สิ้นสุดลงสำหรับสมรภูมิรบที่ได้ชื่อว่าเดือดที่สุดประเดิมปี 59 จาก 6 นักสู้คุณภาพพระดับเทพไม่ว่าจะเป็น “นางพญาดอกไม้เหล็ก” แอม เสาวลักษณ์ ลีละบุตร , ป๊อบ ปองกูล สืบซึ้ง “เสียงพิฆาตร้อยโล”, “พยัคฆ์ร้ายสายรุ้ง” เบน ชลาทิศ ตันติวุฒิ, เจนนิเฟอร์ คิ้ม “สาลิกาลิ้นไฟ”, “สุภาพบุรุษอสรพิษ” กัน นภัทร อินทร์ใจเอื้อ และ แก้ม วิชญาณี เปียกลิ่น “แมงมุมพิษ-โซปราโน่” ที่รวมตัวกันออกมาปล่อยของขลังบนเวทีคอนเสิร์ต “STAGE FIGHTER” ได้อย่างสมศักดิ์ศรี ขุดเอาทุกกระบวนท่ามาปะทะกันแบบไร้ที่ติ และนอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่งมอบให้โครงการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเทิดไท้คู่ขวัญองค์ราชันราชินี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล อีกด้วย
ไม่มีผิดหวังกับโปรดักชั่นอลังการตามแบบฉบับของเอ-ไทม์ โชว์บิส ทั้งแสง สี เสียง บิ้วคนดูอุ่นเครื่องรอปล่อยตัวเองสู่สนามรบแบบเต็มตัว ก่อนเริ่มเดินทางเข้าสู่สนามรบด้วยการเปิดตัวศิลปินนักสู้ทั้ง 6 ที่ออกมาประชันหน้าเค้นพลังงัดกันสุดมันส์ในเพลง “Roar” ก่อนปล่อยเวทีให้แต่ละคนโซโล่เดี่ยวโชว์ของแบบจัดเต็มข่มขู่คู่ต่อสู้กันได้เต็มที่ เอาให้รู้เป็นรู้ตายกันไปข้าง เริ่มต้นยกแรกด้วยศิลปินที่ฝีปากร้ายกาจที่สุดบนเวทีนี้ ป๊อป ปองกูล ในเพลง “ฉันรู้” ที่ปล่อยพลังเต็มสูบก้องดังไปร้อยโลสมชื่อ ตามด้วยคู่ปรับรุ่นใหญ่ แอม เสาวลักษณ์ ที่เดินสง่าสวมมาดนางพญามาในเพลง “ไม่เคย” และ “ความทรงจำ” ก่อนบีบคั้นเชือดเฉือนอารมณ์กันแบบไฟลุกโชนจาก เจนนิเฟอร์ คิ้ม ในเพลง “ทรมาน” ส่งเวทีต่อให้น้องเล็ก กัน นภัทร ที่หยิบสูทสีขาวมาเสริมภาพสุภาพบุรุษในเพลง “Uptown Funk” แถมสร้างสีสันให้เพลงที่เลือกมายิ่งสนุกขึ้นไปอีกกับการโชว์ลีลาการเป่าขลุ่ยแบบร่วมสมัย
และไม่ทำให้ผิดหวังสำหรับ แก้ม วิชญานี ที่ยังไม่หลุดคอนเซ็ปดีว่า แต่กระชากลุคดีว่าทรงพลังมาเป็น ดีว่าสาวสุดแซ่บ หน้าเป๊ะ ท่าเป๊ะพ่นพิษโซปราโน่จนฮอลล์แทบแตกในเพลง “Bang Bang” ทั้งร้องทั้งแร๊พครบเครื่อง ก่อนปิดท้ายด้วยเสียงอันทรงพลังจากผู้ชายสายรุ้งอย่าง เบน ชลาทิศ ในเพลง “นาทีที่ยิ่งใหญ่” ปิดฉากยกแรกได้ยิ่งใหญ่สมชื่อเพลง และต่อจากนี้จะเป็นการต่อสู้กันอย่างแท้จริง เริ่มต้นที่คู่เล็กแต่พลังไม่เล็กอย่าง กัน-แก้ม ที่ครั้งนี้แหวกแนวมาในเพลงสนุกสนานโชว์สเต็ป Bollywood ได้กุ๊กกิ๊ก ฟรุ้งฟริ้ง เหนือความคาดหมายในเพลง “โอ้ละหนอ My Love” ก่อนวัดดีกรีแชมป์เดอะสตาร์กันในเพลง “เธอ” นับว่าสูสีกินกันไม่ลง ต่อด้วยคู่ปรับต่างเจเนอร์เรชั่นอย่าง แอม-ป๊อบ ที่มาวัดความเก๋ากันในเพลง “เปราะบาง“ เวอร์ชั่นนี้เล่นซะคนดูขนลุกกันไปทั้งฮอลล์ เสียงนุ่มทุ้มของป๊อบผสานกับเนื้อเสียงคุณภาพของแอม ทำเอาลืมต้นฉบับไปเลยทีเดียว มาถึงมวยคู่เอกของสังเวียนนี้ เบน-คิ้ม ที่เลือกเอาเพลง “Bring me to life” มาฟาดฟันพลังเสียงกันแบบเอาเป็นเอาตาย ขยี้อารมณ์ทุกท่อน บดเวทีแหลกละเอียด
จากนั้นขอพักจากการพ่นไฟมาสนุกสนานไปกับโชว์ไฮไลท์พิเศษจากทั้ง 6 ศิลปินสลัดคราบนักสู้มาจัดเต็มทั้งร้องทั้งโชว์ ในลุค K-POP ชนิดที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนในเพลงฮิตอย่าง “Gangnam Style” แล “Nobody” เพิ่มสีสันการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยแบทเทิลยกที่สอง ด้วยการเปลี่ยนนวม จับคู่รุ่น 2 ศิลปินต่างรุ่น แอม-กัน มาแลกหมัดกันในเพลง “คนไม่มีวาสนา“ และ “ทิ้งไว้กลางทาง“ ที่นำเอาเสียงของความ สดใหม่ไฟแรงบวกกับเสียงของความเก๋าเกมส์มาผสมกันได้อย่างลงตัว ต่อด้วย เบน-ป๊อบ มวยรุ่นใหญ่ เฮฟวี่ เวท ออกมาโชว์ฟุตเวิร์คจนเวทีสะเทือน ด้วยเทคนิกการร้องระดับพรีเมี่ยมที่ยากจะหาใครมาล้มในเพลง “วิญญาณ“ ก่อนปิดยกสองด้วย 2 ดีว่า คิ้ม-แก้ม ที่จัดเต็มพลังเสียงจนภูเขาน้ำแข็งแทบจะถล่ม ในเพลง “Let it go” เวอร์ชั่น ไทย-จีน-ฝรั่ง พูดเลยแลกหมัดกันน่วมสะใจคนดูจริงๆ มาถึงช่วงท้ายก็ไม่ทำให้ผิดหวังจัดเซตเพลงฮิตมาให้คนดูร้องตาม ทิ้งทวนความสนุกกันไปแบบชิลๆ ส่งท้าย 3 ชั่วโมงเต็มอิ่มครบทุกอรรถรสเมื่อสิ้นสงครามย่อมมีผู้แพ้และผู้ชนะ แต่ในสนามรบ “STAGE FIGHTER” ครั้งนี้เชื่อได้เลยว่าศิลปินทั้ง 6 คนคือผู้ชนะในใจของคนดูทุกคนอย่างแน่นอน ต้องยอมรับว่าสงครามครั้งนี้ทั้งฝีปากและฝีมือนับว่าหวดหนักเหนือชั้นจริงๆ