วิล สมิธ ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงสองรางวัลออสการ์ นำแสดงใน Concussion ในบท ดร.เบนเน็ต โอมาลู ตัวนักแสดงผู้นี้คุ้นเคยดีอยู่แล้วกับการนำเรื่องราวดราม่าที่สร้างจากบุคคลที่มีชีวิตอยู่จริงขึ้นสู่จอเงิน หลังจากที่เคยโด่งดังจากการ รับบทมูฮัมหมัด อาลี ในภาพยนตร์โดย ไมเคิล แมนน์ เรื่อง Ali และ บทคริส การ์ดเนอร์ ในภาพยนตร์โดย กาเบรียล มัคคิโน เรื่อง The Pursuit of Happyness
จิอันนีนา สก็อต เล่าว่าตอนที่เธอ, ริดลีย์ สก็อตและปีเตอร์ แลนเดสแมน เสนอเรื่องราวของ เบนเน็ต โอมาลูให้กับโซนี่ พิคเจอร์ส เอมี ปาสคัล อดีตผู้บริหารสตูดิโอก็กล่าวว่า “พระเจ้า ฉันรู้ว่าใครเพอร์เฟ็กต์สำหรับบทนี้ ! และในตอนนั้น ริดลีย์ก็บอกแล้วว่า ‘มันเพอร์เฟ็กต์สำหรับวิลเพราะเขามีความคิดอ่านและความไร้เดียงสาแบบที่ ดร.โอมาลู มี’ ริดลีย์ก็เลยบอกให้วิลลองอ่านเรื่องนี้ดู ทุกอย่างเร็วมาก วิลตอบตกลง ตอนที่เขาอ่านเรื่องนี้ เขาก็รู้ว่านี่เป็นบทที่เขาต้องเล่นค่ะ”
สมิธ กล่าวว่า เขาตอบตกลงในตอนที่เขาได้พบกับดร.โอมาลู “เขาคุยถึงเรื่องตอนเป็นเด็กที่โตมาในไนจีเรีย เขาบอกว่า ซึ่งเราก็ใช้คำพูดนี้ในหนังด้วย ตอนที่เขาโตขึ้น สวรรค์อยู่นี่ เขาชูแขนขึ้น และอเมริกาก็อยู่นี่ เขายกแขนต่ำลงมาเล็กน้อย อเมริกาเป็นที่ที่พระเจ้าส่งบรรดาคนโปรดของพระองค์ไปอยู่ และเขาก็ไม่เคยต้องการอะไรมากไปกว่าการได้รับการยอมรับในฐานะคนอเมริกัน สำหรับผู้ชายคนนั้น การเป็นคนที่ค้นพบเรื่องโรคเนื้อเยื่อสมองเสื่อมรุนแรงเรื้อรังและต้องนำเสนอข้อมูลนี้เกี่ยวกับกีฬาโปรดต่อชาวอเมริกัน ความขัดแย้งมันทรงพลังมาก ผมก็เลยสนใจเรื่องนี้มากๆ ในฐานะนักแสดง เขาเป็นคนที่ไร้เดียงสาอย่างวิเศษสุด ทรงเกียรติ ชาญฉลาด อ่อนหวานและงดงาม ตรงที่เขาเชื่อว่าความจริงจะปลดปล่อยคุณเป็นอิสระครับ”
“สิ่งที่งดงามก็คือแม้ว่าในตอนที่เขากำลังเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง เขาก็เป็นคนที่เชื่อในเรื่องวิทยาศาสตร์ เขาเลยไม่เข้าใจว่าการรู้ความจริงจะเป็นสิ่งเลวร้ายได้ยังไง กระทั่งทุกวันนี้ เขาก็ยังคงไม่เข้าใจเรื่องนั้น ว่าการได้รับรู้ข้อมูลมากขึ้นจะเป็นเรื่องเลวร้ายได้ยังไง อะไรที่ทำให้คุณปฏิเสธการรับรู้ได้ล่ะ สำหรับผม ผมมองตาเขาระหว่างที่เขากำลังบอกเล่าเรื่องราวนั้น และหลังจากการพบกันครั้งนั้น ผมก็รู้ว่าผมจะต้องบอกเล่าเรื่องราวของเขาต่อโลกใบนี้”
ส่วน ปีเตอร์ แลนเดสแมน ก็เล่าว่า “ผมเขียนบทหนังเรื่องนี้เพื่อวิลเป็นพิเศษ ในใจผมไม่มีคนอื่น ตั้งแต่คำแรกจนถึงคำสุดท้าย ไม่ใช่แค่เสียงของเขาเท่านั้น แต่ลักษณะทางกายภาพ ทั้งความสง่างามและพลังงานที่เขาใส่ลงไปในการแสดงของเขาด้วย รวมถึงความสุขที่เกิดขึ้นจากภายในของเขา ที่มันช่างเหมือนกันกับของเบนเน็ต เพียงแค่ไม่กี่วันหลังจากที่บทหนังเรื่องนี้เขียนเสร็จ ริดลีย์ก็โทรหาวิลและเอมี ปาสคัล แล้วเราก็ส่งบทเรื่องนี้ให้กับเขาน่ะครับ”
