภาพที่มองไว้ตอนที่พี่จิกมาชวนนี่มันเหมือนกับว่ามีภาพการ์ตูนแล้วให้เราไปนั่งพากย์ไปเรื่อยๆ ครับ แก้ไขกันได้อะไรอย่างนี้ แต่พอมาถึงจริงๆ ไม่มีภาพอะไรเลยครับ ให้คุยกันเองเลยคุยกับคนปกติต้องจินตนาการเอง แต่ก็จะทำให้รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติครับ เสียงพากย์ออกมาจากอารมณ์ของตัวเองครับ เพื่อให้ได้เนื้อเสียงธรรมชาติจริงๆ ซึ่งยากมากครับ แต่ว่าก็พอไหวครับ ก็สู้กันพอไหว (หัวเราะ)

Q: สำหรับตัวแจ๊ปแล้วมีความสนใจในแอนิเมชั่นมากน้อยแค่ไหน และว่าเรื่องยักษ์นี้มีเสน่ห์และความแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ อย่างไร
J: ก็จะเป็นช่วงตอนโตแล้วนะครับที่แจ๊ปจะดูการ์ตูนแอนิเมชั่นบ่อยขึ้น เพราะว่าเพิ่งเห็นความดีงามของมัน ก็จะดูหนังของต่างประเทศครับ อย่างเรื่อง กังฟูแพนด้าก็ชอบครับ เอาเป็นว่าชอบทุกๆ เรื่องเลยดีกว่า สำหรับหนังไทยที่มีอายุ 6 ปีในการสร้างงานที่มีผลงานนี้ขึ้นมานะครับ เห็นพี่จิกบอกว่าตัวละครตัวหนึ่งเนี่ยจะวาดขึ้นมามันต้องใช้ในการออกแบบอากัปกิริยาก็เดือนหนึ่งแล้วด้วยซ้ำกว่าจะได้ตัวหนึ่ง เพราะฉะนั้นมันค่อนข้างที่จะมีความพิถีพิถันนะครับ มีความซับซ้อนเหมือนกันในการทำการ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องนี้ขึ้นมา ด้วยความที่มันเป็นเหล็กเป็นอะไรอย่างนี้ ความละเอียดก็ค่อนข้างเยอะนะครับ วันแรกที่แจ๊ปนะครับได้มานั่งดูนะครับ ก็โอ้โห! รู้สึกว่าเป็นแอนิเมชั่นของคนไทยที่ต่างจากเรื่องที่แล้วๆ มาทั้งหมดนะครับ ผมว่าน่าจะเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับคนไทยนะครับก็ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ครับคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ ทั้งนักพากย์นะครับ ก็มีนักแสดงชั้นนำมาร่วมงาน ทั้งพี่หนุ่มสันติสุข พี่เสนาหอยอย่างนี้ครับ ผมชอบมาก และก็พี่ๆ เขาก็เก่งอยู่แล้วด้วย สำหรับเรื่องเพลงประกอบสำหรับหนังยักษ์ก็ไม่ละทิ้งนะ มีพี่แสตมป์ มี Room39 นะครับ มาทำเพลงประกอบให้ ผมว่าดีหมดทุกๆ ด้านนะครับสำหรับหนังเรื่องนี้ น่าสนใจมากๆ ครับ

Q: หากได้ยินคำว่า “ยักษ์” ในความคิดของแจ๊ปวาดภาพยักษ์ไว้อย่างไร
J: สำหรับคำว่ายักษ์นะครับน่าจะนึกถึงอะไรที่ใหญ่มากๆ ครับ หรือจะเป็นเรื่องโปรเจ็คต์ใหญ่ๆ ซึ่งก็คือหนังเรื่องยักษ์นี่แหละครับตรงเลย เป็นทั้งยักษ์ตัวใหญ่และเป็นโปรเจ็คยักษ์ เป็นสิ่งใหม่ๆ ที่ยิ่งใหญ่สำหรับวงการแอนนิเมชั่นไทยนะ
ก็ค่อนข้างที่จะยักษ์ใหญ่พอสมควร ผมว่ามันไม่มีหนังแบบนี้ออกมาเลยครับนี่คือเรื่องแรกที่มีรายละเอียดและก็ภาพทุกอย่างสวยและก็เป็นโปรเจ็คต์ที่ใหญ่จริงๆ ครับก็อยากให้ทุกคนมาดูกันครับ

Q: ยักษ์ตัวแรกในชีวิตที่รู้จักเลยคือยักษ์อะไร
J: สำหรับยักษ์ตัวแรกที่รู้จักก็คือในหนังการ์ตูนเรื่อง Dragon Ball Z เวลาหงอคงเห็นดวงจันทร์คือจะแปลงร่างตัวใหญ่ขึ้นครับ เป็นลิงยักษ์ครับ และก็เวลาที่ทำให้กลับมาเป็นหงอคงเหมือนเดิมก็คือต้องตัดหาง ก็คือตอนเด็กชอบ Dragon Ball Z มากก็เป็นยักษ์ตัวแรกที่ได้เจอะเจอครับ

Q: ในเรื่องราวของ “ยักษ์” จะมีประเด็นหลักเกี่ยวกับมิตรภาพ อยากถามว่าถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่าง “มิตรภาพ”กับ “หน้าที่” จะเลือกอย่างไหน
J: สำหรับมิตรภาพกับหน้าที่นะครับ ถ้าต้องเลือกที่เอาอันไหนมาก่อนผมก็เลือกมิตรภาพก่อน เพราะว่าถึงที่สุดแล้วจะทำหน้าที่เสร็จในใจของทุกคนพอกลับมาข้างหลังก็ต้องการมิตรภาพก็ต้องการความอบอุ่นต้องการสังคมนะครับ เพราะว่าทุกคนมีความเป็นมนุษย์อยู่ มิตรภาพน่าจะสำคัญกว่าหน้าที่ครับ

Q: ในเรื่องนี้ยังมีเรื่องราวของคนที่รบกันมาหลายล้านชาติ คิดว่าคนที่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อนจะสามารถกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ไหม
J: สำหรับศัตรูกับมิตรนะครับจริงๆ จะเปลี่ยนกลับมาเป็นมิตรกันได้ไหม ผมว่าจริงๆ แล้วมันได้ทุกเมื่อนะครับ เพราะว่าอย่างภูมิหลังของเรื่อง ทั้งยักษ์เขียวและเผือกที่โดนล้างสมองมาแล้วก็มาเป็นเพื่อนกันได้ ก็เลยรู้สึกว่าเป็นมิตรกับศัตรูสองคำนี้มันถูกสร้างขึ้นมาครับเพื่อเป็นการใส่ความคิดบางอย่างลงไปในสมองมนุษย์ ถ้าเกิดเราตัดเรื่องนี้ออกไป เราจะรู้สึกเหมือนทุกอย่างมันว่างนะครับ ก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราก็เป็นมนุษย์ด้วยกันครับก็อยู่ในโลกด้วยกัน เพราะฉะนั้นควรที่จะเป็นมิตรกันหมดครับ จริงๆ แล้วคนที่เป็นศัตรูได้เนี่ยต้องคิดเยอะมากกว่าเป็นมิตรกันนะ เพราะว่าเป็นมิตรกันเนี่ยจริงๆ ไม่ต้องคิดอะไรเลยสร้างสิ่งดีๆ ต่อกันมันก็เป็นมิตรกันครับ