ไม่เพียงแต่สมิธจะพบว่า ดร.โอมาลู เป็นบุคคลที่มีเอกลักษณ์และสร้างแรงบันดาลใจ ผู้ผ่านการผจญภัยที่ไม่เหมือนใครมาแล้วเท่านั้น แต่เรื่องราวภาพใหญ่ยังเป็นเรื่องที่สมิธรู้สึกว่าจะต้องถูกบอกเล่าด้วย “ผมเป็นพ่อที่รักฟุตบอลครับ ผมมีลูกชายสองคน คนโต (เทรย์) เป็นนักฟุตบอล ผมคิดว่าสิ่งที่ดึงดูดให้ผมแสดงหนังเรื่องนี้มากที่สุดคือในฐานะพ่อ ผมไม่รู้เรื่องนี้เลยจริงๆ ผมกังวลว่าลูกชายผมจะขาหัก สิ่งที่ผมกังวลที่สุดตอนเขาเล่นคืออาการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง แต่ไม่เคยมีการพูดคุยกันซักครั้ง หรือซักประเด็นเดียวที่เกี่ยวกับการได้รับการกระทบกระทั่งทางประสาทระยะยาว ผมเป็นพ่อคนและเคยเล่นฟุตบอลมาสี่ปีโดยไม่รู้ข้อมูลนี้ได้ยังไง สำหรับผม ในฐานะที่ผมเป็นพ่อคน ผมรู้สึกว่าผมจะต้องสร้างหนังเรื่องนี้ ในฐานะพ่อคน ผมจะต้องนำเสนอข้อมูลนี้เพื่อให้พ่อแม่และผู้เล่นสามารถตัดสินใจโดยมีข้อมูลประกอบให้ได้น่ะครับ” สมิธ
ในการเตรียมตัวสำหรับบทนี้ วิล สมิธ ได้ซึมซับชีวิตของเบนเน็ต โอมาลู ด้วยการอ่านบทความทางการแพทย์ของเขาและดูการให้สัมภาษณ์ของเขา ก่อนหน้าการถ่ายทำ สมิธยังได้เดินทางไปยังเมืองโลดี รัฐแคลิฟอร์เนียเพื่อพบกับดร.โอมาลูและครอบครัวของเขา และได้ดูแพทย์ผู้นี้ทำการชันสูตรศพที่ห้องเก็บศพซาน วาควิน เคาน์ตี้ ที่ซึ่งปัจจุบัน เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าแพทย์ผู้ตรวจสอบ
ในช่วงสามเดือนก่อนหน้าการถ่ายทำ สมิธยังได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ ดิเอโก้ แดเนียล พาร์โด โค้ชสำเนียงสำหรับภาพยนตร์ ละครเวทีและโทรทัศน์ผู้โด่งดัง เพื่อช่วยขัดเกลาการพูดด้วยสำเนียงไนจีเรียของดร.โอมาลูของเขาให้สมบูรณ์แบบ ริดลีย์ สก็อตบอกว่า “สำเนียงไนจีเรียอ่อนโยน เหมือนเสียงดนตรีและอ่อนหวานมากๆ วิลพูดสำเนียงนั้นได้อย่างงดงามและถ่อมตัวครับ”
สมิธและแลนเดสแมน ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างตัวละครเบนเน็ต โอมาลูขึ้นมา “ตอนที่คนดูหนังเรื่องนี้ พวกเขาจะนึกไม่ถึงว่านี่คือวิลไปซักพักเลยล่ะครับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของวิลไปหลายอย่าง ผมกับวิลทำงานหนักกันมากๆ กับองค์ประกอบหลายอย่างเพื่อเนรมิตชีวิตให้ตัวละครตัวนี้ รวมถึงสำเนียงของเขา แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะตัวละครตัวนี้ล้วงลึกถึงอะไรบางอย่างในตัววิล การแสดงของเขาทั้งตรงไปตรงมา สมจริงและทรงพลังจนผมคิดว่าคนจะแทบจำวิลไม่ได้ วิลเก่งมากจนภายในเวลาไม่กี่นาที คุณจะเลิกคิดไปเลยว่าคุณกำลังดูวิลที่พูดด้วยสำเนียงแปลกๆ แต่คุณจะได้เห็นเบนเน็ต โอมาลู คุณจะได้เห็นตัวละครตัวนี้โลดแล่นมีชีวิตครับ”ผกก.กล่าว
“ผมไม่เคยเห็น วิล สมิธ แบบนี้มาก่อน เขามีทั้งพลังและความองอาจ แต่เขาก็ยังเป็นคนที่สุภาพและสง่างามด้วย นี่เป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นเขามาเลยครับ ส่วน ดร.โอมาลู ก็เป็นคนที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว เขามีเสน่ห์ ฉลาด และตลกมากๆ และวิลก็เคยทำผลงานที่น่าทึ่งในการตีความตัวละครที่มีคุณสมบัติแบบ ดร.โอมาลู แต่ก็มีเสน่ห์ของวิลด้วยมาแล้วน่ะครับ”
คนต่อมา “กูกู มบาธา-รอว์” นักแสดงหญิงดาวรุ่งชาวอังกฤษ ผู้ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมจากการแสดงนำใน Belle และบทนักร้องซูเปอร์สตาร์ในโรแมนติกดราม่าโดยจีนา ปรินซ์-ไบธ์วู้ดเรื่อง Beyond the Lights ร่วมรับบท “พรีมา มูติโซ” สมาชิกใหม่ในโบสถ์ของเขาจากเมืองไนโรบี ประเทศเคนยา ผู้กลายมาเป็นภรรยาของ ดร.โอมาลู ในภายหลัง มบาธา-รอว์ ถูกดึงดูดเข้าหาความจริงที่ว่า Concussion เป็นเรื่องจริงในทันที “หนังเรื่องนี้มีความร่วมสมัยมากมายที่สอดคล้องกับวัฒน-ธรรมอเมริกัน เกี่ยวกับความจริง เกี่ยวกับการยืนหยัดเพื่อความยุติธรรมและสิ่งที่คุณเชื่อ และการไม่ถูกกลั่นแกล้งค่ะ ผู้ชายคนนี้ เบนเน็ต โอมาลู ยึดมั่นในบางสิ่งบางอย่างในขณะที่คนพยายามจะลดทอนความน่าเชื่อถือของเขาและฉีกทึ้งเขา มันแสดงให้เห็นถึงค่านิยมของการยึดมั่นในความเชื่อของตัวเองค่ะ”
“ตอนที่พรีมาเข้ามาในชีวิตของเบนเน็ต เขาเป็นคนบ้างานนิดๆ ค่ะ เขาไม่ได้มีชีวิตส่วนตัวซักเท่าไหร่ และฉันคิดว่าพรีมานำความสว่างไสวและความอบอุ่นมาสู่ชีวิตเขา และนำความเป็นผู้หญิงนิดๆ มาสู่อพาร์ทเมนต์หนุ่มโสดที่ค่อนข้างจะว่างเปล่าของเขา พวกเขาสร้างสายสัมพันธ์กันจากการที่พวกเขามาจากแอฟริกา และเป็นคนต่างชาติด้วยกันทั้งคู่ แม้ว่าเขาจะมีกลิ่นไอความเป็นอเมริกา แต่ฉันคิดว่าพวกเขาเข้าใจกันอย่างทะลุปรุโปร่งถึงอุปสรรคทางวัฒนธรรมที่ทั้งคู่ต้องฝ่าฟันน่ะค่ะ” มบาธา-รอว์ กล่าวต่อ
ในตอนที่เรื่องราวดำเนินไป มบาธา-รอว์ อธิบายว่า พรีมากลายเป็นหลักทางจิตวิญญาณให้กับเบนเน็ต เธอสนับสนุนให้เขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นแรงบันดาลใจให้กับเขาและมอบความกล้าหาญที่จะบอกความจริงให้กับเขา “แม้ว่าเธอจะพูดจาเบาๆ และมีกิริยาขี้อาย แต่เธอก็มีเนื้อแท้ที่เข้มแข็ง ซึ่งฉันคิดว่าเป็นส่วนที่สนับสนุนเขาอย่างมากจริงๆ เธอเป็นหัวใจของเรื่องราวนี้และเธอก็นำความอบอุ่นและความเป็นมนุษย์มาสู่โลกที่เป็นวิทยาศาสตร์มากๆ ของเบนเน็ตค่ะ”
ในตอนที่สมิธได้พบกับ ดร.โอมาลู เขาก็ได้พบกับภรรยาของเขาด้วยเช่นกัน “การได้เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันเป็นภาพที่สวยงามจริงๆ ครับ พวกเขาช่างงดงามและน่ารัก และพวกเขาก็ไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่พวกเขาต้องเจอ ที่จะต้องประจันหน้ากับผู้ทรงอิทธิพล เธอเองก็เป็นคนที่เชื่อในจิตวิญญาณอย่างลึกซึ้งเช่นกัน และเธอก็คอยดูแลให้เบนเน็ตมีความเชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์ด้านจิตวิญญาณของสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ครับ” สมิธ
เช่นเดียวกับ สมิธ , มบาธา-รอว์ เองก็ทำการค้นคว้าสำหรับบทของเธอเองเช่นกันและได้ร่วมงานกับโค้ชสำเนียง ดิเอโก้ แดเนียล พาร์โดเพื่อฝึกสำเนียงเคนยาของพรีมา มูติโซ ในวันสุดท้ายของการถ่ายทำ เธอถึงได้พบกับ พรีมา และ เบนเน็ต โอมาลู
“อเล็ค บัลด์วิน” นักแสดงจอแก้วและจอเงินผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ด ให้เกียรติรับบท “ดร.จูเลียน เบลเลส” ผู้กลายเป็นมิตรคนสำคัญในช่วงเริ่มแรกของ ดร.โอมาลู เบลเลส ศัลยแพทย์ ผู้เป็นอดีตแพทย์ของทีมพิตส์เบิร์ก สตีลเลอร์ส และหัวหน้าทีมศัลยแพทย์ประสาทของสมาพันธ์นักกีฬา เป็นเพื่อนของไมค์ เว็บสเตอร์ ผู้มองเห็นอาการบาดเจ็บที่ผู้เล่นได้รับ การที่เบลเลสรู้จักสตีลเลอร์สและนักฟุตบอลอาชีพอย่างลึกซึ้งทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้เชื่อและ ผู้สนับสนุนคนแรกๆ ของการที่ดร.โอมาลูค้นคว้าเรื่องการเสียชีวิตที่เกิดจากอาการกระทบกระทั่งทางสมอง
ในตอนที่ดร.โอมาลูถูกป้ายสีเพราะงานของเขาที่ทำกับเว็บสเตอร์และการเปิดเผยว่าโรคเนื้อเยื่อสมองเสื่อมรุนแรงเรื้อรังเป็นสาเหตุการเสียชีวิต เขาก็ได้รับการสนับสนุนจากดร.เบลเลสอย่างไม่น่าเชื่อ บัลด์วินอธิบายว่า “ดร.เบลเลสทำงานกับทีมสตีลเลอร์สและเริ่มเข้าใจหลักเกณฑ์ของสิ่งที่ดร.โอมาลูกำลังทำอยู่ เขากลายเป็นผู้ถูกกล่อมให้เชื่อ เขาสนใจเรื่องข้อเท็จจริงและข้อเท็จจริงก็ชี้ประเด็นไปที่อาการที่สมองทำงานผิดปกติจากการถูกกระทบกระทั่ง เขารู้ว่าเขาต้องทำอะไร ดังนั้น ตัวละครของผมก็เป็นคนใน เป็นหนึ่งในกลุ่มฟุตบอลอาชีพ ที่ละทิ้งความเชื่อดั้งเดิมครับ” เขากล่าว
ปีเตอร์ แลนเดสแมน กล่าวว่า ในระดับหนึ่ง เบลเลสเป็นตัวละครที่ซับซ้อนที่สุดในเรื่อง “เขาโตขึ้นมากับวัฒนธรรมฟุตบอลในแดนใต้ เขาเล่นฟุตบอลสมัยเรียนวิทยาลัย เคยเป็นหมอประจำทีมพิตส์เบิร์ก สตีลเลอร์ส และเป็นหัวหน้าศัลยแพทย์ประสาทของสมาพันธ์นักกีฬา เขาก็เลยมีความรู้สึกสับสนมาก เขาเป็นคนที่เข้าใจดีว่าฟุตบอลกำลังฆ่าผู้เล่น แต่จนกระทั่งเขาได้พบกับเบนเน็ต เขาถึงได้พบหลักฐานที่จะก้าวออกมา และออกตัวสนับสนุนเรื่องนี้ แต่จนถึงวันนี้ เขาก็ยังรู้สึกขัดแย้ง ผมคิดว่าเขารู้สึกเจ็บปวดมากกับสิ่งที่เขากำลังทำ ทุกอณูในร่างกายเขาบอกเขาให้ปฏิเสธสิ่งที่เบนเน็ตพูด เว้นแต่วิทยาศาสตร์ก้าวมาครอบงำสิ่งอื่นๆ เกี่ยวกับเขาน่ะครับ”
บัลด์วิน ผู้โตมาใน ลอง ไอแลนด์ รัฐนิวยอร์ก เคยเป็นควอเตอร์แบ็คสมัยไฮสคูล ดังนั้น เขาก็เลยรักและใกล้ชิดกับกีฬาชนิดนี้มาก และฟุตบอลอาชีพก็ยังคงเป็นกีฬาโปรดของเขา นอกจากนั้น เขายังไม่คิดด้วยว่าจะมีผู้เล่นอเมริกันฟุตบอลคนไหน ที่เล่นด้วยความอาฆาตมาดร้าย “ผมคิดว่ามันแฟร์ที่จะบอกว่าทุกคนในลีกอเมริกันฟุตบอล รวมถึงคนในแวดวงการแพทย์ที่ร่วมงานกับลีกอเมริกันฟุตบอล ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้เล่น ผมไม่คิดว่าคุณจะพูดได้เต็มปากหรอกว่ามีใครอยากให้ผู้เล่นทุกข์ทรมานหรืออยากจะสังเวยพวกเขา ผมเชื่อว่าคนเลือกที่จะประเมินผลกระทบที่มันมีต่อผู้เล่นต่ำเกินไป ภายใต้นั้นมีไอเดียที่ว่าแม้กระทั่งในกลุ่มผู้เล่นเอง พวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาต้องเจอกับอะไรในตอนที่พวกเขาเล่นกีฬานี้น่ะครับ”
สำหรับวิธีการที่ ดร.โอมาลู สามารถค้นพบโรคเนื้อเยื่อสมองเสื่อมรุนแรงเรื้อรัง การมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น ดร.เบลเลส ตัวจริงกล่าวว่า “โอกาสเกิดขึ้นกับผู้ที่เตรียมพร้อม ผมคิดว่าการที่เบนเน็ตมาจากไนจีเรียทำให้เขามีความไร้เดียงสาในแง่ของความหมายของฟุตบอลในเชิงสังคมและวิธีการเล่นกีฬาชนิดนี้ครับและผมคิดว่ามันทำให้เขาสามารถมองคนที่มีอาการผิดปกติอะไรบางอย่างได้อย่างเป็นกลางน่ะครับ” เบลเลส ตั้งข้อสังเกต
อัลเบิร์ต บรู๊คส์ ผู้กำกับ มือเขียนบท นักแสดงตลกในตำนาน อีกท่านที่สละเวลาอันทรงค่า มารับบท “ดร.ซิริล เวชท์ แพทย์ผู้เป็นอาจารย์และหัวหน้าของ ดร.โอมาลู ผู้ชันสูตรศพประจำ อัลลีเกนนี เคาน์ตี้” และผู้ตรวจสอบทางการแพทย์ในพิตส์เบิร์ก ดร.เวชท์ หนึ่งในนักนิติพยาธิวิทยาคนสำคัญของประเทศนี้ เป็นที่รู้จักจากความเห็นที่เขามีต่อคดีดังๆ พอๆ กับที่คนรู้จักเขาจากความสามารถด้านการแพทย์ของเขา เวชท์ใช้ชีวิตอยู่ในพิตส์เบิร์ก ที่ซึ่งเขาเป็นนักนิติพยาธิวิทยาคนดังของประเทศมาตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี เวชท์ ผู้เคยเขียนหรือแก้ไขหนังสือมาแล้วหลายสิบเล่ม ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการไต่สวนทางนิติเวชที่โด่งดังมากมาย รวมถึงการลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี้และวุฒิสมาชิกโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี้ การเสียชีวิตของเอลวิส เพรสลีย์ คดีโอ.เจ. ซิมป์สันและคดีจอนเบนเน็ต แรมเซย์ นอกจากนั้น ความชำนาญของเขายังถูกใช้ในคดีใหญ่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับแมรี โจ โคเปชเน, ซันนี วอน บูโลว์, จีน แฮร์ริส, ดร.เจฟฟรีย์ แม็คโดนัลด์, เหตุไฟไหม้วาโก้ บรานช์ ดาวิเดียนและวินซ์ ฟอสเตอร์ แม้ว่าบรู๊คส์จะเป็นที่รู้จักดีที่สุดจากงานคอเมดี้คลาสสิกของเขาเช่น “Lost in America” และ
“Defending Your Life”ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ นักแสดงผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์จาก “Broadcast News” ผู้นี้ก็มักจะแสดงบทบาทดราม่ามากกว่าเช่นในภาพยนตร์โดยนิโคลัส วินดิ้ง เรฟน์เรื่อง “Drive” และภาพยนตร์โดยเจ.ซี. แชนเดอร์เรื่อง “A Most Violent Year”
“ซิริล เวชท์เป็นคนที่หัวรั้นมากๆ ผมชื่นชมเขาในทุกครั้งที่ผมได้ยินเขาพูด เขาฉลาดและจริงจังมากๆ เขาทนพวกงี่เง่าไม่ได้ เขาเป็นคนรอบรู้และชำนาญในสิ่งที่ทำมากๆ มันมีเรื่องของการฝึกสอนเกิดขึ้น และมีเรื่องของความริษยานิดๆ และความเคารพอย่างยิ่งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย” บรู๊คส์เล่าว่า ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ดร.เวชท์ มอง ดร.โอมาลู ว่าเป็นทายาทของเขา
“ผมอยากให้อัลเบิร์ตแสดงบทเวชท์ตั้งแต่แรกเพราะอัลเบิร์ตนำความอบอุ่นอย่างเหลือเชื่อมาสู่บทนี้ครับ คุณสมบัติส่วนหนึ่งของเขาคือซิริลเป็นคนที่อบอุ่น เอื้อเฟื้อ และเขาก็เป็นคนประเภทที่มองเบนเน็ต โอมาลู ชาวไนจีเรียคนนี้ แล้วเข้าใจว่าพวกเขามีอะไรบางอย่างที่เหมือนกันครับ” ผกก เล่า
นอกเหนือจากนั้น สมิธกล่าวว่าดร.เวชท์กลายเป็นทั้งอาจารย์และแรงบันดาลใจ “สำหรับเบนเน็ต ซิริล เวชท์เป็นตัวแทนของชาวอเมริกันผู้ประสบความสำเร็จ เบนเน็ตกำลังทำทุกสิ่งที่ซิริล เวชท์ทำ ทั้งชุดสูทที่เขาสวม รถแบบที่เขามี วิธีที่เขารับมือกับคนอื่นๆ ซิริล เวชท์กลายเป็นภาพของอเมริกันดรีมครับ”
หัวใจของ Concussion คือผู้เล่น ที่ตกเป็นเหยื่อของโรคเนื้อเยื่อสมองเสื่อมรุนแรงเรื้อรัง ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึงชีวิตของนักฟุตบอลชื่อดังหลายคน ผู้ทุกข์ทรมานจากอาการสมองเสื่อมและอาการหดหู่ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วนำพวกเขาไปสู่การเสียชีวิตก่อนวัยอันควร บางคนด้วยอุบัติเหตุ และบางคนก็เกิดจากฝีมือตัวเอง ผู้เล่นเหล่านั้นรวมถึง ไมค์ เว็บสเตอร์ เซ็นเตอร์ทีมพิตส์เบิร์ก สตีลเลอร์ส, ไลน์แมนฝ่ายรุก จัสติน สเตรลซิคและเทอร์รี ลอง รวมถึงแบ็คฝ่ายรับของทีมฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ อังเดร วอเตอร์สและแบ็คฝ่ายรับของทีมชิคาโก แบร์ส เดฟ ดูเออร์สัน
นักแสดงสมทบชื่อดัง เดวิด มอร์ส (“The Green Mile,” ซีรีส์เอชบีโอ “John Adams”) รับบท ไมค์ เว็บสเตอร์ เซ็นเตอร์ฮอลล์ ออฟ เฟมของทีมพิตส์เบิร์ก สตีลเลอร์ส ผู้เป็นที่รู้จักของแฟนๆ ในนามของ “ไอออน ไมค์” เว็บสเตอร์ ผู้เสียชีวิตด้วยวัย 50 ปีจากอาการหัวใจวาย ทุกข์ทรมานจากอาการสมองเสื่อมอย่างหนักที่เกิดจากการถูกกระแทกที่ศีรษะซ้ำๆ กันตลอดระยะเวลาที่เขาเล่นฟุตบอล หลังจากที่เว็บสเตอร์จากไปในปี 2002 เขาก็กลายเป็นนักฟุตบอลคนแรก ที่ดร.โอมาลูได้วินิจฉัยเจอโรคเนื้อเยื่อสมองเสื่อมรุนแรงเรื้อรัง ซึ่งนำไปสู่ความพยายามของดร.โอมาลูในการนำเสนอประเด็นนี้ต่อสาธารณชน
แนวทางในการรับบทตัวละครที่เป็นบุคคลที่มีชีวิตอยู่จริงของมอร์สคือการทำให้เต็มที่และมีชีวิตชีวาที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ “ผมต้องจินตนาการว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง ผมมักรู้สึกรับผิดชอบต่อตัวละครเสมอ แต่เรื่องนี้พิเศษออกไป เพราะไมค์เป็นคนที่สำคัญต่อชุมชนและต่อโลกใบนั้นมากครับ” มอร์ส กล่าว
มอร์สเคยแสดงเป็นคนจริงๆ และบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์มาก่อน ซึ่งบทบาทที่โดดเด่นของเขาคือการแสดงที่ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมีในบทจอร์จ วอชิงตันในมินิซีรีส์เอชบีโอที่ได้รับรางวัลเรื่อง “John Adams” ดังนั้น เขาก็เลยตระหนักดีถึงความรับผิดชอบในการนำเสนอบทบาทนี้ออกมาอย่างเหมาะสม “ไมค์ เว็บสเตอร์ ยังคงมีชีวิตอยู่ในความคิดของผู้คนในตอนนี้ และแน่นอนว่าสำหรับครอบครัวของเขาด้วย ดังนั้น คุณก็เลยอยากจะยกย่องความรู้สึกนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นี่เป็นความรับผิดชอบต่อไมค์และต่อคนที่รักเขาครับ”
ในการเตรียมพร้อมสำหรับบทนี้ มอร์สเริ่มอ่านข้อมูลมากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้และดูทั้งสารคดีและอีเอสพีเอ็น เพื่อทำความรู้จักกับไมค์ เว็บสเตอร์และเรื่องราวชีวิตของเขาและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของเขาด้วย ไมค์ เว็บสเตอร์เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดในลีกอเมริกันฟุตบอล และแม้กระทั่งในช่วงบั้นปลายชีวิต ในตอนที่เขาทุกข์ทรมานด้วยอาการสมองเสื่อม เขาก็ยังคงมีพลกำลังที่น่าหวั่นเกรง “แม้กระทั่งตอนที่เขาตาย เขาก็ยังแข็งแรงอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว และถ้าเขากิน มันก็เป็นพวกจังค์ฟู้ด มันฝรั่งทอด ขนมหรือน้ำอัดลม นั่นเป็นอาหารของเขาครับ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็จะไปอยู่ในป่า กลางหิมะ ไม่สวมรองเท้าและไม่สวมเสื้อเป็นวันๆ เพื่อยกท่อนซุงเพิ่มความแข็งแกร่งน่ะครับ ผมเพิ่มน้ำหนักอีกยี่สิบปอนด์ เพื่อพยายามที่จะมีพลกำลังแบบนั้นบ้าง มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเหนื่อยก็จริงอยู่ แต่ผมมีความรับผิดชอบในการแสดงเป็นชายผู้นี้ครับ”
ในการรับบทเว็บสเตอร์ในช่วงหลังจากที่เขาอำลาวงการและเต็มไปด้วยบาดแผลจากการเล่นฟุตบอล มอร์สได้ร่วมมือกับช่างแต่งหน้าสเปเชียล เอฟเฟ็กต์จากเคเอ็นบี อีเอฟเอ็กซ์ กรุ๊ป ผู้เสริมชิ้นส่วนเทียมหลายชิ้นให้กับเขา มอร์สเล่าว่า “สิ่งหนึ่งที่ดร.โอมาลูพูดถึงคือจำนวนเนื้อเยื่อแผลเป็นตรงหน้าผากของไมค์ที่เกิดจากการกระแทก กระแทก กระแทกแล้วก็กระแทก หัวของเขาหนาไปด้วยรอยแผลเป็น และถ้าคุณมองมือของเขา มันก็จะบวมเป่งและมีร่องรอยการแตกหักตรงข้อนิ้วทุกข้อบนมือของเขา ดังนั้น เราก็เลยต้องทำงานพิเศษเพื่อสร้างเนื้อเยื่อแผลเป็นที่เกิดจากนิ้วหักขึ้นมาบนมือของเขา มันหมายถึงการต้องนั่งแต่งหน้าทำผมทุกวันวันละสี่ชั่วโมงครึ่งครับ”
นักแสดงและนักแสดงตลก “พอล ไรเซอร์” รับบทดร.เอลเลียต เพลแมน แพทย์ประจำทีมนิวยอร์ก เจ็ทส์และผู้อำนวยการคณะกรรมการอาการบาดเจ็บทางสมองของลีกอเมริกันฟุตบอล เพลแมนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของลีกอเมริกันฟุตบอลผู้เกี่ยวข้อง กับความพยายามในการลดทอนความน่าเชื่อถือของ ดร.โอมาลู และปฏิเสธการค้นพบของเขาที่ตีพิมพ์ลงใน วารสาร Neurosurgery ไรเซอร์พูดถึงตัวละครของเขา ผู้มีความชำนาญในเรื่องไขข้อและความเจ็บปวดตรงข้อต่อ “เขาเป็นคนดีที่อาจจะถูกทาบทามมาทำงานผิดน่ะครับ เขาเป็นแพทย์ทางด้านไขข้อ แต่ด้วยเหตุผลบางประการ เขากลับได้รับมอบหมายให้ดูแลคณะกรรมการอาการบาดเจ็บทางสมองแทนน่ะครับ”
อาร์ลิส โฮเวิร์ด นักแสดงสมทบมากประสบการณ์ รับบท ดร.โจเซฟ มารูน แพทย์ของทีมพิตส์เบิร์ก สตีลเลอร์ส และหัวหน้าศัลยแพทย์ประสาทของลีกอเมริกันฟุตบอล มารูน ผู้รู้จักดร.โอมาลูผ่านทางดร.จูเลียน เบลเลส พยายามเตือนเบนเน็ต โอมาลู ถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นถ้าเขายังยืนกรานจะเดินหน้างานวิจัยของเขาที่เชื่อมโยงโรคเนื้อเยื่อสมองเสื่อมรุนแรงเรื้อรังกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสมอง
ลุค วิลสัน รับบท โรเจอร์ กู๊ดเดล กรรมาธิการของลีกอเมริกันฟุตบอล ผู้ที่คอยบงการการตอบสนองของลีกอเมริกันฟุตบอลในการปกป้องฟุตบอลอาชีพ ตามแบบของพอล แท็กเลียบัว ผู้รับตำแหน่งนี้ก่อนหน้าเขา วิลสันกล่าวว่าฟุตบอลเป็นกีฬาที่เขาดูบ่อยที่สุดพอๆ กับกอล์ฟ ดังนั้น การรับบทโรเจอร์ กู๊ดเดลก็เลยเป็นเรื่องน่าสนใจสำหรับเขา “มันเจ๋งอยู่แล้วที่ได้รับบทคนจริงๆ โดยเฉพาะคนที่ตกเป็นข่าวน่ะครับ” เขากล่าว
ในการเตรียมพร้อมสำหรับบทนี้ วิลสันได้ดูการแถลงข่าวของกู๊ดเดลและการปรากฏตัวต่อหน้าสภาสูงของเขา “เขาต้องระมัดระวังคำพูดตัวเองครับ” วิลสันกล่าว “มันเป็นสิ่งที่เขาต้องรับผิดชอบ”
อเดเวล อคินนูเย-แอ็กบาเจ รับบท เดฟ ดูเออร์สัน อดีตเซฟตี้โปรโบว์ลลีกอเมริกันฟุตบอลสี่สมัย ผู้เล่นให้กับทีมชิคาโก แบร์ส, นิวยอร์ก ไจแอนท์และฟินิกซ์ คาร์ดินัลด์ ผู้ซึ่งชีวิตจบลงอย่างน่าเศร้าในปี 2011 หลังจากต่อสู้กับสภาพร่างกายอ่อนแอที่เกิดจากอาการบาดเจ็บทางสมองที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล
“เดฟเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลคนแรกๆ ที่เลิกเล่นแล้วไปเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการ เป็นตัวแทนของผู้เล่นคนอื่นๆ ในสมาพันธ์ผู้เล่นลีกอเมริกันฟุตบอล เขาเล่นฟุตบอลมาสิบเอ็ดปี และก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ดังนั้น ตอนที่เขากำลังมองหลักฐาน มันก็เหมือนกับว่า ‘ดูสิ เรามีผู้เล่นอยู่ในลีกอเมริกันฟุตบอลมากแค่ไหน ข้อหาคืออะไรล่ะ ผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่ถูกอ้างถึงในตอนแรกคือไมค์ เว็บสเตอร์, จัสติน สเตรลซิค, เทอร์รี ลองและอังเดร วอเตอร์ส และในความคิดเห็นของตัวละครผม วิถีชีวิตของพวกเขาบางอย่างก็ชวนให้ตั้งคำถาม มันก็เลยค่อนข้างจะสมเหตุสมผลที่เขาจะบอกว่า ‘สถานการณ์แวดล้อมการเสียชีวิตของพวกเขาอาจเกิดจากวิธีการใช้ชีวิตของพวกเขา ไม่ได้เกิดจากกีฬาที่พวกเขาเล่น’ น่ะครับ” น่าเศร้าที่ภายหลังตัวดูเออร์สันเองก็เริ่มทุกข์ทรมานจากผลลัพธ์ ของโรคเนื้อเยื่อสมองเสื่อมรุนแรงเรื้อรังเช่นกัน อคินนูเย-แอ็กบาเจกล่าว นักแสดงหนุ่มอธิบายว่าการค้นพบของ ดร.โอมาลูทำให้ดูเออร์สันตกที่นั่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
CONCUSSION คนเปลี่ยนเกม
เรื่องราวของการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความจริงที่ว่ากีฬาระดับโลกอย่าง อเมริกันฟุตบอล นั้น ความรุนแรงของการกระแทกแต่ละครั้ง สามารถทำให้ผู้เล่นได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรงที่สมอง จากอดีตที่เคยมีนักอเมริกันฟุตบอล เสียชีวิตแบบปริศนา ดร.เบนเน็ต โอมาลู เป็นคนแรกที่ค้นพบการทำงานและผลกระทบ ระหว่าง สมอง ร่างกาย และ จิตใจ ซึ่งเขาต้องพิสูจน์ข้อเทจจริงให้โลกได้รู้ ผลงานการกำกับของ “ปีเตอร์ แลนเดสแมน” จากภาพยนตร์เรื่องดัง Parkland คนฆ่า จอห์น เอฟ เคนเนดี้ กำหนดเข้าฉายในประเทศไทย 18 กุมภาพันธ์ 2559